Shopping cart

รัฐทุ่มงบ Soft Power! โอกาสใหม่ธุรกิจไทยโกอินเตอร์

สารบัญ

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยวัฒนธรรมและอุตสาหกรรมสร้างสรรค์กำลังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญที่หลายประเทศทั่วโลกนำมาใช้ และล่าสุดประเทศไทยได้แสดงความมุ่งมั่นอย่างชัดเจนในทิศทางนี้ โดยมีการจัดสรรงบประมาณจำนวนมากเพื่อผลักดัน Soft Power ของชาติให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีสากล การลงทุนครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีงาม แต่ยังเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสทางธุรกิจครั้งใหม่สำหรับผู้ประกอบการไทยในหลากหลายสาขา

  • การอนุมัติงบประมาณก้อนใหญ่: รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณปี 2568 มูลค่ากว่า 2.5 หมื่นล้านบาทสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยมุ่งเน้นการส่งเสริม Soft Power เป็นวาระแห่งชาติ
  • อุตสาหกรรมเป้าหมาย: งบประมาณส่วนใหญ่ถูกทุ่มให้กับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นหลัก ตามมาด้วยภาพยนตร์และสื่อบันเทิง รวมถึงอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งเป็นสามเสาหลักที่มีศักยภาพสูง
  • โอกาสสำหรับผู้ประกอบการ: นโยบายนี้สร้างโอกาสให้ธุรกิจไทย โดยเฉพาะ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งทุน การสนับสนุน และเครือข่าย เพื่อขยายตลาดไปยังต่างประเทศ
  • กลไกการขับเคลื่อน: มีการจัดตั้งหน่วยงานและกิจกรรมอย่าง THACCA และงาน THACCA Splash เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานระหว่างภาครัฐ เอกชน และศิลปิน
  • ความร่วมมือระดับนานาชาติ: การลงทุนจากภาคเอกชนระดับโลก เช่น แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งชั้นนำ เป็นเครื่องยืนยันถึงศักยภาพของคอนเทนต์ไทยและช่วยผลักดัน Soft Power ให้เติบโตยิ่งขึ้น

ภาพรวมของการลงทุน Soft Power ของไทย

นโยบาย รัฐทุ่มงบ Soft Power! โอกาสใหม่ธุรกิจไทยโกอินเตอร์ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการวางยุทธศาสตร์เศรษฐกิจของประเทศ โดยเปลี่ยนจากการพึ่งพิงอุตสาหกรรมหนักหรือการส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์แบบดั้งเดิม มาสู่การสร้างมูลค่าเพิ่มจากสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจของภาครัฐต่อแนวโน้มของเศรษฐกิจโลกที่ให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy) มากขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถสร้างรายได้มหาศาลและเสริมสร้างอิทธิพลของประเทศในเวทีโลกได้อย่างยั่งยืน

ความหมายและความสำคัญของ Soft Power

Soft Power หรือ “อำนาจนุ่มนวล” คือความสามารถในการสร้างอิทธิพลหรือชักจูงให้ผู้อื่นคล้อยตามโดยไม่ใช้การบังคับหรืออำนาจทางทหาร (Hard Power) แต่เป็นการใช้เสน่ห์ทางวัฒนธรรม, ค่านิยมทางการเมือง, และนโยบายต่างประเทศที่น่าดึงดูดใจ สำหรับประเทศไทย Soft Power ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่สั่งสมอยู่ในวิถีชีวิต, ศิลปะ, อาหาร, และรอยยิ้มของผู้คนมาอย่างยาวนาน ไม่ว่าจะเป็นอาหารไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก, ศิลปะการต่อสู้มวยไทย, เทศกาลสงกรานต์, หรือผลงานภาพยนตร์และซีรีส์ที่เริ่มได้รับความนิยมในระดับนานาชาติ สิ่งเหล่านี้คือต้นทุนทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าที่สามารถแปรเปลี่ยนเป็นพลังทางเศรษฐกิจได้

ความสำคัญของการผลักดัน Soft Power ในยุคปัจจุบันมีมิติที่ซับซ้อนกว่าในอดีต ในโลกที่เชื่อมต่อกันด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล การเผยแพร่วัฒนธรรมสามารถทำได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ การสร้างแบรนด์ประเทศที่แข็งแกร่งผ่าน Soft Power จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยว, นักลงทุน, และผู้มีความสามารถจากทั่วโลกให้เข้ามายังประเทศไทย ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการจ้างงานภายในประเทศ

เหตุผลที่รัฐบาลหันมาให้ความสำคัญ

การที่รัฐบาลตัดสินใจลงทุนงบประมาณจำนวนมากเพื่อส่งเสริม Soft Power อย่างจริงจังมีเหตุผลสนับสนุนหลายประการ ประการแรกคือ การมองเห็นศักยภาพในการสร้างรายได้เข้าประเทศที่จับต้องได้ โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำถึง 3 ด้านหลักที่จะเป็นหัวหอกในการสร้างรายได้ ได้แก่ อาหาร, สุขภาพ, และ Soft Power ซึ่งทั้งสามด้านนี้มีความเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิดและสามารถส่งเสริมซึ่งกันและกันได้

ประการที่สองคือ ความสำเร็จของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคเอเชีย เช่น เกาหลีใต้ ที่สามารถใช้วัฒนธรรม K-Pop และ K-Drama สร้างอิทธิพลและมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล กลายเป็นต้นแบบที่แสดงให้เห็นว่าการลงทุนในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์นั้นให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าและยั่งยืน ประการสุดท้ายคือ การปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้พร้อมรับมือกับความท้าทายในอนาคต การส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะช่วยลดการพึ่งพิงภาคการผลิตแบบเดิมๆ และสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจที่เอื้อต่อการเกิดนวัตกรรมและผู้ประกอบการรุ่นใหม่

เจาะลึกงบประมาณ Soft Power ปี 2568: เม็ดเงินมหาศาลสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

เจาะลึกงบประมาณ Soft Power ปี 2568: เม็ดเงินมหาศาลสู่อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

ในปีงบประมาณ 2568 รัฐบาลได้แสดงเจตนารมณ์ที่ชัดเจนผ่านการจัดสรรงบประมาณเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power อย่างเป็นรูปธรรม ตัวเลขงบประมาณที่เปิดเผยออกมาสะท้อนถึงลำดับความสำคัญและทิศทางที่รัฐบาลต้องการจะมุ่งไป ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญสำหรับผู้ประกอบการและนักลงทุนที่ต้องการจะเข้ามามีส่วนร่วมในการเติบโตครั้งนี้

ภาพรวมงบประมาณและสัดส่วนที่น่าสนใจ

จากข้อมูลที่เปิดเผย งบประมาณที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์โดยรวมในปี 2568 มีมูลค่าสูงถึงประมาณ 25.9 พันล้านบาท หรือคิดเป็น 0.7% ของงบประมาณแผ่นดินทั้งหมด แม้สัดส่วนอาจดูไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับงบประมาณทั้งหมด แต่เม็ดเงินจำนวนนี้ถือเป็นการลงทุนที่มีนัยสำคัญสำหรับภาคส่วนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ในจำนวนนี้ มีงบประมาณที่จัดสรรโดยตรงสำหรับการส่งเสริม Soft Power อยู่ที่ประมาณ 2.1 พันล้านบาท ซึ่งเป็นงบที่มุ่งเป้าไปยังโครงการและกิจกรรมที่จะสร้างผลกระทบในวงกว้างโดยเฉพาะ

การลงทุนใน Soft Power ไม่ใช่แค่การใช้งบประมาณเพื่อจัดอีเวนต์ แต่คือการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งเพื่อให้อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยสามารถเติบโตและแข่งขันได้ในระยะยาว

การกระจายงบสู่ภาคส่วนต่างๆ

เมื่อพิจารณาการกระจายงบประมาณไปยังอุตสาหกรรมสาขาต่างๆ จะเห็นถึงยุทธศาสตร์การจัดลำดับความสำคัญของรัฐบาลได้อย่างชัดเจน โดยอุตสาหกรรมที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณมากที่สุดคือการท่องเที่ยว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการท่องเที่ยวยังคงเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและเป็นช่องทางสำคัญในการเผยแพร่ Soft Power ของไทยสู่สายตานักท่องเที่ยวต่างชาติ

ตารางสรุปสัดส่วนการจัดสรรงบประมาณส่งเสริม Soft Power ในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ปี 2568 (โดยประมาณ)
อุตสาหกรรมเป้าหมาย สัดส่วนของงบประมาณรวม (%) ตัวอย่างกิจกรรมที่ส่งเสริม
การท่องเที่ยว 69.8% การโปรโมตการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, การจัดอีเวนต์ระดับนานาชาติ, พัฒนาแหล่งท่องเที่ยว
ภาพยนตร์, ละคร, สารคดี, แอนิเมชัน 3.1% เงินทุนสนับสนุนการผลิต, การส่งเสริมการถ่ายทำในประเทศ, การนำผลงานไปจัดแสดงในเทศกาลต่างประเทศ
อาหาร 2.7% การโปรโมตอาหารไทยในต่างแดน, การยกระดับมาตรฐานร้านอาหารไทย, การพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารส่งออก
อุตสาหกรรมสร้างสรรค์อื่นๆ 24.4% แฟชั่น, การออกแบบ, ศิลปะการต่อสู้, ดนตรี, และเฟสติวัลต่างๆ

อุตสาหกรรมดาวรุ่ง: กลุ่มธุรกิจใดจะได้รับประโยชน์สูงสุด?

จากการจัดสรรงบประมาณที่มุ่งเน้นไปยังบางอุตสาหกรรมเป็นพิเศษ ทำให้เห็นภาพชัดเจนว่าธุรกิจในกลุ่มใดมีแนวโน้มที่จะเติบโตและได้รับประโยชน์จากนโยบายนี้มากที่สุด ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการในการปรับกลยุทธ์และพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการให้สอดรับกับทิศทางของภาครัฐ

อุตสาหกรรมท่องเที่ยว: หัวหอกหลักในการขับเคลื่อน

ด้วยสัดส่วนงบประมาณที่สูงถึงเกือบ 70% อุตสาหกรรมท่องเที่ยวจึงเป็นผู้ได้รับประโยชน์สูงสุดอย่างไม่ต้องสงสัย การลงทุนไม่ได้จำกัดอยู่แค่การโฆษณาประชาสัมพันธ์ แต่จะครอบคลุมถึงการยกระดับประสบการณ์ของนักท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ การส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสุขภาพ (Wellness Tourism) และการจัดกิจกรรมหรือเทศกาลระดับโลกเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง ผู้ประกอบการในห่วงโซ่อุปทานการท่องเที่ยว ตั้งแต่โรงแรม, บริษัททัวร์, ร้านอาหาร, ร้านขายของที่ระลึก ไปจนถึงธุรกิจบริการด้านสุขภาพและความงาม ล้วนมีโอกาสเติบโตจากนโยบายนี้

อุตสาหกรรมภาพยนตร์, ละคร, และแอนิเมชัน: สู่สายตาชาวโลก

แม้จะได้รับงบประมาณในสัดส่วนที่น้อยกว่าการท่องเที่ยว แต่ 3.1% ที่จัดสรรให้กับอุตสาหกรรมคอนเทนต์ภาพและเสียงถือเป็นเม็ดเงินที่มีนัยสำคัญในการจุดประกายความคิดสร้างสรรค์และยกระดับคุณภาพการผลิต งบประมาณส่วนนี้จะถูกนำไปใช้ในการสนับสนุนผู้ผลิตภาพยนตร์, ซีรีส์, และแอนิเมชัน ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาบทไปจนถึงการผลิตและการตลาดในต่างประเทศ การส่งเสริมให้กองถ่ายทำจากต่างประเทศเข้ามาใช้ประเทศไทยเป็นโลเคชั่นถ่ายทำ (Film Location) ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์สำคัญที่จะสร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับประเทศ โอกาสจึงเปิดกว้างสำหรับบริษัทโปรดักชันเฮาส์, นักเขียนบท, ผู้กำกับ, นักแสดง, ทีมงานเบื้องหลัง, และสตูดิโอแอนิเมชัน ที่จะสร้างสรรค์ผลงานคุณภาพเพื่อส่งออกสู่ตลาดโลก

อุตสาหกรรมอาหาร: ครัวไทยสู่ครัวโลกอย่างยั่งยืน

อาหารไทยเป็นหนึ่งใน Soft Power ที่แข็งแกร่งที่สุดของประเทศและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก การจัดสรรงบประมาณ 2.7% ในส่วนนี้จึงเป็นการต่อยอดความสำเร็จที่มีอยู่เดิมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น โดยจะมุ่งเน้นไปที่การส่งเสริมภาพลักษณ์ “ครัวไทยสู่ครัวโลก” การยกระดับมาตรฐานร้านอาหารไทยในต่างประเทศ (Thai SELECT) การสนับสนุนผู้ประกอบการด้านอาหารในการพัฒนาผลิตภัณฑ์นวัตกรรมเพื่อการส่งออก และการโปรโมตวัตถุดิบไทยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ร้านอาหาร, ผู้ผลิตอาหารสำเร็จรูป, ผู้ส่งออกวัตถุดิบและเครื่องปรุงรส, ไปจนถึงโรงเรียนสอนทำอาหาร จะได้รับอานิสงส์จากการผลักดันในครั้งนี้

กลไกภาครัฐและการสนับสนุนเชิงรุก

นอกเหนือจากการจัดสรรงบประมาณแล้ว รัฐบาลยังได้สร้างกลไกและแพลตฟอร์มต่างๆ ขึ้นมาเพื่อขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ให้เกิดผลเป็นรูปธรรมและบูรณาการการทำงานของทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

บทบาทของ THACCA และกิจกรรมส่งเสริม

THACCA (Thailand Creative Content Agency) หรือทบวงวัฒนธรรมและเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ Soft Power ของประเทศ มีภารกิจหลักในการกำหนดทิศทาง, วางนโยบาย, และประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันและลดความซ้ำซ้อน นอกจากนี้ยังมีการจัดกิจกรรมสำคัญอย่างงานประชุมนานาชาติ “THACCA Splash” ซึ่งเป็นเวทีที่รวบรวมผู้คนในวงการสร้างสรรค์ ตั้งแต่ศิลปิน, ผู้ประกอบการ, นักลงทุน ไปจนถึงเจ้าหน้าที่ภาครัฐ มาพบปะแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ กิจกรรมลักษณะนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างแรงกระเพื่อมและจุดประกายโครงการใหม่ๆ ให้เกิดขึ้น

ความร่วมมือกับภาคเอกชนระดับโลก

การผลักดัน Soft Power ให้ประสบความสำเร็จไม่สามารถทำได้โดยภาครัฐเพียงลำพัง การดึงดูดการลงทุนและความร่วมมือจากภาคเอกชนระดับโลกจึงเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่สำคัญ ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการที่แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งยักษ์ใหญ่อย่าง Netflix ประกาศแผนการลงทุนมูลค่ากว่า 6,400 ล้านบาท เพื่อสร้างสรรค์คอนเทนต์ไทยสู่สายตาผู้ชมทั่วโลก การลงทุนลักษณะนี้ไม่เพียงแต่นำเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ แต่ยังเป็นการนำความรู้, เทคโนโลยี, และมาตรฐานการผลิตระดับสากลเข้ามาพัฒนาศักยภาพของบุคลากรในอุตสาหกรรมบันเทิงไทย ซึ่งจะช่วยให้คอนเทนต์ไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างทัดเทียม

ความท้าทายและแนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืน

แม้ว่านโยบายการทุ่มงบประมาณเพื่อส่งเสริม Soft Power จะเป็นทิศทางที่ถูกต้องและน่าจับตามอง แต่เส้นทางสู่ความสำเร็จยังคงมีความท้าทายรออยู่ข้างหน้า จากการวิเคราะห์ในอดีตพบว่า การผลักดันนโยบายในลักษณะนี้มักประสบปัญหาด้านการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทำให้การขับเคลื่อนขาดความต่อเนื่องและไม่สามารถเกิดผลกระทบได้อย่างเต็มที่

เพื่อเอาชนะความท้าทายเหล่านี้ ผู้เชี่ยวชาญได้เสนอแนวทางการพัฒนาที่ควรให้ความสำคัญกับ 8 เสาหลัก เพื่อสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งและยั่งยืนให้กับการเติบโตของ Soft Power ไทย แม้จะยังไม่มีการลงรายละเอียดของเสาหลักทั้ง 8 นี้อย่างเป็นทางการ แต่หลักการสำคัญคือการมองภาพรวมอย่างครบวงจร ตั้งแต่การพัฒนาบุคลากร, การสร้างสรรค์เนื้อหา, การตลาดและการจัดจำหน่าย, การคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา, การเข้าถึงแหล่งทุน, ไปจนถึงการสร้างสภาพแวดล้อมทางกฎหมายและกฎระเบียบที่เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การดำเนินงานอย่างมีกลยุทธ์และต่อเนื่องในทุกมิติเหล่านี้ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การลงทุนของภาครัฐในครั้งนี้เกิดดอกออกผลอย่างแท้จริง

บทสรุป และก้าวต่อไปของผู้ประกอบการไทย

การที่รัฐทุ่มงบ Soft Power! โอกาสใหม่ธุรกิจไทยโกอินเตอร์ ถือเป็นการประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะใช้สินทรัพย์ทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์เป็นหัวหอกในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่ งบประมาณปี 2568 ที่ถูกจัดสรรมาอย่างมหาศาลสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ โดยเฉพาะในด้านการท่องเที่ยว, ภาพยนตร์, และอาหาร คือสัญญาณที่ส่งตรงไปยังผู้ประกอบการไทยว่านี่คือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการลุกขึ้นมาสร้างสรรค์ผลงานและขยายธุรกิจสู่เวทีโลก

สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมเป้าหมาย นี่คือโอกาสในการเข้าถึงการสนับสนุนจากภาครัฐ ทั้งในรูปแบบของเงินทุน, การฝึกอบรม, และการสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ สิ่งสำคัญคือการติดตามข่าวสารและนโยบายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เช่น THACCA เพื่อทำความเข้าใจหลักเกณฑ์และช่องทางการขอรับการสนับสนุนต่างๆ พร้อมกันนั้น ควรเร่งพัฒนาคุณภาพของสินค้าและบริการให้ได้มาตรฐานสากล และสร้างสรรค์เรื่องราวที่มีเอกลักษณ์ความเป็นไทยเพื่อสร้างความแตกต่างในตลาดโลก การลงทุนของภาครัฐในครั้งนี้เปรียบเสมือนการเปิดประตูบานใหญ่ ผู้ประกอบการไทยคือผู้ที่จะต้องเตรียมความพร้อมและก้าวผ่านประตูบานนี้ไปสู่ความสำเร็จในระดับนานาชาติ

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930