วันสารทเดือนสิบ 68: ประเพณีชิงเปรต-ขนม 5 อย่างต้องรู้
ประเพณีวันสารทเดือนสิบเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สำคัญที่สุดของชาวไทยภาคใต้ จัดขึ้นเพื่ออุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษผู้ล่วงลับ โดยมีความเชื่อว่าดวงวิญญาณของบรรพชน โดยเฉพาะ “เปรต” จะได้รับการปลดปล่อยให้กลับมายังโลกมนุษย์เพื่อรับส่วนบุญจากลูกหลาน กิจกรรมสำคัญที่ขาดไม่ได้คือ “ประเพณีชิงเปรต” และการจัดเตรียมขนม 5 อย่างที่มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ลึกซึ้ง
- ความสำคัญ: วันสารทเดือนสิบเป็นประเพณีการทำบุญใหญ่ประจำปีของชาวภาคใต้ เพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว
- ความเชื่อหลัก: เกี่ยวข้องกับ “เปรต” หรือดวงวิญญาณที่ถูกปล่อยจากนรกภูมิให้มารับส่วนบุญจากญาติพี่น้องบนโลกมนุษย์ในช่วงเดือน 10
- ประเพณีชิงเปรต: เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่ผู้คนจะแย่งชิงเครื่องเซ่นไหว้หลังเสร็จสิ้นพิธี โดยเชื่อว่าเป็นการรับส่วนบุญและสิริมงคลกลับไปสู่ครอบครัว
- ขนม 5 อย่าง: ขนมพอง, ขนมลา, ขนมกง, ขนมดีซำ, และขนมบ้า คือเครื่องเซ่นไหว้หลัก แต่ละชนิดมีความหมายแทนสิ่งของเครื่องใช้ที่มอบให้บรรพบุรุษนำไปใช้ในปรโลก
- ศูนย์กลางประเพณี: จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นที่รู้จักกันดีในการจัดงานประเพณีสารทเดือนสิบอย่างยิ่งใหญ่และครบถ้วนตามแบบแผนดั้งเดิม
วันสารทเดือนสิบ 68: ประเพณีชิงเปรต-ขนม 5 อย่างต้องรู้ ถือเป็นมรดกทางวัฒนธรรมอันทรงคุณค่าของภาคใต้ ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อในเรื่องโลกหลังความตาย กฎแห่งกรรม และที่สำคัญที่สุดคือความกตัญญูกตเวทีต่อบุพการีและบรรพชน เทศกาลนี้ไม่ได้เป็นเพียงพิธีกรรมทางศาสนา แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวและชุมชนจะได้มารวมตัวกันเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน สร้างความรักความสามัคคี และสืบทอดประเพณีอันดีงามให้คงอยู่สืบไป
กำหนดการสำคัญ: วันรับและวันส่งเปรต
ประเพณีสารทเดือนสิบมีระยะเวลาจัดงานทั้งสิ้น 15 วัน โดยมีวันสำคัญอยู่ 2 วัน คือ วันที่ดวงวิญญาณเดินทางมาถึง และวันที่ต้องเดินทางกลับ
วันรับเปรต (แรม 1 ค่ำ เดือน 10)
วันแรม 1 ค่ำ เดือน 10 ถือเป็นวันแรกที่เปรตชนได้รับการปลดปล่อยให้กลับมายังโลกมนุษย์ ลูกหลานจะทำการ “รับเปรต” หรือ “รับตายาย” โดยจะจัดเตรียมอาหารคาวหวานและขนมเดือนสิบบางส่วนไปทำบุญที่วัด เป็นการต้อนรับการกลับมาของดวงวิญญาณบรรพบุรุษ การทำบุญในวันนี้อาจมีขนาดไม่ใหญ่เท่างานหลัก แต่ก็เป็นสัญลักษณ์ของการเริ่มต้นเทศกาลแห่งความกตัญญูอย่างเป็นทางการ และในหลายพื้นที่ยังมีการจัด “ประเพณีชิงเปรต” ขนาดย่อมในวันนี้อีกด้วย
วันส่งเปรต (แรม 15 ค่ำ เดือน 10)
วันแรม 15 ค่ำ เดือน 10 คือวันสุดท้ายที่ดวงวิญญาณบรรพบุรุษจะอยู่บนโลกมนุษย์ ก่อนที่จะต้องเดินทางกลับไปยังภพภูมิของตน วันนี้จึงถือเป็นวันทำบุญใหญ่ที่สำคัญที่สุดของประเพณี ลูกหลานจะจัดเตรียมสำรับ “หมฺรับ” (สำรับ) ที่ประกอบด้วยอาหารคาวหวานนานาชนิด และขนม 5 อย่างที่ขาดไม่ได้ ไปถวายพระที่วัดอย่างยิ่งใหญ่และพร้อมเพรียงกัน เพื่อเป็นการส่งเสบียงให้บรรพบุรุษได้นำกลับไปใช้ในปรโลก หลังจากเสร็จสิ้นพิธีสงฆ์แล้ว ก็จะเข้าสู่กิจกรรม “ชิงเปรต” ซึ่งถือเป็นไฮไลท์สำคัญของงาน เป็นการส่งท้ายการเดินทางกลับของเหล่าดวงวิญญาณด้วยความเชื่อว่าจะได้รับบุญกุศลกลับไป
ไฮไลท์ของงาน: ประเพณีชิงเปรต
ประเพณีชิงเปรตเป็นกิจกรรมที่เป็นเอกลักษณ์และสร้างสีสันให้กับงานสารทเดือนสิบมากที่สุด แม้ชื่ออาจจะฟังดูน่ากลัว แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นกิจกรรมที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานและแฝงไว้ด้วยคติธรรมอันลึกซึ้ง
พิธีกรรมและขั้นตอน
หลังจากที่ลูกหลานนำอาหารและเครื่องเซ่นไหว้ต่างๆ มาตั้งเพื่ออุทิศให้แก่เปรตบรรพบุรุษแล้ว ซึ่งเรียกว่าการ “ตั้งเปรต” โดยจะจัดวางไว้บน “หลาเปรต” หรือ “ร้านเปรต” ซึ่งเป็นร้านยกพื้นสูงที่สร้างขึ้นชั่วคราวภายในวัด เมื่อพระสงฆ์สวดบังสุกุลและประกอบพิธีเสร็จสิ้น ถือว่าดวงวิญญาณของเปรตได้รับส่วนบุญและบริโภคอาหารทิพย์เหล่านั้นแล้ว ของที่เหลืออยู่บนร้านเปรตจะถือว่าเป็น “ของเดน” หรือของที่เหลือจากการเซ่นไหว้
จากนั้นจะมีการส่งสัญญาณ เช่น การตีระฆังหรือการกล่าวอนุญาตโดยผู้นำพิธี เมื่อสัญญาณดังขึ้น ผู้คนที่มาร่วมงานทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะพากันวิ่งเข้าไปแย่งชิงของเซ่นไหว้เหล่านั้นอย่างคึกคักและสนุกสนาน บรรยากาศจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้ม ซึ่งเป็นภาพที่แตกต่างจากชื่อของประเพณีอย่างสิ้นเชิง
ความเชื่อเบื้องหลังการแย่งชิง
การ “ชิงเปรต” ไม่ใช่การลบหลู่ แต่เป็นกุศโลบายที่แยบยลและมีความหมายซ่อนอยู่หลายประการ ประการแรก มีความเชื่อว่าของเซ่นไหว้ที่เหลือจากการอุทิศให้เปรตนั้นเป็นของมงคล ใครที่ได้กินของเหล่านี้จะได้รับบุญกุศล มีสุขภาพแข็งแรง ปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ และนำความสิริมงคลมาสู่ตนเองและครอบครัว
ประการที่สอง เป็นการแสดงให้เปรตที่ยังมีนิสัยละโมบโลภมากอยู่ ได้เห็นภาพการแย่งชิงอันน่าสมเพช เพื่อเป็นเครื่องเตือนสติให้บรรเทาความโลภลง และประการสุดท้าย ในเชิงสังคม การชิงเปรตคือรูปแบบหนึ่งของการแบ่งปันและกระจายอาหารให้แก่ผู้คนในชุมชน โดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้ ให้ได้มีโอกาสรับประทานของดีๆ ร่วมกัน ถือเป็นกิจกรรมที่สร้างความเท่าเทียมและความสามัคคีให้เกิดขึ้นในสังคม
ไขความหมายขนม 5 อย่าง: สัญลักษณ์แทนใจถึงบรรพบุรุษ
ในพิธีสารทเดือนสิบ ขนม 5 ชนิดถือเป็นเครื่องเซ่นไหว้ที่ขาดไม่ได้โดยเด็ดขาด เนื่องจากขนมแต่ละชนิดไม่ได้เป็นเพียงอาหาร แต่เป็นสัญลักษณ์แทนสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นที่ลูกหลานต้องการมอบให้บรรพบุรุษนำไปใช้ในปรโลก
ชื่อขนม | ลักษณะเด่น | ความหมายเชิงสัญลักษณ์ |
---|---|---|
ขนมพอง | ทำจากข้าวเหนียวนึ่ง ตากแห้ง และทอดจนพองฟู มีน้ำหนักเบา | ใช้เป็นแพหรือพาหนะสำหรับให้ดวงวิญญาณข้ามห้วงมหรรณพหรือสังสารวัฏ |
ขนมลา | ทำจากแป้งข้าวเจ้าและน้ำตาล ทอดเป็นเส้นใยละเอียดสีเหลืองทอง สานกันเป็นแผ่น | ใช้เป็นแพรพรรณ เครื่องนุ่งห่ม หรือเสื้อผ้าให้บรรพบุรุษได้สวมใส่ |
ขนมกง (ขนมไข่ปลา) | ทำจากแป้งทอด มีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายกำไลหรือกงล้อ | ใช้เป็นเครื่องประดับ เช่น แหวน กำไล สร้อยคอ เพื่อให้บรรพบุรุษได้ใช้ประดับกาย |
ขนมดีซำ | ทำจากแป้งข้าวเจ้า นวดแล้วกดลงในพิมพ์ให้มีรูปร่างคล้ายเบี้ย | ใช้เป็นเงินเบี้ย หรือเงินทองสำหรับให้บรรพบุรุษได้ใช้สอยในปรโลก |
ขนมบ้า | ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมน้ำตาล ทอดจนพองกรอบ มีลักษณะกลมแบน | ใช้เป็นลูกสะบ้า สำหรับให้บรรพบุรุษได้ใช้ละเล่นเพื่อความเพลิดเพลิน |
ขนมพอง: แพข้ามสังสารวัฏ
ขนมพองทำจากข้าวเหนียวนึ่งแล้วนำไปตากแดดให้แห้งสนิท ก่อนจะนำมาทอดในน้ำมันร้อนๆ จนพองฟูขึ้น มีลักษณะเบาและกลวงภายใน ความเบานี้เองที่ทำให้เกิดความเชื่อว่า ขนมพองเปรียบเสมือนแพหรือพาหนะที่จะช่วยให้ดวงวิญญาณของบรรพบุรุษสามารถล่องข้ามภพข้ามชาติ หรือข้ามห้วงมหรรณพแห่งความทุกข์ยากในสังสารวัฏไปสู่สุคติภูมิได้โดยง่าย
ขนมลา: แพรพรรณเครื่องนุ่งห่ม
ขนมลาเป็นขนมที่ต้องใช้ความประณีตในการทำสูงที่สุด ทำจากแป้งข้าวเจ้าผสมกับน้ำตาลโตนดหรือน้ำตาลมะพร้าว แล้วเทผ่านภาชนะที่มีรูเล็กๆ ลงในกระทะน้ำมันร้อนให้เป็นเส้นสายละเอียดสานกันเป็นร่างแหสีเหลืองทอง ด้วยลักษณะที่เป็นเส้นใยบางเบาและสวยงามนี้เอง ทำให้ขนมลาถูกใช้เป็นสัญลักษณ์แทนแพรพรรณ เสื้อผ้า หรือเครื่องนุ่งห่ม เพื่อให้บรรพบุรุษได้นำไปสวมใส่ ไม่ต้องทนทุกข์จากความหนาวเย็นหรือเปลือยกายในปรโลก
ขนมกง: เครื่องประดับอันล้ำค่า
ขนมกง หรือบางท้องถิ่นเรียกว่า ขนมไข่ปลา มีลักษณะเป็นวงกลมคล้ายกงล้อของเกวียน หรือคล้ายกำไลข้อมือ ทำจากแป้งถั่วเขียวผสมกับแป้งข้าวเหนียวและน้ำตาล แล้วนำไปทอดให้กรอบนอกนุ่มใน ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นวงกลมนี้เอง จึงมีความหมายเชิงสัญลักษณ์แทนเครื่องประดับต่างๆ เช่น กำไล สร้อยคอ หรือแหวน เพื่อให้บรรพบุรุษได้นำไปตกแต่งร่างกายให้สวยงาม
ขนมดีซำ: เงินทองสำหรับใช้สอย
ขนมดีซำมีลักษณะเป็นก้อนแป้งเล็กๆ ที่ถูกกดให้เป็นรอยบุ๋มตรงกลาง มีรูปร่างคล้าย “เบี้ย” ซึ่งเป็นเงินตราที่ใช้กันในสมัยโบราณ ขนมชนิดนี้จึงมีความหมายตรงตัวแทนเงินทองหรือเบี้ยสำหรับใช้จ่าย เพื่อให้บรรพบุรุษนำไปใช้สอยซื้อสิ่งของที่จำเป็นในภพภูมิของตน ไม่ต้องอยู่อย่างขัดสน
ขนมบ้า: ลูกสะบ้าเพื่อการละเล่น
ขนมบ้าทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมมะพร้าวและน้ำตาล ปั้นเป็นก้อนกลมแบนแล้วนำไปทอด มีเนื้อสัมผัสที่หนึบหนับและรสชาติหวานมัน ชื่อ “บ้า” สันนิษฐานว่าเพี้ยนมาจากคำว่า “สะบ้า” ซึ่งเป็นการละเล่นพื้นบ้านชนิดหนึ่ง ด้วยลักษณะที่กลมแบนคล้ายลูกสะบ้านี้เอง ขนมบ้าจึงมีความหมายแทนเครื่องเล่นหรือของเล่นสำหรับให้บรรพบุรุษได้ใช้ละเล่นเพื่อความสนุกสนานและผ่อนคลายในปรโลก
งานเดือนสิบ นครศรีธรรมราช: ศูนย์กลางแห่งศรัทธา
แม้ว่าประเพณีสารทเดือนสิบจะมีการปฏิบัติกันทั่วทั้งภาคใต้ แต่จังหวัดนครศรีธรรมราชได้รับการยอมรับว่าเป็นศูนย์กลางของการจัดงานที่ยิ่งใหญ่ สมบูรณ์ และรักษาเอกลักษณ์ดั้งเดิมไว้ได้อย่างครบถ้วนที่สุด ในช่วงเทศกาล เมืองนครศรีธรรมราชจะเต็มไปด้วยบรรยากาศของความศรัทธาและความคึกคัก มีการจัดงาน “ประเพณีเทศกาลเดือนสิบนครศรีธรรมราช” อย่างเป็นทางการ ซึ่งประกอบด้วยกิจกรรมหลากหลาย ทั้งขบวนแห่ “หมฺรับ” ที่ตกแต่งอย่างวิจิตรตระการตา การประกวดหมฺรับ การแสดงศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้าน เช่น หนังตะลุง มโนราห์ และการออกร้านจำหน่ายสินค้าท้องถิ่น
วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารและสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ 84 (ทุ่งท่าลาด) จะกลายเป็นสถานที่หลักในการประกอบพิธีกรรม ผู้คนจากทั่วทุกสารทิศจะหลั่งไหลมารวมตัวกันเพื่อทำบุญและร่วมกิจกรรมชิงเปรต ทำให้งานเดือนสิบของนครศรีธรรมราชไม่ได้เป็นเพียงงานบุญประจำจังหวัด แต่เป็นเทศกาลสำคัญระดับภูมิภาคที่ดึงดูดทั้งนักท่องเที่ยวและผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาให้เดินทางมาสัมผัสกับมรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่านี้ด้วยตนเอง
บทสรุป: การสืบสานคุณค่าแห่งความกตัญญู
วันสารทเดือนสิบ 68 และประเพณีชิงเปรตไม่ได้เป็นเพียงพิธีกรรมที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาตามความเชื่อเท่านั้น แต่ยังเป็นเทศกาลที่สะท้อนถึงแก่นแท้ของคุณธรรมที่สำคัญที่สุดของสังคมไทย นั่นคือ “ความกตัญญู” การระลึกถึงพระคุณของบรรพบุรุษและแสดงออกผ่านการทำบุญอุทิศส่วนกุศล คือการธำรงรักษาคุณค่าทางจิตใจที่งดงามเอาไว้ นอกจากนี้ ประเพณียังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการสร้างความผูกพันในครอบครัวและความสามัคคีในชุมชน ผ่านการรวมตัวทำกิจกรรมร่วมกัน
การทำความเข้าใจในความหมายที่ซ่อนอยู่ในแต่ละองค์ประกอบของประเพณี ตั้งแต่ความเชื่อเรื่องเปรตไปจนถึงสัญลักษณ์ของขนม 5 อย่าง จะช่วยให้คนรุ่นใหม่ตระหนักถึงภูมิปัญญาและคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมที่บรรพชนได้สร้างสรรค์และส่งต่อมา การมีส่วนร่วมและสืบสานประเพณีสารทเดือนสิบ จึงเท่ากับการช่วยต่อลมหายใจให้วัฒนธรรมอันดีงามนี้คงอยู่เป็นเอกลักษณ์ของชาวใต้และเป็นมรดกของชาติไทยสืบไป