Work life Balance คือ แนวคิดเกี่ยวกับการปรับสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว เพื่อลดผลกระทบจากการทำงานหนักเกินไป ซึ่งมีประโยชน์สำหรับคนยุคใหม่ ทั้งที่ทำงานประจำและอาชีพอิสระ
เราสามารถนำกฎนี้มาปรับใช้กับการทำงานและใช้ชีวิตได้ เป็นวิธีการ Work ให้ Balance เพราะในความเป็นจริง ชีวิตเรามีมากกว่าเพียงแค่ตื่นมาทำงานแล้วก็นอนเท่านั้น แต่เรายังมีคนที่ต้องดูแล มีกิจกรรมอื่น ๆ ในชีวิตที่ต้องทำ ซึ่งการทำงานและใช้ชีวิตให้สมดุลนั้นถือว่าจำเป็นมาก ๆ โดยเราสามารถแบ่งกฎการ Work ให้ Balance ออกเป็น 70% / 20% / 10%
กฎการ Work life Balance ออกเป็น 70% / 20% / 10%
70% พักผ่อน
ไม่ได้แปลว่าต้องนอนทั้งวันนะ เราสามารถพักผ่อนแบบแอคทีฟได้ การพักผ่อนแบบแอคทีฟคือ การคิดและลงมือทำอะไรสักอย่าง หรือออกไปเที่ยวนอกบ้านกับเพื่อนฝูงและครอบครัวก็เป็นการพักผ่อนที่ดีอย่างหนึ่ง เป็นการทำให้ชีวิตมีความสุข
20% ฝึกฝน
คุณอาจจะใช้เวลาสัก 4-5 ชั่วโมงต่อวันเพื่อเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ หรือออกกำลังกายเพื่อให้สุขภาพดีและร่างกายแข็งแรง การฝึกฝนในแต่ละวันคือ การเตรียมพร้อมสมองและร่างกายสำหรับสิ่งที่เราต้องเผชิญในวันพรุ่งนี้
10% ทุ่มเท
ไม่ว่าต้องเจออุปสรรคใด ๆ ในการทำงาน คุณต้องเผชิญหน้ากับปัญหาที่เกิดขึ้น ใช้ทุกทักษะที่คุณมีเพื่อแก้ไข และเดินหน้าต่อไป เพียงเท่านี้งานของคุณก็จะออกมาดีมีคุณภาพ และเป็นการแสดงให้องค์กรเห็นว่าคุณมีศักยภาพมากเพียงใด
ประโยชน์ Work ให้ Balance
- ช่วยให้มีความสุขกับชีวิตมากขึ้นเนื่องจากการทำงานหนักอย่างต่อเนื่องอาจสร้างผลกระทบในหลาย ๆ ด้าน
- สุขภาพกายและสุขภาพจิตดีขึ้น
- มีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างที่มีคุณภาพมากขึ้น
การทำงานที่ดี ไม่ใช่การพุ่งเข้าใส่งานเพียงอย่างเดียว เพราะต่อให้คุณทำงานหนักแค่ไหน สุดท้ายคุณก็จะชนเข้ากับกำแพงแห่งความเบื่อหน่าย เพราะคุณมัวแต่ทำงาน ไม่ได้ออกไปใช้ชีวิตให้ผ่อนคลาย ไม่มีเวลามากพอจะพัฒนาตัวเอง สักพักประสิทธิภาพการทำงานของคุณจะลดลง และจะรู้สึกว่างานที่ทำอยู่ทุกวันจะไม่มีความหมายสำหรับคุณอีกต่อไป นี่ถือเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ๆ ดังนั้นการ Work ให้ Balance จึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพื่อที่คุณจะได้ทำงานอย่างมีศักยภาพและใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
ที่มา: forge.medium.com