กองทุนบำนาญ ‘ไรเดอร์-ฟรีแลนซ์’ รัฐเปิดให้สมัครแล้ว!
- ภาพรวมกองทุนเพื่อแรงงานอิสระ
- รู้จักกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.): ช่องทางสร้างบำนาญเพื่อแรงงานอิสระ
- หลักการทำงานและเงื่อนไขการสมัครกองทุนบำนาญ ‘ไรเดอร์-ฟรีแลนซ์’
- สิทธิประโยชน์ที่ไม่ควรพลาด: เงินสมทบจากภาครัฐ
- การรับเงินคืนเมื่อเกษียณ: รูปแบบบำนาญรายเดือน
- ข้อดีและข้อควรพิจารณาสำหรับสมาชิก กอช.
- บทสรุป: ก้าวแรกสู่ความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ
การเกิดขึ้นของเศรษฐกิจดิจิทัลได้สร้างโอกาสทางอาชีพใหม่ๆ จำนวนมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบอาชีพอิสระ หรือที่เรียกกันว่า ฟรีแลนซ์ และ ไรเดอร์ ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่สำคัญสำหรับแรงงานกลุ่มนี้คือการขาดสวัสดิการด้านความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนเพื่อวัยเกษียณ
ภาพรวมกองทุนเพื่อแรงงานอิสระ
- กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.): เป็นกองทุนบำนาญภาคสมัครใจที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาวสำหรับผู้ประกอบอาชีพอิสระที่ไม่อยู่ในระบบบำเหน็จบำนาญของรัฐหรือเอกชน
- เงินสมทบจากรัฐ: จุดเด่นสำคัญคือรัฐบาลจะช่วยสมทบเงินเข้ากองทุนเพิ่มเติมให้แก่สมาชิกตามสัดส่วนของเงินออมและช่วงอายุ เพื่อเพิ่มพูนเงินออมให้เติบโตเร็วขึ้น
- บำนาญรายเดือนเมื่อเกษียณ: เมื่อสมาชิกอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ จะได้รับผลประโยชน์ในรูปแบบของเงินบำนาญรายเดือนไปตลอดชีพ เพื่อเป็นหลักประกันรายได้หลังสิ้นสุดการทำงาน
- ความยืดหยุ่นสูง: สมาชิกสามารถเลือกจำนวนเงินออมและส่งเงินได้ตามความสะดวก โดยไม่มีข้อบังคับเรื่องจำนวนเงินขั้นต่ำหรือความถี่ในการส่ง ทำให้สอดคล้องกับลักษณะรายได้ที่ไม่แน่นอนของกลุ่มแรงงานอิสระ
- เป้าหมายหลัก: เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างตาข่ายความปลอดภัยทางสังคม (Social Safety Net) ให้ครอบคลุมแรงงานนอกระบบ ให้สามารถวางแผนเกษียณได้อย่างมั่นคง
การเปิดตัว กองทุนบำนาญ ‘ไรเดอร์-ฟรีแลนซ์’ รัฐเปิดให้สมัครแล้ว! ซึ่งหมายถึงกองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. ถือเป็นข่าวดีและเป็นเครื่องมือทางการเงินที่สำคัญสำหรับกลุ่มแรงงานอิสระและ Gig Worker ที่จะช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินหลังเกษียณ กองทุนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่ไม่มีสวัสดิการบำนาญจากนายจ้างหรือไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคมภาคบังคับ โดยเปิดโอกาสให้สามารถสร้างหลักประกันรายได้ในวัยชราได้ด้วยตนเอง โดยมีภาครัฐร่วมสนับสนุน
ความเกี่ยวข้องของกองทุนนี้ต่อกลุ่มเป้าหมายจึงมีความชัดเจนอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นการเติมเต็มช่องว่างด้านสวัสดิการที่ขาดหายไป ช่วยให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระสามารถเข้าถึงระบบการออมเพื่อการเกษียณที่มีประสิทธิภาพและได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากรัฐ ซึ่งจะนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในระยะยาว
รู้จักกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.): ช่องทางสร้างบำนาญเพื่อแรงงานอิสระ
กองทุนการออมแห่งชาติ หรือที่เรียกโดยย่อว่า “กอช.” เป็นหน่วยงานของรัฐที่จัดตั้งขึ้นภายใต้พระราชบัญญัติกองทุนการออมแห่งชาติ พ.ศ. 2554 โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนที่มีอาชีพอิสระ หรือแรงงานนอกระบบที่ไม่มีสวัสดิการบำนาญอื่นใดรองรับ ได้มีโอกาสออมเงินเพื่อสร้างหลักประกันรายได้ยามชราภาพในรูปแบบของเงินบำนาญ
กอช. คืออะไรและจัดตั้งขึ้นเพื่อใคร?
กอช. ทำหน้าที่คล้ายคลึงกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของพนักงานบริษัทเอกชน หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) แต่แตกต่างกันตรงที่เป็นกองทุนภาคสมัครใจที่เปิดกว้างสำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของกองทุนเหล่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเป้าหมายหลัก ได้แก่
- ผู้ประกอบอาชีพอิสระ (ฟรีแลนซ์): เช่น นักเขียน, กราฟิกดีไซเนอร์, โปรแกรมเมอร์, ศิลปิน, ที่ปรึกษาอิสระ
- ผู้ให้บริการบนแพลตฟอร์ม (Gig Worker): เช่น ไรเดอร์ส่งอาหาร/พัสดุ, คนขับรถรับจ้างผ่านแอปพลิเคชัน
- เกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อย: เช่น ชาวไร่, ชาวสวน, พ่อค้าแม่ค้าในตลาด, เจ้าของร้านค้าขนาดเล็ก
- นักเรียนและนักศึกษา: ที่ต้องการเริ่มต้นการวางแผนการเงินเพื่ออนาคตตั้งแต่อายุยังน้อย
โดยสรุป กอช. คือกลไกของรัฐที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นทางเลือกในการออมเงินระยะยาวสำหรับผู้ที่อยู่นอกระบบประกันสังคมมาตรา 33 และ 39 หรือผู้ที่อยู่ในระบบประกันสังคมมาตรา 40 แต่ต้องการสร้างหลักประกันบำนาญเพิ่มเติมจากเงินชราภาพที่มีอยู่เดิม
ความสำคัญของการวางแผนเกษียณสำหรับฟรีแลนซ์
การวางแผนเกษียณเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคน แต่มีความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับกลุ่มฟรีแลนซ์และไรเดอร์ เนื่องจากลักษณะการทำงานที่ไม่มีความแน่นอนของรายได้ ขาดสวัสดิการพื้นฐานที่พนักงานประจำได้รับ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, ค่ารักษาพยาบาล, หรือเงินชดเชยกรณีว่างงาน ทำให้ต้องพึ่งพาตนเองในการสร้างความมั่นคงทางการเงิน 100%
ความท้าทายหลักของแรงงานอิสระ ได้แก่:
- รายได้ไม่สม่ำเสมอ: รายรับในแต่ละเดือนอาจมีความผันผวนสูง ทำให้การวางแผนออมเงินอย่างต่อเนื่องทำได้ยาก
- ไม่มีนายจ้างสมทบ: แตกต่างจากพนักงานบริษัทที่นายจ้างจะช่วยสมทบเงินเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ทำให้การสะสมเงินทุนเติบโตช้ากว่า
- ภาระค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพ: ต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลด้วยตนเอง ซึ่งอาจเป็นเงินก้อนใหญ่ที่กระทบต่อเงินออมเพื่อการเกษียณ
ดังนั้น การมีเครื่องมืออย่าง กอช. ที่รัฐบาลเข้ามาช่วยสมทบเงินจึงเปรียบเสมือนการมี “นายจ้างสมทบ” ให้กับแรงงานอิสระ ช่วยเร่งให้เงินออมเติบโตและลดภาระในการต้องเก็บเงินเพียงลำพัง ทำให้เป้าหมายการมีเงินบำนาญใช้ในวัยเกษียณเป็นจริงได้ง่ายขึ้น
หลักการทำงานและเงื่อนไขการสมัครกองทุนบำนาญ ‘ไรเดอร์-ฟรีแลนซ์’
การเข้าร่วมเป็นสมาชิก กอช. มีขั้นตอนที่ไม่ซับซ้อนและเงื่อนไขที่ยืดหยุ่น เพื่อให้แรงงานอิสระสามารถเข้าถึงและเริ่มต้นการออมได้อย่างสะดวกสบาย
คุณสมบัติและกลุ่มเป้าหมายของผู้มีสิทธิ์สมัคร
ผู้ที่สนใจสมัครเป็นสมาชิกกองทุนการออมแห่งชาติ จะต้องมีคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งออกแบบมาเพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มประชากรที่ยังไม่มีสวัสดิการบำนาญอื่นรองรับ โดยมีเกณฑ์เบื้องต้นดังนี้:
- มีสัญชาติไทย
- อายุระหว่าง 15 – 60 ปีบริบูรณ์
- ไม่เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 หรือมาตรา 39 ของกฎหมายประกันสังคม
- ไม่เป็นข้าราชการ หรือพนักงานของรัฐหรือรัฐวิสาหกิจที่ได้รับบำเหน็จบำนาญ
- ไม่เป็นสมาชิกกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.)
สำหรับผู้ที่เป็นผู้ประกันตนตามประกันสังคมมาตรา 40 สามารถสมัครเป็นสมาชิก กอช. ควบคู่กันไปได้ เพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการออมและสร้างหลักประกันรายได้ในวัยเกษียณให้มากยิ่งขึ้น
ขั้นตอนและวิธีการออมเงินที่ยืดหยุ่น
หัวใจสำคัญของ กอช. คือความยืดหยุ่นในการส่งเงินออม สมาชิกไม่จำเป็นต้องส่งเงินทุกเดือนและไม่มีการกำหนดจำนวนเงินที่ต้องส่งเป็นประจำ ทำให้สอดคล้องกับวิถีชีวิตและรายได้ที่ไม่แน่นอนของกลุ่มฟรีแลนซ์และไรเดอร์
หลักการออมเงินกับ กอช. มีดังนี้:
- การออมภาคสมัครใจ: สมาชิกสามารถเลือกส่งเงินออมได้ตามความพร้อมทางการเงิน จะส่งมากหรือน้อย หรือเว้นช่วงการส่งก็ได้ โดยไม่มีการบังคับ
- ยอดเงินออมสะสม: สามารถส่งเงินออมสะสมได้สูงสุด 30,000 บาทต่อปี
- ช่องทางการส่งเงิน: มีช่องทางที่หลากหลายและสะดวกสบาย เช่น ผ่านแอปพลิเคชันของ กอช., เคาน์เตอร์เซอร์วิส, ธนาคารของรัฐ, หรือตู้บุญเติม
- การตรวจสอบข้อมูล: สมาชิกสามารถตรวจสอบยอดเงินออม, เงินสมทบจากรัฐ, และผลตอบแทนจากการลงทุนได้ตลอดเวลาผ่านแอปพลิเคชัน “กอช.” ซึ่งช่วยให้สามารถติดตามและวางแผนการออมของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ
สิทธิประโยชน์ที่ไม่ควรพลาด: เงินสมทบจากภาครัฐ
จุดเด่นที่สุดของการเป็นสมาชิก กอช. คือการได้รับเงินสมทบเพิ่มเติมจากรัฐบาล ซึ่งเปรียบเสมือนผลตอบแทนที่การันตีได้ทันทีที่ส่งเงินออม เงินสมทบส่วนนี้จะถูกนำไปรวมกับเงินออมของสมาชิกและนำไปลงทุนเพื่อให้งอกเงยต่อไป โดยอัตราเงินสมทบที่รัฐจะมอบให้จะแปรผันตามช่วงอายุของสมาชิกในขณะที่ส่งเงินออม ซึ่งเป็นการจูงใจให้เริ่มต้นออมตั้งแต่อายุยังน้อย
ช่วงอายุของสมาชิก | สัดส่วนเงินสมทบจากรัฐ (ของเงินออม) | เพดานเงินสมทบสูงสุดต่อปี |
---|---|---|
15 – 30 ปี | 50% | สูงสุด 900 บาท |
มากกว่า 30 – 50 ปี | 80% | สูงสุด 1,440 บาท |
มากกว่า 50 – 60 ปี | 100% | สูงสุด 1,800 บาท |
จากตารางจะเห็นได้ว่า ยิ่งอายุมากขึ้น รัฐบาลจะยิ่งสมทบให้ในสัดส่วนที่สูงขึ้น แต่จำกัดเพดานสูงสุดไว้ที่ 1,800 บาทต่อปี ดังนั้น การออมอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ได้รับเงินสมทบจากรัฐเต็มจำนวนในทุกๆ ปี จึงเป็นกลยุทธ์ที่ดีที่สุดในการสร้างความมั่งคั่งในระยะยาว
การรับเงินคืนเมื่อเกษียณ: รูปแบบบำนาญรายเดือน
วัตถุประสงค์หลักของ กอช. คือการสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอให้แก่สมาชิกในวัยหลังเกษียณ ดังนั้น รูปแบบการจ่ายเงินคืนจึงถูกกำหนดให้เป็นเงินบำนาญรายเดือนตลอดชีพ ซึ่งแตกต่างจากการออมหรือการลงทุนประเภทอื่นที่อาจจ่ายคืนเป็นเงินก้อน
เงื่อนไขการรับเงินบำนาญตลอดชีพ
เมื่อสมาชิกมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ และสิ้นสุดการเป็นสมาชิกภาพ จะมีสิทธิ์ได้รับเงินบำนาญ โดยมีหลักเกณฑ์ดังนี้:
- การจ่ายเงิน: กองทุนจะเริ่มจ่ายเงินบำนาญเป็นรายเดือนให้กับสมาชิกไปตลอดชีวิต
- ห้ามจ่ายเป็นเงินก้อน: ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย เงินในกองทุนทั้งหมด (เงินออมของสมาชิก + เงินสมทบจากรัฐ + ผลตอบแทน) จะถูกนำมาคำนวณเพื่อจ่ายเป็นบำนาญรายเดือนเท่านั้น ไม่สามารถขอรับคืนเป็นเงินก้อนทั้งหมดในครั้งเดียวได้
- กรณีเงินในบัญชีน้อย: หากคำนวณแล้วได้เงินบำนาญต่ำกว่าเกณฑ์ขั้นต่ำ (ปัจจุบันคือ 600 บาทต่อเดือน) กองทุนอาจพิจารณาจ่ายเป็นเงินดำรงชีพตามระเบียบที่กำหนด ซึ่งอาจเป็นเงินก้อนได้ในกรณีนี้
การได้รับเงินบำนาญรายเดือนช่วยสร้างความมั่นคงทางการเงินอย่างยั่งยืนตลอดช่วงชีวิตหลังเกษียณ เปรียบเสมือนการมีรายได้ประจำที่ช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในวัยชรา
วิธีคำนวณและประมาณการเงินบำนาญ
จำนวนเงินบำนาญที่สมาชิกจะได้รับในแต่ละเดือนขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ได้แก่ ยอดเงินรวมในบัญชี ณ วันที่อายุครบ 60 ปี ซึ่งประกอบด้วยเงินออมสะสมของสมาชิก, เงินสมทบจากรัฐบาลทั้งหมด, และผลประโยชน์ที่เกิดจากการนำเงินไปลงทุน โดยจะนำยอดเงินรวมทั้งหมดมาคำนวณตามหลักคณิตศาสตร์ประกันภัยเพื่อแปลงเป็นกระแสเงินสดรายเดือน
ตัวอย่างจากข้อมูลที่เปิดเผยระบุว่า:
- หากมียอดเงินสะสมในกองทุนเกิน 150,000 บาท จะได้รับเงินบำนาญขั้นต่ำ 600 บาทต่อเดือนตลอดชีพ
- ยอดเงินบำนาญสูงสุดที่สามารถรับได้อาจสูงถึงประมาณ 7,200 บาทต่อเดือน หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการออม, ความสม่ำเสมอในการส่งเงิน และผลตอบแทนจากการลงทุน
เพื่อช่วยให้สมาชิกสามารถวางแผนได้อย่างชัดเจน กอช. ได้พัฒนาเครื่องมือคำนวณเงินบำนาญในแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ของกองทุน สมาชิกสามารถทดลองกรอกข้อมูล เช่น อายุเริ่มต้นออม, จำนวนเงินที่คาดว่าจะออมในแต่ละปี เพื่อประมาณการยอดเงินบำนาญที่จะได้รับในอนาคตได้ด้วยตนเอง
ข้อดีและข้อควรพิจารณาสำหรับสมาชิก กอช.
การตัดสินใจเข้าร่วมเป็นสมาชิก กอช. ควรพิจารณาทั้งข้อดีและข้อจำกัด เพื่อให้มั่นใจว่าเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับเป้าหมายทางการเงินและไลฟ์สไตล์ของตนเอง
ข้อดีของการเป็นสมาชิก
- ได้รับเงินสมทบจากรัฐ: เป็นประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุด เปรียบเสมือนได้รับผลตอบแทนทันทีสูงสุด 100% (ตามเงื่อนไขอายุ) และเพดานสูงสุด 1,800 บาทต่อปี
- สร้างวินัยการออมระยะยาว: การมีเป้าหมายที่ชัดเจนเพื่อการเกษียณ ช่วยกระตุ้นให้เกิดการออมอย่างสม่ำเสมอ
- การลงทุนโดยผู้เชี่ยวชาญ: เงินของสมาชิกจะได้รับการบริหารจัดการโดยมืออาชีพ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหมาะสมภายใต้ความเสี่ยงที่ยอมรับได้
- ลดหย่อนภาษีได้: เงินออมสะสมที่ส่งเข้า กอช. สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่กฎหมายกำหนด
- หลักประกันที่มั่นคง: การได้รับบำนาญรายเดือนช่วยสร้างความมั่นใจว่าจะมีรายได้ใช้จ่ายในยามชราภาพ ไม่ต้องพึ่งพาผู้อื่นเพียงอย่างเดียว
ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องพิจารณา
- ไม่มีสภาพคล่อง: เงินที่ออมใน กอช. เป็นการออมระยะยาว ไม่สามารถถอนออกมาใช้ก่อนอายุ 60 ปีได้ (ยกเว้นกรณีทุพพลภาพหรือเสียชีวิต)
- รับคืนเป็นบำนาญเท่านั้น: ไม่สามารถเลือกรับเป็นเงินก้อนได้ ซึ่งอาจไม่ตอบโจทย์ผู้ที่ต้องการใช้เงินก้อนใหญ่หลังเกษียณเพื่อลงทุนหรือชำระหนี้สิน
- ผลตอบแทนขึ้นอยู่กับภาวะตลาด: แม้จะบริหารโดยมืออาชีพ แต่ผลตอบแทนจากการลงทุนก็มีความผันผวนตามสภาวะเศรษฐกิจ
- เพดานเงินออมและเงินสมทบ: ด้วยเพดานเงินออมสะสม 30,000 บาท/ปี และเงินสมทบจากรัฐสูงสุด 1,800 บาท/ปี สำหรับผู้มีรายได้สูงอาจต้องพิจารณาการลงทุนในช่องทางอื่นเพิ่มเติม เพื่อให้มีเงินเกษียณเพียงพอตามเป้าหมาย
บทสรุป: ก้าวแรกสู่ความมั่นคงทางการเงินในวัยเกษียณ
การที่ภาครัฐเปิดให้สมัครกองทุนบำนาญ ‘ไรเดอร์-ฟรีแลนซ์’ ผ่านกลไกของกองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) นับเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความเท่าเทียมด้านสวัสดิการและส่งเสริมความมั่นคงทางการเงินให้กับกลุ่มแรงงานอิสระ กองทุนนี้ไม่ได้เป็นเพียงช่องทางการออมเงิน แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระสามารถวางแผนเกษียณได้อย่างเป็นระบบ โดยมีรัฐบาลเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญผ่านระบบเงินสมทบ
สำหรับชาวไรเดอร์, ฟรีแลนซ์, และ Gig Worker ทุกคน การเริ่มต้นออมกับ กอช. ตั้งแต่วันนี้ คือการสร้างรากฐานที่มั่นคงให้กับชีวิตในอนาคต แม้จะเป็นการเริ่มต้นด้วยเงินจำนวนไม่มาก แต่ด้วยพลังของระยะเวลาและเงินสมทบจากรัฐ จะช่วยให้เงินออมเติบโตและกลายเป็นบำนาญที่หล่อเลี้ยงชีวิตในวัยเกษียณได้อย่างมีคุณภาพ ดังนั้น การศึกษาข้อมูลและพิจารณาเข้าร่วมเป็นสมาชิก กอช. จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบอาชีพอิสระทุกคนไม่ควรมองข้าม เพื่อสร้างอนาคตที่มั่นคงและยั่งยืนด้วยตนเอง