Shopping cart

เปิดโผนายพล 68! จับตา ‘บิ๊กทหาร’ คุมกองทัพยุคใหม่

สารบัญ

การจับตาความเคลื่อนไหวในแวดวงข้าราชการระดับสูงกลับมาเป็นที่สนใจอีกครั้ง หลังมีการ เปิดโผนายพล 68! จับตา ‘บิ๊กทหาร’ คุมกองทัพยุคใหม่ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในการจัดทัพผู้บริหารหน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารตำรวจระดับสูงประจำปี 2568 ที่มีตำแหน่งสำคัญว่างลงหลายอัตรา และส่งผลโดยตรงต่อทิศทางการบริหารงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในอนาคต การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงสายอำนาจภายในองค์กร แต่ยังมีนัยสำคัญต่อการเมืองและความมั่นคงของประเทศโดยรวม

ภาพรวมการแต่งตั้งโยกย้ายนายพล ประจำปี 2568

การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงประจำปี 2568 ถือเป็นวาระสำคัญที่ทุกภาคส่วนให้ความสนใจ โดยเฉพาะในส่วนของหน่วยงานความมั่นคงอย่างกองทัพและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้บัญชาการระดับสูงมีผลต่อการกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานขององค์กรในระยะยาว สำหรับปีนี้ จุดสนใจหลักพุ่งเป้าไปที่การจัดทัพนายพลสีกากี ซึ่งมีการขยับปรับเปลี่ยนตำแหน่งรวมกว่า 100 ตำแหน่ง และมีตำแหน่งระดับนายพลที่สำคัญถึง 68 ตำแหน่ง

  • การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ: โผโยกย้ายครั้งนี้เน้นไปที่การแต่งตั้งนายพลตำรวจเป็นหลัก โดยมีตำแหน่งสำคัญระดับ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) และ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผู้ช่วย ผบ.ตร.) ว่างลงพร้อมกันหลายอัตรา
  • หลักการพิจารณาตามความอาวุโส: การเลื่อนตำแหน่งในระดับสูงขึ้น โดยเฉพาะจาก ผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นสู่ รอง ผบ.ตร. ได้ยึดหลักเกณฑ์ความอาวุโส 100% ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง เพื่อสร้างมาตรฐานและความเป็นธรรมในองค์กร
  • ผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเมือง: ทุกการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลมักถูกเชื่อมโยงกับมิติทางการเมืองเสมอ เนื่องจากผู้ดำรงตำแหน่งเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในการรักษาความสงบเรียบร้อยและความมั่นคงของประเทศ การจัดวางบุคคลจึงสะท้อนถึงสมดุลอำนาจของฝ่ายบริหาร
  • การจับตากระบวนการของ ก.ตร.: คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกลั่นกรองและอนุมัติรายชื่อ ทำให้ทุกขั้นตอนการประชุมและการตัดสินใจถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากสื่อมวลชนและสาธารณชน

เจาะลึกบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจ ปี 2568

วาระการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจประจำปี 2568 ถือเป็นหนึ่งในการปรับทัพครั้งสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในรอบหลายปี เนื่องจากมีตำแหน่งผู้บังคับบัญชาระดับสูงว่างลงจากการเกษียณอายุราชการพร้อมกันหลายตำแหน่ง ทำให้เกิดการขยับปรับเปลี่ยนตำแหน่งในระดับผู้บัญชาการ (ผบช.) และรองผู้บัญชาการ (รอง ผบช.) ตามมาเป็นลูกโซ่ ซึ่งส่งผลต่อโครงสร้างการบังคับบัญชาในหน่วยงานสำคัญทั่วประเทศ

ตำแหน่งสำคัญที่น่าจับตา: เก้าอี้ รอง ผบ.ตร. และ ผู้ช่วย ผบ.ตร.

ไฮไลท์ของการแต่งตั้งครั้งนี้อยู่ที่ตำแหน่งระดับบนสุดของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยมีตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. ว่างลง 2 ตำแหน่ง หลังจากการเกษียณอายุราชการของ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง และ พล.ต.อ.ประจวบ วงศ์สุข ซึ่งส่งผลให้ต้องมีการพิจารณาแต่งตั้งผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทน

ตามหลักเกณฑ์การพิจารณาที่ยึดลำดับอาวุโส 100% สำหรับการเลื่อนตำแหน่งจากผู้ช่วย ผบ.ตร. ขึ้นเป็นรอง ผบ.ตร. ทำให้ พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. ซึ่งมีอาวุโสเป็นอันดับ 1 ได้รับการเสนอชื่อให้เลื่อนขึ้นดำรงตำแหน่ง รอง ผบ.ตร. และเตรียมติดยศ พลตำรวจเอก (พล.ต.อ.) ตามลำดับ การยึดหลักอาวุโสนี้ถูกมองว่าเป็นการลดการแทรกแซงทางการเมืองและสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ข้าราชการตำรวจที่เติบโตมาตามสายงาน

นอกจากนี้ ยังมีตำแหน่ง ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่างลงถึง 7 ตำแหน่ง ซึ่งเปิดโอกาสให้นายตำรวจระดับผู้บัญชาการที่มีผลงานโดดเด่นและมีอาวุโสตามลำดับ ได้รับการพิจารณาเลื่อนตำแหน่งขึ้นมา ซึ่งการเปลี่ยนแปลงในระดับผู้ช่วย ผบ.ตร. นี้เอง ที่เป็นจุดเริ่มต้นของการขยับปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บัญชาการกองบัญชาการต่างๆ ทั่วประเทศ

การสับเปลี่ยนขุนพลคุมกองบัญชาการหลัก

ผลจากการว่างลงของตำแหน่งระดับสูง ทำให้เกิดการโยกย้ายในตำแหน่งผู้บัญชาการ (ผบช.) ซึ่งเป็นตำแหน่งแม่ทัพที่คุมหน่วยงานสำคัญทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยมีหลายตำแหน่งที่น่าสนใจและส่งผลต่อการควบคุมพื้นที่เศรษฐกิจและพื้นที่ที่มีความสำคัญด้านความมั่นคงโดยตรง การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญบางส่วนสะท้อนให้เห็นถึงการจัดทัพเพื่อรับมือกับสถานการณ์อาชญากรรมและปัญหาความมั่นคงในปัจจุบัน

ตารางสรุปการโยกย้ายตำแหน่งผู้บัญชาการ (ผบช.) ที่สำคัญบางตำแหน่ง ในโผโยกย้ายนายพลตำรวจ ปี 2568
นายตำรวจ ตำแหน่งเดิม ตำแหน่งใหม่
พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) คงอยู่ในตำแหน่งเดิม
พล.ต.ท.วัฒนา ยี่จีน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 (ผบช.ภ.3) ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1)
พล.ต.ท.ฉัตรชัย สุรเชษฐ์พงษ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4) ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (ผบช.ภ.2)
พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (ผบช.ปส.) ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (ผบช.ภ.4)

เบื้องหลังการพิจารณาและบทบาทของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

เบื้องหลังการพิจารณาและบทบาทของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

กระบวนการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจไม่ได้เกิดขึ้นอย่างง่ายดาย แต่ต้องผ่านการพิจารณาอย่างละเอียดจากคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยตำแหน่ง การประชุมของ ก.ตร. ในครั้งนี้จึงเต็มไปด้วยความเข้มข้นและใช้เวลายาวนาน เพื่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างรอบคอบและเป็นธรรมที่สุด

กระบวนการกลั่นกรองที่เข้มข้น

มีรายงานว่าการประชุมเพื่อพิจารณาบัญชีรายชื่อแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้ใช้เวลายาวนานกว่า 8 ชั่วโมงในหลายเวที ทั้งการประชุมของคณะกรรมการคัดเลือก และการประชุมของ ก.ตร. ชุดใหญ่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความซับซ้อนและความสำคัญของการตัดสินใจ บรรยากาศในการประชุมมีการถกเถียงและอภิปรายในรายละเอียดของแต่ละตำแหน่งอย่างกว้างขวาง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งมีความเหมาะสมทั้งในด้านความรู้ความสามารถ อาวุโส และผลการปฏิบัติงานที่ผ่านมา

การพิจารณาที่ใช้เวลายาวนาน สะท้อนถึงความพยายามในการสร้างสมดุลระหว่างหลักอาวุโส ความรู้ความสามารถ และการตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาล เพื่อให้ได้ผู้นำหน่วยที่มีประสิทธิภาพสูงสุด

บทบาทของ ก.ตร. ในการกลั่นกรองจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างมาตรฐานและความโปร่งใสให้กับการแต่งตั้งโยกย้าย ซึ่งเป็นกลไกที่ช่วยตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจของผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติและฝ่ายการเมือง เพื่อป้องกันการแต่งตั้งที่ไม่เป็นธรรมและสร้างความยอมรับจากข้าราชการตำรวจโดยรวม

ข้อสังเกตด้านการเมืองและหลักความเป็นธรรม

เป็นที่ทราบกันดีว่าการแต่งตั้งนายพลตำรวจมักมีมิติทางการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ ในครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยมีการจับตาบทบาทของ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ หรือ “บิ๊กต่าย” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะผู้เสนอรายชื่อและเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดขององค์กร การตัดสินใจของท่านจึงถูกนำไปวิเคราะห์และเชื่อมโยงกับสถานการณ์ทางการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นเรื่องการร้องเรียนเกี่ยวกับความไม่เป็นธรรมในการแต่งตั้งเกิดขึ้น ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่มักเกิดขึ้นหลังการประกาศโผโยกย้าย โดยมีรายงานว่า พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนในประเด็นดังกล่าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างความเป็นธรรมให้เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายในองค์กรขนาดใหญ่ที่มีตำแหน่งจำกัดแต่มีผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมจำนวนมาก กรณีเช่นนี้ยิ่งตอกย้ำถึงความสำคัญของกระบวนการพิจารณาที่โปร่งใสและมีหลักเกณฑ์ที่ชัดเจน

ผลกระทบและทิศทางใหม่ของหน่วยงานความมั่นคงไทย

การปรับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อทิศทางการทำงานและนโยบายในการป้องกันปราบปรามอาชญากรรมและการดูแลความสงบเรียบร้อยของประเทศ การได้มาซึ่งผู้นำหน่วยคนใหม่ในกองบัญชาการต่างๆ หมายถึงการเริ่มต้นกำหนดแนวทางและกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อรับมือกับความท้าทายที่เปลี่ยนแปลงไป

การวางรากฐานผู้นำตำรวจยุคต่อไป

การแต่งตั้งโยกย้ายในครั้งนี้เปรียบเสมือนการวางรากฐานสำหรับผู้นำองค์กรตำรวจในอนาคต นายตำรวจที่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งขึ้นสู่ระดับผู้บัญชาการและผู้ช่วย ผบ.ตร. ในวันนี้ คือกลุ่มบุคคลที่จะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดขององค์กรในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ดังนั้น คุณสมบัติ วิสัยทัศน์ และแนวทางการทำงานของบุคคลเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ การคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมจึงมีความสำคัญไม่เพียงแต่ในปัจจุบัน แต่ยังเป็นการลงทุนเพื่ออนาคตขององค์กรอีกด้วย ภาพโดยรวมของการแต่งตั้งครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าตำรวจไทยกำลังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ที่มีการจัดทัพบุคลากรระดับสูงเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับความท้าทายรอบด้าน

เหลียวมองโผทหาร: ความท้าทายของกองทัพไทย

แม้ว่ากระแสความสนใจในปี 2568 จะพุ่งเป้าไปที่การแต่งตั้งนายพลตำรวจ แต่การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหารระดับสูงในส่วนของกองทัพไทย ทั้งกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ ก็ยังคงเป็นวาระที่สำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงของประเทศเช่นกัน ตำแหน่งผู้บัญชาการเหล่าทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผบ.ทบ. คนใหม่ เป็นตำแหน่งที่ถูกจับตามากที่สุด เนื่องจากกองทัพบกมีบทบาทสำคัญต่อสถานการณ์การเมืองและความมั่นคงภายในประเทศมาโดยตลอด

การเปลี่ยนแปลงผู้นำกองทัพจะส่งผลต่อการดำเนินนโยบายด้านความมั่นคง การปรับปรุงโครงสร้างกองทัพให้ทันสมัย และการรับมือกับภัยคุกคามรูปแบบใหม่ๆ ดังนั้น แม้ข้อมูลเชิงลึกของโผทหารจะยังไม่ถูกเปิดเผยอย่างเป็นทางการ แต่ก็เป็นประเด็นที่สังคมยังคงต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป เพราะการเปลี่ยนแปลงผู้นำของทั้งตำรวจและทหารคือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะประกอบกันเป็นภาพใหญ่ของทิศทางความมั่นคงของประเทศไทยในยุคต่อไป

บทสรุป: ก้าวต่อไปของกองทัพและตำรวจไทย

การเปิดโผนายพลประจำปี 2568 ได้แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่ที่การปรับทัพครั้งใหญ่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งมีการแต่งตั้งโยกย้ายนายพลตำรวจรวม 68 ตำแหน่งสำคัญ และมีการเปลี่ยนแปลงในภาพรวมกว่า 100 ตำแหน่ง กระบวนการดังกล่าวผ่านการพิจารณาอย่างเข้มข้นจาก ก.ตร. ท่ามกลางการจับตาจากทุกภาคส่วนในประเด็นความโปร่งใสและนัยทางการเมือง

การเลื่อนตำแหน่งโดยยึดหลักอาวุโสในระดับรอง ผบ.ตร. และการสับเปลี่ยนตำแหน่งผู้บัญชาการในหน่วยงานหลักทั่วประเทศ จะเป็นตัวกำหนดทิศทางการทำงานของตำรวจไทยในอนาคต ขณะเดียวกัน การแต่งตั้งโยกย้ายในส่วนของกองทัพที่กำลังจะมาถึง ก็เป็นอีกหนึ่งวาระสำคัญที่จะส่งผลต่อภูมิทัศน์ด้านความมั่นคงของชาติ การเปลี่ยนแปลงผู้นำระดับสูงของทั้งสองหน่วยงานหลักนี้จึงเป็นเรื่องที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อโครงสร้างภายใน แต่ยังสะท้อนถึงเสถียรภาพและความมั่นคงของประเทศในภาพรวม

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930