Shopping cart

เปิดโผนายพล! จับตา ‘บิ๊กทหาร’ คุมกองทัพยุคใหม่

สารบัญ

การปรับเปลี่ยนตำแหน่งนายทหารและตำรวจระดับสูงเป็นวาระสำคัญที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางและโครงสร้างของกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติในอนาคต การเคลื่อนไหวล่าสุดในการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารประจำปี 2568 ได้รับความสนใจจากสาธารณชนอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพและตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อสายการบังคับบัญชาและนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ

สรุปประเด็นสำคัญที่น่าจับตามอง

  • การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับผู้บังคับกองพันในกองทัพบกจำนวน 461 ตำแหน่ง ถือเป็นการวางกำลังสำคัญในหน่วยรบหลักทั่วประเทศ
  • คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีมติแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจ 250 ตำแหน่ง โดยใช้หลักเกณฑ์พิจารณาจากความอาวุโสและความรู้ความสามารถในสัดส่วนที่เท่ากัน
  • มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งผู้บัญชาการที่สำคัญหลายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เช่น ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) และผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.)
  • ตำแหน่งรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) มีการแต่งตั้งนายตำรวจฝีมือดีจากระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง
  • การปรับโครงสร้างผู้นำครั้งนี้สะท้อนถึงการเตรียมความพร้อมของกองทัพและตำรวจเพื่อรับมือกับความท้าทายด้านความมั่นคงและสังคมในยุคใหม่

การ เปิดโผนายพล! จับตา ‘บิ๊กทหาร’ คุมกองทัพยุคใหม่ เป็นความเคลื่อนไหวเชิงโครงสร้างที่สำคัญยิ่งต่อเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศ การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการทหารและตำรวจในระดับชั้นนายพล ถือเป็นกลไกในการบริหารจัดการกำลังพลระดับสูง เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจของหน่วยงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในแต่ละปีจึงไม่ได้เป็นเพียงการสับเปลี่ยนตัวบุคคลตามวาระ แต่ยังบ่งชี้ถึงแนวโน้ม นโยบาย และการจัดลำดับความสำคัญของผู้นำองค์กรในระยะต่อไปด้วย

ความสำคัญของการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารและตำรวจประจำปี

การแต่งตั้งโยกย้ายประจำปีเป็นประเพณีปฏิบัติที่สำคัญในวงการทหารและตำรวจทั่วโลก รวมถึงประเทศไทยด้วย กระบวนการนี้มีวัตถุประสงค์หลักเพื่อทดแทนตำแหน่งที่ว่างลงจากการเกษียณอายุราชการ และเพื่อหมุนเวียนให้บุคลากรได้เรียนรู้และสั่งสมประสบการณ์ในตำแหน่งที่หลากหลาย ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างศักยภาพและความพร้อมในการรับมือกับภารกิจที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา

เหตุผลและความจำเป็นในการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง

เหตุผลหลักของการปรับย้ายคือการคัดเลือกบุคลากรที่มีความเหมาะสมทั้งในด้านคุณวุฒิ วัยวุฒิ และประสบการณ์ขึ้นมาดำรงตำแหน่งที่สูงขึ้น เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้ก้าวไปข้างหน้า นอกจากนี้ยังเป็นการเปิดโอกาสให้บุคลากรระดับรองได้เติบโตในสายอาชีพ สร้างขวัญและกำลังใจให้แก่กำลังพลโดยรวม การพิจารณาแต่งตั้งยังคำนึงถึงความต่อเนื่องของนโยบาย การปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่เปลี่ยนแปลงไป และการตอบสนองต่อภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาล

ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องและกระบวนการพิจารณา

กระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับนายพลจะเกี่ยวข้องกับคณะกรรมการระดับสูงของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ โดยมีผู้บัญชาการทหารสูงสุดและผู้บัญชาการเหล่าทัพเป็นผู้เสนอรายชื่อตามลำดับชั้น ก่อนนำเสนอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ และนำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งในที่สุด ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะมีคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เป็นองค์กรหลักในการพิจารณาแต่งตั้งโยกย้าย โดยมีผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติเป็นผู้เสนอรายชื่อ

การปรับทัพครั้งใหญ่ของกองทัพบก

ในช่วงปลายปี 2567 กองทัพบกได้มีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ โดยมีการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับผู้บังคับกองพันเป็นจำนวนมากถึง 461 นาย ซึ่งถือเป็นการปรับทัพในระดับผู้ปฏิบัติการที่สำคัญและมีขนาดใหญ่ การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงการวางรากฐานกำลังพลในระดับกลาง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับภารกิจในอนาคต

เจาะลึกคำสั่งแต่งตั้ง 461 ผู้บังคับกองพัน

คำสั่งดังกล่าวซึ่งลงนามโดย พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบกในขณะนั้น ครอบคลุมการโยกย้ายตำแหน่งผู้บังคับกองพันในหน่วยต่างๆ ทั่วประเทศ การปรับเปลี่ยนนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่หน่วยใดหน่วยหนึ่ง แต่กระจายไปในหลายส่วน ทั้งหน่วยกำลังรบหลักและหน่วยสนับสนุนการรบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับโครงสร้างกำลังพลอย่างเป็นระบบทั่วทั้งกองทัพบก

บทบาทและความสำคัญของหน่วยกำลังรบหลัก

ตำแหน่งผู้บังคับกองพันถือเป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในโครงสร้างของกองทัพบก เพราะเป็นผู้บังคับบัญชาที่ใกล้ชิดกับกำลังพลในระดับปฏิบัติการโดยตรง หน่วยที่ได้รับการปรับเปลี่ยนครอบคลุมถึง:

  • หน่วยทหารราบ (ราบ): เป็นหน่วยกำลังรบหลักภาคพื้นดิน มีหน้าที่เข้ายึดครองและควบคุมพื้นที่
  • หน่วยทหารม้า (ม้า): มีความคล่องแคล่วในการเคลื่อนที่สูง ใช้ในการลาดตระเวนและเป็นกองหนุน
  • หน่วยทหารปืนใหญ่ (ปืน): ให้การสนับสนุนการยิงแก่หน่วยรบภาคพื้นดิน
  • หน่วยรบพิเศษ (รบพิเศษ): ปฏิบัติภารกิจพิเศษที่ต้องการความเชี่ยวชาญและการฝึกฝนในระดับสูง

การคัดเลือกบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งผู้บังคับกองพันในหน่วยเหล่านี้ จึงเป็นการวางตัวผู้บังคับบัญชาที่จะเป็นกำลังหลักในการขับเคลื่อนภารกิจของกองทัพบกในอนาคต

วิสัยทัศน์ของผู้นำทัพบกในการจัดกำลังพล

การโยกย้ายระดับผู้บังคับกองพันทั่วประเทศในครั้งนี้ ถูกมองว่าเป็นการวางรากฐานและจัดทัพของผู้นำกองทัพบกรุ่นใหม่ เพื่อให้การบริหารจัดการกำลังพลมีความต่อเนื่องและเป็นระบบ สามารถรองรับความท้าทายด้านความมั่นคงรูปแบบใหม่ๆ ที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นภัยคุกคามข้ามชาติ ภัยพิบัติทางธรรมชาติ หรือภารกิจในการช่วยเหลือประชาชน

ความเคลื่อนไหวในแวดวงสีกากี: โผตำรวจระดับนายพล

ความเคลื่อนไหวในแวดวงสีกากี: โผตำรวจระดับนายพล

นอกเหนือจากแวดวงทหารแล้ว ในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็มีความเคลื่อนไหวในการแต่งตั้งโยกย้ายระดับนายพลที่น่าสนใจเช่นกัน ซึ่งเป็นการจัดทัพเพื่อรับมือกับปัญหาอาชญากรรมและดูแลความสงบเรียบร้อยของสังคม

เบื้องหลังการประชุม ก.ตร. และการพิจารณา 250 ตำแหน่ง

การประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) เพื่อพิจารณาบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจระดับนายพล วาระประจำปี 2568 ใช้เวลายาวนานกว่า 8 ชั่วโมง สะท้อนให้เห็นถึงความละเอียดรอบคอบในการพิจารณาคุณสมบัติของนายตำรวจแต่ละนายสำหรับ 250 ตำแหน่งที่มีการปรับเปลี่ยน ซึ่งการประชุมที่ยาวนานบ่งชี้ถึงการอภิปรายและพิจารณาอย่างเข้มข้นเพื่อให้ได้บุคคลที่เหมาะสมที่สุดสำหรับแต่ละตำแหน่ง

หลักเกณฑ์การแต่งตั้ง: สมดุลระหว่างอาวุโสและความสามารถ

หนึ่งในประเด็นสำคัญที่ถูกหยิบยกขึ้นมาในการพิจารณาครั้งนี้ คือการใช้หลักเกณฑ์ผสมผสานระหว่าง ความอาวุโส และ ความรู้ความสามารถ ในสัดส่วน 50 ต่อ 50 แนวทางนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างสมดุลในองค์กร โดยให้ความเคารพต่อประสบการณ์ของนายตำรวจอาวุโส ขณะเดียวกันก็เปิดโอกาสให้นายตำรวจที่มีความสามารถโดดเด่นได้ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นแนวทางที่พยายามจะแก้ไขปัญหาการแต่งตั้งโยกย้ายในอดีตและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจโดยรวม

การผสมผสานระหว่างหลักอาวุโสและขีดความสามารถ ถือเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความสมดุลและความแข็งแกร่งให้แก่องค์กรตำรวจ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่รับใช้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ตำแหน่งสำคัญที่น่าจับตาในการโยกย้ายครั้งล่าสุด

ในการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งนี้ มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) ที่สำคัญหลายตำแหน่ง ซึ่งเป็นหน่วยงานที่มีบทบาทโดยตรงต่อการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

สรุปรายชื่อการเลื่อนตำแหน่งผู้บัญชาการที่สำคัญในการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจ 2568
ตำแหน่งใหม่ รายชื่อ ตำแหน่งเดิม
ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) พล.ต.ต.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.)
ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (ผบช.ส.) พล.ต.ต.ยสวินท์ หรรษมนตร์ รองผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล (รอง ผบช.ส.)
ผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (ผบช.รร.นรต.) พล.ต.ต.ศักดิ์รพี เพรียวพานิช รองผู้บัญชาการโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (รอง ผบช.รร.นรต.)
ผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (ผบช.ตชด.) พล.ต.ต.รุ่งโรจน์ ฐากูรปุณยสิริ รองผู้บัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน (รอง ผบช.ตชด.)

การเปลี่ยนแปลงในระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

นอกเหนือจากตำแหน่งผู้บัญชาการแล้ว ตำแหน่งในระดับรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ซึ่งเป็นตำแหน่งระดับสูงรองจาก ผบ.ตร. ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญเช่นกัน โดยมีการเลื่อนตำแหน่งนายตำรวจที่มีผลงานโดดเด่นขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ได้แก่:

  • พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. (นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่น 50) ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็น รอง ผบ.ตร.
  • พล.ต.ท.อิทธิพล หนุนภักดี ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็น รอง ผบ.ตร.

การแต่งตั้งนายตำรวจทั้งสองนายขึ้นสู่ตำแหน่งรอง ผบ.ตร. แสดงให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับนายตำรวจที่มีความสามารถและประสบการณ์ในการทำงาน ทั้งนี้ ในการแต่งตั้งครั้งนี้ตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลง

บทวิเคราะห์: นัยสำคัญต่อทิศทางกองทัพและตำรวจไทย

การเปิดโผแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารและตำรวจครั้งล่าสุดนี้ มีนัยสำคัญที่สามารถวิเคราะห์ได้ในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการบริหารองค์กร การเตรียมความพร้อมรับมือกับความท้าทาย และทิศทางของหน่วยงานความมั่นคงในอนาคต

การผสมผสานผู้นำ: ระหว่างประสบการณ์และคลื่นลูกใหม่

ภาพรวมของการแต่งตั้งครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างทีมผู้บริหารที่ผสมผสานระหว่างนายทหารและนายตำรวจอาวุโสที่มีประสบการณ์สูง กับนายทหารและนายตำรวจรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความสามารถและวิสัยทัศน์ที่ทันสมัย การจัดวางกำลังในลักษณะนี้มีเป้าหมายเพื่อให้การส่งผ่านภารกิจและนโยบายเป็นไปอย่างราบรื่น ขณะเดียวกันก็สามารถนำแนวคิดและเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามาประยุกต์ใช้ในการทำงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพขององค์กร

ความท้าทายของผู้นำยุคใหม่ในบริบทปัจจุบัน

ผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้งในครั้งนี้จะต้องเผชิญกับความท้าทายที่หลากหลายและซับซ้อนกว่าในอดีต ทั้งในส่วนของกองทัพที่ต้องรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ เช่น สงครามไซเบอร์ และภารกิจที่ไม่ใช่การรบ (Non-combat missions) มากขึ้น ในขณะที่ตำรวจต้องเผชิญกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี และความคาดหวังของสังคมที่ต้องการความโปร่งใสและเป็นธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ ผู้นำยุคใหม่จึงจำเป็นต้องมีความสามารถรอบด้าน ทั้งในเชิงยุทธศาสตร์ การบริหารจัดการ และการสื่อสารกับสาธารณะ

บทสรุป: ก้าวต่อไปที่ต้องจับตา

การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารและตำรวจประจำปี 2568 ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการจัดทัพของสองหน่วยงานความมั่นคงหลักของประเทศ การปรับเปลี่ยนตำแหน่งตั้งแต่ระดับผู้บังคับกองพันในกองทัพบกไปจนถึงระดับนายพลในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ล้วนเป็นการวางรากฐานเพื่อเตรียมความพร้อมในการบริหารองค์กรและรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในยุคใหม่ การผสมผสานระหว่างประสบการณ์ของผู้นำอาวุโสกับพลังของผู้นำรุ่นใหม่ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดทิศทางและประสิทธิภาพของกองทัพและตำรวจไทยในอนาคต การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่ทุกภาคส่วนในสังคมต้องติดตามและจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อไป

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930