Shopping cart

เงินบาทดิจิทัลเฟส 2: กระทบเงินในกระเป๋าเราอย่างไร?

สารบัญ

บทความนี้จะเจาะลึกรายละเอียดเกี่ยวกับประเด็น เงินบาทดิจิทัลเฟส 2: กระทบเงินในกระเป๋าเราอย่างไร? ซึ่งเป็นหัวข้อที่สร้างความสนใจและคำถามมากมายในสังคม อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่าโครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นในช่วงต้นปี 2568 นั้น คือมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งเป้าไปยังกลุ่มผู้สูงอายุเป็นหลัก และมีลักษณะแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากแนวคิดเงินบาทดิจิทัล (CBDC) ที่อยู่ระหว่างการพัฒนา โครงการนี้จึงส่งผลกระทบโดยตรงต่อกลุ่มผู้มีสิทธิ์ และมีผลกระทบทางอ้อมต่อระบบเศรษฐกิจในภาพรวมมากกว่าที่จะกระทบเงินในกระเป๋าของประชาชนทั่วไปโดยตรง

ประเด็นสำคัญเกี่ยวกับโครงการเงิน 10,000 บาทเฟส 2

เงินบาทดิจิทัลเฟส 2: กระทบเงินในกระเป๋าเราอย่างไร? - digital-baht-phase-2-impact

  • โครงการที่ถูกกล่าวถึงในชื่อ “เฟส 2” คือมาตรการช่วยเหลือและกระตุ้นเศรษฐกิจที่มอบเงิน 10,000 บาทให้แก่ผู้สูงอายุที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ไม่ใช่การเปิดตัวเงินบาทดิจิทัลสำหรับสาธารณะ
  • เงินที่ผู้มีสิทธิ์ได้รับจะเป็นเงินสดที่โอนเข้าบัญชีพร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน ไม่ใช่สกุลเงินดิจิทัลใหม่ และสามารถใช้จ่ายได้โดยไม่มีข้อจำกัดเหมือนโครงการในอดีต
  • สำหรับประชาชนทั่วไปที่ไม่อยู่ในเกณฑ์ผู้สูงอายุ โครงการนี้ไม่มีผลกระทบทางการเงินเชิงลบโดยตรง ไม่มีการหักเงินหรือเรียกเก็บเงินจากบัญชีส่วนตัวแต่อย่างใด
  • โครงการใช้เงินจากงบประมาณแผ่นดินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก โดยคาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์ประมาณ 3-4 ล้านคน ใช้งบประมาณราว 40,000 ล้านบาท
  • โครงการเงินดิจิทัลเต็มรูปแบบสำหรับประชาชนทั่วไป (อายุ 16 ปีขึ้นไป) หรือ “เฟส 3” ยังอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในไตรมาสที่ 2 ของปี 2568

ไขข้อข้องใจ: โครงการเงิน 10,000 บาท คือเงินบาทดิจิทัลเฟส 2 จริงหรือ?

ความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับ เงินบาทดิจิทัลเฟส 2: กระทบเงินในกระเป๋าเราอย่างไร? เกิดจากการนำคำว่า “เฟส 2” มาเชื่อมโยงกับโครงการเงินดิจิทัลที่เคยมีการประกาศก่อนหน้านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว โครงการที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้มีเป้าหมายและรูปแบบที่แตกต่างกันอย่างชัดเจน การทำความเข้าใจในรายละเอียดจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อประเมินผลกระทบที่แท้จริงได้อย่างถูกต้อง

นิยามและวัตถุประสงค์ของโครงการ

โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet สำหรับผู้สูงอายุ ถือเป็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นที่ได้รับการอนุมัติจากมติคณะกรรมการนโยบายโครงการเติมเงินฯ เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2567 โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่มีความเปราะบางทางเศรษฐกิจ และเพื่ออัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจฐานรากโดยตรงผ่านการใช้จ่ายของผู้สูงอายุ โครงการนี้เกิดขึ้นภายหลังจากการดำเนินโครงการเฟส 1 ซึ่งมุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและกลุ่มคนพิการในช่วงเดือนกันยายน 2567 มาตรการนี้จึงถูกเรียกว่า “เฟส 2” ในฐานะที่เป็นระยะต่อเนื่องของนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ไม่ใช่ระยะที่สองของการพัฒนาเงินบาทดิจิทัล

ความแตกต่างจากเงินบาทดิจิทัล (CBDC)

สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำคือ เงินที่ผู้มีสิทธิ์ได้รับจากโครงการนี้ ไม่ใช่เงินบาทดิจิทัล หรือ Central Bank Digital Currency (CBDC) ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยกำลังศึกษาและพัฒนาอยู่ เงินบาทดิจิทัล หรือ CBDC คือเงินสกุลบาทในรูปแบบดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง มีสถานะเทียบเท่าธนบัตร สามารถใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย และเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินยุคใหม่เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล

ในทางกลับกัน เงิน 10,000 บาทในโครงการนี้เป็นเพียงการโอนเงินบาทแบบปกติ (เงินสด) ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เรียกว่า “พร้อมเพย์” เข้าสู่บัญชีธนาคารของผู้รับสิทธิ์โดยตรง ผู้รับสามารถถอนเป็นเงินสดหรือใช้จ่ายผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารได้ทันทีเหมือนเงินในบัญชีทั่วไป การดำเนินการนี้จึงเป็นเพียงการใช้เทคโนโลยีการโอนเงินที่มีอยู่แล้วเพื่อกระจายเงินช่วยเหลือ ไม่ใช่การสร้างหรือนำสกุลเงินดิจิทัลใหม่ออกมาใช้งานจริง

คุณสมบัติและเงื่อนไข: ใครคือผู้มีสิทธิ์ได้รับเงิน?

เพื่อให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ รัฐบาลได้กำหนดคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการไว้อย่างชัดเจน โดยมุ่งเน้นไปที่กลุ่มผู้สูงอายุเป็นหลัก และมีเงื่อนไขยกเว้นสำหรับผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือจากโครงการอื่นหรือมีรายได้สูงอยู่แล้ว

เกณฑ์หลักสำหรับผู้สูงอายุ

ผู้ที่จะได้รับสิทธิ์ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาทสำหรับผู้สูงอายุ จะต้องมีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขทุกข้อดังต่อไปนี้:

  • สัญชาติและอายุ: ต้องเป็นบุคคลสัญชาติไทย และมีอายุครบ 60 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ 15 กันยายน 2567 ซึ่งหมายความว่าต้องเป็นผู้ที่เกิดก่อนหรือในวันที่ 16 กันยายน 2507
  • การลงทะเบียน: ต้องทำการลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ ให้สำเร็จ ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2567
  • การยืนยันตัวตน: ต้องผ่านกระบวนการยืนยันตัวตน (Know Your Customer – KYC) ตามขั้นตอนที่กำหนด เพื่อยืนยันว่าเป็นบุคคลเดียวกับที่ลงทะเบียนและมีคุณสมบัติตามเกณฑ์

เงื่อนไขการยกเว้นผู้ที่ไม่ได้รับสิทธิ์

แม้จะมีคุณสมบัติด้านสัญชาติและอายุครบถ้วน แต่บุคคลในกลุ่มต่อไปนี้จะ ไม่ได้รับสิทธิ์ ในโครงการนี้:

  • ผู้ที่เคยได้รับสิทธิ์ในโครงการเติมเงินดิจิทัลเฟส 1 ไปแล้ว
  • ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือเป็นผู้พิการที่ได้รับสิทธิ์ช่วยเหลืออื่นไปแล้ว
  • ผู้ที่มีเงินได้พึงประเมินสำหรับปีภาษี 2566 เกิน 840,000 บาท

โครงการนี้มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการช่วยเหลือผู้สูงอายุที่ยังไม่เคยได้รับสิทธิ์ในโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจก่อนหน้า เพื่อให้การกระจายความช่วยเหลือเป็นไปอย่างทั่วถึงและลดความเหลื่อมล้ำ

ขั้นตอนการตรวจสอบสิทธิ์และรับเงิน 10,000 บาท

กระบวนการตรวจสอบสิทธิ์และการรับเงินถูกออกแบบมาให้เข้าถึงได้ง่ายผ่านช่องทางดิจิทัล เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้สูงอายุและลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อน

วิธีการตรวจสอบสถานะผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’

ผู้ที่ลงทะเบียนไว้แล้วสามารถเริ่มตรวจสอบสถานะการรับสิทธิ์ของตนเองได้ตั้งแต่วันที่ 22 มกราคม 2568 เป็นต้นไป ผ่านแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ โดยปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้:

  1. เปิดแอปพลิเคชัน ‘ทางรัฐ’ บนสมาร์ทโฟน
  2. เลือกเมนู “ตรวจสอบสถานะการลงทะเบียน โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet”
  3. ระบบจะแสดงผลการตรวจสอบสถานะ

หากผลการตรวจสอบแสดงข้อความว่า “ยินดีด้วยคุณได้รับสิทธิโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ” หมายความว่าบุคคลนั้นผ่านเกณฑ์และมีสิทธิ์ได้รับเงิน 10,000 บาท สิ่งที่ต้องทำต่อไปทันทีคือการตรวจสอบและผูกบัญชีพร้อมเพย์กับเลขบัตรประจำตัวประชาชนให้เรียบร้อย เพื่อให้พร้อมรับเงินโอน

กระบวนการรับเงินโอนผ่านพร้อมเพย์

กรมบัญชีกลางจะทำหน้าที่โอนเงิน 10,000 บาทเข้าบัญชีธนาคารของผู้มีสิทธิ์โดยตรง ผ่านระบบพร้อมเพย์ที่ผูกไว้กับเลขบัตรประชาชน โดยมีกำหนดการดังนี้:

  • เริ่มทยอยโอน: ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 เป็นต้นไป
  • เป้าหมายการโอน: จะเร่งดำเนินการโอนให้ผู้มีสิทธิ์ส่วนใหญ่ได้รับเงินก่อนช่วงเทศกาลตรุษจีน ซึ่งตรงกับวันที่ 29 มกราคม 2568 โดยมีกำหนดการโอนเงินล็อตใหญ่ในวันที่ 27 มกราคม 2568

เงินที่ได้รับนี้เป็นเงินสดในบัญชีธนาคาร ซึ่งผู้รับสิทธิ์สามารถนำไปใช้จ่ายได้ตามความต้องการ โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องพื้นที่หรือประเภทของร้านค้าเหมือนโครงการในเฟส 1

วิเคราะห์ผลกระทบต่อเงินในกระเป๋าโดยตรง

การประเมินผลกระทบของโครงการนี้ต่อสถานะทางการเงินส่วนบุคคล สามารถแบ่งพิจารณาได้ตามกลุ่มเป้าหมาย คือกลุ่มผู้ได้รับสิทธิ์โดยตรงและกลุ่มประชาชนทั่วไป

สำหรับกลุ่มผู้มีสิทธิ์

ผลกระทบสำหรับผู้สูงอายุที่ผ่านเกณฑ์คุณสมบัติเป็นไปในเชิงบวกอย่างชัดเจน:

  • เพิ่มสภาพคล่องทางการเงิน: ได้รับเงินสดเพิ่มเข้าบัญชี 10,000 บาท ซึ่งช่วยเพิ่มกำลังซื้อและลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้ทันที
  • อิสระในการใช้จ่าย: เงินที่ได้รับสามารถนำไปใช้จ่ายได้ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภค ชำระค่าบริการ หรือถอนเป็นเงินสด ซึ่งแตกต่างจากเฟส 1 ที่จำกัดการใช้จ่ายเฉพาะร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการ

สำหรับประชาชนทั่วไป

สำหรับประชาชนที่ไม่อยู่ในเกณฑ์รับสิทธิ์ โครงการนี้ ไม่มีผลกระทบเชิงลบ ต่อเงินในกระเป๋าหรือเงินออมส่วนตัวแต่อย่างใด เนื่องจาก:

  • ไม่มีการเรียกเก็บเงิน: รัฐบาลไม่ได้มีการหักเงินเดือน เรียกเก็บภาษีเพิ่มเติม หรือลดทอนเงินในบัญชีของประชาชนทั่วไปเพื่อนำมาใช้ในโครงการนี้
  • แหล่งที่มาของงบประมาณ: โครงการนี้ใช้งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งมาจากการบริหารจัดการรายรับและรายจ่ายของภาครัฐ ไม่ได้กระทบต่อเงินฝากหรือรายได้ส่วนบุคคลของประชาชนโดยตรง

ผลกระทบที่ประชาชนทั่วไปอาจได้รับจะเป็นผลกระทบทางอ้อมในเชิงเศรษฐกิจมหภาค เช่น การกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยในชุมชน ซึ่งอาจส่งผลดีต่อผู้ประกอบการและร้านค้าในพื้นที่

ความหมายของสถานะการโอนเงินต่างๆ

ในระหว่างการตรวจสอบสิทธิ์ อาจมีบางสถานะที่สร้างความสับสนได้ เช่น “โอนเงินไม่สำเร็จ” หรือ “ยุติการโอน” สถานะเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าเงินส่วนตัวของผู้ตรวจสอบสูญหาย แต่หมายถึงบุคคลนั้นอยู่ในกลุ่มที่ไม่ได้รับสิทธิ์ในโครงการนี้ เนื่องจากอาจเป็นผู้ที่ได้รับสิทธิ์จากโครงการอื่นไปแล้ว (เช่น ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ) หรือโครงการได้สิ้นสุดลงแล้ว

ตารางเปรียบเทียบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจเฟส 2 (สำหรับผู้สูงอายุ) และ โครงการเงินดิจิทัลเฟส 3 (สำหรับประชาชนทั่วไป)
คุณสมบัติ โครงการเฟส 2 (สำหรับผู้สูงอายุ) โครงการเฟส 3 (สำหรับประชาชนทั่วไป – คาดการณ์)
กลุ่มเป้าหมาย ผู้มีสัญชาติไทย อายุ 60 ปีขึ้นไป (ตามเงื่อนไข) ผู้มีสัญชาติไทย อายุ 16 ปีขึ้นไป (ตามเงื่อนไขรายได้และเงินฝาก)
รูปแบบของเงิน เงินสด (บาท) โอนเข้าบัญชีธนาคาร เงินดิจิทัล (บาท) ผ่านระบบกระเป๋าเงินดิจิทัล
ช่องทางการรับ พร้อมเพย์ที่ผูกกับเลขบัตรประชาชน แอปพลิเคชันกระเป๋าเงินดิจิทัลที่กำลังพัฒนา
ข้อจำกัดการใช้งาน ไม่มีข้อจำกัด ใช้จ่ายได้ทั่วไป อาจมีข้อจำกัดด้านพื้นที่และประเภทร้านค้า (รอประกาศ)
ช่วงเวลาดำเนินการ เริ่ม มกราคม 2568 คาดการณ์ ไตรมาส 2 ปี 2568

อนาคตของเงินดิจิทัลและโครงการเฟสถัดไป

แม้ว่าโครงการสำหรับผู้สูงอายุนี้จะยังไม่ใช่การใช้เงินบาทดิจิทัลเต็มรูปแบบ แต่ก็ถือเป็นก้าวหนึ่งในการเตรียมความพร้อมของประชาชนสู่ระบบเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต ซึ่งโครงการเฟส 3 ที่กำลังจะตามมา จะเป็นภาพสะท้อนที่ชัดเจนยิ่งขึ้นของนโยบายการเงินยุคใหม่

โครงการเฟส 3: สู่กระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับประชาชนทั่วไป

โครงการเฟส 3 จะเป็นการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทอย่างแท้จริงให้กับประชาชนทั่วไปที่มีคุณสมบัติตามเกณฑ์ ซึ่งได้แก่:

  • ผู้มีอายุ 16 ปีขึ้นไป
  • มีรายได้ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนด
  • มีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 500,000 บาท

โครงการนี้คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 โดยในปัจจุบัน ระบบกระเป๋าเงินดิจิทัล (Digital Wallet) สำหรับรองรับโครงการนี้ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา ซึ่งจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้ประชาชนได้สัมผัสและใช้งานเงินบาทดิจิทัลในวงกว้างเป็นครั้งแรก

การแยกแยะโครงการอื่นที่คล้ายคลึงกัน

เป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องแยกโครงการเติมเงิน 10,000 บาทนี้ออกจากโครงการช่วยเหลืออื่นๆ ของภาครัฐ เช่น โครงการ “คนละครึ่งเฟส 2” หรือ “คุณสู้เราช่วยเฟส 2” ซึ่งมีวัตถุประสงค์ รูปแบบ และกลุ่มเป้าหมายที่แตกต่างกันออกไป โดยโครงการเหล่านั้นอาจเป็นในรูปแบบของสินเชื่อหรือการช่วยเหลือเฉพาะกลุ่มอาชีพ ไม่ใช่การให้เงินช่วยเหลือโดยตรงในลักษณะเดียวกัน

บทสรุปและแนวโน้มเศรษฐกิจดิจิทัล

โดยสรุปแล้ว ประเด็นเรื่อง เงินบาทดิจิทัลเฟส 2 ที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง แท้จริงแล้วคือโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจที่มุ่งช่วยเหลือกลุ่มผู้สูงอายุ ผ่านการโอนเงินสด 10,000 บาทเข้าบัญชีพร้อมเพย์ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการในเดือนมกราคม 2568 โครงการนี้ส่งผลกระทบเชิงบวกโดยตรงต่อผู้มีสิทธิ์ โดยไม่สร้างผลกระทบทางการเงินเชิงลบต่อประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ

ในขณะเดียวกัน การพัฒนาระบบเงินบาทดิจิทัล (CBDC) และกระเป๋าเงินดิจิทัลสำหรับโครงการเฟส 3 ยังคงดำเนินต่อไป และจะเป็นก้าวสำคัญที่ผลักดันประเทศไทยเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างเต็มตัวในอนาคตอันใกล้ การติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีการเงินที่กำลังจะเกิดขึ้น

สำหรับการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการวางแผนกิจกรรมสำหรับองค์กร การจัดทำของที่ระลึก หรือการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ให้ทันสมัย การมีเสื้อผ้าและผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะถือเป็นส่วนสำคัญ KDC SPORT คือผู้เชี่ยวชาญด้านการรับผลิตและจำหน่ายเสื้อผ้าพิมพ์ลาย เสื้อผ้ากีฬา เสื้อองค์กร และเสื้อยืดคุณภาพสูง เพื่อตอบสนองทุกความต้องการที่หลากหลาย พร้อมทั้งยังรับผลิตเสื้อผ้าให้กับแบรนด์ชั้นนำอื่นๆ อีกมากมาย หากองค์กรหรือแบรนด์ของคุณกำลังมองหาผู้ผลิตที่เชื่อถือได้ สามารถ ติดต่อเรา เพื่อรับคำปรึกษาและเริ่มต้นสร้างสรรค์ผลงานร่วมกัน

ที่อยู่ของเรา
888 หมู่ 26 ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น 40000

เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
094-295-9898

สั่งเสื้อ

ธันวาคม 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031