Shopping cart

ทักษะสายกรีน (Green Skills) อนาคตไกล เงินเดือนสูง

สารบัญ

ในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กระแสการพัฒนาที่ยั่งยืนได้กลายเป็นวาระสำคัญระดับโลก ส่งผลให้ตลาดแรงงานเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และทำให้ ทักษะสายกรีน (Green Skills) อนาคตไกล เงินเดือนสูง กลายเป็นที่ต้องการอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทักษะเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในแวดวงนักอนุรักษ์ แต่ได้แทรกซึมเข้าไปในทุกอุตสาหกรรม กลายเป็นคุณสมบัติสำคัญที่องค์กรยุคใหม่มองหาในตัวบุคลากร

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ

ทักษะสายกรีน (Green Skills) อนาคตไกล เงินเดือนสูง - green-skills-high-salary-jobs-thailand

  • นิยามและความสำคัญ: ทักษะสายกรีน คือชุดความรู้ ความสามารถ และพฤติกรรมที่จำเป็นต่อการทำงานและใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียว
  • ความต้องการของตลาด: ความต้องการบุคลากรที่มีทักษะสายกรีนเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดทั่วโลก โดยรายงานจาก LinkedIn พบว่ามีการเติบโตถึง 38% ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะมีการสร้างงานใหม่จำนวนมหาศาล
  • รายได้และอนาคต: อาชีพในสายงานสีเขียว เช่น พลังงานทดแทน การจัดการทรัพยากร และที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน มีแนวโน้มรายได้สูงและเติบโตอย่างรวดเร็ว ทำให้เป็นสายอาชีพแห่งอนาคตที่มั่นคง
  • ความหลากหลายของทักษะ: ทักษะสายกรีนมีความหลากหลาย ตั้งแต่ทักษะเชิงเทคนิค เช่น วิศวกรรมพลังงานสะอาด ไปจนถึงทักษะเชิงกลยุทธ์ เช่น การรายงานความยั่งยืน และการสื่อสาร

บทนำสู่ทักษะสายกรีน (Green Skills)

ทักษะสายกรีน (Green Skills) อนาคตไกล เงินเดือนสูง ไม่ใช่แค่คำกล่าวอ้าง แต่เป็นความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในตลาดแรงงานทั่วโลก ทักษะสายกรีน หรือ Green Skills หมายถึง ชุดความรู้ ความสามารถ ทักษะ และพฤติกรรมที่จำเป็นในการพัฒนาและสนับสนุนสังคมที่ยั่งยืนและมีประสิทธิภาพในการใช้ทรัพยากร ทักษะเหล่านี้ครอบคลุมตั้งแต่ความรู้ทางเทคนิคเฉพาะทางที่ช่วยลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงทักษะด้านการบริหารจัดการที่ช่วยให้องค์กรปรับตัวเข้าสู่แนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อโลกมากขึ้น

ความสำคัญของทักษะเหล่านี้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากประชาคมโลกต่างมุ่งมั่นที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ และปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่น ๆ องค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนจึงจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความสามารถในการนำพาองค์กรไปสู่เป้าหมายความยั่งยืน ซึ่งไม่เพียงแต่ช่วยปกป้องโลก แต่ยังสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันและเปิดโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ในเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

เหตุผลที่ทักษะสายกรีนกลายเป็นที่ต้องการของตลาดโลก

การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำและการพัฒนาที่ยั่งยืนได้สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ในตลาดแรงงาน ทำให้เกิดความต้องการทักษะใหม่ๆ ที่สามารถตอบโจทย์ความท้าทายด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมได้ ปรากฏการณ์นี้มีปัจจัยขับเคลื่อนสำคัญหลายประการ

การขยายตัวของเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy)

เศรษฐกิจสีเขียวเป็นระบบเศรษฐกิจที่มุ่งเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการรักษาสิ่งแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดีของสังคม อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสีเขียว เช่น พลังงานสะอาด เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การจัดการของเสียและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ และการเกษตรยั่งยืน กำลังขยายตัวอย่างมหาศาล การเติบโตนี้ก่อให้เกิด “งานสีเขียว” (Green Jobs) จำนวนมาก ซึ่งเป็นตำแหน่งงานที่ต้องการบุคลากรที่มีทักษะเฉพาะทางในการออกแบบ พัฒนา และบริหารจัดการกระบวนการที่ยั่งยืน

ข้อมูลเชิงลึกจากตลาดแรงงาน

ข้อมูลจากแพลตฟอร์มจัดหางานระดับโลกอย่าง LinkedIn ได้ยืนยันถึงแนวโน้มนี้อย่างชัดเจน โดยรายงานระบุว่าความต้องการแรงงานที่มีทักษะสายกรีนเพิ่มสูงขึ้นถึง 38% ระหว่างปี 2015 ถึง 2021 และคาดการณ์ว่าจะมีการสร้างงานใหม่ในกลุ่มนี้อีกหลายล้านตำแหน่งในทศวรรษหน้า โดยเฉพาะในภาคพลังงานหมุนเวียนที่เติบโตสูงถึง 237% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาในสหรัฐอเมริกา ซึ่งสูงกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซแบบดั้งเดิมที่เติบโตเพียง 19% อย่างเห็นได้ชัด ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่าการลงทุนในทักษะสายกรีนคือการลงทุนเพื่ออนาคตที่มั่นคงและมีผลตอบแทนสูง

องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ได้ให้นิยามทักษะสายกรีนว่าเป็นชุดความรู้ที่ช่วยให้ผู้คนสามารถทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งตอกย้ำว่าทักษะเหล่านี้ไม่ได้สำคัญแค่ในโลกของการทำงาน แต่ยังจำเป็นต่อการใช้ชีวิตในศตวรรษที่ 21

เจาะลึก 10 ทักษะสายกรีนที่เป็นที่ต้องการและสร้างรายได้สูง

ทักษะสายกรีนมีความหลากหลายและสามารถประยุกต์ใช้ได้ในหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่ทักษะเชิงเทคนิคไปจนถึงทักษะด้านการบริหารจัดการ ต่อไปนี้คือ 10 กลุ่มทักษะที่เป็นที่ต้องการอย่างสูงในตลาดแรงงานปัจจุบันและอนาคต

1. การวิเคราะห์และลดรอยเท้าคาร์บอน (Carbon Footprinting)

ทักษะนี้เกี่ยวข้องกับการประเมินและวัดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ปล่อยออกมาจากกิจกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือองค์กรทั้งหมด ผู้ที่มีทักษะนี้จะสามารถระบุแหล่งที่มาของการปล่อยคาร์บอนและพัฒนากลยุทธ์เพื่อลดผลกระทบดังกล่าว ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับบริษัทที่ต้องการบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อมที่เข้มงวดขึ้น

2. ความรู้ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม (Environmental Law)

ความเข้าใจในข้อบังคับ กฎหมาย และมาตรฐานสากลด้านสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับทุกองค์กร ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้จะช่วยให้บริษัทดำเนินธุรกิจได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย หลีกเลี่ยงค่าปรับ และสร้างชื่อเสียงที่ดีในฐานะองค์กรที่ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ทักษะนี้เป็นที่ต้องการในฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายกำกับดูแล และฝ่ายพัฒนาธุรกิจ

3. การรายงานความยั่งยืน (Sustainability Reporting)

ปัจจุบัน นักลงทุนและผู้บริโภคให้ความสำคัญกับข้อมูลด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ขององค์กรมากขึ้น ทักษะการรวบรวม วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูล ESG ผ่านรายงานความยั่งยืนจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อสร้างความโปร่งใสและแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นขององค์กรในการดำเนินงานอย่างรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม

4. การเป็นที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน (Sustainability Consulting)

ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนมีบทบาทในการช่วยองค์กรวางแผนและดำเนินกลยุทธ์ด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม ตั้งแต่การกำหนดเป้าหมาย การปรับปรุงกระบวนการผลิต ไปจนถึงการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ยั่งยืน บุคลากรในสายงานนี้ต้องมีความรู้รอบด้าน ทั้งในเชิงเทคนิค ธุรกิจ และการสื่อสาร เพื่อให้คำแนะนำที่นำไปปฏิบัติได้จริง

5. ทักษะวิศวกรรมสีเขียวและเทคโนโลยีพลังงานสะอาด

กลุ่มทักษะนี้เป็นหัวใจของการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ครอบคลุมความสามารถในการออกแบบ ติดตั้ง และบำรุงรักษาระบบพลังงานสะอาด เช่น แผงโซลาร์เซลล์ กังหันลม รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (EV) และระบบกักเก็บพลังงาน ซึ่งเป็นสาขาที่มีการเติบโตสูงและต้องการวิศวกรและช่างเทคนิคจำนวนมาก

6. วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อมและการเกษตรยั่งยืน

นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม นักนิเวศวิทยา และผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดการทรัพยากรธรรมชาติมีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศ นอกจากนี้ ทักษะด้านการเกษตรยั่งยืน เช่น เกษตรอินทรีย์ เกษตรแม่นยำ (Precision Agriculture) ยังช่วยสร้างความมั่นคงทางอาหารและลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการทำเกษตรกรรมแบบดั้งเดิม

7. การบริหารจัดการภาวะวิกฤตและความยืดหยุ่น

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศทำให้เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงและบ่อยครั้งขึ้น องค์กรจึงต้องการบุคลากรที่มีทักษะในการประเมินความเสี่ยง วางแผนรับมือ และบริหารจัดการในภาวะวิกฤต เพื่อสร้างความยืดหยุ่น (Adaptability) และลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นต่อธุรกิจและชุมชน

8. การคิดเชิงระบบและเน้นธรรมชาติ

การคิดเชิงระบบ (Systems Thinking) คือความสามารถในการมองเห็นความเชื่อมโยงของส่วนประกอบต่างๆ ในระบบที่ซับซ้อน ซึ่งจำเป็นต่อการออกแบบโซลูชันที่ยั่งยืนและไม่สร้างปัญหาใหม่ในระยะยาว ขณะที่การคิดแบบเน้นธรรมชาติ (Nature-Centric Thinking) คือการนำหลักการของธรรมชาติมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบผลิตภัณฑ์และระบบ เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่สมบูรณ์

9. การสื่อสารและการเล่าเรื่องเชิงสิ่งแวดล้อม

การสร้างความตระหนักรู้และผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในวงกว้างจำเป็นต้องอาศัยทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ ผู้ที่มีความสามารถในการเล่าเรื่อง (Storytelling) สามารถแปลงข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนให้กลายเป็นเรื่องราวที่น่าสนใจและเข้าถึงง่าย เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนและองค์กรหันมาใส่ใจปัญหาสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

10. ทักษะนวัตกรรมและการเป็นผู้ประกอบการเพื่อความยั่งยืน

การแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมที่ซับซ้อนต้องการแนวคิดและนวัตกรรมใหม่ๆ ทักษะการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurial Skills) ช่วยให้สามารถมองเห็นโอกาสทางธุรกิจในการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สร้างสตาร์ทอัพสีเขียว (Green Startup) และขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงจากภายในองค์กร

โอกาสและแนวโน้มรายได้ในตลาดงานสีเขียว

แนวโน้มการเติบโตของงานในสายสีเขียวมาพร้อมกับผลตอบแทนที่น่าสนใจ งานในสาขาเศรษฐกิจสีเขียวมักมีแนวโน้มรายได้สูงกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากเป็นงานที่ต้องการความเชี่ยวชาญเฉพาะทางและเป็นที่ต้องการสูงในตลาดแรงงาน โดยเฉพาะตำแหน่งในสายพลังงานทดแทน การบริหารจัดการทรัพยากรสิ่งแวดล้อม ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน และผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ESG

ตลาดแรงงานกำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งหมายความว่ายังคงมีช่องว่างระหว่างอุปทานและอุปสงค์ของบุคลากรที่มีทักษะเหล่านี้ องค์กรต่างๆ จึงกำลังเร่งพัฒนาและสรรหาบุคลากรอย่างจริงจัง ผู้ที่มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรีขึ้นไปและมีทักษะสายกรีนติดตัว จะมีความได้เปรียบอย่างมากในการหางานและมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้น การลงทุนในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะเหล่านี้จึงเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับอาชีพอนาคตที่มีความมั่นคงและเติบโตอย่างยั่งยืน

เตรียมความพร้อมสู่สายอาชีพสีเขียว: เรียนต่อสาขาไหนดี?

สำหรับผู้ที่สนใจเข้าสู่สายอาชีพสีเขียว การเลือกสาขาวิชาที่เหมาะสมเป็นก้าวแรกที่สำคัญ ทักษะสายกรีนไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในคณะสิ่งแวดล้อม แต่สามารถบูรณาการได้กับหลากหลายสาขาวิชา การเลือกเรียนในสาขาที่มีการประยุกต์ใช้ความรู้ด้านความยั่งยืนจะช่วยสร้างความพร้อมสำหรับตลาดงานในอนาคต

ตารางเปรียบเทียบสาขาวิชา ทักษะสายกรีนที่เกี่ยวข้อง และตัวอย่างอาชีพในอนาคต
สาขาวิชาที่น่าสนใจ ทักษะสายกรีนที่เกี่ยวข้อง ตัวอย่างอาชีพ
วิศวกรรมศาสตร์ (พลังงาน, สิ่งแวดล้อม, โยธา) วิศวกรรมสีเขียว, เทคโนโลยีพลังงานสะอาด, การจัดการของเสีย, การออกแบบอาคารเขียว วิศวกรพลังงานหมุนเวียน, ผู้เชี่ยวชาญด้านอาคารประหยัดพลังงาน, วิศวกรสิ่งแวดล้อม
วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม / เกษตรศาสตร์ วิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม, การเกษตรยั่งยืน, การจัดการทรัพยากรธรรมชาติ, การอนุรักษ์ นักวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม, ผู้จัดการฟาร์มอัจฉริยะ, ผู้เชี่ยวชาญด้านความหลากหลายทางชีวภาพ
บริหารธุรกิจ / เศรษฐศาสตร์ การรายงานความยั่งยืน (ESG), ที่ปรึกษาด้านความยั่งยืน, การเงินสีเขียว (Green Finance) ที่ปรึกษา ESG, ผู้จัดการฝ่ายความยั่งยืน, นักวิเคราะห์การลงทุนที่ยั่งยืน
นิติศาสตร์ ความรู้ด้านกฎหมายสิ่งแวดล้อม, นโยบายสาธารณะด้านสิ่งแวดล้อม ทนายความด้านสิ่งแวดล้อม, ที่ปรึกษากฎหมายองค์กร, เจ้าหน้าที่กำกับดูแลภาครัฐ
วิทยาการข้อมูล / เทคโนโลยีสารสนเทศ การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อความยั่งยืน, การลดรอยเท้าคาร์บอนในระบบดิจิทัล (Green IT) นักวิเคราะห์ข้อมูล ESG, ผู้พัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อการจัดการพลังงาน, ผู้เชี่ยวชาญด้าน IT ที่ยั่งยืน

บทสรุป: ก้าวสู่อนาคตที่ยั่งยืนด้วยทักษะสายกรีน

การเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจและสังคมที่ยั่งยืนได้สร้างโอกาสใหม่ๆ ในตลาดแรงงานอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ทักษะสายกรีน (Green Skills) อนาคตไกล เงินเดือนสูง ได้กลายเป็นคุณสมบัติสำคัญที่กำหนดทิศทางของอาชีพในอนาคต ทักษะเหล่านี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในกลุ่มงานด้านสิ่งแวดล้อมโดยตรง แต่ได้กลายเป็นทักษะข้ามสายงาน (Cross-cutting skills) ที่จำเป็นสำหรับทุกอุตสาหกรรมที่ต้องปรับตัวเพื่อความอยู่รอดและความยั่งยืน

การลงทุนเวลาและทรัพยากรเพื่อพัฒนาทักษะเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการศึกษาต่อในสาขาที่เกี่ยวข้อง การฝึกอบรมเพิ่มเติม หรือการเรียนรู้ด้วยตนเอง จะเป็นการเปิดประตูสู่โอกาสทางอาชีพที่หลากหลาย มีความมั่นคง และให้ผลตอบแทนสูง การเตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้ไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อเส้นทางอาชีพของตนเอง แต่ยังมีส่วนร่วมในการสร้างอนาคตที่ดีและยั่งยืนให้กับโลกใบนี้อีกด้วย

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930