ครม. เคาะ ‘วีซ่าฟรี’ เพิ่ม 93 ประเทศ รับไฮซีซั่น
รัฐบาลไทยได้อนุมัติมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา หรือ “วีซ่าฟรี” สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติครั้งใหญ่ โดยเพิ่มรายชื่อประเทศจากเดิม 57 ประเทศ เป็น 93 ประเทศ พร้อมขยายระยะเวลาพำนักสูงสุดเป็น 60 วัน เพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของประเทศในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) ที่กำลังจะมาถึง
- การขยายกลุ่มเป้าหมาย: เพิ่มจำนวนประเทศที่ได้รับการยกเว้นวีซ่าเป็น 93 ประเทศ ครอบคลุมนักท่องเที่ยวจากหลากหลายภูมิภาคทั่วโลก
- เพิ่มระยะเวลาพำนัก: ขยายเวลาการพำนักในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ต้องขอวีซ่าจากเดิมเป็นสูงสุด 60 วัน เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวระยะยาวและการใช้จ่ายที่มากขึ้น
- เป้าหมายทางเศรษฐกิจที่ชัดเจน: ตั้งเป้ารายได้จากการท่องเที่ยวให้เกิน 3 ล้านล้านบาทภายในสิ้นปี 2567 โดยคาดว่ามาตรการนี้จะสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้ถึง 8 แสนล้าน ถึง 1 ล้านล้านบาท
- มีผลบังคับใช้ทันการณ์: มาตรการดังกล่าวเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2567 เพื่อรองรับการเดินทางในช่วงครึ่งปีหลังและต่อเนื่องไปจนถึงช่วงไฮซีซั่น
ภาพรวมมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวครั้งสำคัญ
มติคณะรัฐมนตรีล่าสุดที่เห็นชอบให้ขยายมาตรการ ครม. เคาะ ‘วีซ่าฟรี’ เพิ่ม 93 ประเทศ รับไฮซีซั่น ถือเป็นการปรับเปลี่ยนนโยบายด้านการท่องเที่ยวเชิงรุกที่สำคัญที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศไทย การตัดสินใจครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่ออำนวยความสะดวกและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมายังประเทศไทยได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่อการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจในภาพรวม มาตรการนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มจำนวนประเทศที่ได้รับสิทธิ์ แต่ยังขยายระยะเวลาพำนัก ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวที่ต้องการใช้เวลาสำรวจและสัมผัสประสบการณ์ในประเทศไทยอย่างเต็มที่
ความสำคัญของนโยบายนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญกับความท้าทายจากภาวะการเติบโตที่ชะลอตัวเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้าน และระดับหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น การท่องเที่ยวจึงถูกวางให้เป็นกลไกหลักระยะสั้นที่มีประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ โดยรัฐบาลคาดหวังว่าการเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวที่กว้างขึ้น จะช่วยเพิ่มรายได้เข้าประเทศได้อย่างรวดเร็ว สร้างงาน และกระจายรายได้ไปสู่ผู้ประกอบการในท้องถิ่น ตั้งแต่โรงแรม ร้านอาหาร ไปจนถึงธุรกิจบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
รายละเอียดและสาระสำคัญของมาตรการวีซ่าฟรีฉบับใหม่
การอนุมัติมาตรการวีซ่าฟรีครั้งนี้ประกอบด้วยรายละเอียดที่เป็นสาระสำคัญหลายประการ ซึ่งล้วนมีเป้าหมายเพื่อสร้างแรงจูงใจและลดอุปสรรคในการเดินทางสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
การขยายจำนวนประเทศและระยะเวลาพำนัก
หัวใจหลักของมาตรการนี้คือการขยายจำนวนประเทศและดินแดนที่พลเมืองสามารถเดินทางเข้าประเทศไทยได้โดยไม่ต้องขอรับการตรวจลงตราล่วงหน้า จากเดิม 57 ประเทศ เพิ่มขึ้นเป็น 93 ประเทศ การขยายตัวนี้ครอบคลุมกลุ่มประเทศเป้าหมายใหม่ๆ ที่มีศักยภาพในการใช้จ่ายสูงและมีแนวโน้มการเดินทางที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รายชื่อประเทศที่เพิ่มเข้ามาใหม่นั้นกระจายตัวอยู่ทั่วทุกภูมิภาค ตั้งแต่ยุโรป อเมริกา เอเชีย และโอเชียเนีย ตัวอย่างประเทศสำคัญที่ได้รับการเพิ่มสิทธิ์ในครั้งนี้ ได้แก่ ออสเตรเลีย, ออสเตรีย, เบลเยียม, แคนาดา, เดนมาร์ก, ฝรั่งเศส, ฟินแลนด์, สาธารณรัฐเช็ก, เอสโตเนีย, บาห์เรน และบรูไน เป็นต้น
นอกจากการเพิ่มจำนวนประเทศแล้ว อีกหนึ่งการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญคือการขยายระยะเวลาพำนักสูงสุดจากเดิม 30 วัน เป็น 60 วัน การขยายเวลานี้ช่วยตอบสนองต่อพฤติกรรมการท่องเที่ยวสมัยใหม่ที่นักเดินทางต้องการพำนักในแต่ละสถานที่ยาวนานขึ้น เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่นอย่างลึกซึ้ง ทำกิจกรรมได้หลากหลาย และเดินทางไปยังเมืองรองต่างๆ ซึ่งจะช่วยกระจายรายได้จากการท่องเที่ยวให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น และยังเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ ในภูมิภาค
เป้าหมายทางเศรษฐกิจและผลกระทบที่คาดการณ์
รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจจากมาตรการนี้ไว้อย่างชัดเจน โดยมุ่งหวังที่จะผลักดันรายได้รวมจากการท่องเที่ยวให้ทะลุ 3 ล้านล้านบาทภายในสิ้นปี พ.ศ. 2567 ซึ่งเป็นเป้าหมายที่มีความท้าทายสูงแต่ก็มีความเป็นไปได้หากจำนวนนักท่องเที่ยวและค่าใช้จ่ายต่อหัวเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้
ผลกระทบเชิงบวกที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากมาตรการวีซ่าฟรีนี้ ประเมินว่าจะสามารถสร้างเม็ดเงินหมุนเวียนเพิ่มเติมในระบบเศรษฐกิจได้ประมาณ 8 แสนล้าน ถึง 1 ล้านล้านบาท เม็ดเงินดังกล่าวจะไหลเวียนผ่านภาคธุรกิจต่างๆ ที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรมที่พัก, สายการบิน, บริษัทนำเที่ยว, ร้านอาหาร, ร้านค้าปลีก, บริการขนส่ง และแหล่งท่องเที่ยวชุมชน ซึ่งจะนำไปสู่การจ้างงานที่เพิ่มขึ้นและช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในวงกว้าง
เปรียบเทียบนโยบายวีซ่าฟรี (ก่อนและหลังการเปลี่ยนแปลง)
เพื่อให้เห็นภาพความเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนยิ่งขึ้น สามารถเปรียบเทียบนโยบายวีซ่าฟรีก่อนและหลังการอนุมัติมาตรการใหม่ได้ดังนี้
| หัวข้อ | นโยบายเดิม (ก่อน 15 ก.ค. 67) | นโยบายใหม่ (มีผล 15 ก.ค. 67) |
|---|---|---|
| จำนวนประเทศที่ได้รับสิทธิ์ | 57 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ | 93 ประเทศ/เขตเศรษฐกิจ |
| ระยะเวลาพำนักสูงสุด | ส่วนใหญ่อนุญาต 30 วัน | ขยายเป็นสูงสุด 60 วัน |
| กลุ่มเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ | เน้นตลาดนักท่องเที่ยวหลักแบบดั้งเดิม | ขยายสู่ตลาดใหม่ที่มีศักยภาพสูงและกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพ |
| เป้าหมายหลักของนโยบาย | เพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวหลังสถานการณ์โควิด-19 | เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุก รับมือภาวะเติบโตชะลอตัว และสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน |
บริบทและปัจจัยขับเคลื่อนนโยบาย

การตัดสินใจออกมาตรการวีซ่าฟรีครั้งใหญ่นี้ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างเลื่อนลอย แต่มีปัจจัยทางเศรษฐกิจและสถานการณ์การท่องเที่ยวเป็นตัวขับเคลื่อนที่สำคัญ
สถานการณ์เศรษฐกิจไทยและความจำเป็นในการกระตุ้น
ในช่วงที่ผ่านมา เศรษฐกิจของประเทศไทยเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งอัตราการขยายตัวของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) ที่เติบโตในระดับที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์และต่ำกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกัน นอกจากนี้ ภาระหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้นยังเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศ
ในสภาวการณ์เช่นนี้ การพึ่งพาเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจตัวอื่น เช่น การส่งออกหรือการลงทุน อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ดังนั้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวซึ่งมีศักยภาพในการสร้างรายได้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศได้อย่างรวดเร็ว จึงถูกมองว่าเป็นทางออกและเป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ระยะสั้นที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการพยุงและกระตุ้นเศรษฐกิจให้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง การอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศได้ง่ายขึ้นจึงเป็นกลยุทธ์ที่ตรงจุดและสามารถเห็นผลได้ในเวลาอันสั้น
สถิตินักท่องเที่ยวและแนวโน้มการฟื้นตัว
แม้ว่าภาคการท่องเที่ยวไทยจะแสดงสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีอย่างต่อเนื่อง แต่ตัวเลขยังคงไม่กลับไปสู่ระดับก่อนเกิดการระบาดของโควิด-19 ข้อมูลเบื้องต้นในช่วงครึ่งแรกของปี พ.ศ. 2567 แสดงให้เห็นว่ามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศไทยแล้วประมาณ 17.5 ล้านคน ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจ
ตัวเลขนักท่องเที่ยวในช่วงครึ่งแรกของปี 2567 ที่ 17.5 ล้านคนนั้น เพิ่มขึ้นถึง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจนและศักยภาพในการเติบโตที่ยังคงมีอยู่
อย่างไรก็ตาม การที่จำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่กลับไปเท่าระดับเดิม ชี้ให้เห็นว่ายังมีช่องว่างให้เติบโตได้อีกมาก มาตรการวีซ่าฟรีจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเร่งกระบวนการฟื้นตัวให้เร็วขึ้น โดยการขจัดอุปสรรคด้านวีซ่าจะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มที่ลังเลหรือมองหาจุดหมายปลายทางที่เดินทางสะดวก ให้ตัดสินใจเลือกประเทศไทยเป็นอันดับแรก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงไฮซีซั่นปลายปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาทองของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว
การดำเนินงานและความพร้อมของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ความสำเร็จของมาตรการนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับการประกาศนโยบายเพียงอย่างเดียว แต่ยังต้องอาศัยการทำงานร่วมกันอย่างบูรณาการของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การต้อนรับนักท่องเที่ยวเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
บทบาทของกระทรวงการต่างประเทศและมาตรการคัดกรอง
กระทรวงการต่างประเทศมีบทบาทสำคัญในการประสานงานกับประเทศต่างๆ และดำเนินการตามขั้นตอนทางการทูตเพื่อให้นโยบายนี้มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ นอกจากนี้ หน่วยงานด้านความมั่นคง เช่น สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ยังต้องเตรียมความพร้อมในการพัฒนาระบบและกระบวนการคัดกรองนักท่องเที่ยวให้มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการอำนวยความสะดวกและการรักษาความปลอดภัยของประเทศ
การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง เช่น ระบบ E-Visa หรือระบบตรวจสอบข้อมูลล่วงหน้า จะช่วยให้การคัดกรองทำได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น สามารถแยกแยะนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพออกจากกลุ่มบุคคลที่อาจเป็นภัยต่อความมั่นคงได้ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งเมื่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้าประเทศมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด
การสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย
ในขณะที่การเปิดประเทศเป็นสิ่งสำคัญ การดูแลความปลอดภัยของทั้งนักท่องเที่ยวและประชาชนในประเทศก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจละเลยได้ มาตรการคัดกรองที่มีประสิทธิภาพจึงต้องดำเนินควบคู่ไปกับการประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับทุกฝ่าย นักท่องเที่ยวต้องรู้สึกมั่นใจในความปลอดภัยตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทย ในขณะเดียวกัน สังคมไทยก็ต้องมั่นใจว่าการเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยวจะไม่นำมาซึ่งปัญหาด้านอาชญากรรมหรือความมั่นคงอื่นๆ
การบูรณาการข้อมูลระหว่างหน่วยงานความมั่นคงทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงการเตรียมความพร้อมของตำรวจท่องเที่ยวและหน่วยงานบริการฉุกเฉิน จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยในฐานะจุดหมายปลายทางที่สวยงามและปลอดภัย
สรุปและทิศทางอนาคตของการท่องเที่ยวไทย
การที่ ครม. เคาะ ‘วีซ่าฟรี’ เพิ่ม 93 ประเทศ รับไฮซีซั่น นับเป็นก้าวสำคัญและเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าประเทศไทยพร้อมแล้วที่จะกลับมาเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวในระดับโลกอีกครั้ง มาตรการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้น แต่ยังเป็นการวางรากฐานเพื่อดึงดูดการลงทุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวคุณภาพสูงในระยะยาวอีกด้วย การขยายระยะเวลาพำนักเป็น 60 วัน จะช่วยเปลี่ยนภาพลักษณ์ของไทยจากการเป็นเพียงจุดหมายปลายทางระยะสั้น ไปสู่การเป็นศูนย์กลางการเดินทางในภูมิภาคที่นักท่องเที่ยวสามารถใช้เป็นฐานในการสำรวจประเทศเพื่อนบ้าน หรือพำนักเพื่อทำงานทางไกล (Workation) ได้
สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว นี่คือโอกาสสำคัญในการเตรียมความพร้อมเพื่อยกระดับสินค้าและบริการของตนเองให้สามารถตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่หลากหลายและมีคุณภาพมากขึ้น การปรับตัวและพัฒนาอย่างไม่หยุดนิ่งจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยสามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืนและสร้างประโยชน์สูงสุดให้กับเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวมต่อไป

