Shopping cart

“`html

ช็อก! บริษัทไทยตั้ง ‘CEO-AI’ คนแรก

สารบัญ

ปรากฏการณ์ที่อาจเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ของวงการธุรกิจไทยได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อมีรายงานข่าวสุด **ช็อก! บริษัทไทยตั้ง ‘CEO-AI’ คนแรก** ของประเทศ ความเคลื่อนไหวนี้ไม่เพียงแต่สร้างความประหลาดใจ แต่ยังจุดประกายให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับอนาคตของการทำงาน บทบาทของผู้บริหาร และทิศทางขององค์กรในยุคที่ปัญญาประดิษฐ์เข้ามามีบทบาทสำคัญ การแต่งตั้ง AI ในตำแหน่งสูงสุดขององค์กรสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของเทคโนโลยีในการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยข้อมูลและความเป็นกลางอย่างแท้จริง

บทสรุปสำหรับผู้บริหาร

  • การแต่งตั้งครั้งประวัติศาสตร์: สตาร์ทอัพไทยแห่งหนึ่งได้แต่งตั้งปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่มีชื่อว่า ‘VISTRA’ ให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) นับเป็นครั้งแรกของประเทศไทย
  • การทำงานบนฐานข้อมูล: CEO-AI ถูกออกแบบมาเพื่อทำการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์และนโยบาย โดยอาศัยการวิเคราะห์ข้อมูลเป็นหลัก ทำให้การบริหารงานมีความเป็นกลาง ปราศจากอคติส่วนบุคคล และสามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง
  • แนวโน้มระดับโลก: เหตุการณ์นี้สอดคล้องกับเทรนด์โลก ดังเช่นกรณีของ ‘Mika’ ซึ่งเป็น AI CEO ของบริษัทเครื่องดื่มในโปแลนด์ ที่เน้นการทำงานแบบเดียวกัน แต่การนำมาใช้ในไทยมีนัยสำคัญที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ
  • การเปลี่ยนแปลงบทบาทมนุษย์: การมาถึงของ CEO-AI ไม่ได้หมายถึงการสิ้นสุดของตำแหน่งผู้บริหารที่เป็นมนุษย์ แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านสู่บทบาทใหม่ที่เน้นการกำกับดูแลเชิงกลยุทธ์ จริยธรรม และการนำพาองค์กรให้สามารถทำงานร่วมกับ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  • ส่วนหนึ่งของภาพใหญ่: การแต่งตั้งนี้เป็นเพียงหนึ่งในตัวอย่างของการนำ AI มาใช้อย่างแพร่หลายในประเทศไทย ซึ่งรวมถึงการพัฒนา ‘AI Creator Avatar’ เพื่อใช้ในวงการสื่อสารและการตลาด สะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวของประเทศสู่ยุคดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

การเกิดขึ้นของ CEO ที่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นชุดคำสั่งและอัลกอริทึมที่ซับซ้อน กำลังท้าทายขนบธรรมเนียมการบริหารจัดการแบบดั้งเดิมอย่างสิ้นเชิง ข่าวการแต่งตั้ง CEO-AI ในประเทศไทยได้กลายเป็นหัวข้อสนทนาที่สำคัญ ไม่ใช่เพียงในแวดวงเทคโนโลยี แต่ยังรวมถึงกลุ่มผู้บริหาร นักลงทุน และพนักงานทั่วไป คำถามสำคัญที่ตามมาคือ เหตุใดองค์กรจึงตัดสินใจมอบตำแหน่งที่มีอำนาจสูงสุดให้แก่ AI, สิ่งนี้จะส่งผลกระทบต่อโครงสร้างองค์กรและวัฒนธรรมการทำงานอย่างไร และที่สำคัญที่สุด มนุษย์เราควรเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้อย่างไร

บทความนี้จะสำรวจปรากฏการณ์ CEO-AI ในทุกมิติ ตั้งแต่คำจำกัดความและบทบาทพื้นฐาน ไปจนถึงการวิเคราะห์กรณีศึกษาทั้งในระดับสากลและในบริบทของประเทศไทยโดยเฉพาะ เพื่อทำความเข้าใจถึงแรงผลักดันเบื้องหลังการตัดสินใจครั้งประวัติศาสตร์นี้ ตลอดจนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ ทั้งในแง่ของโอกาสและความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้า

ปรากฏการณ์ CEO-AI: นิยามและบทบาทใหม่ของผู้บริหาร

แนวคิดเรื่องปัญญาประดิษฐ์ที่เข้ามาทำงานแทนมนุษย์ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในระดับบริหารจัดการองค์กรถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญ การทำความเข้าใจพื้นฐานของ CEO-AI จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรอบด้าน

AI CEO คืออะไร?

AI CEO หรือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปัญญาประดิษฐ์ ไม่ได้หมายถึงหุ่นยนต์ที่นั่งในห้องทำงานของผู้บริหาร แต่หมายถึงระบบปัญญาประดิษฐ์หรืออัลกอริทึมขั้นสูงที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำหน้าที่ตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ในระดับองค์กร โดยแกนหลักของการทำงานคือการรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจำนวนมหาศาล (Big Data) จากแหล่งต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกองค์กร เช่น ข้อมูลการเงิน ผลการดำเนินงาน แนวโน้มตลาด พฤติกรรมลูกค้า และสภาวะเศรษฐกิจ เพื่อเสนอทางเลือกหรือตัดสินใจในประเด็นสำคัญๆ ของบริษัท

บทบาทหลักของ CEO-AI คือการขจัดอคติและความลำเอียงส่วนบุคคล (Human Bias) ที่มักเกิดขึ้นในการตัดสินใจของผู้บริหารที่เป็นมนุษย์ ซึ่งอาจได้รับอิทธิพลจากอารมณ์ ประสบการณ์ส่วนตัว หรือความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล ในทางกลับกัน AI จะทำการตัดสินใจโดยอิงจากตรรกะและข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงอย่างเคร่งครัด ทำให้การบริหารงานมีความสม่ำเสมอ เป็นกลาง และมีประสิทธิภาพสูงสุดตามเป้าหมายที่ตั้งไว้

กรณีศึกษาจากต่างประเทศ: AI ‘Mika’

ก่อนที่จะมีข่าวในประเทศไทย โลกได้รู้จักกับ AI CEO คนแรกอย่างเป็นทางการไปแล้ว นั่นคือ ‘Mika’ ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็น CEO ของบริษัทเครื่องดื่มแห่งหนึ่งในประเทศโปแลนด์ การแต่งตั้ง Mika ได้สร้างความฮือฮาและกลายเป็นต้นแบบสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของ AI ในการบริหารจัดการ

Mika ถูกออกแบบมาให้ทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์ โดยไม่มีวันหยุดพัก หน้าที่หลักคือการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อกำหนดนโยบายและกลยุทธ์ของบริษัทให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่วางไว้ จุดเด่นที่สำคัญคือการตัดสินใจที่ปราศจากอคติส่วนตัวโดยสิ้นเชิง อย่างไรก็ตาม ประเด็นหนึ่งที่ผู้บริหารที่เป็นมนุษย์ของบริษัทได้เน้นย้ำคือ ข้อจำกัดด้านการบริหารทรัพยากรมนุษย์ โดยระบุอย่างชัดเจนว่า Mika ไม่มีอำนาจในการเลิกจ้างพนักงาน การตัดสินใจในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ยังคงต้องมาจากผู้บริหารที่เป็นมนุษย์เท่านั้น กรณีของ Mika จึงเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนซึ่งแสดงให้เห็นถึงรูปแบบการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI ในระดับบริหาร โดย AI ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือวิเคราะห์และตัดสินใจเชิงข้อมูล ขณะที่มนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลด้านจริยธรรมและความสัมพันธ์ระหว่างบุคคล

ช็อก! บริษัทไทยตั้ง ‘CEO-AI’ คนแรก: ก้าวสำคัญของวงการเทคโนโลยี

การที่บริษัทสตาร์ทอัพในประเทศไทยกล้าที่จะนำแนวคิดนี้มาปรับใช้ ถือเป็นก้าวที่กล้าหาญและสะท้อนถึงความก้าวหน้าของวงการเทคโนโลยีในประเทศ การตัดสินใจครั้งนี้ไม่เพียงเป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะเป็นผู้นำในการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี

เบื้องหลังการแต่งตั้ง AI ‘VISTRA’

การแต่งตั้ง AI ที่มีชื่อว่า ‘VISTRA’ ให้ดำรงตำแหน่ง CEO ของสตาร์ทอัพไทยมีเป้าหมายหลักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความเป็นกลางในการบริหารจัดการองค์กร VISTRA ได้รับมอบหมายให้ดูแลการตัดสินใจเชิงนโยบายและการบริหารจัดการบุคลากร โดยอาศัยข้อมูลเป็นเครื่องมือสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร

แนวคิดเบื้องหลังคือการสร้างองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-Driven Organization) อย่างแท้จริง ซึ่งทุกการตัดสินใจจะถูกประเมินจากข้อมูลและผลลัพธ์ที่วัดผลได้ แทนที่จะขึ้นอยู่กับสัญชาตญาณหรือความรู้สึกของผู้บริหารเพียงอย่างเดียว สิ่งนี้ถูกคาดหวังว่าจะนำไปสู่การจัดสรรทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น การกำหนดกลยุทธ์ที่แม่นยำ และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่โปร่งใสและยุติธรรมสำหรับพนักงานทุกคน

การนำ AI มาใช้ในตำแหน่งสูงสุดขององค์กร เป็นการทดลองครั้งสำคัญที่จะพิสูจน์ว่าการบริหารจัดการที่ปราศจากอคติของมนุษย์โดยสิ้นเชิงนั้นสามารถนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้จริงหรือไม่

ความสามารถและข้อจำกัดของ CEO-AI

การประเมินศักยภาพของ CEO-AI จำเป็นต้องพิจารณาทั้งข้อดีและความท้าทาย เพื่อให้เห็นภาพที่สมบูรณ์ของการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ การเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างผู้บริหารมนุษย์และผู้บริหาร AI สามารถช่วยให้เห็นภาพได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

ตารางเปรียบเทียบคุณสมบัติระหว่างผู้บริหารมนุษย์และผู้บริหาร AI
คุณสมบัติ ผู้บริหารมนุษย์ (Human CEO) ผู้บริหาร AI (AI CEO)
พื้นฐานการตัดสินใจ ประสบการณ์, สัญชาตญาณ, ข้อมูล, และอารมณ์ ข้อมูล, ตรรกะ, และอัลกอริทึมเท่านั้น
ความพร้อมในการทำงาน จำกัดตามเวลาทำงาน, ต้องการการพักผ่อน ทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันต่อสัปดาห์
อคติและความลำเอียง มีโอกาสเกิดอคติส่วนบุคคลและความลำเอียงโดยไม่รู้ตัว ปราศจากอคติส่วนบุคคลโดยสิ้นเชิง
ความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) สามารถเข้าใจ, สร้างแรงบันดาลใจ, และสื่อสารกับพนักงานได้ ขาดความสามารถในการเข้าใจอารมณ์และบริบททางสังคมที่ซับซ้อน
ความสามารถในการประมวลผล จำกัดโดยความสามารถของสมองมนุษย์ สามารถประมวลผลข้อมูลจำนวนมหาศาลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ
การตัดสินใจเชิงจริยธรรม สามารถพิจารณาแง่มุมทางจริยธรรมและความเป็นมนุษย์ ขึ้นอยู่กับการเขียนโปรแกรม อาจไม่สามารถตัดสินใจในสถานการณ์ที่กำกวมได้

จากตารางจะเห็นได้ว่า แม้ CEO-AI จะมีข้อได้เปรียบอย่างมากในด้านการวิเคราะห์ข้อมูลและความเป็นกลาง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดที่สำคัญในด้านความฉลาดทางอารมณ์และการตัดสินใจในประเด็นที่ละเอียดอ่อนทางจริยธรรม ซึ่งยังคงเป็นบทบาทที่มนุษย์ทำได้ดีกว่า

ผลกระทบต่ออนาคตการทำงานและโครงสร้างองค์กร

ผลกระทบต่ออนาคตการทำงานและโครงสร้างองค์กร

การมี AI เป็นผู้บริหารสูงสุดย่อมส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อโครงสร้างองค์กร วัฒนธรรมการทำงาน และบทบาทหน้าที่ของบุคลากรในทุกระดับ การเปลี่ยนแปลงนี้จำเป็นต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่จากทั้งฝั่งผู้บริหารและพนักงาน

บทบาทของผู้บริหารมนุษย์จะเปลี่ยนไปอย่างไร?

การมาของ CEO-AI ไม่ได้หมายความว่าผู้บริหารที่เป็นมนุษย์จะหมดความสำคัญลง แต่บทบาทของพวกเขาจะถูกยกระดับและเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง แทนที่จะต้องใช้เวลาไปกับการตัดสินใจเชิงปฏิบัติการ (Operational Decisions) ซึ่ง AI สามารถทำได้ดีกว่าและเร็วกว่า ผู้บริหารมนุษย์จะเปลี่ยนไปเน้นหน้าที่ในมิติที่ AI ไม่สามารถทำได้ ดังนี้:

  • ผู้นำด้านวิสัยทัศน์และจริยธรรม: กำหนดทิศทางระยะยาวขององค์กร สร้างคุณค่า และวางกรอบจริยธรรมในการดำเนินธุรกิจและการใช้เทคโนโลยี AI
  • ผู้จัดการความสัมพันธ์: สร้างและรักษาความสัมพันธ์กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทั้งลูกค้า คู่ค้า และพนักงาน ซึ่งต้องอาศัยทักษะการสื่อสารและความเข้าใจในมนุษย์
  • ผู้สร้างแรงบันดาลใจ: ปลูกฝังวัฒนธรรมองค์กรที่ดี สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่พนักงาน และส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรม
  • ผู้กำกับดูแล AI: ทำหน้าที่ตรวจสอบและกำกับดูแลการทำงานของ CEO-AI เพื่อให้แน่ใจว่าการตัดสินใจของ AI นั้นสอดคล้องกับเป้าหมายและค่านิยมขององค์กร และพร้อมที่จะเข้าแทรกแซงเมื่อเกิดสถานการณ์ที่ซับซ้อนเกินกว่าที่ AI จะรับมือได้

กล่าวโดยสรุปคือ ผู้บริหารมนุษย์จะกลายเป็น “ผู้นำการเปลี่ยนแปลงด้วย AI” (Leaders of AI-driven change) ซึ่งมีหน้าที่หลักในการนำพาองค์กรให้สามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีได้อย่างสูงสุด ขณะเดียวกันก็ดูแลมิติความเป็นมนุษย์ควบคู่กันไป

การปรับตัวของพนักงานในยุค AI บริหาร

สำหรับพนักงาน การทำงานภายใต้การบริหารของ AI จะนำมาซึ่งประสบการณ์ใหม่ การประเมินผลการทำงานจะอยู่บนพื้นฐานของข้อมูลและตัวชี้วัดที่ชัดเจน ลดปัญหาความลำเอียงจากหัวหน้างานที่เป็นมนุษย์ อย่างไรก็ตาม พนักงานจำเป็นต้องพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อให้สามารถทำงานร่วมกับระบบ AI ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทักษะที่สำคัญ ได้แก่:

  • ความเข้าใจในข้อมูล (Data Literacy): ความสามารถในการอ่าน ทำความเข้าใจ และสื่อสารโดยใช้ข้อมูล เพื่อให้สามารถทำงานสอดคล้องกับการตัดสินใจของระบบ
  • ทักษะการทำงานร่วมกับเทคโนโลยี: ความคุ้นเคยกับการใช้เครื่องมือดิจิทัลและแพลตฟอร์มที่ขับเคลื่อนด้วย AI
  • ทักษะทางสังคมและอารมณ์ (Soft Skills): เช่น การทำงานเป็นทีม ความคิดสร้างสรรค์ การแก้ปัญหาที่ซับซ้อน และการปรับตัว ซึ่งเป็นสิ่งที่ AI ยังไม่สามารถทำได้ดีเท่ามนุษย์

บริบทที่กว้างขึ้น: AI ในยุทธศาสตร์ชาติและธุรกิจไทย

การแต่งตั้ง CEO-AI ในประเทศไทยไม่ใช่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างโดดเดี่ยว แต่เป็นส่วนหนึ่งของกระแสการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ใหญ่กว่า และยังสอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาระดับประเทศอีกด้วย

สู่ ‘อธิปไตย AI’ (AI Sovereignty)

การที่บริษัทไทยกล้าเป็นผู้ริเริ่มในการใช้ AI ในระดับบริหาร ถือเป็นการปูทางไปสู่ยุทธศาสตร์ชาติที่สำคัญ นั่นคือ “อธิปไตย AI” แนวคิดนี้หมายถึงความสามารถของประเทศในการพัฒนา ควบคุม และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างชาติเพียงอย่างเดียว การมีกรณีศึกษาที่ประสบความสำเร็จภายในประเทศจะช่วยกระตุ้นให้เกิดการลงทุน การวิจัยและพัฒนา และการสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน AI มากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างระบบนิเวศทางเทคโนโลยีที่แข็งแกร่งและยั่งยืนสำหรับประเทศไทยในระยะยาว

มากกว่าแค่ผู้บริหาร: AI Creator Avatar และการประยุกต์ใช้อื่นๆ

ปรากฏการณ์ CEO-AI เป็นเพียงยอดของภูเขาน้ำแข็งที่แสดงให้เห็นถึงการยอมรับและการประยุกต์ใช้ AI ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายในสังคมไทย ในวงการไอทีและสื่อสารการตลาด ก็มีการพัฒนาที่น่าสนใจไม่แพ้กัน นั่นคือ “AI Creator Avatar” ซึ่งเป็นการสร้างตัวตนดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วย AI ขึ้นมาเพื่อทำหน้าที่สร้างสรรค์เนื้อหาและสื่อสารกับผู้บริโภค

ตัวอย่างเช่น การเปิดตัว AI Creator Avatar คนแรกของไทยที่ทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญในวงการไอที เพื่อใช้ในการทำไลฟ์คอมเมิร์ซ (Live Commerce) และเป็นช่องทางในการสื่อสารกับลูกค้าและผู้ชม สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในบทบาทเบื้องหลังอย่างการวิเคราะห์ข้อมูล แต่กำลังก้าวเข้ามามีบทบาทในงานที่ต้องมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากขึ้น การประยุกต์ใช้ที่หลากหลายเหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันว่าประเทศไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่ AI จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของทั้งภาคธุรกิจและชีวิตประจำวันอย่างเต็มตัว

สรุป: อนาคตของการบริหารจัดการในยุคปัญญาประดิษฐ์

เหตุการณ์ **ช็อก! บริษัทไทยตั้ง ‘CEO-AI’ คนแรก** ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในโลกของการบริหารจัดการ มันคือจุดเริ่มต้นของการทดลองที่จะหาความสมดุลระหว่างประสิทธิภาพที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูลของปัญญาประดิษฐ์ กับวิสัยทัศน์และสัญชาตญาณของมนุษย์ การตัดสินใจครั้งนี้ได้ท้าทายแนวคิดดั้งเดิมเกี่ยวกับความเป็นผู้นำ และเปิดประตูสู่ความเป็นไปได้ใหม่ๆ ในการสร้างองค์กรแห่งอนาคต

แม้ว่า CEO-AI จะมีศักยภาพในการปฏิวัติการตัดสินใจทางธุรกิจให้มีความแม่นยำและเป็นกลาง แต่บทบาทของมนุษย์ยังคงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในมิติที่เกี่ยวข้องกับจริยธรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการสร้างความสัมพันธ์ อนาคตของความเป็นผู้นำจึงไม่ได้อยู่ที่การเลือกระหว่างมนุษย์หรือ AI แต่เป็นการสร้างรูปแบบการทำงานร่วมกัน (Collaboration) ที่ดีที่สุด เพื่อดึงศักยภาพของทั้งสองฝ่ายออกมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด การเปลี่ยนแปลงนี้กระตุ้นให้ทุกภาคส่วนต้องพิจารณาถึงการเตรียมความพร้อมและปรับตัวเพื่อรับมือกับคลื่นแห่งเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทในทุกมิติของธุรกิจและสังคมต่อไป


“`

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930