Shopping cart

“ลาออกไปใช้ชีวิต” เทรนด์ใหม่ Gen Z วางแผนการเงินยังไง?

สารบัญ

ในยุคที่ความสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัวกลายเป็นสิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ แนวคิด “ลาออกไปใช้ชีวิต” ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะในกลุ่มคน Gen Z การตัดสินใจนี้ไม่ใช่การหนีปัญหาหรือการยอมแพ้ แต่เป็นผลมาจากการวางแผนอย่างมีสติและรอบคอบ ที่เรียกว่า Conscious Quitting ซึ่งหมายถึงการเตรียมความพร้อมทางการเงินอย่างดี เพื่อหยุดพักจากงานประจำไปค้นหาตัวเอง เดินทาง หรือเปลี่ยนเส้นทางอาชีพ โดยไม่สร้างภาระทางการเงินในระยะยาว

  • เทรนด์ “ลาออกไปใช้ชีวิต” หรือ Conscious Quitting คือการวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบเพื่อหยุดพักจากงาน ไม่ใช่การตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่น
  • Gen Z ให้ความสำคัญกับการตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจน การลดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และการสร้างรายได้เสริมจากหลายช่องทางเพื่อรองรับช่วงที่ไม่มีรายได้หลัก
  • แนวคิดนี้สะท้อนการให้คุณค่ากับคุณภาพชีวิต ความสมดุลระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว และการป้องกันภาวะหมดไฟ (Burnout) ซึ่งเป็นปัญหาสุขภาพจิตที่สำคัญในวัยทำงาน
  • หัวใจสำคัญที่ทำให้เป้าหมายการหยุดพักเพื่อใช้ชีวิตเป็นจริงได้ คือการมีวินัยทางการเงินและแผนการที่รัดกุม เพื่อให้สามารถกลับมาทำงานหรือเริ่มต้นสิ่งใหม่ได้อย่างมั่นคง

ปรากฏการณ์ “ลาออกไปใช้ชีวิต” เทรนด์ใหม่ Gen Z วางแผนการเงินยังไง? กลายเป็นคำถามสำคัญที่สะท้อนการเปลี่ยนแปลงกระบวนทัศน์ในการทำงานและการใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ จากเดิมที่การทำงานหนักเพื่อรอเกษียณในวัยชราเป็นเป้าหมายหลัก ปัจจุบัน Gen Z กลับมองว่าการได้ใช้ชีวิตและสัมผัสประสบการณ์ใหม่ ๆ ในช่วงวัยที่ยังแข็งแรงและมีพลังนั้นสำคัญไม่แพ้กัน เทรนด์นี้จึงไม่ได้เป็นเพียงกระแสชั่วคราว แต่คือการปรับเปลี่ยนมุมมองต่อความสำเร็จในชีวิต ที่ไม่ได้วัดจากตำแหน่งหน้าที่การงานหรือรายได้เพียงอย่างเดียวอีกต่อไป แต่รวมถึงความสุข ความสมดุล และอิสรภาพในการเลือกเส้นทางของตนเอง

เจาะลึกเทรนด์ “Conscious Quitting”: ปรากฏการณ์ ‘ลาออกอย่างมีสติ’

คำว่า “ลาออก” ในอดีตอาจฟังดูเป็นเรื่องใหญ่และมักมาพร้อมกับความรู้สึกในแง่ลบ แต่สำหรับคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen Z การลาออกกลับมีความหมายที่เปลี่ยนไป มันคือการเริ่มต้นใหม่ คือโอกาสในการหยุดพักเพื่อทบทวนเป้าหมาย และที่สำคัญคือเป็นการตัดสินใจที่ผ่านการไตร่ตรองมาอย่างดี ภายใต้แนวคิดที่เรียกว่า Conscious Quitting หรือ “การลาออกอย่างมีสติ”

นิยามของ Conscious Quitting: ทำไมถึงกลายเป็นกระแสในกลุ่ม Gen Z

Conscious Quitting คือการลาออกจากงานโดยมีการวางแผนทางการเงินและเป้าหมายชีวิตที่ชัดเจน ไม่ใช่การตัดสินใจด้วยอารมณ์ชั่ววูบ แต่เป็นการเตรียมการอย่างเป็นระบบเพื่อ “หยุดพัก” (Sabbatical) หรือ “เกษียณระยะสั้น” (Micro-retirement) โดยมีเงินทุนสำรองเพียงพอสำหรับใช้จ่ายในช่วงที่ไม่มีรายได้หลัก เพื่อออกไปทำตามความฝัน เดินทางท่องเที่ยว หรือเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ

สาเหตุที่แนวคิดนี้ได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่ม Gen Z มีหลายปัจจัยประกอบกัน:

  • ภาวะหมดไฟ (Burnout): วัฒนธรรมการทำงานที่เร่งรีบและกดดัน ทำให้คนรุ่นใหม่จำนวนมากเผชิญกับภาวะหมดไฟตั้งแต่อายุยังน้อย การหยุดพักจึงเป็นเหมือนการชาร์จพลังและฟื้นฟูสุขภาพจิต
  • การให้คุณค่ากับประสบการณ์: Gen Z มองว่าประสบการณ์ชีวิตและการเดินทางท่องเที่ยวเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ ไม่ใช่สิ่งที่ต้องรอทำหลังเกษียณ พวกเขาต้องการใช้ชีวิตให้คุ้มค่าในขณะที่ยังมีพละกำลัง
  • ความยืดหยุ่นในการทำงาน: การเติบโตมาในยุคดิจิทัลทำให้ Gen Z คุ้นเคยกับความยืดหยุ่นและไม่ยึดติดกับกรอบการทำงานแบบเดิม ๆ พวกเขาพร้อมที่จะเปลี่ยนงานหรือทำงานฟรีแลนซ์เพื่อสร้างสมดุลให้ชีวิต
  • การเข้าถึงข้อมูลทางการเงิน: ข้อมูลเกี่ยวกับการวางแผนการเงินและการลงทุนเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ทำให้คนรุ่นใหม่สามารถเรียนรู้และวางแผนเพื่ออิสรภาพทางการเงินได้เร็วและมีประสิทธิภาพกว่าคนรุ่นก่อน

การลาออกอย่างมีสติไม่ใช่การสิ้นสุด แต่คือการเปลี่ยนผ่านที่ถูกวางแผนมาอย่างดี เพื่อสร้างชีวิตในแบบที่ต้องการ โดยมีวินัยทางการเงินเป็นเครื่องมือสำคัญ

ความแตกต่างระหว่างการลาออกแบบดั้งเดิมและการลาออกในยุคใหม่

หากเปรียบเทียบการลาออกในอดีตกับเทรนด์ Conscious Quitting ในปัจจุบัน จะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจน การลาออกในอดีตมักเกิดจากการได้งานใหม่ที่ดีกว่า มีปัญหากับที่ทำงาน หรือถูกเลิกจ้าง ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการเปลี่ยนผ่านจากงานหนึ่งไปยังอีกงานหนึ่งทันทีโดยไม่มีช่วงว่าง แต่ Conscious Quitting มีลักษณะเฉพาะตัวที่แตกต่างออกไป

ในอดีต การว่างงานถูกมองว่าเป็นเรื่องน่ากังวลและเป็นสัญญาณของความไม่มั่นคง แต่ปัจจุบัน การเว้นว่างจากการทำงาน (Career Break) ที่มาพร้อมกับแผนการที่ชัดเจน กลับถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาที่มีคุณค่าสำหรับการพัฒนาตนเองและการค้นพบเป้าหมายใหม่ ๆ ในชีวิต สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่านิยามของความสำเร็จและความมั่นคงในชีวิตการทำงานได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง

กลยุทธ์การวางแผนการเงินของ Gen Z เพื่อเป้าหมาย “ลาออกไปใช้ชีวิต”

เบื้องหลังอิสรภาพในการ “ลาออกไปใช้ชีวิต” คือวินัยทางการเงินที่เข้มงวดและการวางแผนที่รอบคอบ Gen Z ไม่ได้มองว่าเงินคือเป้าหมายสูงสุด แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้บรรลุเป้าหมายชีวิตในด้านอื่น ๆ ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการเงินอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างความมั่นคงทางการเงินที่เพียงพอต่อการหยุดพักโดยไม่ต้องกังวล

การตั้งเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนและวัดผลได้

ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดคือการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน คนรุ่นใหม่จะกำหนดระยะเวลาที่ต้องการหยุดพักและคำนวณค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่าอาหาร ค่าเดินทาง หรือค่าใช้จ่ายส่วนตัวอื่น ๆ เป้าหมายนี้จะถูกแปลงเป็นตัวเลขที่จับต้องได้ เช่น “เก็บเงิน 300,000 บาท เพื่อเดินทางในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นเวลา 6 เดือน” การมีเป้าหมายที่ชัดเจนเช่นนี้ช่วยสร้างแรงจูงใจและทำให้การวางแผนในขั้นต่อไปทำได้ง่ายขึ้น

นอกจากนี้ การวางแผนยังรวมถึงเงินสำรองฉุกเฉินเผื่อกรณีเจ็บป่วยหรือเกิดเหตุไม่คาดฝัน และเงินทุนสำหรับช่วงหลังกลับมาจากการหยุดพักเพื่อใช้ในการหางานใหม่หรือเริ่มต้นธุรกิจเล็ก ๆ ของตัวเอง การคิดอย่างรอบด้านนี้แสดงให้เห็นถึงความจริงจังและความรับผิดชอบต่ออนาคตของตนเอง

เทคนิคบริหารเงิน: ลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้เสริม

เพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการเงินที่ตั้งไว้ Gen Z ใช้กลยุทธ์สองทางควบคู่กันไป คือการควบคุมรายจ่ายอย่างเข้มงวดและการหาช่องทางสร้างรายได้เพิ่มเติม

  • การลดรายจ่าย: เทรนด์การประหยัดและการใช้ชีวิตแบบมินิมอลเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย การเลือกซื้อสินค้ามือสองเพื่อลดค่าใช้จ่าย การทำอาหารรับประทานเองแทนการซื้อนอกบ้าน การใช้บริการขนส่งสาธารณะ และการงดค่าใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่ไม่จำเป็น ล้วนเป็นวิธีที่ช่วยให้มีเงินออมเพิ่มขึ้นในแต่ละเดือน
  • การเพิ่มรายได้เสริม: ข้อมูลระบุว่า Gen Z มากกว่า 80% มีรายได้เสริมจากหลายช่องทาง (Side Hustle) ไม่ว่าจะเป็นการรับงานฟรีแลนซ์ตามความถนัด เช่น กราฟิกดีไซน์ การเขียนคอนเทนต์ การตลาดดิจิทัล หรือการขายของออนไลน์ การมีรายได้หลายทางไม่เพียงช่วยให้เก็บเงินได้เร็วขึ้น แต่ยังเป็นตาข่ายความปลอดภัยทางการเงินที่สำคัญอีกด้วย

การผสมผสานระหว่างการลดรายจ่ายและการเพิ่มรายได้นี้ ทำให้พวกเขาสามารถเร่งสร้างเงินออมเพื่อเป้าหมายการ “ลาออกไปใช้ชีวิต” ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การลงทุนเพื่อสร้างกระแสเงินสดรองรับช่วงหยุดพัก

นอกจากการออมเงินแล้ว Gen Z ยังให้ความสำคัญกับการลงทุนเพื่อสร้างรายได้แบบพาสซีฟ (Passive Income) หรือกระแสเงินสดที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอโดยไม่ต้องทำงานตลอดเวลา การลงทุนในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น หุ้น กองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ หรือแม้แต่สินทรัพย์ดิจิทัล เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่ช่วยสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวและเป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนในช่วงที่หยุดพักงาน

เป้าหมายของการลงทุนไม่ใช่แค่การสร้างผลตอบแทนสูงสุด แต่คือการสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงพอที่จะครอบคลุมค่าใช้จ่ายพื้นฐานบางส่วนได้ ซึ่งจะช่วยลดแรงกดดันในการนำเงินออมทั้งหมดมาใช้ และทำให้สามารถยืดระยะเวลาการหยุดพักออกไปได้นานขึ้น

รูปแบบของการ “ลาออกไปใช้ชีวิต” ที่หลากหลาย

เทรนด์การลาออกของคนรุ่นใหม่ไม่ได้มีเพียงรูปแบบเดียว แต่มีความหลากหลายตามเป้าหมายและสถานการณ์ของแต่ละบุคคล ซึ่งสะท้อนถึงความต้องการอิสระและความยืดหยุ่นในการออกแบบชีวิตของตนเอง

ตารางเปรียบเทียบรูปแบบการลาออกที่ได้รับความนิยมในกลุ่ม Gen Z
รูปแบบการลาออก เป้าหมายหลัก ลักษณะการวางแผน
Micro-retirement การหยุดพักระยะสั้นเพื่อฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ (Recharge) หรือทำกิจกรรมที่สนใจเป็นพิเศษ มีการวางแผนการเงินอย่างรัดกุมสำหรับช่วงเวลาที่กำหนดไว้ชัดเจน เช่น 3-12 เดือน โดยมีเป้าหมายที่จะกลับเข้าสู่ตลาดแรงงานอีกครั้ง
Conscious Quitting / Sabbatical การพักงานระยะยาวเพื่อค้นหาตัวเอง เรียนรู้ทักษะใหม่ หรือเดินทางท่องเที่ยวเพื่อหาประสบการณ์ เป็นการวางแผนระยะยาวที่ครอบคลุมทั้งด้านการเงินและแผนการในอนาคตหลังสิ้นสุดการหยุดพัก อาจเป็นการกลับไปทำงานเดิมหรือเปลี่ยนสายอาชีพ
Revenge Quitting การลาออกเพื่อตอบโต้การปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมหรือสภาพแวดล้อมการทำงานที่เป็นพิษ (Toxic Workplace) อาจเป็นการตัดสินใจที่ใช้อารมณ์เป็นที่ตั้งมากกว่า แต่ในหลายกรณีก็มีการเตรียมการทางการเงินมาระยะหนึ่งแล้ว เพื่อแสดงออกถึงการไม่ยอมทนต่อสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

Micro-retirement: การเกษียณระยะสั้นเพื่อเติมพลัง

Micro-retirement หรือ “การเกษียณย่อย” คือแนวคิดของการแบ่งช่วงเวลาเกษียณออกมาเป็นช่วงสั้น ๆ ตลอดชีวิตการทำงาน แทนที่จะรอจนถึงอายุ 60 ปี นี่คือการหยุดพักอย่างเต็มที่จากงานเป็นเวลาหลายเดือนหรืออาจถึงหนึ่งปี เพื่อใช้ชีวิตอย่างอิสระเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางรอบโลก การทำงานอาสาสมัคร หรือการทุ่มเทให้กับงานอดิเรกที่รัก แนวคิดนี้ช่วยป้องกันภาวะหมดไฟและทำให้คนทำงานกลับมาพร้อมกับพลังงาน ความคิดสร้างสรรค์ และมุมมองใหม่ ๆ

Revenge Quitting: การลาออกเพื่อตอบโต้และเรียกร้องความเปลี่ยนแปลง

ในขณะที่การลาออกส่วนใหญ่มาจากการวางแผน Revenge Quitting เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นจากความรู้สึกไม่พอใจต่อองค์กรอย่างรุนแรง เช่น การไม่ได้รับความเป็นธรรม การถูกกดขี่ หรือการมีวัฒนธรรมองค์กรที่เป็นพิษ การลาออกในลักษณะนี้จึงเป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เพื่อเรียกร้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงและเป็นการปกป้องคุณค่าของตนเอง แม้จะดูเหมือนเป็นการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยอารมณ์ แต่บ่อยครั้งผู้ที่เลือกเส้นทางนี้ก็ได้เตรียมความพร้อมทางการเงินไว้ระดับหนึ่งแล้วเช่นกัน เพื่อให้ตนเองมีอำนาจในการเลือกที่จะเดินออกจากสถานการณ์ที่ไม่พึงประสงค์

ความสมดุลระหว่างการทำงาน ชีวิต และอิสรภาพทางการเงิน

หัวใจของเทรนด์ “ลาออกไปใช้ชีวิต” คือการแสวงหา “ความสมดุล” คนรุ่นใหม่ไม่ได้ปฏิเสธการทำงานหรือความก้าวหน้าในอาชีพ แต่พวกเขาปฏิเสธแนวคิดที่ว่าต้องสละชีวิตส่วนตัวเพื่อความสำเร็จในหน้าที่การงาน อิสรภาพทางการเงินจึงไม่ใช่เป้าหมายเพื่อการหยุดทำงานตลอดไป แต่เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้สามารถออกแบบชีวิตที่ผสมผสานการทำงาน การพักผ่อน และการใช้ชีวิตได้อย่างลงตัว

การยอมรับความยืดหยุ่นในวิถีการทำงานยุคใหม่

Gen Z ไม่ได้ยึดติดกับรูปแบบการจ้างงานแบบดั้งเดิม พวกเขาเปิดรับการทำงานที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการทำงานประจำที่สามารถยืดหยุ่นเวลาได้ (Flexible Hours) การทำงานทางไกล (Remote Work) หรือการเป็นฟรีแลนซ์ที่รับงานเป็นโปรเจกต์ ความยืดหยุ่นนี้ทำให้สามารถจัดสรรเวลาให้กับชีวิตส่วนตัวและงานเสริมได้ง่ายขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายในการสร้างสมดุลและเตรียมความพร้อมทางการเงินสำหรับการหยุดพักในอนาคต

คุณภาพชีวิตและความสุข: เป้าหมายสูงสุดของคนรุ่นใหม่

ท้ายที่สุดแล้ว ปรากฏการณ์ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่านิยามของ “ชีวิตที่ดี” สำหรับคนรุ่นใหม่ได้เปลี่ยนไป ความสำเร็จไม่ได้ถูกวัดด้วยตัวเงินหรือตำแหน่งอีกต่อไป แต่วัดจากระดับความสุข คุณภาพชีวิต และการมีเวลาให้กับสิ่งที่รัก การวางแผนการเงินอย่างรอบคอบเพื่อ “ลาออกไปใช้ชีวิต” จึงเป็นการลงทุนเพื่อความสุขและความเป็นอยู่ที่ดีของตนเอง ซึ่งเป็นผลตอบแทนที่ประเมินค่าไม่ได้

บทสรุป: การ “ลาออกไปใช้ชีวิต” ต้องมาพร้อมแผนการเงินที่รัดกุม

เทรนด์ “ลาออกไปใช้ชีวิต” ของ Gen Z ไม่ใช่เพียงกระแสแฟชั่นที่ฉาบฉวย แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในทัศนคติต่อการทำงานและการใช้ชีวิต มันคือการปฏิเสธเส้นทางความสำเร็จแบบเดิม ๆ ที่ต้องแลกมาด้วยการทำงานหนักจนสูญเสียตัวตนและเวลาในชีวิตไป การลาออกอย่างมีสติ หรือ Conscious Quitting คือผลลัพธ์ของการวางแผนทางการเงินอย่างชาญฉลาดและมีวินัย โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างอิสรภาพในการหยุดพัก เติมเต็มประสบการณ์ชีวิต และค้นหาความหมายที่แท้จริงของความสำเร็จในแบบฉบับของตนเอง

สำหรับผู้ที่สนใจในแนวทางนี้ สิ่งสำคัญคือการเริ่มต้นวางแผนทางการเงินตั้งแต่วันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการตั้งเป้าหมายการออมที่ชัดเจน การมองหารายได้เสริม การศึกษาเรื่องการลงทุน และการมีวินัยในการใช้จ่ายอย่างสม่ำเสมอ เพราะการเตรียมความพร้อมที่ดีเท่านั้นที่จะทำให้การ “ลาออกไปใช้ชีวิต” เป็นการเดินทางที่สวยงามและมั่นคง ไม่ใช่การตัดสินใจที่นำไปสู่ปัญหาทางการเงินในอนาคต

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930