Shopping cart

เงินเดือนเท่าเดิม สู้เงินเฟ้อ 2569 ยังไงให้รอด?

สารบัญ

สถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2569 นำมาซึ่งความท้าทายเฉพาะตัวสำหรับมนุษย์เงินเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรายรับยังคงที่ แต่แรงกดดันจากค่าครองชีพกลับไม่ได้ลดลงตามตัวเลขเงินเฟ้อภาพรวม คำถามสำคัญคือ เมื่อต้องเผชิญกับภาวะ เงินเดือนเท่าเดิม สู้เงินเฟ้อ 2569 ยังไงให้รอด? บทความนี้จะวิเคราะห์สถานการณ์และนำเสนอแนวทางการวางแผนการเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อให้สามารถบริหารจัดการรายรับที่มีอยู่จำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด และสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

  • แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยในปี 2569 จะคาดการณ์ว่าอยู่ในระดับต่ำ แต่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นหลายรายการยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าครองชีพจริง
  • การรับมือกับภาวะเงินเดือนคงที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การลดรายจ่าย แต่ครอบคลุมถึงการสร้างสภาพคล่องทางการเงิน การลดหนี้สิน การแสวงหารายได้เสริม และการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ
  • การพัฒนาทักษะส่วนบุคคลและการวางแผนภาษีอย่างมีประสิทธิภาพเป็นอีกสององค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มศักยภาพทางการเงินและลดภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
  • ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจที่เติบโตชะลอตัว โอกาสในการปรับขึ้นเงินเดือนอาจมีจำกัด การวางแผนการเงินเชิงรุกจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษามูลค่าของเงินและสร้างความมั่นคงในอนาคต

ภาพรวมสถานการณ์เศรษฐกิจและเงินเฟ้อไทย ปี 2569

เงินเดือนเท่าเดิม สู้เงินเฟ้อ 2569 ยังไงให้รอด? - salary-vs-inflation-2026-thailand

การทำความเข้าใจสภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจเป็นขั้นตอนแรกที่สำคัญในการวางแผนการเงินสำหรับปี 2569 แม้ว่าตัวเลขทางสถิติอาจดูไม่น่ากังวล แต่สถานการณ์จริงที่ประชาชนต้องเผชิญกลับมีความซับซ้อนมากกว่านั้น การวิเคราะห์ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อและปัจจัยแวดล้อมอื่น ๆ จะช่วยให้เห็นภาพความท้าทายที่แท้จริงได้ชัดเจนยิ่งขึ้น

อัตราเงินเฟ้อที่สวนทางกับค่าครองชีพ

ข้อมูลจากหลายสถาบัน รวมถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ประเมินการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของประเทศไทยในปี 2569 ว่าจะอยู่ในระดับที่ต่ำมาก โดยคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ประมาณ 0.2% ถึง 0.5% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ต่ำกว่ากรอบเป้าหมายของ ธปท. ที่ตั้งไว้ที่ 1–3% และยังถือเป็นหนึ่งในอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำที่สุดในรอบหลายปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจคือ แม้ตัวเลขเงินเฟ้อโดยรวมจะต่ำ แต่ราคาสินค้าและบริการในบางหมวดหมู่ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันโดยตรงกลับยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงและไม่มีแนวโน้มปรับลดลงตาม สภาพการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความแตกต่างระหว่าง “เงินเฟ้อทางสถิติ” และ “ค่าครองชีพที่รู้สึกได้” สินค้าจำเป็น เช่น เนื้อสัตว์ น้ำมันพืช อาหารสำเร็จรูป และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ ยังคงเป็นภาระรายจ่ายที่หนักหน่วงสำหรับครัวเรือนส่วนใหญ่

แม้ตัวเลขเงินเฟ้อโดยรวมจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในชีวิตประจำวันกลับไม่ลดลงตามไปด้วย สร้างแรงกดดันโดยตรงต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน

ปัจจัยกดดันที่มนุษย์เงินเดือนต้องเผชิญ

นอกเหนือจากปัญหาราคาสินค้าที่ยังคงสูงแล้ว มนุษย์เงินเดือนยังต้องเผชิญกับปัจจัยกดดันอื่น ๆ ที่ซ้ำเติมสถานการณ์ทางการเงินให้เปราะบางยิ่งขึ้น:

  1. รายได้ที่เติบโตช้าหรือคงที่: แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 2569 คาดว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลง โดยมีการคาดการณ์ว่าอาจเติบโตเพียง 1.6% ซึ่งส่งผลให้โอกาสที่บริษัทส่วนใหญ่จะปรับขึ้นเงินเดือนให้แก่พนักงานมีน้อยลง ทำให้รายได้ของหลายคนไม่เติบโตทันรายจ่าย
  2. ปัญหาหนี้ครัวเรือน: ระดับหนี้ครัวเรือนของไทยที่ยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการออมและการลงทุน การมีภาระหนี้สินทำให้ความสามารถในการรับมือกับค่าครองชีพที่เพิ่มขึ้นลดน้อยลง
  3. นโยบายดอกเบี้ย: ธนาคารแห่งประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม (ปัจจุบันอยู่ที่ 1.50%) เพื่อรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งหมายความว่าผลตอบแทนจากเงินฝากออมทรัพย์จะยังคงอยู่ในระดับต่ำ ไม่เพียงพอที่จะชดเชยมูลค่าเงินที่ลดลงแม้ในภาวะเงินเฟ้อต่ำ
  4. รายจ่ายพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น: แรงกดดันทางการเงินไม่ได้มาจากเงินเฟ้อเพียงอย่างเดียว แต่ยังมาจากรายจ่ายจำเป็นอื่น ๆ ที่อาจเพิ่มขึ้นตามช่วงวัยและภาระความรับผิดชอบ เช่น ค่าเล่าเรียนบุตร ค่ารักษาพยาบาลของคนในครอบครัว ซึ่งเป็นรายจ่ายที่หลีกเลี่ยงได้ยาก

จากปัจจัยทั้งหมดนี้ ทำให้โจทย์ที่ว่า เงินเดือนเท่าเดิม สู้เงินเฟ้อ 2569 ยังไงให้รอด? กลายเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยการวางแผนอย่างรอบคอบและมีวินัยมากกว่าที่เคย

กลยุทธ์บริหารการเงิน เมื่อเงินเดือนไม่เพิ่ม ในปี 2569

เมื่อรายรับมีจำกัดและไม่เพิ่มขึ้น การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวางกลยุทธ์ทางการเงินอย่างเป็นระบบคือทางรอดที่สำคัญ การบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพจะช่วยรักษาสภาพคล่อง ลดความเสี่ยง และสร้างโอกาสในการเพิ่มพูนความมั่งคั่งได้แม้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้ออำนวย

หลักคิดพื้นฐาน: ทำความเข้าใจภาวะเงินเฟ้อและกำลังซื้อ

หัวใจสำคัญของการวางแผนการเงินคือการตระหนักว่าเงินเฟ้อส่งผลกระทบต่อ “กำลังซื้อ” หรือมูลค่าที่แท้จริงของเงินอย่างไร เงินเฟ้อทำให้เงินจำนวนเท่าเดิมสามารถซื้อสินค้าและบริการได้น้อยลงเมื่อเวลาผ่านไป ดังนั้น หากรายได้ไม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่อย่างน้อยเท่ากับเงินเฟ้อ ก็เท่ากับว่าความมั่งคั่งที่แท้จริงกำลังลดลงอย่างช้า ๆ

ในปี 2569 แม้อัตราเงินเฟ้อโดยรวมจะต่ำ แต่การที่ราคาสินค้าจำเป็นบางอย่างไม่ลดลง หมายความว่ากำลังซื้อสำหรับสินค้าเหล่านั้นยังคงถูกกัดกร่อน การวางแผนจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การสร้างผลตอบแทนหรือลดรายจ่ายให้ได้มากกว่าอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจริงในหมวดหมู่ที่กระทบกับเราโดยตรง

กลยุทธ์ที่ 1: การจัดการรายจ่ายและวินัยการออม

การควบคุมฝั่งรายจ่ายเป็นด่านแรกและเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ทันที การจัดลำดับความสำคัญของค่าใช้จ่ายและสร้างวินัยในการออมเป็นพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดของการเงินส่วนบุคคล

  • ทบทวนและจัดหมวดหมู่รายจ่าย: แยกแยะรายจ่ายอย่างจริงจังระหว่าง “รายจ่ายจำเป็น” (Needs) เช่น ค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง และ “รายจ่ายฟุ่มเฟือย” (Wants) เช่น ค่าช้อปปิ้ง ค่าอาหารมื้อพิเศษ ค่าบริการสตรีมมิ่งที่ไม่ค่อยได้ใช้ การทำบัญชีรายรับรายจ่ายจะช่วยให้เห็นภาพรวมและค้นพบจุดที่สามารถปรับลดได้
  • ลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น: กำหนดเป้าหมายในการลดรายจ่ายฟุ่มเฟือยอย่างชัดเจน เช่น ลดความถี่ในการสั่งอาหารนอกบ้าน ชงกาแฟดื่มเอง หรือยกเลิกการเป็นสมาชิกบริการต่าง ๆ ที่ไม่ได้ใช้งานเป็นประจำ เงินที่ประหยัดได้ในส่วนนี้สามารถนำไปเพิ่มในส่วนของเงินออมหรือการลงทุนได้
  • เพิ่มสัดส่วนเงินออม: แม้เงินเฟ้อจะต่ำ แต่การมีเงินออมยังคงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อเป็นกันชนสำหรับเหตุการณ์ไม่คาดฝันและเป็นทุนตั้งต้นสำหรับการลงทุนในอนาคต ควรตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจนและพยายามทำให้ได้ตามเป้าหมายทุกเดือน

กลยุทธ์ที่ 2: สร้างเกราะป้องกันทางการเงิน

ความมั่นคงทางการเงินไม่ได้วัดกันที่ความมั่งคั่งเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงความสามารถในการรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน การสร้างสภาพคล่องและจัดการหนี้สินจึงเป็นเกราะป้องกันที่สำคัญ

  • สำรองเงินฉุกเฉิน: ควรมีเงินสำรองฉุกเฉินเก็บไว้ในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงและเข้าถึงได้ง่าย เช่น บัญชีเงินฝากออมทรัพย์หรือกองทุนรวมตลาดเงิน อย่างน้อย 3-6 เท่าของค่าใช้จ่ายรายเดือน เงินส่วนนี้จะช่วยให้สามารถรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เช่น การเจ็บป่วยกะทันหัน หรือการว่างงาน โดยไม่ต้องไปกู้หนี้ยืมสิน
  • บริหารจัดการหนี้สิน: ชำระหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยสูงเป็นอันดับแรก เช่น หนี้บัตรเครดิต หรือหนี้สินเชื่อส่วนบุคคล การลดภาระดอกเบี้ยจะช่วยปลดล็อกกระแสเงินสดในแต่ละเดือนให้มีอิสระมากขึ้น และลดความเสี่ยงทางการเงินในระยะยาว

กลยุทธ์ที่ 3: แสวงหาช่องทางเพิ่มรายได้และการลงทุน

เมื่อรายได้จากงานประจำไม่เพิ่มขึ้น การมองหาแหล่งรายได้เพิ่มเติมและการนำเงินออมไปลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนเป็นกลยุทธ์เชิงรุกที่จำเป็น

  • สร้างรายได้เสริม: พิจารณาใช้เวลาว่างหรือทักษะที่มีอยู่สร้างรายได้เพิ่มเติม เช่น การขายของออนไลน์ การรับงานฟรีแลนซ์ หรือการทำงานพาร์ทไทม์ รายได้ส่วนนี้สามารถนำมาเพิ่มสภาพคล่องหรือต่อยอดการลงทุนได้
  • ลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ: การเก็บเงินไว้ในบัญชีออมทรัพย์เพียงอย่างเดียวอาจทำให้มูลค่าของเงินลดลง การจัดสรรเงินส่วนหนึ่งไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อจึงเป็นทางเลือกที่ควรพิจารณา ตัวเลือกการลงทุนมีความหลากหลายตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำไปจนถึงสูง เช่น
    • พันธบัตรรัฐบาล: มีความเสี่ยงต่ำและให้ผลตอบแทนที่แน่นอน สูงกว่าเงินฝากออมทรัพย์
    • ทองคำ: เป็นสินทรัพย์ที่มักถูกใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในระยะยาว
    • กองทุนรวม: มีนโยบายการลงทุนที่หลากหลาย เช่น กองทุนรวมที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อ (Inflation-linked fund) หรือกองทุนรวมหุ้น ซึ่งมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงแต่ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน การลงทุนควรเป็นไปตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้

กลยุทธ์ที่ 4: การลงทุนในตนเองเพื่อโอกาสในอนาคต

การลงทุนที่ดีที่สุดคือการลงทุนในความรู้และทักษะของตนเอง ซึ่งจะช่วยสร้างโอกาสในการเพิ่มรายได้หลักในระยะยาว

  • พัฒนาทักษะใหม่ (Upskill/Reskill): มองหาทักษะที่เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานและลงทุนเวลาในการเรียนรู้เพิ่มเติม ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านดิจิทัล ภาษา หรือทักษะเฉพาะทางในสายอาชีพ การมีทักษะที่โดดเด่นจะเพิ่มโอกาสในการเลื่อนตำแหน่งหรือย้ายไปทำงานในองค์กรที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า
  • ติดตามข่าวสารเศรษฐกิจ: การมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์เศรษฐกิจจะช่วยให้สามารถปรับแผนการเงินและการลงทุนได้อย่างทันท่วงที และตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลสนับสนุน

กลยุทธ์ที่ 5: การวางแผนภาษีเพื่อเพิ่มเงินในกระเป๋า

การวางแผนภาษีเป็นวิธีที่ถูกกฎหมายในการลดภาระค่าใช้จ่ายและทำให้มีเงินเหลือเก็บมากขึ้น ควรศึกษาและใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

  • ใช้สิทธิลดหย่อนอย่างเต็มที่: ตรวจสอบสิทธิลดหย่อนภาษีที่สามารถใช้ได้ เช่น ค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว (คู่สมรส, บุตร, บิดามารดา) เบี้ยประกันชีวิต ประกันสุขภาพ และการลงทุนในกองทุนเพื่อการออม (SSF) หรือกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF)
สรุปกลยุทธ์การวางแผนการเงินสำหรับมนุษย์เงินเดือนในปี 2569
กลยุทธ์ เป้าหมายหลัก ตัวอย่างการปฏิบัติ
1. การจัดการรายจ่ายและออม ควบคุมกระแสเงินสดและเพิ่มเงินทุนสำรอง ทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย, ลดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือย, ตั้งเป้าหมายออมอัตโนมัติ
2. สร้างสภาพคล่อง เตรียมพร้อมรับมือเหตุฉุกเฉินและลดภาระดอกเบี้ย เก็บเงินสำรองฉุกเฉิน 3-6 เดือน, ชำระหนี้ดอกเบี้ยสูงก่อน
3. สร้างรายได้และการลงทุน เพิ่มกระแสเงินสดและสร้างผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ ทำงานเสริม, ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล, กองทุนรวม หรือทองคำ
4. การลงทุนในตนเอง เพิ่มศักยภาพในการสร้างรายได้หลักในระยะยาว เรียนรู้ทักษะใหม่, ติดตามข่าวเศรษฐกิจเพื่อปรับตัว
5. การวางแผนภาษี ลดภาระค่าใช้จ่ายและเพิ่มเงินเหลือเก็บ ใช้สิทธิลดหย่อนภาษีให้ครบถ้วน เช่น SSF, RMF, ค่าเลี้ยงดูบุตร/บิดามารดา

สรุปแนวทางการปรับตัวทางการเงินสำหรับปี 2569

สรุปแล้ว แม้ว่าสถานการณ์เงินเฟ้อของประเทศไทยในปี 2569 จะคาดการณ์ว่าอยู่ในระดับต่ำ แต่แรงกดดันจากค่าครองชีพที่แท้จริงซึ่งสวนทางกับรายได้ที่คงที่ ถือเป็นความท้าทายสำคัญที่มนุษย์เงินเดือนต้องเผชิญ การเอาชนะความท้าทายนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายนอกเพียงอย่างเดียว แต่ขึ้นอยู่กับการปรับตัวและวางแผนการเงินอย่างมีกลยุทธ์และวินัย

การผสมผสานกลยุทธ์ทั้ง 5 ด้าน ตั้งแต่การควบคุมรายจ่ายอย่างเข้มงวด การสร้างเกราะป้องกันทางการเงินผ่านเงินสำรองฉุกเฉินและการจัดการหนี้ การแสวงหารายได้เสริมและการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทน ไปจนถึงการลงทุนในความรู้ความสามารถของตนเองและการวางแผนภาษีอย่างชาญฉลาด จะเป็นแนวทางที่ครอบคลุมและมีประสิทธิภาพในการรักษามูลค่าของเงินและสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตช้าและโอกาสในการปรับขึ้นเงินเดือนที่มีจำกัด

การเริ่มต้นวางแผนการเงินอย่างรอบคอบตั้งแต่วันนี้ คือกุญแจสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางการเงินและรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจในอนาคตได้อย่างยั่งยืน

สั่งเสื้อ

ตุลาคม 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031