Shopping cart

Easy E-Receipt 69: ลดหย่อนภาษีรอบใหม่ ใครได้บ้าง?

สารบัญ

มาตรการ Easy E-Receipt 69: ลดหย่อนภาษีรอบใหม่ ใครได้บ้าง? ถือเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญจากภาครัฐสำหรับปีภาษี 2568 โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศผ่านสิทธิประโยชน์ทางภาษี โครงการนี้เปิดโอกาสให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 50,000 บาท โดยต้องมีหลักฐานเป็นใบกำกับภาษีหรือใบเสร็จรับเงินในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์เท่านั้น

สรุปประเด็นสำคัญของ Easy E-Receipt 69

  • วงเงินลดหย่อน: สามารถนำค่าใช้จ่ายมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามจริง แต่ไม่เกิน 50,000 บาท
  • เอกสารหลักฐาน: ต้องใช้ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice) หรือใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) เท่านั้น
  • ผู้มีสิทธิ์: สงวนสิทธิ์สำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ไม่รวมห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล
  • ระยะเวลาโครงการ: การซื้อสินค้าและบริการต้องเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2568 ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
  • โครงสร้างการลดหย่อน: แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ค่าซื้อสินค้าและบริการทั่วไปสูงสุด 30,000 บาท และค่าซื้อสินค้าหรือบริการกลุ่มพิเศษ (เช่น OTOP) สูงสุด 20,000 บาท

ทำความรู้จักมาตรการ Easy E-Receipt 69

มาตรการ Easy E-Receipt 69 หรือที่อาจเรียกว่า Easy E-Receipt 2.0 เป็นนโยบายที่กรมสรรพากรและรัฐบาลนำมาใช้เพื่อเป็นเครื่องมือในการกระตุ้นเศรษฐกิจช่วงต้นปี 2568 โดยต่อยอดจากมาตรการลักษณะเดียวกันในปีก่อนหน้า เช่น โครงการช้อปดีมีคืน แต่ปรับเปลี่ยนเงื่อนไขให้มุ่งเน้นการทำธุรกรรมผ่านระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการผลักดันเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

วัตถุประสงค์หลักและที่มาของโครงการ

วัตถุประสงค์หลักของมาตรการนี้มีหลายมิติ ประการแรกคือการกระตุ้นการใช้จ่ายของภาคประชาชน เพื่อให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจภายในประเทศเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงหลังเทศกาลปีใหม่ที่การจับจ่ายอาจชะลอตัวลง ประการที่สองคือการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการและผู้บริโภคเข้าสู่ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax System) มากขึ้น ซึ่งช่วยเพิ่มความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการจัดเก็บภาษีของภาครัฐในระยะยาว และประการสุดท้ายคือการกระจายรายได้สู่ชุมชนและผู้ประกอบการรายย่อย ผ่านการกำหนดเงื่อนไขพิเศษสำหรับสินค้ากลุ่ม OTOP และวิสาหกิจชุมชน

กลไกการทำงานของมาตรการ

หลักการทำงานของมาตรการนี้ไม่ซับซ้อน ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการที่สามารถออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้ในช่วงเวลาที่กำหนด สามารถรวบรวมค่าใช้จ่ายดังกล่าวเพื่อนำไปกรอกในแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90/91) สำหรับปีภาษี 2568 ซึ่งจะยื่นในช่วงต้นปี พ.ศ. 2569 ระบบของกรมสรรพากรจะเชื่อมโยงข้อมูลใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ทำให้กระบวนการตรวจสอบและใช้สิทธิ์เป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วกว่าในอดีตที่ใช้เอกสารกระดาษ

ใครคือผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ?

ใครคือผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ?

การทำความเข้าใจคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก เพื่อให้สามารถวางแผนการใช้จ่ายและใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้อย่างถูกต้องและเต็มประสิทธิภาพ

คุณสมบัติของผู้ที่สามารถใช้สิทธิ์ได้

ผู้ที่มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการ Easy E-Receipt 69 ต้องเป็น ผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เท่านั้น ซึ่งหมายถึงบุคคลทั่วไปที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนดให้ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท, ผู้ประกอบอาชีพอิสระ, หรือผู้มีรายได้จากแหล่งอื่นๆ ตามประมวลรัษฎากร สิทธิ์นี้เป็นสิทธิ์เฉพาะตัวบุคคล ไม่สามารถโอนให้ผู้อื่นได้

กลุ่มที่ไม่เข้าเกณฑ์การลดหย่อนภาษี

มาตรการนี้ไม่ได้ครอบคลุมผู้เสียภาษีทุกประเภท โดยกลุ่มที่ไม่สามารถใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีจากโครงการนี้ได้ ได้แก่:

  • ห้างหุ้นส่วนสามัญ: แม้จะมีการยื่นภาษี แต่ถือเป็นหน่วยภาษีแยกต่างหากจากบุคคลธรรมดา
  • คณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล: เช่นเดียวกันกับห้างหุ้นส่วนสามัญ ถือเป็นหน่วยภาษีอีกประเภทหนึ่ง
  • กองมรดกที่ยังไม่ได้แบ่ง: มีสถานะเป็นผู้เสียภาษีเฉพาะกรณี
  • นิติบุคคล: เช่น บริษัทจำกัด หรือห้างหุ้นส่วนจำกัด เนื่องจากมาตรการนี้มุ่งเป้าไปที่การบริโภคของบุคคล ไม่ใช่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจของบริษัท

เงื่อนไขและรายละเอียดการลดหย่อนภาษีฉบับสมบูรณ์

เพื่อให้การใช้สิทธิ์เป็นไปอย่างสมบูรณ์ การทำความเข้าใจในรายละเอียดและเงื่อนไขต่างๆ ของโครงการเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ตั้งแต่กรอบเวลา, ประเภทเอกสาร, ไปจนถึงโครงสร้างของวงเงินลดหย่อน

กรอบระยะเวลาที่ต้องใช้จ่าย

การซื้อสินค้าและบริการที่จะนำมาใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีได้นั้น จะต้องเกิดขึ้นภายในช่วงเวลาที่กำหนดไว้อย่างชัดเจน คือตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2568 ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 เท่านั้น การใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก่อนหน้าหรือหลังจากช่วงเวลาดังกล่าวจะไม่สามารถนำมาคำนวณเพื่อลดหย่อนภาษีภายใต้มาตรการนี้ได้

เอกสารหลักฐานสำคัญ: e-Tax Invoice และ e-Receipt

หัวใจสำคัญของมาตรการนี้คือการเปลี่ยนผ่านสู่ระบบดิจิทัล ดังนั้น หลักฐานที่ยอมรับได้จึงจำกัดอยู่เพียง 2 รูปแบบเท่านั้น:

  1. ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (e-Tax Invoice): คือใบกำกับภาษีเต็มรูปแบบที่ออกโดยผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ผ่านระบบ e-Tax Invoice & e-Receipt ของกรมสรรพากร
  2. ใบเสร็จรับเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt): คือใบเสร็จรับเงินที่ออกโดยผู้ประกอบการที่ไม่ได้จดทะเบียน VAT แต่เข้าร่วมในระบบของกรมสรรพากร เพื่อเป็นหลักฐานการรับชำระเงิน

เอกสารในรูปแบบกระดาษ (Hard Copy) จะไม่สามารถนำมาใช้ลดหย่อนภาษีในโครงการนี้ได้ ดังนั้น ก่อนชำระเงินจึงควรสอบถามร้านค้าหรือผู้ให้บริการทุกครั้งว่าสามารถออกเอกสารในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ดังกล่าวได้หรือไม่

โครงสร้างวงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุด 50,000 บาท

วงเงินลดหย่อนสูงสุด 50,000 บาท ถูกแบ่งออกเป็น 2 ส่วนย่อย ซึ่งมีเงื่อนไขการใช้จ่ายที่แตกต่างกัน ดังนี้

สรุปโครงสร้างวงเงินลดหย่อนภาษีในโครงการ Easy E-Receipt 69 สำหรับปีภาษี 2568
กลุ่มการใช้จ่าย รายละเอียด วงเงินลดหย่อนสูงสุด (บาท)
กลุ่มที่ 1 ค่าซื้อสินค้าและบริการทั่วไปจากผู้ประกอบการที่ออก e-Tax Invoice หรือ e-Receipt ได้ 30,000
กลุ่มที่ 2 ค่าซื้อสินค้าหรือบริการจากกลุ่มพิเศษ เช่น สินค้า OTOP, สินค้าจากวิสาหกิจชุมชน, และวิสาหกิจเพื่อสังคมที่จดทะเบียนกับหน่วยงานภาครัฐ 20,000

เจาะลึกการใช้สิทธิ์ลดหย่อนทั้ง 2 ส่วน

ส่วนที่ 1: การซื้อสินค้าและบริการทั่วไป (วงเงิน 30,000 บาท)

ส่วนนี้ครอบคลุมการใช้จ่ายในชีวิตประจำวันส่วนใหญ่ เช่น การซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์, เสื้อผ้า, การรับประทานอาหารในร้านอาหาร, หรือการใช้บริการต่างๆ จากผู้ประกอบการที่อยู่ในระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ผู้เสียภาษีสามารถใช้จ่ายและรวบรวมใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์จากร้านค้าทั่วไปได้จนเต็มวงเงิน 30,000 บาท

ส่วนที่ 2: การสนับสนุนสินค้าและบริการกลุ่มพิเศษ (วงเงิน 20,000 บาท)

วงเงินส่วนนี้ถูกออกแบบมาเพื่อส่งเสริมและกระจายรายได้ไปยังเศรษฐกิจฐานรากโดยเฉพาะ โดยมุ่งเน้นไปที่สินค้าและบริการจากกลุ่มต่อไปนี้:

  • สินค้า OTOP (หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์): สินค้าที่ได้รับการลงทะเบียนกับกรมการพัฒนาชุมชน
  • วิสาหกิจชุมชน: ที่จดทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร
  • วิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise): ที่จดทะเบียนตามกฎหมาย

การใช้จ่ายในกลุ่มนี้ไม่เพียงช่วยลดภาระภาษี แต่ยังมีส่วนช่วยสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อยและชุมชนโดยตรง ซึ่งเป็นเป้าหมายเชิงสังคมของนโยบายนี้

รายการสินค้าและบริการที่ไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้

แม้มาตรการจะครอบคลุมสินค้าและบริการส่วนใหญ่ แต่ก็มีข้อยกเว้นสำหรับค่าใช้จ่ายบางประเภทที่ไม่สามารถนำมาลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งโดยทั่วไปมักเป็นรายการที่มีการลดหย่อนภาษีเฉพาะทางอยู่แล้ว หรือเป็นสินค้าที่นโยบายภาครัฐไม่สนับสนุน โดยรายการที่คาดว่าจะไม่เข้าร่วม (อ้างอิงจากมาตรการในอดีต) ได้แก่:

  • ค่าซื้อสุรา, เบียร์, และไวน์
  • ค่าซื้อยาสูบ
  • ค่าซื้อรถยนต์, รถจักรยานยนต์, และเรือ
  • ค่าน้ำมันและก๊าซสำหรับเติมยานพาหนะ
  • ค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำประปา, ค่าไฟฟ้า, ค่าบริการโทรศัพท์, และค่าบริการอินเทอร์เน็ต
  • ค่าเบี้ยประกันวินาศภัย และค่าเบี้ยประกันชีวิต
  • ค่าบริการที่มีข้อตกลงการให้บริการระยะยาวซึ่งเริ่มต้นก่อนวันที่ 16 ม.ค. 2568 หรือสิ้นสุดหลังวันที่ 28 ก.พ. 2568

ผลกระทบและประโยชน์ของมาตรการต่อภาพรวม

ประโยชน์โดยตรงต่อผู้เสียภาษี

ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดสำหรับบุคคลทั่วไปคือการได้รับสิทธิ์ลดหย่อนภาษี ซึ่งจะช่วยลดจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระหรือเพิ่มโอกาสในการได้รับเงินคืนภาษี จำนวนเงินภาษีที่ประหยัดได้จะขึ้นอยู่กับฐานภาษีของแต่ละบุคคล ผู้ที่มีฐานภาษีสูงกว่าจะได้รับประโยชน์จากค่าลดหย่อนนี้มากกว่า อย่างไรก็ตาม นี่เป็นโอกาสสำหรับผู้เสียภาษีทุกคนในการวางแผนการใช้จ่ายให้สอดคล้องกับนโยบายเพื่อประโยชน์สูงสุด

สิ่งสำคัญที่ต้องทำความเข้าใจคือ มาตรการนี้เป็น “ค่าลดหย่อน” ไม่ใช่ “เงินคืน” โดยตรง ค่าลดหย่อนจะถูกนำไปหักออกจากเงินได้สุทธิเพื่อคำนวณภาษี ซึ่งจะทำให้จำนวนภาษีที่ต้องจ่ายลดลงตามขั้นบันไดภาษีของแต่ละบุคคล

ผลดีต่อเศรษฐกิจมหภาคและการเปลี่ยนผ่านสู่ดิจิทัล

ในระดับประเทศ มาตรการ Easy E-Receipt 69 ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่มีประสิทธิภาพ โดยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบผ่านการบริโภคภาคครัวเรือน นอกจากนี้ การบังคับใช้เฉพาะใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ยังเป็นการเร่งให้เกิดการปรับตัวของผู้ประกอบการและผู้บริโภคเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งจะส่งผลดีต่อโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ทั้งในด้านความโปร่งใสและประสิทธิภาพในการบริหารจัดการข้อมูล

การส่งเสริมเศรษฐกิจฐานรากและวิสาหกิจชุมชน

การจัดสรรวงเงิน 20,000 บาทสำหรับสินค้ากลุ่มพิเศษโดยเฉพาะ ถือเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการใช้เครื่องมือทางภาษีเพื่อบรรลุเป้าหมายทางสังคม เป็นการสร้างแรงจูงใจให้ผู้บริโภคหันมาอุดหนุนสินค้าจากผู้ประกอบการรายย่อยและวิสาหกิจชุมชนมากขึ้น ซึ่งเป็นการกระจายรายได้จากเมืองสู่ท้องถิ่น และช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างเป็นรูปธรรม

แนวทางการเตรียมความพร้อมและวางแผนภาษี

ขั้นตอนการเตรียมตัวเพื่อใช้สิทธิ์

เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสในการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ควรมีการเตรียมความพร้อมตามขั้นตอนต่อไปนี้:

  1. ตรวจสอบคุณสมบัติ: ยืนยันว่าตนเองเป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและเข้าเกณฑ์ของโครงการ
  2. วางแผนการใช้จ่าย: สำรวจรายการสินค้าหรือบริการที่จำเป็นต้องซื้อและวางแผนให้อยู่ในช่วงวันที่ 16 ม.ค. – 28 ก.พ. 2568
  3. ค้นหาร้านค้าที่เข้าร่วม: มองหาร้านค้าหรือผู้ให้บริการที่มีสัญลักษณ์ e-Tax Invoice & e-Receipt หรือสอบถามโดยตรงก่อนตัดสินใจซื้อ
  4. แจ้งความประสงค์ทุกครั้ง: ขณะชำระเงิน ต้องแจ้งแก่ผู้ขายว่าต้องการใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ
  5. ตรวจสอบข้อมูล: ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลส่วนตัวบนเอกสารอิเล็กทรอนิกส์ที่ได้รับ โดยเฉพาะชื่อ-นามสกุล และเลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากร (เลขบัตรประชาชน 13 หลัก)

ข้อควรระวังเพื่อการใช้สิทธิ์อย่างถูกต้อง

มีข้อควรระวังบางประการที่ควรใส่ใจเป็นพิเศษ ได้แก่ การเก็บรักษาหลักฐาน แม้ข้อมูลจะถูกส่งเข้าระบบของกรมสรรพากรโดยอัตโนมัติ การบันทึกหรือเก็บสำเนาไฟล์ดิจิทัลไว้ก็เป็นแนวทางปฏิบัติที่ดี นอกจากนี้ ควรทำความเข้าใจว่ายอดซื้อรวมทั้งสองส่วนต้องไม่เกิน 50,000 บาท เช่น หากซื้อสินค้าทั่วไป 30,000 บาท และสินค้า OTOP 25,000 บาท จะสามารถใช้ลดหย่อนได้เพียง 30,000 + 20,000 = 50,000 บาทเท่านั้น

บทสรุป: เตรียมพร้อมใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีเต็มศักยภาพ

มาตรการ Easy E-Receipt 69 เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในการบริหารจัดการภาษีของตนเองสำหรับปี 2568 พร้อมทั้งมีส่วนร่วมในการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศ การทำความเข้าใจในเงื่อนไขต่างๆ ทั้งเรื่องผู้มีสิทธิ์, ระยะเวลา, ประเภทเอกสารที่ต้องใช้ และโครงสร้างวงเงินลดหย่อน 50,000 บาทที่แบ่งเป็นสองส่วน จะช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากนโยบายนี้ได้อย่างเต็มที่ ดังนั้น การเริ่มต้นวางแผนการใช้จ่ายและการตรวจสอบร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการตั้งแต่เนิ่นๆ จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่การใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีอย่างคุ้มค่าและถูกต้องตามระเบียบที่กำหนด

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930