Shopping cart

Gen Z ไม่เก็บเงินสด? เทรนด์บริหารเงินยุคใหม่ 2025

สารบัญ

ในปี 2025 พฤติกรรมการบริหารจัดการเงินของคนรุ่นใหม่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z ที่เติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ คำถามที่ว่า Gen Z ไม่เก็บเงินสด? เทรนด์บริหารเงินยุคใหม่ 2025 ได้กลายเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการปรับตัวและทัศนคติทางการเงินที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างมีนัยสำคัญ

ภาพรวมพฤติกรรมการเงินของ Gen Z ปี 2025

Gen Z ไม่เก็บเงินสด? เทรนด์บริหารเงินยุคใหม่ 2025 - gen-z-finance-trends-2025

  • ลดการพึ่งพาเงินสด: Gen Z มีแนวโน้มใช้จ่ายและทำธุรกรรมผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก โดยพึ่งพาแอปพลิเคชันทางการเงินและบริการธนาคารออนไลน์แทนการใช้เงินสด
  • วางแผนการเงินอย่างจริงจัง: แม้จะเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจ แต่ Gen Z กลับให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินระยะยาว เช่น การออมเพื่อซื้อบ้านและการวางแผนเกษียณ มากกว่าคนรุ่นก่อนๆ
  • เปิดรับการลงทุนรูปแบบใหม่: คนรุ่นใหม่มีความสนใจลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น สกุลเงินคริปโต และหุ้นที่เน้นความยั่งยืน (ESG) ซึ่งสะท้อนค่านิยมและความเชื่อของพวกเขา
  • มีแนวโน้มเป็นผู้ประกอบการสูง: Gen Z จำนวนมากเริ่มต้นธุรกิจของตนเองตั้งแต่อายุยังน้อย โดยใช้แพลตฟอร์มออนไลน์เป็นเครื่องมือในการสร้างรายได้และลดการพึ่งพางานประจำเพียงอย่างเดียว

ทำความเข้าใจคนรุ่นใหม่: ทำไม Gen Z ไม่เก็บเงินสด?

พฤติกรรมการเงินของกลุ่ม Gen Z ซึ่งหมายถึงผู้ที่เกิดระหว่างปี ค.ศ. 1997 ถึง 2012 ถูกหล่อหลอมจากประสบการณ์และสภาพแวดล้อมที่พวกเขาเติบโตขึ้นมา การไม่ยึดติดกับการใช้เงินสดไม่ใช่เพียงแค่ความนิยม แต่เป็นผลลัพธ์จากการปรับตัวให้เข้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ทั้งในด้านเทคโนโลยีและเศรษฐกิจ การทำความเข้าใจปัจจัยเบื้องหลังจะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับเทรนด์การบริหารเงินของคนรุ่นใหม่ในปี 2025 และอนาคต

ความท้าทายทางเศรษฐกิจที่หล่อหลอมทัศนคติ

Gen Z เติบโตขึ้นมาในช่วงเวลาที่โลกเผชิญกับความผันผวนทางเศรษฐกิจหลายระลอก ตั้งแต่ผลกระทบระยะยาวของวิกฤตเศรษฐกิจโลก ไปจนถึงการแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานทั่วโลก นอกจากนี้ พวกเขายังต้องเผชิญกับตลาดงานในรูปแบบ Gig Economy ที่มีความยืดหยุ่นสูงแต่ขาดความมั่นคง, ภาวะเงินเฟ้อที่ทำให้ค่าครองชีพสูงขึ้น, และราคาอสังหาริมทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นจนการเป็นเจ้าของบ้านกลายเป็นเรื่องยาก

ปัจจัยเหล่านี้สร้างแรงกดดันและปลูกฝังให้ Gen Z มีความระมัดระวังในการใช้จ่ายและตระหนักถึงความสำคัญของการวางแผนการเงินตั้งแต่อายุยังน้อย ข้อมูลจากการสำรวจของ Bank of America พบว่า 56% ของคนกลุ่มนี้มีเงินสำรองฉุกเฉินไม่เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายเกิน 3 เดือน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้พวกเขาต้องมองหาแนวทางการบริหารเงินที่มีประสิทธิภาพและสร้างความมั่นคงในระยะยาวมากกว่าการเก็บเงินสดไว้เฉยๆ

บทบาทของเทคโนโลยีการเงิน (FinTech) ในการบริหารจัดการ

ในฐานะที่เป็น Digital Natives หรือกลุ่มคนที่เติบโตมาพร้อมกับอินเทอร์เน็ตและสมาร์ทโฟน Gen Z จึงมีความคุ้นเคยและเปิดรับเทคโนโลยีเป็นอย่างดี สิ่งนี้สะท้อนอย่างชัดเจนในพฤติกรรมการเงินของพวกเขา พวกเขาหันไปใช้บริการและแอปพลิเคชันด้านการเงิน (FinTech) เพื่อจัดการทุกอย่างตั้งแต่การใช้จ่ายในชีวิตประจำวันไปจนถึงการลงทุน

แอปพลิเคชันอย่าง Venmo สำหรับการโอนเงิน, Robinhood สำหรับการลงทุนในหุ้นที่เข้าถึงง่าย, และ Coinbase สำหรับการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการบริหารเงินของคนรุ่นใหม่ แพลตฟอร์มเหล่านี้มอบความสะดวกสบาย ความรวดเร็ว และทำให้การเงินเป็นเรื่องที่เข้าถึงง่ายกว่าสถาบันการเงินแบบดั้งเดิม การที่ไม่ต้องพกเงินสดหรือเดินทางไปธนาคารจึงสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการความคล่องตัวของพวกเขาอย่างสมบูรณ์

กลยุทธ์การออมและการลงทุนฉบับคนรุ่นใหม่

แม้จะเผชิญกับอุปสรรคทางเศรษฐกิจมากมาย แต่ Gen Z ก็ไม่ได้ยอมแพ้ต่อสถานการณ์ พวกเขากลับพัฒนากลยุทธ์การออมและการลงทุนที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเอง โดยผสมผสานการใช้เทคโนโลยีเข้ากับเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนและแตกต่างจากคนรุ่นก่อน

เทรนด์การลงทุนที่น่าจับตา: คริปโตและหุ้น ESG

การลงทุนของคนรุ่นใหม่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสินทรัพย์แบบดั้งเดิมอีกต่อไป Gen Z แสดงความสนใจอย่างมากในการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น สกุลเงินคริปโต แม้จะมีความเสี่ยงสูง แต่ผลตอบแทนที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วก็เป็นสิ่งที่ดึงดูดใจ นอกจากนี้ พวกเขายังให้ความสำคัญกับการลงทุนที่สอดคล้องกับค่านิยมส่วนตัว

หุ้นประเภท ESG ซึ่งหมายถึงบริษัทที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม (Environmental), สังคม (Social), และการกำกับดูแลที่ดี (Governance) ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มนักลงทุน Gen Z พวกเขาต้องการให้เงินลงทุนของตนเองไม่เพียงสร้างผลตอบแทน แต่ยังต้องสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับโลกด้วย ซึ่งเป็นแนวคิดที่แตกต่างจากการมุ่งเน้นผลกำไรสูงสุดเพียงอย่างเดียวของนักลงทุนในอดีต

เทคนิคการออมเงินแบบไม่กดดัน: สร้างวินัยทางการเงิน

เพื่อรับมือกับค่าครองชีพที่สูงและรายได้ที่ไม่แน่นอน Gen Z ได้ปรับใช้เทคนิคการออมเงินที่ทำได้ง่ายและไม่สร้างความรู้สึกกดดัน หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมคือ “การออมจากเศษเงินทอน” (Spare Change Saving) ซึ่งเป็นการตั้งค่าให้แอปพลิเคชันปัดเศษเงินที่ใช้จ่ายในแต่ละครั้งขึ้นเป็นจำนวนเต็ม แล้วนำส่วนต่างนั้นไปเก็บสะสมในบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีลงทุนโดยอัตโนมัติ

ตัวอย่างเช่น หากซื้อกาแฟราคา 85 บาท ระบบจะปัดเศษเป็น 90 บาท และนำเงิน 5 บาทไปเก็บออมให้ทันที วิธีนี้ช่วยให้สามารถเริ่มต้นออมเงินได้โดยไม่ต้องมีเงินก้อนใหญ่ และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่ใช้จ่ายผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก ทำให้การสร้างวินัยทางการเงินเป็นเรื่องง่ายและเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอโดยไม่รู้ตัว

เป้าหมายที่เปลี่ยนไป: จากสิ่งของสู่ความมั่นคง

ข้อมูลที่น่าสนใจคือเป้าหมายทางการเงินของ Gen Z ในปี 2025 ได้เปลี่ยนจากการใช้จ่ายเพื่อซื้อสินค้าราคาแพงหรือการท่องเที่ยว มาเป็นการสร้างความมั่นคงในระยะยาว จากผลสำรวจพบว่า 81% ของคน Gen Z มีการพูดคุยเกี่ยวกับมรดกหรือการสนับสนุนทางการเงินจากครอบครัว และมากถึง 43% ตั้งใจจะนำเงินส่วนนั้นไปใช้เพื่อการออมสำหรับอนาคตหรือเป็นเงินดาวน์บ้าน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการมองการณ์ไกลและความต้องการสร้างรากฐานที่มั่นคง ท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอน

พฤติกรรมและทัศนคติการเงินนี้สะท้อนว่า Gen Z ในปี 2025 ไม่เพียงแต่ ไม่เก็บเงินสด เท่านั้น แต่ยังเป็นกลุ่มที่ชาญฉลาดและระมัดระวังทางการเงิน ส่งเสริมการวางแผนและการออมอย่างเป็นระบบและใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เปรียบเทียบพฤติกรรมการเงิน: Gen Z vs. รุ่นก่อนหน้า

เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้น การเปรียบเทียบทัศนคติและพฤติกรรมทางการเงินของ Gen Z กับคนรุ่น Millennials (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1981-1996) จะแสดงให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญซึ่งขับเคลื่อนโดยปัจจัยทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน

ตารางเปรียบเทียบพฤติกรรมการบริหารเงินระหว่าง Gen Z และ Millennials ในปี 2025
หัวข้อเปรียบเทียบ Gen Z (เกิด 1997-2012) Millennials (เกิด 1981-1996)
การใช้เทคโนโลยีการเงิน ใช้เป็นเครื่องมือหลัก (Digital Native) จัดการทุกอย่างผ่านแอปพลิเคชัน เป็นผู้ปรับตัวเข้าหาเทคโนโลยี (Digital Adopter) ยังคงใช้บริการธนาคารแบบดั้งเดิมควบคู่กัน
ทัศนคติต่อหนี้ ระมัดระวังอย่างสูง โดยเฉพาะหนี้เพื่อการศึกษา (มีเพียง 21% ที่ต้องการกู้ยืม) มีภาระหนี้เพื่อการศึกษาสูง และมองว่าการกู้ยืมเป็นเรื่องปกติสำหรับการสร้างอนาคต
แนวทางการลงทุน สนใจสินทรัพย์ทางเลือก เช่น คริปโต, หุ้น ESG และการลงทุนที่สร้างผลกระทบ เน้นการลงทุนในสินทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น กองทุนรวม หุ้น และอสังหาริมทรัพย์
เป้าหมายทางการเงินหลัก ความมั่นคงทางการเงินระยะยาว, การเป็นเจ้าของบ้าน, และการวางแผนเกษียณ การใช้จ่ายเพื่อประสบการณ์ เช่น การท่องเที่ยว และการสร้างสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงาน
แหล่งข้อมูลทางการเงิน แพลตฟอร์มออนไลน์, โซเชียลมีเดีย, และแอปพลิเคชันลงทุน ที่ปรึกษาทางการเงิน, เว็บไซต์ข่าวสารการเงิน, และคำแนะนำจากครอบครัว

จิตวิญญาณของผู้ประกอบการ และการสร้างความมั่งคั่ง

อีกหนึ่งลักษณะเด่นของ Gen Z คือความเป็นผู้ประกอบการที่สูงอย่างน่าทึ่ง ข้อมูลระบุว่า 35% ของคนรุ่นนี้ได้เริ่มต้นธุรกิจออนไลน์ของตนเองก่อนอายุ 25 ปี ไม่ว่าจะเป็นการเปิดร้านค้าบนแพลตฟอร์มอย่าง Etsy, การเป็นสตรีมเมอร์บน Twitch, หรือแม้แต่การพัฒนาสตาร์ทอัพแอปพลิเคชัน

แนวโน้มนี้เกิดจากความต้องการที่จะควบคุมอนาคตทางการเงินของตนเองและลดการพึ่งพารายได้จากแหล่งเดียวในยุคที่ตลาดงานไม่มีความแน่นอน การเข้าถึงเครื่องมือดิจิทัลและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ง่ายดายทำให้ต้นทุนในการเริ่มต้นธุรกิจต่ำลงอย่างมาก ซึ่งเปิดโอกาสให้พวกเขาสามารถเปลี่ยนความสนใจหรือทักษะให้กลายเป็นแหล่งรายได้เสริมหรืออาชีพหลักได้ จิตวิญญาณของผู้ประกอบการนี้ไม่เพียงช่วยสร้างความมั่งคั่ง แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงทางการเงินของพวกเขาด้วย

การวางแผนอย่างรอบคอบเพื่อรับมืออนาคต

แม้จะถูกมองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่ใช้ชีวิตอยู่กับโลกออนไลน์ แต่ในความเป็นจริงแล้ว Gen Z กลับเป็นกลุ่มที่ให้ความสำคัญกับการวางแผนการเงินอย่างจริงจังมากกว่าคนรุ่นก่อนๆ พวกเขาตระหนักดีถึงความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและพยายามเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับความท้าทายในอนาคต

การที่คนรุ่นใหม่หันมาพูดคุยเรื่องการเงินและการวางแผนมรดกกับครอบครัวมากขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงวุฒิภาวะและความรับผิดชอบที่เกินวัย พวกเขาไม่ได้รอให้ปัญหาเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยแก้ไข แต่เลือกที่จะวางแผนป้องกันและสร้างเกราะป้องกันทางการเงินไว้ล่วงหน้า การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น การเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้เงินเพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเงินเฟ้อ และการแสวงหาคำแนะนำด้านการเงินอย่างสม่ำเสมอ ล้วนเป็นเครื่องยืนยันว่า Gen Z คือกลุ่มคนที่รอบคอบและชาญฉลาดในการบริหารจัดการเงินอย่างแท้จริง

บทสรุป: ทิศทางการเงินในมือของ Gen Z

ปรากฏการณ์ Gen Z ไม่เก็บเงินสด? เทรนด์บริหารเงินยุคใหม่ 2025 ไม่ใช่แค่การเปลี่ยนแปลงผิวเผินตามกระแสเทคโนโลยี แต่เป็นการปรับตัวเชิงโครงสร้างที่เกิดจากประสบการณ์และความท้าทายทางเศรษฐกิจที่คนรุ่นใหม่ต้องเผชิญ พวกเขาได้เปลี่ยนมุมมองจากการเก็บออมเงินสดแบบเดิมๆ มาสู่การบริหารจัดการสินทรัพย์แบบองค์รวมผ่านเครื่องมือดิจิทัล โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินในระยะยาว

พฤติกรรมของ Gen Z ทั้งในด้านการออม การลงทุน การเป็นผู้ประกอบการ และการวางแผนอย่างรอบคอบ กำลังจะกลายเป็นบรรทัดฐานใหม่ของโลกการเงินในอนาคต พวกเขาได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ท่ามกลางความไม่แน่นอน การมีความรู้ทางการเงินและการใช้เทคโนโลยีอย่างชาญฉลาด คือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จและความมั่นคงทางการเงินได้อย่างยั่งยืน

สั่งเสื้อ

ตุลาคม 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031