Shopping cart

       การมีสุขภาพจิตที่ดีนั้นจะทำให้คุณรู้สึกถึงสภาวะจิตใจที่ผ่อนคลาย มีความรู้สึกที่ดีต่อตนเองและผู้อื่น มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ สามารถปรับตัวเพื่อใช้ชีวิตร่วมกับสังคมได้เป็นปกติ และผ่านพ้นปัญหาหรือความเปลี่ยนแปลงไปได้ด้วยดี 

       สุขภาพทางจิตที่ดีจึงเป็นสิ่งสำคัญในการดำเนินชีวิตไม่ว่าจะอยู่ในช่วงวัยใดก็ตาม ทั้งวัยรุ่น วัยผู้ใหญ่ วัยสูงอายุ หรือแม้กระทั่งวัยเด็ก แต่นิยามคำว่าสุขภาพทางจิตใจที่ดีไม่ได้หมายความว่าต้องไม่เคยมีความคิดหรือความรู้สึกในแง่ลบเลย เพราะอารมณ์เศร้า เสียใจ หงุดหงิด หรือโกรธ ล้วนเกิดขึ้นได้เป็นปกติ

 

       อีกทั้งความรู้สึกแง่ลบนั้นใช่ว่ามีแต่ข้อเสีย เพราะในระยะสั้นจะช่วยให้คุณรู้ว่าสิ่งใดเป็นปัญหาและควรจัดการกับมันอย่างไรเพื่อให้เอาตัวรอดผ่านพ้นไปได้ แถมในระยะยาวก็ช่วยให้คุณรู้จักปรับทัศนคติเพื่อรักษาสมดุลระหว่างแง่บวกกับแง่ลบได้ด้วย และคงไว้ซึ่งสุขภาพที่ดี ไม่ปล่อยให้ความรู้สึกในแง่ลบส่งผลให้ตัวเองจมอยู่กับอดีต หรือวิตกกังวลถึงอนาคตจนไม่มีความสุขกับชีวิตในปัจจุบัน

       ทั้งนี้สุขภาพทางจิตใจที่ดีไม่ใช่นิสัยหรือสิ่งที่มีติดตัวมาแต่กำเนิด แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนสร้างได้ด้วยตนเอง เพียงปรับเปลี่ยนมุมมอง หรือสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของตัวเองได้หลายรูปแบบ และหนึ่งสิ่งที่เราจะมาพูดในวันนี้ก็คือ “การออกกำลังกาย” เพราะการออกกำลังกายนั้นสามารถเริ่มปฏิบัติได้ง่าย แถมยังช่วยให้คุณมีสุขภาพทางจิตใจดีขึ้นได้ดีไม่แพ้วิธีอื่นอีกด้วย

       และบทความต่อจากนี้ไปคือ 5 ประโยชน์ทางจิตใจที่ได้รับจากการออกกำลังกาย

 

5 วิธีสร้างสุขภาพจิตที่ดี จากการออกกำลังกาย

  1. การออกกำลังกายช่วยรักษาและพัฒนาสมอง

       เมื่อคนเรามีอายุมากขึ้น อวัยวะต่าง ๆ ทั้งในด้านจิตใจและร่างกายย่อมเสื่อมสภาพไปตามการใช้งาน ซึ่งคุณสามารถฟื้นฟูร่างกายได้ด้วยการทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ, พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มเหล้า เพื่อช่วยบำรุงร่างกายหรือพัฒนาสมองให้มีความอ่อนเยาว์ไม่เสื่อมสภาพ

       มากกว่านั้นเมื่อคุณออกกำลังกาย ผลจากการวิจัยของมหาวิทยาลัยฮาวาร์ดพบว่า “มนุษย์ที่ออกกำลังกายเป็นประจำ จะมีการเพิ่มขึ้นของปริมาณเส้นเลือดที่นำออกซิเจนไปเลี้ยงสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความคิด” และช่วยส่งเสริมการสร้างเซลล์ประสาท ช่วยเพิ่มความเชื่อมโยงระหว่างเซลล์ในสมอง ส่งผลในการเพิ่มสมรรถนะการปรับตัวให้กับสมองของคุณให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น

 

  1. การออกกำลังกายช่วยลดความเครียด

        ความเครียดเป็นปฎิกริยาตอบสนองของร่างกายจากสถานการณ์ที่เราต้องพบเจอในชีวิตประจำวัน และเป็นสิ่งที่ทุกคนล้วนหลีกเลี่ยงกันไม่ได้ ซึ่งหากเราพบเจอกับภาวะเครียดผ่านไปนาน ๆ จะทำให้ร่างกายของหลายคนพบเจอกับอาการนอนไม่หลับ อาการอยากน้ำตาลเยอะ ๆ 

        การออกกำลังกายนี้เองจะช่วยส่งเสริมการตอบสนองต่อความเครียดของร่างกาย เพราะจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในการตอบสนองต่อฮอร์โมน และการออกกำลังกายยังส่งผลต่อสารสื่อประสาทในสมอง เช่น โดพามีนและเซโรโทนิน ซึ่งจะส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรม พูดง่ายๆ คือ “เมื่อร่างกายเริ่มเรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับความเครียดจากการออกกำลังกาย มันก็จะมีผลไปถึงการตอบสนองต่อความเครียดอื่นๆ ที่เจอในอนาคตด้วย”

 

  1. การออกกำลังกายช่วยให้คุณนอนหลับได้ดียิ่งขึ้น

        สำหรับใครที่นอนหลับยาก การออกกำลังกายถือเป็นวิธีแก้ไขอีกหนึ่งวิธีที่สามารถช่วยให้คุณหลับได้เร็วขึ้น โดย Dr.Charlene Gamaldo ผู้อำนวยการด้านการแพทย์ที่ได้วิจัยเรื่องการนอนหลับในโรงพยาบาล Howard Country General 

        พบว่าการออกกำลังกายจะช่วยส่งผลต่อคลื่นสมองบางอย่างในขณะหลับ ซึ่งเป็นคลื่นสมองที่ช่วยฟื้นฟูระบบการทำงานของสมอง การจดจำ และความทรงจำในกิจวัตรประจำวัน

 

  1. การออกกำลังกายช่วยเพิ่มพลังงานให้กับร่างกายได้

       ร่างกายทุกคนล้วนเหนื่อยล้าจากการทำงาน หรือสิ่งต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน การออกกำลังกายจึงอาจดูเป็นสิ่งที่ท้าทายและยากเกินกว่าจะลงมือทำ แต่อย่างไรก็ตามเมื่อได้ออกกำลังกายแล้ว ร่างกายจะค่อย ๆ พัฒนาให้มีความทนทานและแข็งแรงขึ้น

       ซึ่งเป็นผลดีให้ร่างกายได้รับพลังงานมากขึ้นในระยะยาว เพราะร่างกายนั้นรู้สึกเหนื่อยน้อยลงและมีพลังงานมากขึ้นตลอดทั้งวันนั่นเอง 

 

  1. การออกกำลังกายช่วยลดความเสี่ยงจากการป่วยทางจิต

       การออกกำลังกายเปรียบเสมือนเกราะป้องกันเพื่อต้านภัยปัญหาสุขภาพทางจิตใจ เช่นความวิตกกังวลและภาวะซึมเศร้า เมื่อคุณเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจที่ระดับปานกลางถึงระดับสูง เลือดและออกซิเจนจะไหลเวียนไปยังสมองของคุณมากขึ้น 

       สิ่งนี้จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเซลล์สมองใหม่และทำให้ร่างกายหลั่งสารเคมีเช่นเซโรโทนิน (หรือที่เรียกว่า ‘สารเคมีแห่งความสุข’) ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพหลายคนจึงมักแนะนำแนะนำให้ผู้ป่วยที่มีภาวะซึมเศร้าหันมาออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันเพื่อใช้ในการบำบัด

 

       การปรับสภาพจิตใจอาจจะเริ่มจากการออกกำลังกายก่อนได้ เพราะว่าการออกกำลังกายนั้นสามารถเริ่มต้นได้ง่าย และยังส่งผลดีต่อสุขภาพทางจิตใจอย่างชัดเจนอีกด้วย

       คุณสามารถแทรกตารางการออกกำลังกายเข้าไปในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งอาจจะเริ่มตั้งแต่ 30 นาทีต่อวัน (หรือจะแบ่งเป็นรอบละ 15 นาที สองรอบต่อวันก็ได้นะ) ถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดเพื่อให้คุณเริ่มมีสุขภาพร่างกายที่ดีขึ้นและสุขภาพทางจิตใจที่ดีขึ้น

ที่มา: nbasport.co.th

ใส่ความเห็น

มกราคม 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031