Shopping cart

กรมอุตุฯ เตือน! รับมือน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก

สารบัญ

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศเตือนฉบับสำคัญเกี่ยวกับสภาพอากาศที่แปรปรวน ซึ่งส่งผลให้หลายพื้นที่ทั่วประเทศไทยมีความเสี่ยงต่อการเกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก อันอาจนำไปสู่สถานการณ์น้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากได้ การแจ้งเตือนนี้มุ่งเน้นให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงเตรียมความพร้อมและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด

ภาพรวมสถานการณ์และคำเตือนล่าสุด

ในช่วงเวลานี้ ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัจจัยทางอุตุนิยมวิทยาที่ซับซ้อนหลายประการพร้อมกัน ส่งผลให้เกิดสภาวะฝนตกหนักและฝนตกสะสมในปริมาณมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ฝั่งตะวันตก คำเตือนจาก กรมอุตุฯ เตือน! รับมือน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าไหลหลาก จึงเป็นประเด็นสำคัญที่ประชาชนต้องให้ความสนใจเป็นพิเศษ เพื่อประเมินความเสี่ยงและเตรียมการรับมือได้อย่างทันท่วงที สถานการณ์ดังกล่าวเกิดจากอิทธิพลของร่องมรสุมที่พาดผ่าน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่มีกำลังแรงขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่นำไปสู่การก่อตัวของเมฆฝนหนาแน่นและปริมาณน้ำฝนที่สูงกว่าปกติในหลายจังหวัด การตระหนักถึงความรุนแรงของสถานการณ์และการติดตามประกาศจากหน่วยงานภาครัฐอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

  • สาเหตุหลัก: การผนึกกำลังของร่องมรสุม มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ และหย่อมความกดอากาศต่ำ เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องทั่วประเทศ
  • พื้นที่เสี่ยงสูง: จังหวัดในภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ เนื่องจากมีฝนฟ้าคะนองกระจายตัวในวงกว้างถึงร้อยละ 80 ของพื้นที่ และมีโอกาสเกิดฝนตกหนักถึงหนักมาก
  • ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น: น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ลุ่มต่ำ น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา และน้ำล้นตลิ่งในบริเวณใกล้ทางน้ำไหลผ่าน เป็นปรากฏการณ์ที่ต้องเตรียมรับมือ
  • การเตรียมความพร้อม: ประชาชนควรติดตามพยากรณ์อากาศ เตรียมขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง จัดเตรียมอุปกรณ์ยังชีพ และปฏิบัติตามคำแนะนำด้านความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

เจาะลึกสาเหตุของสภาพอากาศแปรปรวน

เจาะลึกสาเหตุของสภาพอากาศแปรปรวน

การทำความเข้าใจถึงกลไกทางธรรมชาติที่อยู่เบื้องหลังปรากฏการณ์ฝนตกหนักเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้สามารถประเมินสถานการณ์และคาดการณ์ผลกระทบได้อย่างแม่นยำ สภาพอากาศที่รุนแรงในปัจจุบันมีปัจจัยหลักมาจากปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยา 3 ประการที่เกิดขึ้นพร้อมกันและส่งเสริมซึ่งกันและกัน

บทบาทของร่องมรสุมที่พาดผ่านประเทศไทย

ร่องมรสุม หรือที่รู้จักกันในชื่อ Intertropical Convergence Zone (ITCZ) คือแนวความกดอากาศต่ำที่พาดผ่านบริเวณใกล้เส้นศูนย์สูตร ซึ่งเป็นบริเวณที่ลมค้าจากซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้พัดมาบรรจบกัน การบรรจบกันของมวลอากาศนี้ทำให้เกิดการยกตัวของอากาศอย่างรุนแรง ก่อให้เกิดเมฆฝนขนาดใหญ่และฝนตกชุกในบริเวณที่ร่องมรสุมพาดผ่าน

ในสถานการณ์ปัจจุบัน ร่องมรสุมได้เลื่อนขึ้นมาพาดผ่านบริเวณภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนของประเทศไทยอย่างชัดเจน ส่งผลให้พื้นที่ดังกล่าวได้รับอิทธิพลโดยตรง กลายเป็นศูนย์กลางของการเกิดฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักเป็นบริเวณกว้าง การคงอยู่ของร่องมรสุมในตำแหน่งนี้เป็นระยะเวลาหลายวันจะทำให้เกิดฝนตกสะสม ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่นำไปสู่น้ำท่วมและดินโคลนถล่ม

อิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง

มรสุมตะวันตกเฉียงใต้เป็นลมประจำฤดูที่พัดพาความชื้นสูงจากมหาสมุทรอินเดียเข้ามาปกคลุมทะเลอันดามัน อ่าวไทย และประเทศไทยในช่วงฤดูฝน โดยปกติแล้ว ความแรงของมรสุมนี้จะเป็นตัวกำหนดปริมาณฝนในแต่ละช่วงเวลา ในช่วงเวลานี้ กรมอุตุนิยมวิทยาตรวจพบว่ามรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมอยู่มีกำลังแรงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

การที่มรสุมมีกำลังแรงขึ้นหมายความว่าสามารถพัดพาไอน้ำจากทะเลเข้ามาสู่แผ่นดินได้ในปริมาณมหาศาล ความชื้นจำนวนมากนี้เปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่ไปเสริมการก่อตัวของเมฆฝนที่เกิดจากร่องมรสุมให้มีขนาดใหญ่และมีศักยภาพในการก่อให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในพื้นที่ด้านรับลมมรสุม เช่น ภาคใต้ฝั่งตะวันตก และพื้นที่ชายฝั่งภาคตะวันออก

หย่อมความกดอากาศต่ำ: ปัจจัยเร่งฝนตกหนัก

นอกเหนือจากสองปัจจัยข้างต้น ยังมีหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ก่อตัวและปกคลุมบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ซึ่งทำหน้าที่เป็นอีกหนึ่งกลไกสำคัญในการดึงดูดความชื้นและเร่งการยกตัวของอากาศในบริเวณดังกล่าว หย่อมความกดอากาศต่ำนี้ทำงานเสริมกับร่องมรสุม ทำให้สภาวะอากาศในภาคตะวันออกเฉียงเหนือไม่มีเสถียรภาพอย่างยิ่ง และเพิ่มโอกาสการเกิดพายุฝนฟ้าคะนองรุนแรงและฝนตกหนักเป็นแห่งๆ

พื้นที่เสี่ยงภัย: จังหวัดใดบ้างที่ต้องเฝ้าระวัง

จากปัจจัยทางสภาพอากาศที่กล่าวมา ส่งผลให้หลายภูมิภาคของประเทศมีความเสี่ยงต่อการเกิดอุทกภัยในระดับที่แตกต่างกันไป การทราบข้อมูลพื้นที่เสี่ยงจะช่วยให้ประชาชนสามารถเตรียมการเฝ้าระวังได้อย่างถูกจุด

ตารางสรุปรายชื่อจังหวัดและพื้นที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลากตามประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา
ภูมิภาค จังหวัดที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ ลักษณะความเสี่ยง
ภาคเหนือ เชียงใหม่, เชียงราย, ลำพูน, ลำปาง, พะเยา, น่าน, แพร่, อุตรดิตถ์, ตาก, สุโขทัย, พิษณุโลก, เพชรบูรณ์ ฝนตกหนักถึงหนักมาก, น้ำป่าไหลหลาก, ดินโคลนถล่ม
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เลย, หนองบัวลำภู, อุดรธานี, หนองคาย, บึงกาฬ, สกลนคร, นครพนม, ชัยภูมิ, ขอนแก่น, นครราชสีมา ฝนตกหนัก, น้ำท่วมฉับพลันในพื้นที่ลุ่ม
ภาคกลาง นครสวรรค์, อุทัยธานี, ชัยนาท, ลพบุรี, สระบุรี, กาญจนบุรี, ราชบุรี, นครปฐม ฝนตกหนัก, น้ำล้นตลิ่ง, น้ำท่วมขัง
กรุงเทพมหานครและปริมณฑล กรุงเทพมหานคร, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร ฝนตกหนัก, ปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบาย
ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) ระนอง, พังงา, ภูเก็ต, กระบี่, ตรัง, สตูล ฝนตกหนักต่อเนื่อง, คลื่นลมแรงในทะเล

ภาคเหนือ: เผชิญความเสี่ยงสูงสุด

ภาคเหนือเป็นพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบโดยตรงและรุนแรงที่สุดจากร่องมรสุมที่พาดผ่าน การพยากรณ์อากาศระบุว่าจะมีฝนฟ้าคะนองครอบคลุมพื้นที่ถึงร้อยละ 80 และมีโอกาสเกิดฝนตกหนักถึงหนักมากในหลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา น่าน และแพร่ ลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่ที่เป็นภูเขาสูงและที่ลาดชันยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดน้ำป่าไหลหลากและดินโคลนถล่มอย่างรวดเร็วเมื่อมีฝนตกสะสมในปริมาณมาก

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ: เฝ้าระวังน้ำป่าไหลหลาก

อิทธิพลร่วมของร่องมรสุมและหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรง ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะตอนบน มีความเสี่ยงสูงต่อฝนตกหนักเช่นกัน พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวังได้แก่จังหวัดที่อยู่ใกล้เทือกเขาเพชรบูรณ์และภูพาน ซึ่งอาจเกิดน้ำป่าไหลหลากลงสู่พื้นที่ราบลุ่มเบื้องล่างได้

ภาคกลาง กรุงเทพมหานคร และปริมณฑล

แม้จะไม่ได้อยู่ในแนวพาดผ่านของร่องมรสุมโดยตรง แต่ภาคกลางยังคงได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่นำความชื้นเข้ามา ทำให้เกิดฝนตกหนักเป็นแห่งๆ ได้ สำหรับกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ปัญหาหลักคือฝนที่ตกหนักในระยะเวลาสั้นๆ อาจทำให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขังรอการระบายในพื้นที่ลุ่มต่ำและตามตรอกซอกซอยต่างๆ

ภาคใต้ฝั่งตะวันตก: รับมือคลื่นลมแรงและฝนตกหนัก

พื้นที่ภาคใต้ฝั่งตะวันตกเป็นด่านแรกที่รับลมมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรง ทำให้จังหวัดตั้งแต่ระนองลงไปถึงสตูลมีฝนตกชุกต่อเนื่องและมีโอกาสเกิดฝนตกหนักได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ คลื่นลมในทะเลอันดามันจะมีกำลังแรงขึ้น ชาวเรือและผู้ประกอบการท่องเที่ยวทางทะเลจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ

แนวทางเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์อุทกภัย

การเตรียมความพร้อมอย่างเป็นระบบเป็นหัวใจสำคัญในการลดความสูญเสียทั้งต่อชีวิตและทรัพย์สิน กรมอนามัยและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้คำแนะนำในการเตรียมตัวซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

ขั้นตอนที่ 1: ติดตามข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง

ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดคือการติดตามข้อมูลข่าวสารจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ประกาศจากกรมอุตุนิยมวิทยา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือสื่อสารมวลชนหลัก ควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศและคำเตือนภัยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ทราบถึงระดับความรุนแรงของสถานการณ์และทิศทางการเคลื่อนตัวของกลุ่มฝน การรู้ข้อมูลล่วงหน้าจะทำให้มีเวลามากขึ้นในการเตรียมการในขั้นตอนต่อไป

ขั้นตอนที่ 2: เตรียมความพร้อมของที่อยู่อาศัยและทรัพย์สิน

เมื่อทราบว่าพื้นที่ของตนมีความเสี่ยง ควรเริ่มดำเนินการป้องกันความเสียหายของที่อยู่อาศัยและทรัพย์สินทันที

  • ขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง: เริ่มจากเครื่องใช้ไฟฟ้า เอกสารสำคัญ สิ่งของมีค่า ยา และสิ่งของที่เสียหายจากน้ำได้ง่าย ควรย้ายไปยังชั้นบนของบ้านหรือที่สูงที่คาดว่าน้ำท่วมไม่ถึง
  • ป้องกันน้ำเข้าบ้าน: หากบ้านอยู่ในพื้นที่ลุ่มต่ำและเคยมีประวัติน้ำท่วม ควรเตรียมกระสอบทรายหรือแผงกั้นน้ำเพื่ออุดช่องทางที่น้ำสามารถไหลเข้าบ้านได้ เช่น ประตู หน้าต่าง หรือท่อระบายน้ำ
  • ตรวจสอบความแข็งแรงของบ้าน: ตรวจสอบหลังคา รางน้ำ และโครงสร้างบ้านให้อยู่ในสภาพดี เพื่อป้องกันความเสียหายจากลมกระโชกแรงที่อาจมาพร้อมกับพายุฝน

ขั้นตอนที่ 3: จัดเตรียมชุดอุปกรณ์ยังชีพฉุกเฉิน

ในกรณีที่สถานการณ์รุนแรงขึ้นจนต้องอพยพหรือถูกตัดขาดจากโลกภายนอก การมีชุดอุปกรณ์ยังชีพฉุกเฉิน (Emergency Kit) เตรียมไว้จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยควรประกอบด้วย:

  • อาหารและน้ำดื่ม: เตรียมอาหารแห้งที่เก็บได้นานและไม่ต้องปรุงสุก เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ปลากระป๋อง และเตรียมน้ำดื่มสะอาดให้เพียงพอสำหรับสมาชิกในครอบครัวอย่างน้อย 3-5 วัน
  • อุปกรณ์สื่อสาร: โทรศัพท์มือถือที่ชาร์จแบตเตอรี่จนเต็ม พร้อมด้วยแบตเตอรี่สำรอง (Power Bank) และวิทยุที่ใช้ถ่านไฟฉายเพื่อติดตามข่าวสารในกรณีที่ไฟฟ้าดับ
  • ยารักษาโรคและชุดปฐมพยาบาล: สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัว ต้องเตรียมยาให้เพียงพอ และควรมีชุดปฐมพยาบาลเบื้องต้นสำหรับทำแผล
  • อุปกรณ์ให้แสงสว่าง: ไฟฉายพร้อมถ่านสำรอง เทียนไข และไฟแช็ก
  • ของใช้ส่วนตัวที่จำเป็น: เสื้อผ้าแห้ง อุปกรณ์ทำความสะอาดร่างกาย และเอกสารสำคัญที่เก็บในถุงพลาสติกกันน้ำ

ขั้นตอนที่ 4: วางแผนความปลอดภัยด้านไฟฟ้า

อันตรายที่มักมาพร้อมกับน้ำท่วมคือไฟฟ้ารั่วหรือไฟฟ้าดูด ซึ่งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สามารถป้องกันได้ การจัดการระบบไฟฟ้าอย่างถูกต้องจึงเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม

ควรสับคัตเอาท์หรือยกเบรกเกอร์เพื่อตัดกระแสไฟฟ้าในบ้านทันทีที่ระดับน้ำเริ่มท่วมขัง และงดใช้เครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิดที่อยู่ใกล้บริเวณที่มีน้ำท่วมหรือเปียกชื้น หากจำเป็นต้องเดินลุยน้ำ ควรใช้ไม้แห้งนำทางเพื่อตรวจสอบว่ามีกระแสไฟฟ้ารั่วหรือไม่

ขั้นตอนที่ 5: ข้อควรปฏิบัติเมื่อต้องเผชิญเหตุ

เมื่อเกิดสถานการณ์น้ำท่วมขึ้นแล้ว การปฏิบัติตัวอย่างถูกต้องจะช่วยลดความเสี่ยงต่ออันตรายได้

  • หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะผ่านบริเวณน้ำท่วม: กระแสน้ำที่เชี่ยวอาจพัดรถให้ลอยและเสียการควบคุมได้ง่าย นอกจากนี้ยังไม่สามารถมองเห็นสภาพถนนใต้น้ำซึ่งอาจชำรุดเป็นหลุมบ่อได้
  • งดการเล่นน้ำหรือเข้าใกล้ทางน้ำ: ไม่ควรลงเล่นน้ำที่ท่วมขังโดยเด็ดขาด เนื่องจากอาจมีสัตว์มีพิษ เช่น งู หรือตะขาบ หนีน้ำมาอาศัยอยู่ และกระแสน้ำป่าที่ไหลหลากมีความรุนแรงสูงมาก
  • ระวังสัตว์มีพิษ: สัตว์เลื้อยคลานและแมลงต่างๆ อาจหนีน้ำขึ้นมาอาศัยในบ้านเรือน ควรตรวจสอบตามมุมอับและที่นอนก่อนใช้งาน

คำแนะนำเฉพาะสำหรับพื้นที่ลาดเชิงเขาและพื้นที่ลุ่ม

กรมอุตุนิยมวิทยาเน้นย้ำถึงความเสี่ยงที่แตกต่างกันของพื้นที่ลักษณะต่างๆ ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน และพื้นที่ลุ่ม ควรเพิ่มความระมัดระวังเป็นพิเศษ

สำหรับ พื้นที่ลาดเชิงเขา สัญญาณเตือนของน้ำป่าไหลหลากที่ควรสังเกตคือระดับน้ำในลำห้วยที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สีของน้ำที่เปลี่ยนเป็นสีขุ่นแดงเหมือนสีดินภูเขา และมีเสียงดังผิดปกติของก้อนหินหรือต้นไม้ที่กระทบกันมากับกระแสน้ำ หากพบสัญญาณเหล่านี้ควรอพยพขึ้นที่สูงที่ปลอดภัยทันทีโดยไม่ต้องรอประกาศทางการ

ส่วน พื้นที่ลุ่ม แม้จะไม่อันตรายเท่าน้ำป่าไหลหลาก แต่มีความเสี่ยงต่อน้ำท่วมขังเป็นระยะเวลานาน ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตและอาจก่อให้เกิดโรคระบาดที่มากับน้ำได้ เช่น โรคน้ำกัดเท้า โรคฉี่หนู การเตรียมความพร้อมด้านสุขอนามัยและการวางแผนสำรองเรื่องที่อยู่อาศัยชั่วคราวจึงเป็นสิ่งสำคัญ

สรุป: การตระหนักรู้และเตรียมพร้อมคือกุญแจสำคัญ

สถานการณ์ฝนตกหนักอันเนื่องมาจากปัจจัยทางสภาพอากาศที่ซับซ้อน ทำให้หลายพื้นที่ของประเทศไทยตกอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก การประกาศเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยามีวัตถุประสงค์เพื่อให้ประชาชนเกิดความตระหนักรู้และไม่ประมาทต่อสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้

การปฏิบัติตามคำแนะนำจากหน่วยงานภาครัฐ ทั้งในด้านการติดตามข้อมูลข่าวสาร การเตรียมความพร้อมของที่อยู่อาศัย การจัดหาอุปกรณ์ยังชีพ และการเรียนรู้วิธีปฏิบัติตนให้ปลอดภัย ถือเป็นแนวทางที่ดีที่สุดในการป้องกันและลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติ การเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมอยู่เสมอไม่เพียงแต่จะช่วยปกป้องทรัพย์สิน แต่ยังรวมถึงการรักษาความปลอดภัยในชีวิตของตนเองและคนในครอบครัวอีกด้วย

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930