Shopping cart

สรุปคดีทักษิณ ม.112 อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง-กระทบการเมือง?

สารบัญ

บทความนี้จะนำเสนอข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประเด็น สรุปคดีทักษิณ ม.112 อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง-กระทบการเมือง? ซึ่งเป็นหนึ่งในคดีที่ได้รับความสนใจอย่างสูงในแวดวงการเมืองไทย การที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 จากการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศเมื่อปี 2558 ได้จุดประกายคำถามมากมายถึงที่มาที่ไปของคดี กระบวนการทางกฎหมาย และที่สำคัญคือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับภูมิทัศน์การเมืองไทยในปัจจุบันและอนาคต

ประเด็นสำคัญของคดี ม.112 ทักษิณ ชินวัตร

  • จุดเริ่มต้น: คดีมีต้นกำเนิดมาจากการให้สัมภาษณ์ของนายทักษิณ ชินวัตร กับสื่อ Chosun Ilbo ของประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ซึ่งเนื้อหาบางส่วนถูกกล่าวหาว่าเข้าข่ายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
  • การสั่งฟ้องของอัยการสูงสุด: แม้อัยการสูงสุดจะมีความเห็นควรสั่งฟ้องตั้งแต่ปี 2559 แต่คดีได้หยุดชะงักไปเนื่องจากนายทักษิณยังคงหลบหนีคดีอื่นอยู่นอกประเทศ จนกระทั่งกลับมาดำเนินการอีกครั้งและนำตัวส่งฟ้องต่อศาลอาญาในวันที่ 18 มิถุนายน 2567
  • การปฏิเสธข้อกล่าวหา: นายทักษิณ ชินวัตร ให้การปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา โดยยืนยันว่าคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าวไม่มีเนื้อหาพาดพิงสถาบันฯ และอ้างว่ากระบวนการสอบสวนในชั้นต้นเกิดขึ้นภายใต้แรงกดดันทางการเมืองจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)
  • ผลกระทบทางการเมือง: คดีนี้ถูกมองว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลปัจจุบัน และสมการอำนาจทางการเมืองไทย เนื่องจากนายทักษิณยังคงเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลสูงในทางการเมือง
  • กระบวนการในชั้นศาล: ศาลอาญาได้ประทับรับฟ้องและกำหนดวันนัดสืบพยานในช่วงเดือนกรกฎาคม 2568 และนัดฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้นในวันที่ 22 สิงหาคม 2568 ซึ่งเป็นไทม์ไลน์ที่ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

ลำดับเหตุการณ์: จากบทสัมภาษณ์ปี 2558 สู่กระบวนการยุติธรรม

ลำดับเหตุการณ์: จากบทสัมภาษณ์ปี 2558 สู่กระบวนการยุติธรรม

การทำความเข้าใจคดีนี้จำเป็นต้องย้อนกลับไปพิจารณาถึงจุดเริ่มต้นและลำดับเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การให้สัมภาษณ์ครั้งแรกจนถึงวันที่คดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอาญาอย่างเป็นทางการ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนและบริบททางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา

จุดเริ่มต้นของข้อกล่าวหา

มูลเหตุของคดีนี้ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 ณ กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ในครั้งนั้น นายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งพำนักอยู่นอกประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อท้องถิ่นอย่าง Chosun Ilbo เนื้อหาของการสัมภาษณ์ครอบคลุมหลายประเด็นเกี่ยวกับการเมืองไทยในขณะนั้น ซึ่งเป็นช่วงเวลาหลังการรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้ประมาณหนึ่งปี

ต่อมา กองทัพบก โดยคณะทำงานของ คสช. ได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ปอท.) ให้ดำเนินคดีกับนายทักษิณในข้อหาความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยอ้างว่าเนื้อหาการสัมภาษณ์บางช่วงบางตอนมีลักษณะเป็นการพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายและเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายดังกล่าว ซึ่งการแจ้งความในครั้งนั้นได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นอย่างเป็นทางการของกระบวนการสืบสวนสอบสวนในคดีนี้

กระบวนการทางกฎหมายที่หยุดชะงักและเริ่มต้นใหม่

หลังจากการรวบรวมพยานหลักฐาน พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนและส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณา ซึ่งในวันที่ 19 กันยายน 2559 อัยการสูงสุดในขณะนั้นได้มีความเห็นควรสั่งฟ้องนายทักษิณ ชินวัตร ในข้อหาตามมาตรา 112 อย่างไรก็ตาม เนื่องจากผู้ถูกกล่าวหาไม่ได้อยู่ในราชอาณาจักรและไม่สามารถนำตัวมาส่งฟ้องต่อศาลได้ คดีจึงอยู่ในสถานะ “งดการสอบสวน” และอายุความของคดีได้หยุดลงชั่วคราวตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา

สถานการณ์ของคดีเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อนายทักษิณเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 22 สิงหาคม 2566 เพื่อรับโทษในคดีอื่นที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว ส่งผลให้คดีมาตรา 112 ที่หยุดชะงักไปนั้นถูกรื้อฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง สำนักงานอัยการสูงสุดได้ดำเนินการตามขั้นตอน โดยแจ้งข้อกล่าวหาให้นายทักษิณรับทราบ และเปิดโอกาสให้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ซึ่งฝ่ายจำเลยได้ยื่นขอความเป็นธรรมหลายครั้งเพื่อโต้แย้งกระบวนการสอบสวนในอดีต

ในที่สุด เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2567 อัยการสูงสุดได้แถลงข่าวอย่างเป็นทางการว่ามีคำสั่งฟ้องนายทักษิณในคดีนี้ และได้นัดหมายให้นำตัวผู้ต้องหามาส่งฟ้องต่อศาลอาญาในวันที่ 18 มิถุนายน 2567 ซึ่งในวันดังกล่าว กระบวนการทางศาลได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ ถือเป็นการปิดฉากการรอคอยที่ยาวนานเกือบทศวรรษ และนำคดีเข้าสู่บทใหม่ในชั้นศาล

สรุปไทม์ไลน์สำคัญของคดี ม.112 ที่เกี่ยวข้องกับนายทักษิณ ชินวัตร
วัน/เดือน/ปี เหตุการณ์สำคัญ
21 พฤษภาคม 2558 นายทักษิณ ชินวัตร ให้สัมภาษณ์สื่อ Chosun Ilbo ที่ประเทศเกาหลีใต้
19 กันยายน 2559 อัยการสูงสุดมีความเห็นควรสั่งฟ้องคดี แต่คดีหยุดชะงักเพราะผู้ต้องหาอยู่ต่างประเทศ
22 สิงหาคม 2566 นายทักษิณเดินทางกลับประเทศไทย ทำให้คดี ม.112 ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่
18 มิถุนายน 2567 อัยการสูงสุดนำตัวนายทักษิณส่งฟ้องต่อศาลอาญา ศาลประทับรับฟ้องและให้ประกันตัว
กรกฎาคม 2568 (โดยประมาณ) ศาลนัดสืบพยานโจทก์และจำเลย
22 สิงหาคม 2568 ศาลนัดฟังคำพิพากษาของศาลชั้นต้น

ข้อต่อสู้ทางกฎหมายและมุมมองของฝ่ายจำเลย

ในกระบวนการยุติธรรม การพิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายจากทั้งฝ่ายโจทก์และจำเลยเป็นหัวใจสำคัญ สำหรับคดีนี้ ข้อต่อสู้ของนายทักษิณ ชินวัตร ได้มุ่งเน้นไปที่การตีความเนื้อหาของบทสัมภาษณ์และกระบวนการได้มาซึ่งพยานหลักฐานที่อาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องพิสูจน์กันในชั้นศาลต่อไป

ข้อกล่าวหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 หรือที่รู้จักกันในชื่อ “กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ” บัญญัติว่า “ผู้ใดหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่สามปีถึงสิบห้าปี” หัวใจของข้อกล่าวหาที่อัยการสูงสุดใช้ในการสั่งฟ้องจึงอยู่ที่การตีความว่าถ้อยคำของนายทักษิณที่ให้สัมภาษณ์นั้น เข้าข่ายองค์ประกอบความผิดตามมาตรานี้หรือไม่ โดยฝ่ายโจทก์จะต้องนำสืบให้ศาลเห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อสถาบันฯ อย่างชัดแจ้ง

การปฏิเสธข้อกล่าวหาและประเด็นการเมือง

นับตั้งแต่คดีถูกรื้อฟื้นขึ้นมา นายทักษิณและทีมทนายความได้แสดงจุดยืนปฏิเสธข้อกล่าวหามาโดยตลอด แนวทางการต่อสู้คดีมีหลายประเด็น แต่สามารถสรุปได้เป็นสองส่วนหลักคือ การต่อสู้ในเชิงเนื้อหา และการต่อสู้ในเชิงกระบวนการ

ในเชิงเนื้อหา: ฝ่ายจำเลยยืนยันว่าถ้อยคำที่ปรากฏในบทสัมภาษณ์เมื่อปี 2558 นั้น ไม่ได้มีเจตนาหรือความหมายในการพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ในทางเสื่อมเสียแต่อย่างใด และเป็นการตีความที่คลาดเคลื่อนจากบริบททั้งหมดของการให้สัมภาษณ์ ซึ่งเป็นการวิจารณ์สถานการณ์ทางการเมืองในขณะนั้น

ในเชิงกระบวนการ: ประเด็นนี้เป็นข้อต่อสู้ที่สำคัญอย่างยิ่ง โดยฝ่ายจำเลยอ้างว่ากระบวนการสอบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานในช่วงแรกที่ดำเนินการโดย ปอท. นั้นเกิดขึ้นภายใต้บรรยากาศทางการเมืองที่ไม่ปกติในยุคของ คสช. ซึ่งเป็นปฏิปักษ์โดยตรงกับนายทักษิณ

ข้อโต้แย้งหลักคือ คดีนี้ไม่มีมูลความผิด และพนักงานสอบสวนในชั้นต้นอาจถูกกดดันทางการเมือง ทำให้กระบวนการได้มาซึ่งพยานหลักฐานไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม และอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย

ข้อต่อสู้ดังกล่าวนำไปสู่การยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุดหลายครั้ง เพื่อขอให้มีการสอบสวนพยานเพิ่มเติมและทบทวนพยานหลักฐานเดิม ซึ่งประเด็นเหล่านี้จะเป็นสาระสำคัญที่ทีมทนายความจะนำเสนอต่อศาลเพื่อหักล้างข้อกล่าวหาของฝ่ายโจทก์ต่อไป

วิเคราะห์ผลกระทบทางการเมือง: เมื่อคดี ม.112 เชื่อมโยงกับ ทักษิณ ชินวัตร

การดำเนินคดีอาญาต่อบุคคลสำคัญทางการเมืองย่อมส่งผลกระทบต่อภาพรวมของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับ สรุปคดีทักษิณ ม.112 อัยการสูงสุดสั่งฟ้อง-กระทบการเมือง? ซึ่งเกี่ยวข้องกับอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ทรงอิทธิพลและกฎหมายที่มีความละเอียดอ่อนสูง จึงทำให้ทุกย่างก้าวของคดีนี้ถูกจับตามองในฐานะตัวแปรสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางการเมืองไทย

แรงสั่นสะเทือนต่อเสถียรภาพรัฐบาล

ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานะของนายทักษิณ ชินวัตร มีความเชื่อมโยงอย่างแนบแน่นกับพรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลในปัจจุบัน การดำเนินคดีนี้จึงสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อเสถียรภาพของรัฐบาลโดยตรง นักวิเคราะห์การเมืองหลายฝ่ายมองว่า คดีนี้อาจถูกใช้เป็นเครื่องมือหรือกลไกในการต่อรองทางการเมือง เพื่อคานอำนาจและลดทอนบทบาทของนายทักษิณที่ถูกมองว่ามีอิทธิพลเหนือรัฐบาล

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดคำถามถึง “ดีล” ทางการเมืองที่เคยถูกพูดถึงก่อนการเดินทางกลับประเทศของนายทักษิณ ว่ายังคงมีอยู่จริงหรือไม่ และเงื่อนไขต่างๆ เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร การที่คดี ม.112 ถูกผลักดันเข้าสู่ชั้นศาลอาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความสัมพันธ์ที่เปราะบางระหว่างกลุ่มอำนาจต่างๆ ในสมการการเมืองไทย และอาจส่งผลให้การบริหารงานของรัฐบาลเผชิญกับความท้าทายและแรงกดดันมากขึ้นในอนาคต

ความอ่อนไหวของมาตรา 112 ในบริบทการเมืองไทย

มาตรา 112 เป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวอย่างยิ่งในสังคมไทย และมักถูกเชื่อมโยงกับการเมืองมาโดยตลอด การที่คดีนี้ถูกหยิบยกขึ้นมาดำเนินคดีกับอดีตนายกรัฐมนตรีที่มีฐานเสียงสนับสนุนจำนวนมาก ยิ่งทำให้สถานการณ์มีความซับซ้อนมากขึ้น คดีนี้ไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้ทางกฎหมายระหว่างโจทก์และจำเลย แต่ยังสะท้อนถึงการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์และอุดมการณ์ทางการเมืองที่ดำรงอยู่ในสังคมไทย

การดำเนินคดีนี้อาจส่งผลกระทบต่อบรรยากาศทางการเมืองโดยรวม ทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์และการแสดงความคิดเห็นที่หลากหลายจากฝ่ายต่างๆ ทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยกับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด และฝ่ายที่มองว่าเป็นการใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือทางการเมือง ซึ่งอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางความคิดที่รุนแรงขึ้นในสังคมได้ในอนาคต

บทสรุปและแนวโน้มของคดีประวัติศาสตร์

คดีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นมากกว่าคดีอาญาทั่วไป แต่เป็นปรากฏการณ์ที่สะท้อนความซับซ้อนของประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัย การที่อัยการสูงสุดมีคำสั่งฟ้องและคดีเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลอาญา ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทุกฝ่ายต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด

จากนี้ไป การต่อสู้จะย้ายจากเวทีการเมืองและสื่อสาธารณะเข้าสู่ห้องพิจารณาคดี ซึ่งการนำสืบพยานหลักฐานและการตีความข้อกฎหมายของศาลจะเป็นปัจจัยชี้ขาดอนาคตของคดี อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าผลคำพิพากษาจะออกมาในทิศทางใด ผลกระทบทางการเมืองจากคดีนี้จะยังคงอยู่และส่งอิทธิพลต่อเสถียรภาพรัฐบาล รวมถึงดุลอำนาจของกลุ่มการเมืองต่างๆ ต่อไปอีกระยะหนึ่ง นี่จึงเป็นคดีประวัติศาสตร์ที่บทสรุปของมันจะถูกจารึกไว้ในหน้าการเมืองไทยอย่างแน่นอน

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930