Shopping cart

“`html

เคาะแล้ว! ซื้อ-ขายออนไลน์ต้องใช้ Digital ID

สารบัญ

รัฐบาลได้ประกาศมาตรการสำคัญเพื่อยกระดับความปลอดภัยในการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยกำหนดให้การยืนยันตัวตนดิจิทัล หรือ Digital ID เป็นข้อบังคับสำหรับการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางดิจิทัล รวมถึงการสมัครใช้งานโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมเป็นต้นไป การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อแก้ไขปัญหามิจฉาชีพออนไลน์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น และสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่น่าเชื่อถือและปลอดภัยสำหรับทุกคน

ประเด็นสำคัญที่ต้องรู้

  • การบังคับใช้กฎหมาย: ภาครัฐกำหนดให้ Digital ID เป็นมาตรฐานบังคับสำหรับการทำธุรกรรมออนไลน์และสมัครโซเชียลมีเดีย เพื่อต่อสู้กับปัญหาการฉ้อโกงและอาชญากรรมไซเบอร์
  • นิยามของ Digital ID: คือระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนผ่านช่องทางดิจิทัล โดยใช้ข้อมูลจากเอกสารราชการร่วมกับข้อมูลชีวภาพ (Biometric) เพื่อสร้างอัตลักษณ์ดิจิทัลที่มีความปลอดภัยสูง
  • ประโยชน์หลัก: เพิ่มความปลอดภัยในการชำระเงิน, ลดความเสี่ยงจากการถูกสวมรอย, เพิ่มความรวดเร็วและประสิทธิภาพในการทำธุรกรรมออนไลน์ และลดขั้นตอนที่ซับซ้อน
  • บทบาทหน่วยงานรัฐ: กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเป็นหนึ่งในหน่วยงานหลักที่สนับสนุนระบบนี้ โดยเฉพาะการใช้งาน Digital ID สำหรับนิติบุคคล เพื่อให้การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มีความน่าเชื่อถือ
  • โครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจดิจิทัล: Digital ID ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการเชื่อมโยงผู้ใช้งานเข้ากับบริการดิจิทัลทั้งของภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ

ภาพรวมและความสำคัญของการบังคับใช้ Digital ID

จากการประกาศล่าสุดที่ระบุว่า เคาะแล้ว! ซื้อ-ขายออนไลน์ต้องใช้ Digital ID ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของภูมิทัศน์การทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย มาตรการนี้เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากอาชญากรรมออนไลน์ การหลอกลวง และการสวมรอยทางดิจิทัล ซึ่งสร้างความเสียหายต่อทั้งผู้บริโภคและผู้ประกอบการเป็นมูลค่ามหาศาลในแต่ละปี การนำ Digital ID มาใช้เป็นข้อบังคับจึงไม่ใช่เพียงการเพิ่มขั้นตอน แต่เป็นการวางรากฐานความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือให้กับทุกกิจกรรมบนโลกออนไลน์ ตั้งแต่การซื้อสินค้าชิ้นเล็กๆ ไปจนถึงการทำธุรกรรมทางการเงินที่มีมูลค่าสูง การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทุกคน และเป็นก้าวที่จำเป็นในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในระยะยาว

การบังคับใช้ Digital ID มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างมาตรฐานการยืนยันตัวตนที่รัดกุมและตรวจสอบได้ โดยจะเริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ซึ่งผู้ที่ได้รับผลกระทบคือประชาชนทั่วไปที่ซื้อขายสินค้าออนไลน์ ผู้ประกอบการอีคอมเมิร์ซ แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย และสถาบันการเงิน เหตุผลที่มาตรการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในปัจจุบันคือ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของกิจกรรมทางเศรษฐกิจบนแพลตฟอร์มดิจิทัล ซึ่งมาพร้อมกับช่องโหว่ที่มิจฉาชีพใช้เป็นเครื่องมือ การมีระบบยืนยันตัวตนที่แข็งแกร่งจะช่วยปิดช่องโหว่เหล่านี้ ทำให้การติดตามผู้กระทำความผิดทำได้ง่ายขึ้น และสร้างสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งานที่สุจริต

ทำความรู้จัก Digital ID: กลไกเบื้องหลังการยืนยันตัวตนออนไลน์

ทำความรู้จัก Digital ID: กลไกเบื้องหลังการยืนยันตัวตนออนไลน์

Digital ID ไม่ใช่เพียงแค่ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน แต่เป็นระบบที่ซับซ้อนซึ่งออกแบบมาเพื่อสร้างและยืนยันอัตลักษณ์ของบุคคลบนโลกดิจิทัลให้มีความน่าเชื่อถือเทียบเท่ากับในโลกแห่งความเป็นจริง โดยอาศัยการผสมผสานเทคโนโลยีหลายแขนงเพื่อสร้างความปลอดภัยสูงสุด

นิยามและความหมายของ Digital ID

Digital ID หรือ “อัตลักษณ์ดิจิทัล” คือกระบวนการและเทคโนโลยีที่ใช้ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของบุคคลผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ หัวใจสำคัญของระบบนี้คือการสร้างความเชื่อมโยงที่เชื่อถือได้ระหว่างตัวตนจริงของบุคคลกับตัวตนดิจิทัลที่ใช้ในการทำธุรกรรมต่างๆ กระบวนการนี้มักเริ่มต้นด้วยการ “พิสูจน์ตัวตน” (Identification) ซึ่งผู้ใช้จะต้องแสดงหลักฐานเพื่อยืนยันว่าตนเองเป็นใคร โดยใช้ข้อมูลจากเอกสารที่ออกโดยภาครัฐ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน ควบคู่ไปกับการใช้ข้อมูลชีวภาพ (Biometric) เช่น การสแกนใบหน้าหรือลายนิ้วมือ เพื่อป้องกันการปลอมแปลง เมื่อผ่านขั้นตอนนี้แล้ว ผู้ใช้จะมีอัตลักษณ์ดิจิทัลที่สามารถนำไปใช้ “ยืนยันตัวตน” (Authentication) ในการทำธุรกรรมครั้งต่อไปได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย

เทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนความปลอดภัย

เบื้องหลังความน่าเชื่อถือของระบบ Digital ID คือเทคโนโลยีขั้นสูงที่ทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันการฉ้อโกงและการปลอมแปลงข้อมูล เทคโนโลยีหลักที่ถูกนำมาใช้คือ เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ซึ่งมีคุณสมบัติเด่นในเรื่องความโปร่งใสและการไม่สามารถแก้ไขข้อมูลย้อนหลังได้ เมื่อข้อมูลการพิสูจน์ตัวตนถูกบันทึกลงในบล็อกเชนแล้ว การเปลี่ยนแปลงหรือปลอมแปลงข้อมูลจะทำได้ยากอย่างยิ่ง ทำให้มั่นใจได้ว่าข้อมูลอัตลักษณ์มีความถูกต้องและปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีการใช้เทคโนโลยีการเข้ารหัสข้อมูล (Encryption) เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลระหว่างการส่งผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ทำให้ข้อมูลไม่รั่วไหลไปสู่บุคคลที่ไม่ได้รับอนุญาต การทำงานร่วมกันของเทคโนโลยีเหล่านี้ทำให้ Digital ID เป็นเครื่องมือยืนยันตัวตนที่มีความปลอดภัยสูงกว่าวิธีการแบบดั้งเดิมอย่างมาก

ความแตกต่างระหว่างการพิสูจน์ตัวตน (Identification) และการยืนยันตัวตน (Authentication)

แม้จะมีความหมายใกล้เคียงกัน แต่ “การพิสูจน์ตัวตน” และ “การยืนยันตัวตน” คือสองกระบวนการที่แตกต่างกันและเกิดขึ้นในลำดับขั้นตอนที่ต่างกันในการใช้งาน Digital ID

  • การพิสูจน์ตัวตน (Identification): เป็นกระบวนการแรกเริ่มเพียงครั้งเดียวเพื่อตอบคำถามว่า “คุณคือใคร?” ในขั้นตอนนี้ ผู้ใช้จะต้องแสดงหลักฐานต่างๆ เพื่อสร้างอัตลักษณ์ดิจิทัลของตนเอง เช่น การถ่ายภาพบัตรประชาชน การสแกนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับภาพถ่ายบนบัตร ซึ่งเป็นการลงทะเบียนเพื่อสร้างบัญชีตัวตนดิจิทัลที่น่าเชื่อถือ
  • การยืนยันตัวตน (Authentication): เป็นกระบวนการที่เกิดขึ้นซ้ำๆ ทุกครั้งที่ต้องการเข้าถึงบริการหรือทำธุรกรรม เพื่อตอบคำถามว่า “คุณคือคนเดียวกับที่เคยพิสูจน์ตัวตนไว้ใช่หรือไม่?” วิธีการยืนยันตัวตนอาจเป็นการใช้รหัส PIN, การสแกนลายนิ้วมือ หรือการสแกนใบหน้า ซึ่งเป็นขั้นตอนที่รวดเร็วและสะดวกกว่าการพิสูจน์ตัวตนในครั้งแรก

ผลกระทบของการใช้ Digital ID กับการซื้อ-ขายออนไลน์

การบังคับใช้ Digital ID จะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อระบบการซื้อขายออนไลน์ โดยสร้างประโยชน์ที่ชัดเจนทั้งต่อฝั่งผู้บริโภคและผู้ประกอบการ ช่วยยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซโดยรวม

Digital ID ไม่เพียงแต่เพิ่มความปลอดภัย แต่ยังช่วยเร่งความเร็วและลดความซับซ้อนในการทำธุรกรรม ทำให้ภาคธุรกิจและผู้บริโภคสามารถซื้อขายออนไลน์ได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจมากขึ้น

ประโยชน์สำหรับผู้บริโภค

สำหรับผู้บริโภค การนำ Digital ID มาใช้จะช่วยสร้างเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งจากการฉ้อโกงทางการเงินและการสวมรอยทางบัญชี ประโยชน์ที่เห็นได้ชัดเจนมีดังนี้:

  • ความปลอดภัยในการชำระเงินสูงขึ้น: ทุกครั้งที่ทำธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงหรือมีความเสี่ยง ระบบอาจต้องการการยืนยันตัวตนผ่าน Biometric ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่าเจ้าของบัญชีเป็นผู้ทำธุรกรรมด้วยตนเองจริง
  • ลดความเสี่ยงจากการถูกหลอกลวง: ผู้ขายบนแพลตฟอร์มต่างๆ จะต้องผ่านการพิสูจน์ตัวตนที่รัดกุม ทำให้ผู้ซื้อมั่นใจได้ว่ากำลังทำธุรกรรมกับร้านค้าที่มีตัวตนจริง ลดปัญหาร้านค้าปลอมหรือการหลอกให้โอนเงิน
  • ความสะดวกและรวดเร็ว: ลดขั้นตอนการกรอกข้อมูลส่วนตัวซ้ำซ้อนในการสมัครใช้บริการต่างๆ และลดความจำเป็นในการยืนยันตัวตนด้วยวิธีการเดิมๆ เช่น การส่งสำเนาบัตรประชาชน ซึ่งทั้งช้าและไม่ปลอดภัย

ประโยชน์สำหรับผู้ประกอบการและภาคธุรกิจ

ในฝั่งของผู้ประกอบการ Digital ID เป็นเครื่องมือที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับธุรกิจได้อย่างมาก:

  • ลดการฉ้อโกงและการปฏิเสธการชำระเงิน: การยืนยันตัวตนผู้ซื้อที่รัดกุมช่วยลดความเสี่ยงที่ธุรกิจจะได้รับผลกระทบจากการใช้บัตรเครดิตที่ถูกขโมยมา หรือการปฏิเสธการจ่ายเงินในภายหลัง
  • กระบวนการรู้จักลูกค้า (KYC) ที่มีประสิทธิภาพ: สำหรับธุรกิจที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบในการรู้จักลูกค้า (Know Your Customer) เช่น ฟินเทค หรือแพลตฟอร์มสินทรัพย์ดิจิทัล Digital ID จะช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในกระบวนการนี้ได้อย่างมหาศาล
  • สร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า: ธุรกิจที่ใช้ระบบ Digital ID จะได้รับความไว้วางใจจากลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากแสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของข้อมูลและการทำธุรกรรม
ตารางเปรียบเทียบกระบวนการยืนยันตัวตนแบบดั้งเดิมกับการใช้ Digital ID สำหรับธุรกรรมออนไลน์
คุณสมบัติ การยืนยันตัวตนแบบดั้งเดิม การยืนยันตัวตนด้วย Digital ID
กระบวนการ ใช้เอกสารจริง, ต้องเดินทางไปที่สาขาหรือจุดบริการ, ส่งสำเนาเอกสาร ดำเนินการผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บไซต์ได้ 100%
ความเร็ว อาจใช้เวลาหลายชั่วโมงหรือหลายวันทำการ เสร็จสิ้นภายในไม่กี่นาที
ความปลอดภัย เสี่ยงต่อการปลอมแปลงเอกสารและการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคล ปลอดภัยสูงด้วยการเข้ารหัสข้อมูล, Biometrics และเทคโนโลยี Blockchain
ความสะดวก ขั้นตอนซับซ้อน, ต้องใช้ลายมือชื่อจริง, ไม่สะดวกในการทำนอกเวลาทำการ สะดวกสบาย, ทำได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านอุปกรณ์เคลื่อนที่
การประยุกต์ใช้ จำกัดเฉพาะบางธุรกรรมที่ออกแบบมาสำหรับการยืนยันตัวตนแบบเดิม ครอบคลุมบริการดิจิทัลหลากหลายทั้งภาครัฐและเอกชน

บทบาทของภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

การผลักดันให้ Digital ID เป็นมาตรฐานระดับชาติจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายหน่วยงานภาครัฐ เพื่อวางกรอบกฎหมาย กำกับดูแล และสนับสนุนการนำไปใช้อย่างเป็นระบบ

กรมพัฒนาธุรกิจการค้ากับการกำกับดูแลนิติบุคคล

กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (DBD) เป็นหนึ่งในหน่วยงานภาครัฐที่มีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการใช้ Digital ID โดยเฉพาะในภาคธุรกิจและนิติบุคคล ทางกรมฯ ได้สนับสนุนให้มีการนำระบบพิสูจน์และยืนยันตัวตนดิจิทัลมาใช้ในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ของบริษัทและห้างหุ้นส่วนต่างๆ เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยในการดำเนินธุรกิจ เช่น การยื่นจดทะเบียน การส่งงบการเงิน หรือการทำธุรกรรมอื่นๆ ในนามนิติบุคคลผ่านระบบออนไลน์ โดยจะใช้ Digital ID ของกรรมการหรือผู้รับมอบอำนาจในการยืนยันการทำรายการ ซึ่งช่วยป้องกันการปลอมแปลงเอกสารและการแอบอ้างชื่อบริษัทในการทำธุรกรรมโดยไม่ได้รับอนุญาต

กรอบกฎหมายและนโยบายสนับสนุน

การบังคับใช้ Digital ID อยู่ภายใต้กรอบนโยบายและกฎหมายว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์และกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (PDPA) รัฐบาลมีเป้าหมายในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานกลางทางดิจิทัลที่ทุกภาคส่วนสามารถเชื่อมต่อและใช้งานร่วมกันได้ การออกประกาศและข้อบังคับต่างๆ มีวัตถุประสงค์เพื่อกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยขั้นต่ำที่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้แน่ใจว่าข้อมูลอัตลักษณ์ดิจิทัลของประชาชนจะถูกจัดเก็บและใช้งานอย่างปลอดภัยสูงสุด นโยบายดังกล่าวยังมุ่งหวังที่จะลดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการดิจิทัล และส่งเสริมให้เกิดการแข่งขันและนวัตกรรมใหม่ๆ ในภาคบริการที่ต้องอาศัยการยืนยันตัวตน

Digital ID: โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของเศรษฐกิจดิจิทัล

Digital ID ไม่ใช่เป็นเพียงเครื่องมือเพื่อความปลอดภัยเท่านั้น แต่ยังเป็นองค์ประกอบพื้นฐานที่จำเป็นต่อการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนและครอบคลุม

การเชื่อมโยงบริการภาครัฐและเอกชนอย่างไร้รอยต่อ

ในอนาคต Digital ID จะทำหน้าที่เสมือน “กุญแจดิจิทัล” ดอกเดียวที่ประชาชนสามารถใช้เพื่อเข้าถึงบริการต่างๆ ได้อย่างครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นบริการจากภาครัฐ เช่น การยื่นภาษีออนไลน์, การใช้สิทธิรักษาพยาบาล หรือการติดต่อหน่วยงานราชการ ไปจนถึงบริการจากภาคเอกชน เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร, การสมัครสินเชื่อ, การซื้อขายหลักทรัพย์ หรือการทำประกัน ทุกอย่างจะสามารถทำได้ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลโดยใช้การยืนยันตัวตนเพียงครั้งเดียว ซึ่งจะช่วยลดความซ้ำซ้อนและสร้างประสบการณ์การใช้งานที่ราบรื่นและมีประสิทธิภาพให้กับประชาชน

การเข้าถึงบริการทางการเงินที่ง่ายและปลอดภัยขึ้น

หนึ่งในประโยชน์ที่สำคัญที่สุดของ Digital ID คือการส่งเสริมการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) สำหรับประชาชนในวงกว้าง ผู้คนสามารถเปิดบัญชีธนาคาร ขอสินเชื่อออนไลน์ หรือทำธุรกรรมทางการเงินอื่นๆ ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วจากทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปยังสาขาของสถาบันการเงิน ระบบ Digital ID ที่น่าเชื่อถือจะช่วยให้สถาบันการเงินสามารถประเมินความเสี่ยงและอนุมัติธุรกรรมได้อย่างมั่นใจมากขึ้น ซึ่งจะเปิดโอกาสให้กลุ่มคนที่เคยเข้าถึงบริการทางการเงินได้ยากสามารถเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจได้อย่างเต็มศักยภาพ

ความท้าทายและข้อควรพิจารณาในการเปลี่ยนผ่าน

แม้ว่า Digital ID จะมีประโยชน์มากมาย แต่การนำมาบังคับใช้ในระดับประเทศก็มาพร้อมกับความท้าทายหลายประการ ประเด็นสำคัญที่ต้องพิจารณาคือ ความเป็นส่วนตัวและการคุ้มครองข้อมูล (Data Privacy) ซึ่งต้องมีมาตรการที่รัดกุมเพื่อป้องกันการนำข้อมูลไปใช้ในทางที่ผิด นอกจากนี้ยังมีประเด็นเรื่อง ความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล (Digital Divide) ซึ่งต้องมีแนวทางช่วยเหลือกลุ่มคนที่อาจไม่มีความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีหรือขาดการเข้าถึงอุปกรณ์ที่จำเป็น เช่น ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกล เพื่อให้แน่ใจว่าทุกคนจะได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงนี้อย่างเท่าเทียมกัน การสื่อสารและให้ความรู้แก่ประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในช่วงเปลี่ยนผ่านนี้

บทสรุปและแนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ใช้งาน

การประกาศบังคับใช้ Digital ID สำหรับการซื้อขายออนไลน์และการใช้งานโซเชียลมีเดียถือเป็นมาตรการเชิงรุกที่สำคัญของภาครัฐในการสร้างระบบนิเวศดิจิทัลที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ แม้ในช่วงแรกอาจต้องมีการปรับตัว แต่ในระยะยาวแล้ว มาตรการนี้จะก่อให้เกิดประโยชน์มหาศาล ทั้งในด้านการป้องกันอาชญากรรมไซเบอร์ การเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกรรม และการเป็นรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการพัฒนาบริการดิจิทัลใหม่ๆ ในอนาคต ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศไทยเติบโตไปข้างหน้าอย่างมั่นคง

สำหรับผู้ที่ต้องการทำความเข้าใจในรายละเอียดเชิงเทคนิคหรือขั้นตอนการสมัครใช้งาน Digital ID ควรติดตามประกาศจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อถือ เช่น คู่มือของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า หรือสื่อที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและความปลอดภัยไซเบอร์ เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้ และสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีนี้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและปลอดภัย

“`

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930