Shopping cart

เคาะแล้ว! งบ Soft Power 5.1 พันล้าน ปั้น 11 อุตสาหกรรม

สารบัญ

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติได้มีมติสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ โดยมีการอนุมัติหลักการกรอบงบประมาณเบื้องต้น ซึ่งหลายฝ่ายต่างจับตามองการ เคาะแล้ว! งบ Soft Power 5.1 พันล้าน ปั้น 11 อุตสาหกรรม เพื่อใช้เป็นกลไกหลักในการผลักดันสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลก งบประมาณก้อนนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการลงทุนอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจและเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศในมิติใหม่

ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ

  • คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติอนุมัติงบประมาณรวม 5,164 ล้านบาท เพื่อขับเคลื่อน 11 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
  • ตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจเพื่อสร้างรายได้ให้ประเทศ 4 ล้านล้านบาทต่อปี และสร้างงานกว่า 20 ล้านตำแหน่ง
  • อุตสาหกรรมที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เฟสติวัล (1,009 ล้านบาท), อาหาร (1,000 ล้านบาท) และการท่องเที่ยว (711 ล้านบาท)
  • มีการวางยุทธศาสตร์ครอบคลุมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ รวมถึงโครงการพัฒนาทักษะระดับครัวเรือนอย่าง “1 ครอบครัว 1 ทักษะซอฟต์พาวเวอร์” (OFOS)
  • กระบวนการจัดสรรงบยังต้องผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการชุดใหญ่และคณะรัฐมนตรีก่อนดำเนินการจริง ท่ามกลางเสียงวิจารณ์ถึงความเหมาะสมและความซ้ำซ้อนของงบประมาณ

ภาพรวมยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ

นโยบายซอฟต์พาวเวอร์ (Soft Power) กลายเป็นวาระแห่งชาติที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โดยมุ่งหวังที่จะใช้พลังทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสร้างอิทธิพลเชิงบวกในระดับสากล การตัดสินใจ เคาะแล้ว! งบ Soft Power 5.1 พันล้าน ปั้น 11 อุตสาหกรรม ถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเปลี่ยนแนวคิดให้กลายเป็นรูปธรรม นโยบายนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การส่งเสริมวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม แต่ครอบคลุมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์สมัยใหม่ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง

ความสำคัญของยุทธศาสตร์นี้อยู่ที่การมองเห็นศักยภาพของสินทรัพย์ที่จับต้องไม่ได้ (Intangible Assets) ของไทย ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ศิลปะ ภาพยนตร์ ดนตรี หรือแฟชั่น และนำมาพัฒนาต่อยอดอย่างเป็นระบบ เพื่อสร้างแบรนด์ประเทศไทยให้แข็งแกร่งและเป็นที่ยอมรับในตลาดโลก การลงทุนครั้งนี้จึงไม่ใช่เพียงการใช้งบประมาณเพื่อจัดกิจกรรมหรือโครงการระยะสั้น แต่เป็นการวางรากฐานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สังคม และภาพลักษณ์ของประเทศโดยรวม ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงคือผู้ประกอบการ ศิลปิน นักสร้างสรรค์ และแรงงานใน 11 สาขาอุตสาหกรรมเป้าหมาย ที่จะได้รับประโยชน์จากการสนับสนุนทั้งในด้านเงินทุน การพัฒนาทักษะ และการเปิดตลาดใหม่ๆ

เจาะลึกงบประมาณและเป้าหมายหลัก

งบประมาณจำนวน 5,164 ล้านบาทที่ได้รับการอนุมัติในหลักการนี้ ถือเป็นเม็ดเงินเริ่มต้นสำหรับการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์อย่างเต็มรูปแบบ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและพัฒนา 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ที่มีศักยภาพสูง ให้สามารถแข่งขันและสร้างรายได้ในตลาดโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคม

เบื้องหลังงบประมาณก้อนใหญ่นี้คือเป้าหมายที่ท้าทายอย่างยิ่ง รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายทางเศรษฐกิจและสังคมที่ชัดเจนจากการดำเนินนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของโครงการในระยะยาว

เป้าหมายหลักของยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ คือการสร้างรายได้เข้าประเทศให้ได้ถึง 4 ล้านล้านบาทต่อปี และก่อให้เกิดการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจสร้างสรรค์กว่า 20 ล้านตำแหน่ง

ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความคาดหวังว่าอุตสาหกรรมสร้างสรรค์จะเป็นเครื่องยนต์ตัวใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ ควบคู่ไปกับภาคอุตสาหกรรมและการเกษตรแบบดั้งเดิม การสร้างงานจำนวนมหาศาลยังเป็นการตอบโจทย์ปัญหาด้านสังคมและลดความเหลื่อมล้ำ โดยเปิดโอกาสให้ผู้คนจากหลากหลายสาขาอาชีพสามารถเข้าถึงแหล่งรายได้ใหม่ๆ จากทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของตนเอง

กลไกการบริหารจัดการ

เพื่อให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใส ได้มีการจัดตั้งกลไกการบริหารจัดการที่ชัดเจน โดยมี “คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ” ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ทำหน้าที่กำหนดทิศทางนโยบายและกำกับดูแลภาพรวม การอนุมัติงบประมาณ 5.1 พันล้านบาทนี้เป็นเพียงขั้นตอนแรก โดยหลังจากนี้ แต่ละคณะอนุกรรมการใน 11 สาขาอุตสาหกรรมจะต้องจัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อเสนอต่อคณะกรรมการชุดใหญ่ทำการตรวจทานอีกครั้ง ก่อนที่จะนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอนุมัติขั้นสุดท้าย กระบวนการดังกล่าวถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความมั่นใจว่าทุกโครงการสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและสามารถวัดผลได้อย่างเป็นรูปธรรม

การจัดสรรงบประมาณสู่ 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

การจัดสรรงบประมาณสู่ 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์

หัวใจสำคัญของการขับเคลื่อนนโยบายนี้ คือการกระจายงบประมาณไปยัง 11 อุตสาหกรรมเป้าหมายอย่างเหมาะสมตามศักยภาพและความจำเป็นเร่งด่วน การจัดสรรงบประมาณสะท้อนให้เห็นถึงลำดับความสำคัญและทิศทางที่รัฐบาลต้องการจะผลักดันในระยะแรก

ตารางสรุปการจัดสรรงบประมาณซอฟต์พาวเวอร์ 5,164 ล้านบาท สำหรับ 11 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
อุตสาหกรรมเป้าหมาย งบประมาณ (ล้านบาท) โครงการ/แนวทางสำคัญ
เฟสติวัล 1,009 ส่งเสริมและยกระดับเทศกาลต่างๆ ทั่วประเทศให้เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ
อาหาร 1,000 โครงการ 1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย, เชฟชุมชน, และเชฟชาแนล
ท่องเที่ยว 711 พัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสร้างสรรค์
ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ 545 สนับสนุนการผลิตและส่งเสริมการตลาดในต่างประเทศ
กีฬา 500 เน้นการผลักดันมวยไทยและกีฬาพื้นบ้านสู่สากล
ศิลปะ 380 โครงการหอศิลป์รัชดาภิเษก, สภาศิลปะแห่งประเทศไทย, กองทุนศิลปะร่วมสมัย
เกม 374 สนับสนุนการพัฒนาเกมโดยนักพัฒนาไทยและพัฒนาหลักสูตรบุคลากร
ออกแบบ 310 ส่งเสริมนวัตกรรมและการออกแบบผลิตภัณฑ์ที่เป็นเอกลักษณ์ไทย
แฟชั่น 268 ผลักดันดีไซเนอร์ไทยและแบรนด์แฟชั่นไทยสู่เวทีโลก
ดนตรี 144 สนับสนุนศิลปินและการผลิตผลงานเพลงเพื่อการส่งออก
หนังสือ 69 ส่งเสริมการแปลและจัดจำหน่ายวรรณกรรมไทยในต่างประเทศ

วิเคราะห์รายละเอียดโครงการในแต่ละสาขาอุตสาหกรรม

การจัดสรรงบประมาณที่แตกต่างกันไปในแต่ละสาขาสะท้อนถึงยุทธศาสตร์และโครงการนำร่องที่น่าสนใจ ซึ่งสามารถแบ่งเป็นกลุ่มเพื่อทำความเข้าใจได้ง่ายขึ้นดังนี้

กลุ่มอาหาร เฟสติวัล และการท่องเที่ยว

สามอุตสาหกรรมนี้ได้รับการจัดสรรงบประมาณรวมกันกว่า 2,700 ล้านบาท หรือมากกว่าครึ่งหนึ่งของงบทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลมองว่ากลุ่มอุตสาหกรรมนี้เป็น “เรือธง” ที่มีศักยภาพสูงสุดในการสร้างรายได้และดึงดูดชาวต่างชาติในระยะสั้นถึงกลาง

อาหาร (1,000 ล้านบาท): ด้วยชื่อเสียงของอาหารไทยที่โด่งดังไปทั่วโลก งบประมาณส่วนนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรตั้งแต่ระดับชุมชนผ่านโครงการ “1 หมู่บ้าน 1 เชฟอาหารไทย” และ “เชฟชุมชน” เพื่อยกระดับมาตรฐานและสร้างเรื่องราวให้กับอาหารท้องถิ่น ขณะที่ “เชฟชาแนล” จะเป็นแพลตฟอร์มในการสื่อสารและโปรโมตอาหารไทยในรูปแบบดิจิทัลคอนเทนต์ไปสู่ผู้ชมทั่วโลก

เฟสติวัล (1,009 ล้านบาท): งบประมาณสูงสุดถูกจัดสรรให้กับสาขานี้ เพื่อเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็น “หมุดหมายแห่งเทศกาลระดับโลก” โดยจะมีการสนับสนุนและยกระดับเทศกาลประเพณีที่มีอยู่ เช่น สงกรานต์ ลอยกระทง รวมถึงสร้างสรรค์เทศกาลใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับดนตรี ศิลปะ และภาพยนตร์ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพสูงและสร้างกระแสการเดินทางมายังประเทศไทยตลอดทั้งปี

ท่องเที่ยว (711 ล้านบาท): งบประมาณส่วนนี้จะทำงานเชื่อมโยงกับเฟสติวัลและอาหาร เพื่อสร้างประสบการณ์การท่องเที่ยวที่ลึกซึ้งและน่าจดจำยิ่งขึ้น โดยเน้นการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม การท่องเที่ยวชุมชน และการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ที่ให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมไทยอย่างแท้จริง

กลุ่มศิลปะ ออกแบบ และแฟชั่น

กลุ่มนี้เป็นอุตสาหกรรมที่เน้นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์และบริการผ่านความคิดสร้างสรรค์และสุนทรียภาพ งบประมาณรวมกว่า 958 ล้านบาท จะใช้เพื่อวางรากฐานและสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโต

ศิลปะ (380 ล้านบาท): โครงการที่น่าสนใจคือการจัดตั้ง “หอศิลป์บนถนนรัชดาภิเษก” เพื่อเป็นพื้นที่จัดแสดงผลงานศิลปะร่วมสมัยขนาดใหญ่ พร้อมกับการผลักดันให้เกิด “สภาศิลปะแห่งประเทศไทย” และ “กองทุนสนับสนุนศิลปะร่วมสมัย” เพื่อเป็นกลไกในการสนับสนุนศิลปินและภัณฑารักษ์อย่างเป็นระบบ

ออกแบบ (310 ล้านบาท) และ แฟชั่น (268 ล้านบาท): งบประมาณในสองส่วนนี้จะมุ่งเน้นการพัฒนานักออกแบบรุ่นใหม่ การส่งเสริมการใช้วัสดุท้องถิ่นมาสร้างสรรค์ผลงานที่มีเอกลักษณ์ และการสร้างแบรนด์ไทยให้เป็นที่รู้จักในเวทีแฟชั่นระดับโลก เช่น การสนับสนุนการเข้าร่วมงานแฟชั่นวีคในต่างประเทศ และการจัดงานแสดงสินค้าด้านการออกแบบในประเทศ

กลุ่มคอนเทนต์: ภาพยนตร์ ดนตรี เกม และหนังสือ

อุตสาหกรรมคอนเทนต์เป็นเครื่องมือสำคัญในการเผยแพร่วัฒนธรรมและแนวคิดไปสู่ผู้คนในวงกว้างทั่วโลก งบประมาณรวม 1,132 ล้านบาท จะถูกใช้เพื่อสนับสนุนการผลิตและส่งออกคอนเทนต์ไทย

ภาพยนตร์/ละครซีรีส์ (545 ล้านบาท): งบก้อนใหญ่ในกลุ่มนี้จะใช้เพื่อสนับสนุนผู้สร้างภาพยนตร์และซีรีส์ไทย ตั้งแต่ขั้นตอนการพัฒนาบทไปจนถึงการตลาดในต่างประเทศ เพื่อสร้างผลงานคุณภาพที่สามารถแข่งขันในตลาดสตรีมมิ่งและเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติได้

เกม (374 ล้านบาท): อุตสาหกรรมเกมเป็นตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็ว งบประมาณจะเน้นไปที่การสนับสนุนสตูดิโอพัฒนาเกมของไทยให้สร้างสรรค์เกมที่มีเนื้อหาและอัตลักษณ์ความเป็นไทย รวมถึงการพัฒนาหลักสูตรเพื่อสร้างบุคลากรที่มีทักษะสูงป้อนเข้าสู่อุตสาหกรรม

ดนตรี (144 ล้านบาท) และ หนังสือ (69 ล้านบาท): แม้จะมีงบประมาณน้อยที่สุด แต่ก็มีความสำคัญในการส่งเสริมศิลปินเพลงแนว T-Pop ให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล และสนับสนุนการแปลวรรณกรรมไทยให้เป็นภาษาต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักอ่านทั่วโลกได้สัมผัสกับเรื่องราวและมุมมองแบบไทย

กลุ่มกีฬา

กีฬา (500 ล้านบาท): งบประมาณส่วนนี้จะมุ่งเน้นไปที่ “มวยไทย” เป็นหลัก โดยมีเป้าหมายเพื่อผลักดันให้มวยไทยเป็นที่รู้จักและฝึกฝนกันอย่างแพร่หลายทั่วโลก ไม่ใช่แค่ในฐานะกีฬาการต่อสู้ แต่ในฐานะศิลปะป้องกันตัวและเครื่องมือในการออกกำลังกาย ซึ่งจะช่วยสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจผ่านโรงเรียนสอนมวยไทย สินค้าที่ระลึก และการถ่ายทอดการแข่งขัน

ยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนจากฐานราก

นอกจากการจัดสรรงบประมาณไปยังอุตสาหกรรมเป้าหมายแล้ว ยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ยังให้ความสำคัญกับการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งตั้งแต่ระดับบุคคลและชุมชน เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างยั่งยืน

แนวคิดการพัฒนาตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ สู่ปลายน้ำ

ยุทธศาสตร์นี้ถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมตลอดทั้งห่วงโซ่มูลค่าของอุตสาหกรรมสร้างสรรค์:

  • ต้นน้ำ (Upstream): คือการพัฒนาศักยภาพและทักษะของบุคลากร ซึ่งเป็นรากฐานที่สำคัญที่สุด ตัวอย่างคือโครงการพัฒนาทักษะเชฟ หรือการพัฒนาหลักสูตรสำหรับนักพัฒนาเกม
  • กลางน้ำ (Midstream): คือการสนับสนุนกระบวนการผลิตและสร้างสรรค์ผลงาน เช่น การให้ทุนสร้างภาพยนตร์ การสนับสนุนดีไซเนอร์ในการผลิตคอลเลกชันใหม่ๆ หรือการจัดตั้งกองทุนศิลปะ
  • ปลายน้ำ (Downstream): คือการส่งเสริมการตลาดและการเผยแพร่ผลงานสู่ตลาดโลก เช่น การสนับสนุนการเข้าร่วมเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติ การโปรโมตเทศกาลในประเทศไทย หรือการผลักดันอาหารไทยผ่านช่องทางดิจิทัล

แนวคิดนี้ช่วยให้การใช้งบประมาณเป็นไปอย่างครบวงจร ไม่ได้เน้นเพียงแค่การสร้างผลงาน แต่ยังคำนึงถึงการสร้างคนและการหาตลาดควบคู่กันไป

โครงการ 1 ครอบครัว 1 ทักษะซอฟต์พาวเวอร์ (OFOS)

โครงการ One Family One Soft Power (OFOS) เป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์เรือธงที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงในระดับฐานราก โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนอย่างน้อยหนึ่งคนในทุกครัวเรือนได้เรียนรู้และพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมซอฟต์พาวเวอร์ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การออกแบบ การเขียนโปรแกรม หรือศิลปะการต่อสู้ โครงการนี้จะช่วยขยายฐานบุคลากรในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้กว้างขวางขึ้น และเป็นการปลูกฝังแนวคิดเศรษฐกิจสร้างสรรค์ให้หยั่งรากลึกในสังคมไทย

ประเด็นและข้อพิจารณาต่อโครงการ

แม้ว่าโครงการนี้จะมีความตั้งใจที่ดีและมีเป้าหมายที่ชัดเจน แต่ก็ยังคงมีประเด็นท้าทายและเสียงวิจารณ์ที่ต้องพิจารณาควบคู่กันไป บางฝ่ายได้ตั้งคำถามเกี่ยวกับความเหมาะสมของงบประมาณ โดยแสดงความกังวลว่าอาจเกิดการใช้งบประมาณที่ซ้ำซ้อนกับภารกิจของกระทรวงอื่นๆ ที่มีอยู่แล้ว หรืออาจมีการจัดสรรงบประมาณที่มากเกินความจำเป็นในบางโครงการ ซึ่งเป็นหน้าที่ของคณะกรรมการชุดใหญ่และคณะรัฐมนตรีที่จะต้องตรวจสอบรายละเอียดอย่างถี่ถ้วนเพื่อป้องกันปัญหาดังกล่าว

ความท้าทายอีกประการหนึ่งคือการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้การขับเคลื่อนเป็นไปในทิศทางเดียวกันและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด การวัดผลความสำเร็จของโครงการก็เป็นเรื่องที่ซับซ้อน เนื่องจากผลลัพธ์ของซอฟต์พาวเวอร์บางอย่างไม่สามารถวัดเป็นตัวเงินได้ในทันที แต่เป็นผลกระทบเชิงคุณภาพในระยะยาว เช่น ภาพลักษณ์ของประเทศ หรือความนิยมในวัฒนธรรมไทย

สรุปและทิศทางอนาคตของ Soft Power ไทย

การอนุมัติงบประมาณ 5,164 ล้านบาทเพื่อขับเคลื่อน 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในการผลักดันนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของไทยอย่างจริงจังและเป็นระบบ นี่คือการลงทุนเพื่ออนาคตที่มุ่งหวังจะเปลี่ยนสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมที่ประเมินค่าไม่ได้ให้กลายเป็นพลังขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจที่สำคัญของประเทศ โดยมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ในการสร้างรายได้ 4 ล้านล้านบาทและสร้างงาน 20 ล้านตำแหน่ง

อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จของยุทธศาสตร์นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับประสิทธิภาพในการบริหารจัดการ ความโปร่งใสในการใช้งบประมาณ และความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม การเดินทางของซอฟต์พาวเวอร์ไทยเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น และยังคงมีบทพิสูจน์อีกมากรออยู่ข้างหน้า การติดตามและตรวจสอบการดำเนินโครงการจากภาคประชาชนจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้การลงทุนครั้งนี้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและนำไปสู่การเติบโตของเศรษฐกิจสร้างสรรค์อย่างยั่งยืน

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930