Shopping cart

เตือนภัย! มิจฉาชีพแอปสรรพากร หลอกดูดเงินเกลี้ยงบัญชี

สารบัญ

ปัจจุบัน การหลอกลวงทางไซเบอร์ได้ทวีความรุนแรงและซับซ้อนขึ้นอย่างน่ากังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลโกงที่แอบอ้างเป็นหน่วยงานราชการเพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ หนึ่งในนั้นคือภัยคุกคามจาก มิจฉาชีพแอปสรรพากร ที่หลอกให้ประชาชนดาวน์โหลดแอปพลิเคชันปลอมเพื่อหวังดูดเงินจากบัญชีจนหมด ซึ่งสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างและจำเป็นต้องได้รับความสนใจและป้องกันอย่างเร่งด่วน

สรุปประเด็นสำคัญ: กลโกงแอปสรรพากรปลอม

  • มิจฉาชีพใช้หลายช่องทางในการหลอกลวง ทั้งการส่ง SMS ปลอม, อีเมล, โทรศัพท์ และการสร้างบัญชีโซเชียลมีเดียปลอม โดยอ้างว่าผู้เสียหายจะได้รับเงินคืนภาษี
  • เป้าหมายหลักคือการหลอกให้ผู้เสียหายกดลิงก์และติดตั้งแอปพลิเคชันปลอม (.apk) ซึ่งเป็นมัลแวร์ที่สามารถควบคุมโทรศัพท์และเข้าถึงข้อมูลทางการเงินได้
  • แอปดูดเงินเหล่านี้สามารถทำธุรกรรมโอนเงินออกจากบัญชีธนาคารของเหยื่อได้เอง โดยที่เจ้าของบัญชีไม่จำเป็นต้องเป็นผู้กดยืนยันการโอนผ่านแอปธนาคารโดยตรง
  • จุดสังเกตสำคัญคือลิงก์หรือชื่อเว็บไซต์ที่ผิดปกติ ไม่ใช่โดเมนทางการของกรมสรรพากร (rd.go.th) และการเร่งรัดให้ดำเนินการอย่างรวดเร็ว
  • การป้องกันที่ดีที่สุดคือการไม่คลิกลิงก์ที่ไม่น่าเชื่อถือ ไม่ติดตั้งแอปพลิเคชันจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ และตรวจสอบข้อมูลกับหน่วยงานที่ถูกอ้างถึงโดยตรงเสมอ

ความจริงเกี่ยวกับภัยคุกคามจากแอปดูดเงินที่แอบอ้างเป็นสรรพากร

ภัยจาก มิจฉาชีพแอปสรรพากร เป็นรูปแบบการโจมตีทางไซเบอร์ที่ใช้เทคนิควิศวกรรมสังคม (Social Engineering) ผสมผสานกับมัลแวร์อันตราย โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อขโมยข้อมูลส่วนบุคคลและดูดเงินออกจากบัญชีธนาคารของผู้เสียหาย กลุ่มมิจฉาชีพมักฉวยโอกาสในช่วงเวลาที่เกี่ยวข้องกับการยื่นภาษีหรือการขอคืนภาษี ซึ่งเป็นช่วงที่ประชาชนให้ความสนใจกับประกาศจากกรมสรรพากรเป็นพิเศษ ทำให้ง่ายต่อการสร้างความน่าเชื่อถือและหลอกลวงให้หลงเชื่อ กลโกงนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การหลอกขอข้อมูล แต่เป็นการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อเข้าควบคุมอุปกรณ์สื่อสารของผู้เสียหายโดยตรง ส่งผลให้เกิดความเสียหายทางการเงินอย่างรุนแรงและรวดเร็ว หลายกรณีมีมูลค่าความเสียหายตั้งแต่หลักแสนไปจนถึงหลักล้านบาท ทำให้การตระหนักรู้และเข้าใจถึงกลไกของภัยคุกคามนี้เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับทุกคนในยุคดิจิทัล

กรมสรรพากรไม่มีนโยบายติดต่อประชาชนทางโทรศัพท์, SMS, หรือ LINE เพื่อแจ้งให้ดำเนินการขอคืนภาษีผ่านลิงก์ หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใดๆ การสื่อสารอย่างเป็นทางการจะดำเนินการผ่านช่องทางที่ระบุไว้บนเว็บไซต์หลักของกรมสรรพากรเท่านั้น

กลไกการทำงานของมิจฉาชีพ: เปิดโปงทุกขั้นตอน

กลไกการทำงานของมิจฉาชีพ: เปิดโปงทุกขั้นตอน

มิจฉาชีพ หรือที่รู้จักกันในนาม แก๊งคอลเซ็นเตอร์ ได้พัฒนารูปแบบการหลอกลวงให้มีความซับซ้อนและแนบเนียนยิ่งขึ้น โดยใช้เทคโนโลยีและจิตวิทยาในการโจมตีเหยื่ออย่างเป็นระบบ ขั้นตอนการทำงานของกลุ่มคนร้ายสามารถแบ่งออกได้เป็นส่วนๆ ดังนี้

การหลอกลวงผ่าน SMS, อีเมล และโทรศัพท์

ขั้นตอนแรกของมิจฉาชีพคือการกระจายข้อความหลอกลวงไปยังเป้าหมายในวงกว้างผ่านช่องทางต่างๆ ที่เข้าถึงง่ายที่สุด

  • SMSปลอม: คนร้ายจะส่งข้อความสั้น (SMS) ที่มีเนื้อหาอ้างว่ามาจากกรมสรรพากร แจ้งว่า “ท่านได้รับสิทธิ์ขอคืนภาษี” หรือ “เอกสารภาษีของท่านมีปัญหา” พร้อมแนบลิงก์เพื่อให้กดเข้าไปตรวจสอบหรือดำเนินการต่อ ลิงก์ดังกล่าวจะนำไปสู่เว็บไซต์ปลอมที่สร้างขึ้นมาเลียนแบบเว็บไซต์ของกรมสรรพากร
  • อีเมลหลอกลวง (Phishing Email): อีเมลจะถูกออกแบบให้ดูเหมือนเป็นทางการ มีการใช้โลโก้และรูปแบบที่คล้ายคลึงกับของกรมสรรพากร เนื้อหาในอีเมลจะกระตุ้นให้ผู้รับเกิดความกังวลหรือความโลภ เช่น อ้างว่ามีภาษีค้างชำระที่ต้องรีบจัดการ หรือมีเงินคืนจำนวนมากรออยู่ และ誘導ให้คลิกลิงก์ที่เป็นอันตราย
  • โทรศัพท์แอบอ้าง: มิจฉาชีพจะโทรศัพท์หาเหยื่อโดยตรง อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่สรรพากร และใช้ศัพท์เทคนิคที่ดูน่าเชื่อถือเพื่อหลอกให้เหยื่อทำตามคำแนะนำ เช่น การให้ไปทำรายการที่ตู้ ATM หรือการบอกข้อมูลส่วนตัว ซึ่งท้ายที่สุดจะนำไปสู่การสูญเสียเงิน

แอปพลิเคชันปลอม (.apk): เครื่องมือดูดเงินร้ายแรง

เมื่อเหยื่อหลงเชื่อและกดลิงก์จาก SMSปลอม หรือช่องทางอื่นๆ จะถูกนำไปยังหน้าเว็บไซต์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อ หลอกโหลดแอป ปลอม ซึ่งมักจะเป็นไฟล์ประเภท .apk (สำหรับระบบปฏิบัติการ Android) โดยมีขั้นตอนดังนี้

  1. หน้าดาวน์โหลดปลอม: เว็บไซต์ปลอมจะแสดงหน้าตาที่เหมือนกับแอปพลิเคชันของกรมสรรพากร และมีปุ่มให้กดดาวน์โหลดเพื่อทำการติดตั้ง
  2. การติดตั้งมัลแวร์: เมื่อผู้ใช้ดาวน์โหลดและติดตั้งไฟล์ .apk ดังกล่าว เท่ากับเป็นการติดตั้งมัลแวร์ลงบนโทรศัพท์มือถือของตนเอง แอปพลิเคชันนี้จะร้องขอการเข้าถึงสิทธิ์ต่างๆ ในเครื่อง เช่น การอ่านข้อความ, การดูรายชื่อติดต่อ, การควบคุมหน้าจอ, และการเข้าถึงข้อมูลอื่นๆ
  3. การควบคุมระยะไกล: ทันทีที่ติดตั้งเสร็จสิ้น มิจฉาชีพจะสามารถควบคุมโทรศัพท์ของเหยื่อจากระยะไกลได้ พวกเขาสามารถดักจับรหัสผ่าน, รหัส OTP ที่ส่งมาจากธนาคาร และแอบเข้าใช้งานแอปพลิเคชันธนาคาร (Mobile Banking) ที่อยู่ในเครื่อง
  4. การดูดเงิน: คนร้ายจะทำการโอนเงินออกจากบัญชีธนาคารทั้งหมดของเหยื่อไปยังบัญชีม้าที่เตรียมไว้ โดยที่เจ้าของเครื่องอาจไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ เนื่องจากมัลแวร์บางตัวสามารถซ่อนการแจ้งเตือนต่างๆ ได้ ทำให้การสูญเสียเงินเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนหมดบัญชี

การแอบอ้างบนโซเชียลมีเดีย: สร้างความน่าเชื่อถือปลอม

นอกเหนือจากช่องทางดั้งเดิมแล้ว มิจฉาชีพยังใช้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือในการหลอกลวงอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การสร้างบัญชี LINE ปลอม โดยใช้รูปโปรไฟล์และชื่อของผู้บริหารระดับสูงของกรมสรรพากร จากนั้นจึงทำการแอดเพื่อนและส่งข้อความไปหาเหยื่อเพื่อชักชวนให้กดลิงก์หรือให้ข้อมูลส่วนตัว วิธีการนี้อาศัยความเชื่อถือในตำแหน่งหน้าที่การงานของบุคคลที่ถูกแอบอ้าง ทำให้เหยื่อลดความระมัดระวังและตกเป็นเป้าหมายได้ง่ายขึ้น

วิธีสังเกตและจับผิดกลโกงจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์

การเรียนรู้ที่จะแยกแยะระหว่างการสื่อสารจริงจากหน่วยงานราชการและการหลอกลวงจากมิจฉาชีพเป็นทักษะสำคัญในการป้องกันตนเอง ตารางด้านล่างนี้เปรียบเทียบจุดสังเกตที่สำคัญ

ตารางเปรียบเทียบระหว่างการสื่อสารจากกรมสรรพากรจริงและมิจฉาชีพ
ลักษณะการติดต่อ กรมสรรพากร (ของจริง) มิจฉาชีพ (ของปลอม)
เว็บไซต์/โดเมน ใช้โดเมนทางการเท่านั้น คือ www.rd.go.th ใช้โดเมนที่คล้ายคลึงแต่ผิดเพี้ยน เช่น rd-go-th.xyz, rd-go-th.top, rd.co.th-validate.com เป็นต้น
การส่ง SMS อาจมีการส่ง SMS เพื่อแจ้งเตือน แต่จะไม่มีการแนบลิงก์ให้กรอกข้อมูลส่วนตัวหรือดาวน์โหลดแอป ส่ง SMS พร้อมลิงก์ที่อันตราย อ้างว่าให้กดเพื่อขอคืนภาษี หรืออัปเดตข้อมูล
แอปพลิเคชัน มีแอปพลิเคชันทางการชื่อ “RD Smart Tax” ให้ดาวน์โหลดผ่าน App Store หรือ Google Play Store เท่านั้น หลอกให้ดาวน์โหลดไฟล์ .apk จากลิงก์นอก Store ที่ไม่ปลอดภัย
การใช้ภาษา ใช้ภาษาที่เป็นทางการ ถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ ไม่มีคำเร่งรัดหรือข่มขู่ มักใช้ภาษาที่แปลก, มีคำผิด, หรือใช้ข้อความในเชิงเร่งรีบ กดดันให้ดำเนินการทันที
การขอข้อมูล ไม่ขอข้อมูลส่วนตัวที่ละเอียดอ่อน เช่น รหัสผ่าน, เลขบัตรเครดิต, หรือรหัส OTP ผ่านทางโทรศัพท์หรือ SMS พยายามหลอกล่อให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวและข้อมูลทางการเงินทุกรูปแบบ

แนวทางการป้องกันตัวจากมิจฉาชีพแอปดูดเงิน

การสร้างความตระหนักรู้และปฏิบัติตามหลักความปลอดภัยทางไซเบอร์เป็นเกราะป้องกันที่ดีที่สุดจากการตกเป็นเหยื่อของอาชญากรรมทางการเงิน

ข้อควรปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยทางไซเบอร์

  • ตั้งสติและอย่าหลงเชื่อ: หากได้รับการติดต่อที่น่าสงสัย ไม่ว่าจะทางใดก็ตาม ให้ตั้งสติและอย่าเพิ่งทำตามคำแนะนำในทันที
  • ห้ามคลิกลิงก์ที่ไม่รู้จัก: หลีกเลี่ยงการกดลิงก์ที่แนบมากับ SMS หรืออีเมลที่ไม่น่าเชื่อถือ หากไม่แน่ใจ ให้พิมพ์ที่อยู่เว็บไซต์ของหน่วยงานนั้นๆ ด้วยตนเองในเบราว์เซอร์
  • ตรวจสอบแหล่งที่มา: ก่อนจะให้ข้อมูลหรือดาวน์โหลดสิ่งใด ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าเป็นช่องทางที่เป็นทางการของหน่วยงานนั้นจริงหรือไม่ โดยสามารถโทรสอบถามจากเบอร์กลางของหน่วยงานโดยตรง
  • ติดตั้งแอปจากแหล่งที่ปลอดภัยเท่านั้น: ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันจาก Google Play Store หรือ Apple App Store เท่านั้น และห้ามติดตั้งแอปพลิเคชันผ่านไฟล์ .apk ที่ส่งมาจากบุคคลอื่นเด็ดขาด
  • อัปเดตระบบปฏิบัติการเสมอ: การอัปเดตระบบปฏิบัติการของโทรศัพท์มือถือและแอปพลิเคชันต่างๆ ให้เป็นเวอร์ชันล่าสุดอยู่เสมอจะช่วยปิดช่องโหว่ด้านความปลอดภัย
  • สังเกตการขออนุญาตของแอป: ก่อนติดตั้งแอปพลิเคชันควรอ่านการขออนุญาตเข้าถึงข้อมูล (Permissions) หากแอปใดขอสิทธิ์การเข้าถึงที่ไม่สมเหตุสมผล ควรหลีกเลี่ยงการติดตั้ง

ขั้นตอนการดำเนินการเมื่อตกเป็นเหยื่อ

หากพบว่าตนเองอาจตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพแอปดูดเงิน หรือได้ทำการติดตั้งแอปพลิเคชันปลอมไปแล้ว ควรปฏิบัติดังนี้อย่างเร่งด่วน

  1. ตัดการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต: ปิด Wi-Fi และข้อมูลมือถือ (Mobile Data) ทันที เพื่อตัดการสื่อสารระหว่างโทรศัพท์และเซิร์ฟเวอร์ของมิจฉาชีพ
  2. ติดต่อธนาคาร: รีบโทรศัพท์ติดต่อศูนย์บริการของธนาคารที่ใช้งานอยู่ เพื่อแจ้งอายัดบัญชีและบัตรเครดิตทั้งหมดโดยเร็วที่สุด
  3. รวบรวมหลักฐาน: เก็บหลักฐานทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อความ SMS, ภาพหน้าจอการสนทนา, ลิงก์ปลอม หรือสลิปการโอนเงิน (ถ้ามี)
  4. แจ้งความดำเนินคดี: นำหลักฐานทั้งหมดไปแจ้งความที่สถานีตำรวจในท้องที่ หรือแจ้งความออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ของตำรวจไซเบอร์ เพื่อให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการสืบสวนและอายัดบัญชีปลายทางของคนร้ายต่อไป
  5. ล้างเครื่อง (Factory Reset): หลังจากจัดการเรื่องการเงินและแจ้งความเรียบร้อยแล้ว ควรนำโทรศัพท์ไปให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบ หรือทำการรีเซ็ตค่าโรงงาน (Factory Reset) เพื่อลบมัลแวร์ออกจากเครื่องให้หมดสิ้น

บทสรุป: สร้างเกราะป้องกันภัยการเงินในยุคดิจิทัล

ภัยจาก มิจฉาชีพแอปสรรพากร เป็นอีกหนึ่งเครื่องยืนยันว่าอาชญากรรมทางไซเบอร์นั้นใกล้ตัวกว่าที่คิดและมีการพัฒนารูปแบบอยู่ตลอดเวลา การป้องกันตัวจากมิจฉาชีพเหล่านี้ไม่ได้อาศัยเพียงเทคโนโลยี แต่ต้องอาศัยความรอบคอบและความตระหนักรู้ของผู้ใช้งานเป็นสำคัญ การไม่ไว้ใจ ไม่รีบร้อน และไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวโดยง่าย คือหัวใจหลักของการป้องกันตนเอง การตรวจสอบข้อมูลทุกครั้งก่อนตัดสินใจดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเงิน จะเป็นเกราะป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดในการปกป้องทรัพย์สินของตนเองให้ปลอดภัยในโลกดิจิทัลที่มีความเสี่ยงอยู่รอบตัว

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930