Shopping cart

โค้งสุดท้าย! ลดหย่อนภาษี 2568 ก่อนสิ้นปี

สารบัญ

เข้าสู่ช่วงโค้งสุดท้าย! ลดหย่อนภาษี 2568 ก่อนสิ้นปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาสำคัญที่ผู้มีเงินได้บุคคลธรรมดาทุกคนต้องเร่งตรวจสอบและวางแผนการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างเต็มที่ การทำความเข้าใจในรายการลดหย่อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน SSF, RMF, ประกันประเภทต่างๆ หรือค่าลดหย่อนส่วนตัวและครอบครัว จะช่วยให้สามารถบริหารจัดการการเงินและลดภาระภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดก่อนที่ปีภาษี 2568 จะสิ้นสุดลง

สรุปประเด็นสำคัญที่ต้องรู้ก่อนยื่นภาษี

โค้งสุดท้าย! ลดหย่อนภาษี 2568 ก่อนสิ้นปี - last-chance-tax-deduction-2025

  • ตรวจสอบสิทธิลดหย่อนพื้นฐาน: ค่าลดหย่อนส่วนตัว, คู่สมรส, บุตร, และบิดามารดา เป็นสิทธิพื้นฐานที่ควรใช้ประโยชน์อย่างครบถ้วน
  • การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษี: กองทุน SSF และ RMF เป็นเครื่องมือหลักในการวางแผนภาษีระยะยาวควบคู่ไปกับการสร้างความมั่งคั่งเพื่อการเกษียณอายุ โดยมีเงื่อนไขและเพดานการลงทุนที่แตกต่างกัน
  • ประกันเพื่อความคุ้มครองและลดหย่อน: เบี้ยประกันชีวิต, ประกันสุขภาพ, และประกันบำนาญ ไม่เพียงแต่สร้างความมั่นคงทางการเงิน แต่ยังสามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขที่กำหนด
  • การบริจาคและสิทธิพิเศษ: เงินบริจาคเพื่อการศึกษา, กีฬา, โรงพยาบาลรัฐ สามารถลดหย่อนได้ถึง 2 เท่า รวมถึงสิทธิลดหย่อนอื่นๆ จากมาตรการภาครัฐ เช่น การติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป หรือโครงการท่องเที่ยวในประเทศ
  • เตรียมเอกสารให้พร้อม: การรวบรวมเอกสารสำคัญ เช่น ใบ 50 ทวิ และหลักฐานการลดหย่อนต่างๆ ไว้ล่วงหน้า จะช่วยให้กระบวนการยื่นภาษีเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็ว

ภาพรวมการลดหย่อนภาษี 2568: ทำไมจึงสำคัญในช่วงสิ้นปี

เมื่อเข้าสู่ช่วงท้ายของปีปฏิทิน การวางแผนภาษีกลายเป็นภารกิจสำคัญสำหรับผู้มีเงินได้ทุกคน เนื่องจากเป็นโอกาสสุดท้ายในการใช้สิทธิลดหย่อนต่างๆ เพื่อลดจำนวนเงินได้สุทธิที่จะนำไปคำนวณภาษีสำหรับปีภาษี 2568 การดำเนินการในช่วงเวลานี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะรายการลดหย่อนส่วนใหญ่ เช่น การซื้อกองทุนรวมหรือประกัน ต้องเกิดขึ้นภายในวันที่ 31 ธันวาคมของปีนั้นๆ การวางแผนที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดเงินค่าภาษีที่ต้องจ่าย แต่ยังเป็นการสร้างวินัยทางการเงินและส่งเสริมการออมและการลงทุนเพื่อเป้าหมายในระยะยาวอีกด้วย ดังนั้น การทำความเข้าใจในสิทธิประโยชน์ต่างๆ และดำเนินการให้ทันท่วงทีจึงเป็นสิ่งที่ผู้เสียภาษีทุกคนไม่ควรมองข้าม

สิทธิลดหย่อนภาษีพื้นฐาน: ส่วนตัวและครอบครัว

สิทธิลดหย่อนภาษีกลุ่มแรกที่ผู้มีเงินได้ทุกคนสามารถใช้ได้คือกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับตนเองและครอบครัว ซึ่งเป็นสิทธิพื้นฐานที่กรมสรรพากรกำหนดขึ้นเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

ค่าลดหย่อนส่วนตัวและคู่สมรส

ผู้ยื่นภาษีทุกคนมีสิทธิได้รับค่าลดหย่อนส่วนตัวจำนวน 60,000 บาท โดยอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีเงื่อนไขใดๆ เพิ่มเติม นอกจากนี้ หากผู้ยื่นภาษีมีคู่สมรสที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายและคู่สมรสไม่มีเงินได้ หรือเลือกยื่นภาษีรวมกัน จะสามารถใช้สิทธิลดหย่อนคู่สมรสได้อีก 60,000 บาท ทำให้ยอดลดหย่อนในส่วนนี้รวมเป็น 120,000 บาท ซึ่งเป็นฐานสำคัญในการคำนวณภาษีเบื้องต้น

ค่าลดหย่อนบุตรและบิดามารดา

สำหรับผู้ที่มีบุตร สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้ดังนี้:

  • บุตรคนแรก: ลดหย่อนได้ 30,000 บาทต่อคน
  • บุตรคนที่ 2 เป็นต้นไป (เกิดตั้งแต่ปี พ.ศ. 2561): ลดหย่อนได้ 60,000 บาทต่อคน โดยไม่จำกัดจำนวนบุตร

นอกเหนือจากบุตรแล้ว การเลี้ยงดูบิดามารดาก็สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้เช่นกัน โดยมีเงื่อนไขว่าบิดามารดาต้องมีอายุ 60 ปีขึ้นไป และมีรายได้ต่อปีไม่เกิน 30,000 บาท สามารถลดหย่อนได้คนละ 30,000 บาท และสามารถใช้สิทธิได้ทั้งบิดามารดาของตนเองและของคู่สมรส รวมสูงสุด 4 ท่าน

ค่าลดหย่อนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัว

ยังมีค่าลดหย่อนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างครอบครัวและการดูแลผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือพิเศษ ได้แก่:

  • ค่าฝากครรภ์และคลอดบุตร: สามารถนำค่าใช้จ่ายตามที่จ่ายจริงมาลดหย่อนได้สูงสุดไม่เกิน 60,000 บาทต่อการตั้งครรภ์หนึ่งครั้ง
  • ค่าอุปการะเลี้ยงดูคนพิการหรือทุพพลภาพ: หากมีการดูแลบุคคลดังกล่าว สามารถลดหย่อนได้คนละ 60,000 บาท

กลุ่มประกันและการออม: สร้างความมั่นคงพร้อมลดหย่อนภาษี

การทำประกันและการออมผ่านกองทุนต่างๆ ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างหลักประกันและความมั่นคงทางการเงิน แต่ยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางยอดนิยมในการลดหย่อนภาษีอีกด้วย

ประกันสังคมและประกันชีวิต

ผู้ประกันตนในระบบประกันสังคมสามารถนำเงินสมทบที่จ่ายไปมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 9,000 บาทต่อปี ในส่วนของเบี้ยประกันชีวิตทั่วไป สามารถลดหย่อนได้สูงสุด 100,000 บาท สำหรับกรมธรรม์ของตนเองที่มีระยะเวลาคุ้มครอง 10 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ หากคู่สมรสไม่มีเงินได้ ยังสามารถนำเบี้ยประกันชีวิตของคู่สมรสมาลดหย่อนได้อีก 10,000 บาท

ประกันสุขภาพและประกันบำนาญ

เบี้ยประกันสุขภาพเป็นอีกหนึ่งรายการที่น่าสนใจ โดยสามารถลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพของตนเองได้สูงสุด 25,000 บาท และเมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตทั่วไปแล้วต้องไม่เกิน 100,000 บาท นอกจากนี้ยังสามารถลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดาได้อีกสูงสุด 15,000 บาท

สำหรับการวางแผนเกษียณ ประกันชีวิตแบบบำนาญ เป็นทางเลือกที่ดี โดยสามารถนำเบี้ยประกันมาลดหย่อนได้ 15% ของเงินได้พึงประเมิน แต่สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท

กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.)

สำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระหรือผู้ที่ไม่ได้อยู่ในระบบบำนาญอื่นๆ กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) เป็นเครื่องมือในการออมเพื่อวัยเกษียณที่ภาครัฐให้การสนับสนุน โดยสามารถนำเงินสะสมเข้ากองทุนมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 30,000 บาทต่อปี

การลงทุนเพื่ออนาคตและการเกษียณ: SSF, RMF และกองทุนอื่นๆ

การลงทุนในกองทุนรวมถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนภาษีควบคู่ไปกับการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว โดยมีกองทุนหลักที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีคือ SSF และ RMF รวมถึงกองทุนภาคบังคับอย่างกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและ กบข.

กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF – Super Savings Fund)

SSF เป็นกองทุนที่ส่งเสริมการออมระยะยาว โดยผู้ลงทุนสามารถนำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท เงื่อนไขสำคัญของ SSF คือต้องถือหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 10 ปีนับจากวันที่ซื้อ จึงเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการออมเงินระยะกลางถึงยาว และต้องการลดหย่อนภาษีไปพร้อมกัน

กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF – Retirement Mutual Fund)

RMF ถูกออกแบบมาเพื่อการออมเงินไว้ใช้ในวัยเกษียณโดยเฉพาะ สามารถนำเงินลงทุนมาลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่สูงสุดไม่เกิน 300,000 บาท เงื่อนไขของ RMF จะเข้มงวดกว่า SSF คือต้องลงทุนต่อเนื่องจนอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์ และต้องลงทุนมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี (นับแบบวันชนวัน) จึงเหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณอย่างจริงจัง

กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) และ กบข.

สำหรับพนักงานบริษัทเอกชนและข้าราชการ เงินสะสมที่นำส่งเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (PVD) หรือ กองทุนบำเหน็จบำนาญราชการ (กบข.) สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ตามจริง โดยมีเพดานดังนี้:

  • PVD: 15% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท
  • กบข.: 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 500,000 บาท

สิ่งสำคัญที่ต้องทราบคือ ยอดรวมของเงินลงทุนเพื่อการเกษียณทั้งหมด (RMF, SSF, PVD, กบข., กอช., ประกันบำนาญ) จะต้องไม่เกิน 500,000 บาทต่อปีภาษี

ตารางเปรียบเทียบกองทุน SSF และ RMF สำหรับลดหย่อนภาษีปี 2568
หัวข้อเปรียบเทียบ SSF (Super Savings Fund) RMF (Retirement Mutual Fund)
วัตถุประสงค์ ส่งเสริมการออมระยะยาว ส่งเสริมการออมเพื่อการเกษียณอายุ
วงเงินลดหย่อน 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 200,000 บาท 30% ของเงินได้ แต่ไม่เกิน 300,000 บาท
เงื่อนไขการถือครอง ถือครองหน่วยลงทุนไม่น้อยกว่า 10 ปี ลงทุนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์ และลงทุนอย่างน้อย 5 ปี
ความต่อเนื่องในการลงทุน ไม่บังคับลงทุนต่อเนื่องทุกปี ต้องลงทุนต่อเนื่อง (เว้นได้ไม่เกิน 1 ปีติดต่อกัน)
เหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการออมเงินระยะ 10 ปีขึ้นไป และลดหย่อนภาษี ผู้ที่วางแผนการเงินเพื่อวัยเกษียณอย่างจริงจัง

สิทธิลดหย่อนพิเศษและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกเหนือจากค่าลดหย่อนพื้นฐานแล้ว ยังมีสิทธิลดหย่อนพิเศษที่เกิดจากการลงทุนเพื่อสังคมและการบริจาค รวมถึงมาตรการต่างๆ ที่ภาครัฐออกมาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นโอกาสในการลดหย่อนภาษีเพิ่มเติม

การลงทุนและการบริจาคเพื่อสังคม

  • ลงทุนในวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise): สามารถนำเงินลงทุนในหุ้นหรือการจัดตั้งวิสาหกิจเพื่อสังคมมาลดหย่อนได้ตามจริง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  • บริจาคให้พรรคการเมือง: สามารถนำเงินบริจาคมาลดหย่อนได้สูงสุด 10,000 บาท

การบริจาคเพื่อการกุศล (ลดหย่อน 2 เท่า)

การบริจาคให้กับหน่วยงานที่ภาครัฐสนับสนุนเป็นพิเศษจะได้รับสิทธิลดหย่อนถึง 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาคจริง แต่เมื่อรวมยอดบริจาคทั้งหมดแล้วต้องไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนอื่นๆ โดยหน่วยงานที่เข้าเกณฑ์ ได้แก่:

  • สถานศึกษา
  • สถานพยาบาลของรัฐ
  • กองทุนเพื่อการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
  • กองทุนส่งเสริมและพัฒนากีฬา

มาตรการสนับสนุนจากภาครัฐ

ภาครัฐมักมีมาตรการพิเศษออกมาเป็นระยะๆ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งผู้เสียภาษีควรติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิด สำหรับปี 2568 มีมาตรการที่น่าสนใจดังนี้:

  • ค่าสร้างบ้านใหม่: ลดหย่อนได้ 10,000 บาทต่อทุกๆ 1 ล้านบาทของค่าก่อสร้าง สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท
  • ติดตั้ง Solar Rooftop: สามารถนำค่าใช้จ่ายในการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มาลดหย่อนได้สูงสุด 200,000 บาท
  • เที่ยวดีมีคืน: มาตรการสนับสนุนการท่องเที่ยวในประเทศ สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยว เช่น ค่าที่พัก ค่าบริการนำเที่ยว มาลดหย่อนได้สูงสุด 30,000 บาท

อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2568 ที่ต้องรู้

หลังจากหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อนทั้งหมดแล้ว จะได้ “เงินได้สุทธิ” ซึ่งจะถูกนำไปคำนวณภาษีตามอัตราภาษีแบบขั้นบันได ยิ่งมีเงินได้สุทธิสูง อัตราภาษีที่ต้องจ่ายก็จะสูงขึ้นตามลำดับ

ตารางอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับปีภาษี 2568
เงินได้สุทธิ (บาท) อัตราภาษี
0 – 150,000 ยกเว้น (0%)
150,001 – 300,000 5%
300,001 – 500,000 10%
500,001 – 750,000 15%
750,001 – 1,000,000 20%
1,000,001 – 2,000,000 25%
2,000,001 – 5,000,000 30%
5,000,001 ขึ้นไป 35%

ขั้นตอนและเอกสารสำหรับการยื่นภาษี

เมื่อรวบรวมข้อมูลค่าลดหย่อนทั้งหมดครบถ้วนแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90/91) ซึ่งต้องดำเนินการภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด

ช่องทางการยื่นภาษี

ผู้เสียภาษีสามารถเลือกช่องทางการยื่นภาษีได้ตามความสะดวก ดังนี้:

  1. ยื่นด้วยตนเอง: สามารถเดินทางไปยื่นแบบฯ ได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่สาขาทั่วประเทศ
  2. ยื่นออนไลน์ (E-Filing): เป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด สามารถทำได้ผ่านเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ซึ่งมักจะขยายเวลาการยื่นให้ยาวนานกว่าการยื่นแบบกระดาษ
  3. แอปพลิเคชัน RD Smart Tax: ยื่นภาษีผ่านสมาร์ทโฟนได้ง่ายๆ ทุกที่ทุกเวลา

เอกสารสำคัญที่ต้องเตรียม

เพื่อความถูกต้องและรวดเร็วในการยื่นภาษี ควรเตรียมเอกสารเหล่านี้ให้พร้อม:

  • หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (ใบ 50 ทวิ): เอกสารที่แสดงรายได้รวมทั้งปีและภาษีที่ถูกหักไว้ล่วงหน้า
  • เอกสารประกอบการลดหย่อน: เช่น ใบเสร็จรับเงินค่าเบี้ยประกัน, หนังสือรับรองการซื้อหน่วยลงทุน SSF/RMF, ใบอนุโมทนาบัตรสำหรับการบริจาค
  • เอกสารส่วนตัวและครอบครัว: เช่น สำเนาทะเบียนสมรส, สูติบัตรบุตร, เอกสารรับรองการอุปการะบิดามารดา (ล.ย.03)

สรุปและแนวทางการวางแผนภาษีโค้งสุดท้าย

การวางแผนลดหย่อนภาษี 2568 ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม ผู้มีเงินได้ควรเริ่มต้นจากการสำรวจสิทธิลดหย่อนพื้นฐานของตนเองและครอบครัวให้ครบถ้วน จากนั้นจึงพิจารณาเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น การซื้อกองทุน SSF/RMF หรือการทำประกัน เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดทั้งในด้านการประหยัดภาษีและการบรรลุเป้าหมายทางการเงินในระยะยาว การเตรียมเอกสารให้พร้อมและเลือกช่องทางการยื่นภาษีที่สะดวกจะช่วยให้กระบวนการทั้งหมดเสร็จสิ้นอย่างราบรื่น การดำเนินการอย่างรอบคอบและทันท่วงทีคือหัวใจสำคัญของการบริหารภาษีอย่างมีประสิทธิภาพ

มองหาเสื้อคุณภาพสำหรับองค์กรของคุณ?

แบรนด์ KDC SPORT รับผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าพิมพ์ลาย เสื้อผ้ากีฬา เสื้อองค์กร เสื้อยืด เพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลาย และยังรับผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์อื่นๆอีกมายมาย ติดต่อเรา

ที่อยู่ของเรา
888 หมู่ 26 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
094-295-9898

สั่งเสื้อ

ธันวาคม 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031  

KDC SPORT

ผู้ผลิตและออกแบบเสื้อกีฬาครบวงจร

ออกแบบและผลิต

เสื้อกีฬาระดับมืออาชีพ

ผู้เชี่ยวชาญด้านการออกแบบและผลิตเสื้อกีฬา
สำหรับองค์กร ทีมกีฬา และแบรนด์เสื้อ
  • ไม่มีขั้นต่ำในการผลิต
  • ออกแบบฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย
  • เนื้อผ้าให้เลือกหลากหลาย
  • ส่งมอบงานตรงเวลา