ก.ล.ต. ล่า ‘ฟินฟลูเอนเซอร์’ จัดระเบียบชี้ช่องลงทุน
- สรุปประเด็นสำคัญของการกำกับดูแลฟินฟลูเอนเซอร์
- อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของฟินฟลูเอนเซอร์ในภูมิทัศน์การเงินไทย
- การเคลื่อนไหวของ ก.ล.ต. กับเกณฑ์กำกับดูแลฉบับใหม่
- ตลาดคอนเทนต์การเงิน: โอกาสและความเสี่ยงที่ต้องจับตา
- ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล: โครงการ Responsible Voices
- บทสรุป: ทิศทางอนาคตของการแนะนำการลงทุนในยุคดิจิทัล
การเติบโตอย่างรวดเร็วของโซเชียลมีเดียได้สร้างปรากฏการณ์ “ฟินฟลูเอนเซอร์” (Finfluencer) หรือผู้มีอิทธิพลด้านการเงินและการลงทุน ซึ่งกลายเป็นแหล่งข้อมูลสำคัญสำหรับนักลงทุนรายย่อยจำนวนมาก ด้วยเหตุนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงได้เริ่มดำเนินการเพื่อจัดระเบียบและวางแนวทางการกำกับดูแลการชี้ช่องหรือให้คำแนะนำการลงทุนผ่านช่องทางเหล่านี้ เพื่อสร้างความโปร่งใสและคุ้มครองผู้บริโภคในตลาดทุน
สรุปประเด็นสำคัญของการกำกับดูแลฟินฟลูเอนเซอร์
- การปรับปรุงหลักเกณฑ์: ก.ล.ต. กำลังอยู่ในกระบวนการปรับปรุงหลักเกณฑ์การโฆษณาผลิตภัณฑ์ในตลาดทุนให้ครอบคลุมการทำงานของฟินฟลูเอนเซอร์ เพื่อสร้างมาตรฐานที่ชัดเจน
- เพิ่มความรับผิดชอบของผู้ประกอบธุรกิจ: ผู้ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์จะต้องมีส่วนรับผิดชอบในการคัดเลือก กำกับดูแล และทำข้อตกลงกับฟินฟลูเอนเซอร์ที่จ้างงาน เพื่อให้มั่นใจว่าเนื้อหามีความถูกต้องและไม่ παραπλανητική
- ความโปร่งใสในการโฆษณา: เนื้อหาที่เกิดจากความร่วมมือในเชิงพาณิชย์จะต้องระบุอย่างชัดเจนว่าเป็น “โฆษณา” และอาจต้องมีคำเตือนความเสี่ยงประกอบตามความเหมาะสม
- ความร่วมมือข้ามหน่วยงาน: ก.ล.ต., ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้ร่วมมือกันในโครงการ “Responsible Voices” เพื่อส่งเสริมความรู้และความรับผิดชอบให้กับฟินฟลูเอนเซอร์
อิทธิพลที่เพิ่มขึ้นของฟินฟลูเอนเซอร์ในภูมิทัศน์การเงินไทย
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พฤติกรรมการรับข้อมูลข่าวสารด้านการลงทุนได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง จากเดิมที่นักลงทุนต้องพึ่งพาข้อมูลจากนักวิเคราะห์หรือสถาบันการเงินเป็นหลัก ปัจจุบันโซเชียลมีเดียได้กลายเป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงข้อมูลสำหรับคนจำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่และนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเป็นที่มาของบทบาทที่สำคัญของ “ฟินฟลูเอนเซอร์”
ปรากฏการณ์ฟินฟลูเอนเซอร์: ทำไมจึงสำคัญ
ฟินฟลูเอนเซอร์ คือ บุคคลที่สร้างคอนเทนต์เกี่ยวกับเรื่องการเงินและการลงทุนผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ เช่น Facebook, YouTube, TikTok, และ Podcast พวกเขามีความสามารถในการย่อยข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย นำเสนอในรูปแบบที่น่าสนใจและเข้าถึงได้ง่ายกว่าช่องทางแบบดั้งเดิม ทำให้สามารถสร้างฐานผู้ติดตามจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว อิทธิพลของพวกเขาส่งผลโดยตรงต่อการตัดสินใจลงทุนของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในสินทรัพย์ดั้งเดิมอย่างหุ้น หรือสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความผันผวนสูงอย่างคริปโต
การเติบโตอย่างก้าวกระโดดนี้ทำให้ฟินฟลูเอนเซอร์กลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญในระบบนิเวศของตลาดทุน แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความท้าทายใหม่ๆ ให้กับหน่วยงานกำกับดูแล เนื่องจากเนื้อหาที่เผยแพร่ออกไปนั้นมีหลากหลาย ทั้งการให้ความรู้ที่เป็นกลาง การรีวิวผลิตภัณฑ์ทางการเงิน ไปจนถึงการชี้ช่องลงทุนที่อาจขาดความถูกต้องและไม่มีใบอนุญาต
กลุ่มเป้าหมายหลัก: นักลงทุนรายย่อยและคนรุ่นใหม่
นักลงทุนกลุ่มที่ได้รับอิทธิพลจากฟินฟลูเอนเซอร์มากที่สุดคือกลุ่มนักลงทุนรายย่อยและผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นศึกษาเรื่องการลงทุน บุคคลกลุ่มนี้มักมีความรู้และประสบการณ์ในตลาดทุนจำกัด จึงต้องพึ่งพาข้อมูลจากแหล่งที่เข้าถึงง่ายและดูน่าเชื่อถือ การนำเสนอที่เป็นกันเองและดูเหมือนเป็น “เพื่อนแนะนำเพื่อน” ของฟินฟลูเอนเซอร์ทำให้เกิดความไว้วางใจได้ง่าย อย่างไรก็ตาม ความไว้วางใจนี้อาจนำไปสู่ความเสี่ยง หากข้อมูลที่ได้รับนั้นมีอคติ ไม่ครบถ้วน หรือมีเจตนาแอบแฝงเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ซึ่งอาจนำไปสู่การตัดสินใจลงทุนที่ผิดพลาดและสร้างความเสียหายทางการเงินได้
การเคลื่อนไหวของ ก.ล.ต. กับเกณฑ์กำกับดูแลฉบับใหม่
เพื่อรับมือกับความท้าทายดังกล่าวและคุ้มครองผลประโยชน์ของนักลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้ประกาศอย่างชัดเจนถึงแนวทางการปรับปรุงหลักเกณฑ์การโฆษณาให้ทันต่อยุคสมัย โดยมุ่งเน้นไปที่การกำกับดูแลการทำงานระหว่างผู้ประกอบธุรกิจในตลาดทุนและฟินฟลูเอนเซอร์
สาเหตุเบื้องหลังการจัดระเบียบ
การจัดระเบียบครั้งนี้มีสาเหตุหลักมาจากความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นในตลาดทุน อันเนื่องมาจากข้อมูลที่เผยแพร่บนโลกออนไลน์ซึ่งขาดการกำกับดูแลที่ชัดเจน ความเสี่ยงเหล่านี้ประกอบด้วย:
- ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรือเกินจริง: การให้ข้อมูลที่อาจสร้างความเข้าใจผิดเกี่ยวกับผลตอบแทนและความเสี่ยงของผลิตภัณฑ์การลงทุน
- การขาดความโปร่งใส: การรีวิวหรือแนะนำการลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนจากบริษัทผู้ออกผลิตภัณฑ์ (Sponsorship) โดยไม่เปิดเผยให้ผู้บริโภคทราบอย่างชัดเจน ซึ่งอาจเข้าข่ายเป็นการ “รีวิวเชียร์” ที่มีอคติ
- การแนะนำการลงทุนโดยไม่มีใบอนุญาต: การชี้ช่องหรือให้คำแนะนำการลงทุนในลักษณะที่เข้าข่ายการเป็นผู้แนะนำการลงทุนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ซึ่งเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย
- การหลอกลงทุนออนไลน์: การใช้ช่องทางโซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือในการสร้างความน่าเชื่อถือเพื่อหลอกลวงประชาชนให้ลงทุนในรูปแบบต่างๆ
สาระสำคัญของหลักเกณฑ์ใหม่ที่กำลังจะเกิดขึ้น
หลักเกณฑ์ใหม่ที่ ก.ล.ต. กำลังพิจารณาและได้เปิดรับฟังความคิดเห็น (Public Hearing) ไปเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 มีเป้าหมายเพื่อสร้างกลไกที่รัดกุมยิ่งขึ้น โดยมีสาระสำคัญดังนี้:
- เพิ่มภาระผูกพันให้ผู้ประกอบธุรกิจ: บริษัทหลักทรัพย์หรือผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องการใช้บริการฟินฟลูเอนเซอร์ในการโฆษณา จะต้องมีกระบวนการคัดกรอง (Due Diligence) ที่เหมาะสม ต้องมีการทำข้อตกลงที่ชัดเจน และต้องกำกับดูแลเนื้อหาที่ฟินฟลูเอนเซอร์เผยแพร่ให้เป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่กำหนด พูดง่ายๆ คือ ผู้ประกอบธุรกิจไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบต่อข้อมูลที่เผยแพร่ผ่านอินฟลูเอนเซอร์ที่ตนจ้างได้
- บังคับให้เปิดเผยข้อมูลอย่างโปร่งใส: คอนเทนต์ที่มีลักษณะเป็นการโฆษณาหรือได้รับการสนับสนุนจะต้องระบุให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถแยกแยะระหว่างความคิดเห็นส่วนตัวกับการสื่อสารทางการตลาดได้ นอกจากนี้ อาจมีการกำหนดให้ต้องใส่คำเตือนเกี่ยวกับความเสี่ยงของการลงทุนควบคู่ไปด้วยเสมอ
- การสร้างความเข้าใจร่วมกัน: ก.ล.ต. เน้นกระบวนการมีส่วนร่วม โดยเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน ทั้งผู้ประกอบธุรกิจ ฟินฟลูเอนเซอร์ และประชาชนทั่วไป เพื่อให้เกณฑ์ที่จะออกมานั้นมีความสมดุลและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
ตลาดคอนเทนต์การเงิน: โอกาสและความเสี่ยงที่ต้องจับตา
การเติบโตของฟินฟลูเอนเซอร์ไม่ได้เป็นเพียงปรากฏการณ์ทางสังคม แต่ยังสะท้อนถึงการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัลและตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์ ซึ่งมีมูลค่ามหาศาลและมีแนวโน้มที่จะเติบโตต่อไปอย่างต่อเนื่อง
มูลค่าตลาดและแนวโน้มการเติบโต
ข้อมูลระบุว่าตลาดคอนเทนต์ครีเอเตอร์และอินฟลูเอนเซอร์ในประเทศไทยมีมูลค่าสูงถึง 45,000 ล้านบาทในปี 2567 และมีการคาดการณ์ว่าตลาดนี้ในระดับโลกอาจขยายตัวสู่มูลค่า 16 ล้านล้านบาทภายในปี 2572 ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นถึงโอกาสทางธุรกิจมหาศาล และยืนยันว่าฟินฟลูเอนเซอร์ไม่ใช่แค่กระแสชั่วคราว แต่เป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างอุตสาหกรรมการเงินยุคใหม่ไปแล้ว
อำนาจในการสื่อสารที่เพิ่มขึ้น มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ต้องหนักแน่นขึ้น การเติบโตของตลาดนี้จึงต้องมาพร้อมกับมาตรฐานทางจริยธรรมและการกำกับดูแลที่เข้มแข็ง เพื่อให้การเติบโตนั้นเป็นไปอย่างยั่งยืน
ความเสี่ยงจากข้อมูลที่อาจมีอคติและไม่ผ่านการตรวจสอบ
แม้ว่าฟินฟลูเอนเซอร์จำนวนมากจะมุ่งเน้นการให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ แต่ก็มีความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องตระหนักอยู่เสมอ เนื้อหาบางส่วนอาจถูกสร้างขึ้นโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น การได้รับค่าตอบแทนเพื่อโปรโมทผลิตภัณฑ์ทางการเงินบางชนิดเป็นพิเศษ ซึ่งอาจทำให้ข้อมูลที่นำเสนอนั้นเอนเอียงและไม่ได้สะท้อนภาพรวมที่แท้จริงของผลิตภัณฑ์นั้นๆ นอกจากนี้ การให้คำแนะนำการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความซับซ้อนและผันผวนสูง เช่น หุ้นรายตัว หรือ คริปโต โดยขาดความเข้าใจในเชิงลึก อาจสร้างความเสียหายแก่นักลงทุนที่ปฏิบัติตามคำแนะนำโดยขาดการวิเคราะห์ด้วยตนเอง
| หัวข้อ | แนวทางเดิม (ก่อนปรับปรุง) | แนวทางใหม่ (ตามที่คาดการณ์) |
|---|---|---|
| ความรับผิดชอบ | ไม่ชัดเจน, ขึ้นอยู่กับจรรยาบรรณของแต่ละบุคคลเป็นหลัก | ผู้ประกอบธุรกิจที่ว่าจ้างต้องร่วมรับผิดชอบต่อเนื้อหา |
| การเปิดเผยข้อมูล | ไม่มีข้อบังคับที่ชัดเจน, อาจมีการเปิดเผยตามความสมัครใจ | บังคับให้ระบุว่าเป็น “โฆษณา” อย่างชัดเจน |
| การคัดเลือกอินฟลูเอนเซอร์ | ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้ประกอบธุรกิจโดยไม่มีเกณฑ์กลาง | ผู้ประกอบธุรกิจต้องมีกระบวนการคัดกรองและทำข้อตกลง |
| คำเตือนความเสี่ยง | ไม่มีข้อกำหนดเป็นการทั่วไป อาจมีหรือไม่มีก็ได้ | มีแนวโน้มบังคับให้ใส่คำเตือนความเสี่ยงประกอบการโฆษณา |
ความร่วมมือระหว่างหน่วยงานกำกับดูแล: โครงการ Responsible Voices
การจัดระเบียบฟินฟลูเอนเซอร์ไม่ได้เกิดขึ้นจาก ก.ล.ต. เพียงหน่วยงานเดียว แต่เป็นความพยายามร่วมกันของหน่วยงานกำกับดูแลภาคการเงินหลักของประเทศ เพื่อสร้างมาตรฐานและความรับผิดชอบในภาพรวม
บทบาทของ 3 องค์กรหลัก
โครงการ “Responsible Voices” เป็นความร่วมมือระหว่าง 3 หน่วยงานสำคัญ ได้แก่:
- สำนักงาน ก.ล.ต.: กำกับดูแลตลาดทุน ทั้งหุ้น กองทุนรวม และสินทรัพย์ดิจิทัล
- ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.): กำกับดูแลสถาบันการเงินและนโยบายการเงินของประเทศ
- สำนักงาน คปภ.: กำกับดูแลธุรกิจประกันภัยและผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง
การร่วมมือกันของทั้งสามหน่วยงานสะท้อนให้เห็นว่าปัญหาการสื่อสารข้อมูลทางการเงินที่ไม่ถูกต้องนั้นครอบคลุมทุกมิติของภาคการเงิน ไม่ใช่แค่เรื่องการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์เพียงอย่างเดียว
เป้าหมายในการสร้างมาตรฐานและความรับผิดชอบ
โครงการ Responsible Voices มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับกลุ่มฟินฟลูเอนเซอร์ โดยเน้นย้ำถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและผลกระทบของข้อมูลที่เผยแพร่ออกไป นอกจากนี้ยังมีการส่งเสริมและเชิดชูผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพและเป็นกลาง เช่น การเข้าร่วมมอบรางวัลในเวที Thailand Influencer Awards 2025 เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีและสร้างแรงจูงใจให้เกิดคอนเทนต์ทางการเงินที่สร้างสรรค์และมีความรับผิดชอบ แนวทางนี้แสดงให้เห็นว่าหน่วยงานกำกับดูแลไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการบังคับใช้กฎหมาย แต่ยังให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและให้ความรู้ควบคู่กันไป เพื่อยกระดับคุณภาพของระบบนิเวศข้อมูลทางการเงินโดยรวม
บทสรุป: ทิศทางอนาคตของการแนะนำการลงทุนในยุคดิจิทัล
การที่ ก.ล.ต. และหน่วยงานพันธมิตรกำลังดำเนินการเพื่อจัดระเบียบและกำกับดูแล ‘ฟินฟลูเอนเซอร์’ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความสมดุลระหว่างนวัตกรรมการสื่อสารในยุคดิจิทัลกับการคุ้มครองนักลงทุน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อจำกัดความคิดสร้างสรรค์ แต่เพื่อสร้างกรอบการทำงานที่โปร่งใสและมีความรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่ายในระยะยาว
สำหรับนักลงทุน การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เป็นสัญญาณเตือนให้เพิ่มความระมัดระวังในการบริโภคข้อมูลจากโลกออนไลน์ ควรตรวจสอบความน่าเชื่อถือของแหล่งข้อมูล และพิจารณาข้อมูลจากหลากหลายแหล่งประกอบการตัดสินใจลงทุนเสมอ ในขณะเดียวกัน สำหรับคอนเทนต์ครีเอเตอร์และฟินฟลูเอนเซอร์ นี่คือโอกาสในการยกระดับมาตรฐานการทำงานของตนเอง โดยมุ่งเน้นการสร้างสรรค์เนื้อหาที่มีคุณภาพ ถูกต้อง และโปร่งใส เพื่อสร้างความไว้วางใจที่ยั่งยืนจากผู้ติดตาม ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะนำไปสู่การเติบโตของตลาดทุนไทยที่มีเสถียรภาพและเป็นธรรมสำหรับทุกคน


