Shopping cart

นายกฯ บินถก UN! สรุปประเด็นไทยจะชูบนเวทีโลก

สารบัญ

การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ถือเป็นเวทีสำคัญที่ผู้นำจากทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อหารือแนวทางแก้ไขปัญหาระดับโลก ในวาระการประชุมครั้งที่ 80 ที่กำลังจะมาถึงนี้ ประเด็นที่น่าจับตามองคือการเดินทางของนายกรัฐมนตรีไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุม โดยหลายฝ่ายให้ความสนใจว่า นายกฯ บินถก UN! สรุปประเด็นไทยจะชูบนเวทีโลก จะมีทิศทางอย่างไร และจะสะท้อนนโยบายต่างประเทศของไทยในมิติใดบ้าง

ประเด็นสำคัญที่น่าจับตา

  • การสนับสนุนความร่วมมือแบบพหุภาคี: ไทยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกับนานาชาติเพื่อแก้ไขความท้าทายระดับโลก เช่น ความขัดแย้ง ภูมิรัฐศาสตร์ และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
  • การพัฒนาที่ยั่งยืนเป็นศูนย์กลาง: ประเทศไทยนำเสนอ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” เป็นแนวทางสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) โดยเน้นความสมดุลและมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง
  • การยกระดับคุณภาพชีวิตและสิทธิมนุษยชน: ไทยเตรียมนำเสนอความสำเร็จและแผนการลงทุนเพิ่มเติมในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ควบคู่กับการเสริมสร้างความยุติธรรมและกฎหมายที่เท่าเทียม
  • การส่งเสริมสันติภาพและความมั่นคง: ไทยแสดงจุดยืนในการทำงานร่วมกับทุกประเทศอย่างสร้างสรรค์ เพื่อหาทางออกของความขัดแย้งและสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน

ทิศทางของไทยในเวทีสมัชชาสหประชาชาติ

การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ หรือ UNGA เป็นเวทีการทูตที่สำคัญที่สุดในโลก ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อเป็นพื้นที่ให้รัฐสมาชิกทั้ง 193 ประเทศได้แสดงวิสัยทัศน์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และร่วมกันกำหนดทิศทางในการเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ ของโลก ตั้งแต่ความยากจน ความเหลื่อมล้ำ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไปจนถึงความขัดแย้งและสันติภาพ การเข้าร่วมของผู้นำไทยในทุกครั้งจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด เพราะไม่เพียงแต่เป็นการแสดงบทบาทของประเทศในประชาคมโลก แต่ยังเป็นโอกาสในการนำเสนอจุดยืน นโยบาย และแนวทางการพัฒนาของไทยให้เป็นที่ประจักษ์ต่อนานาชาติ

สำหรับวาระการประชุมสมัชชาสหประชาชาติครั้งที่ 80 (UNGA 80) ที่กำลังจะมาถึงนี้ การเตรียมตัวของคณะผู้แทนไทยภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีจึงเป็นที่จับตามอง การทำความเข้าใจว่า นายกฯ บินถก UN! สรุปประเด็นไทยจะชูบนเวทีโลก มีอะไรบ้างนั้น จำเป็นต้องพิจารณาจากบริบทของนโยบายต่างประเทศที่ผ่านมาและความต่อเนื่องของจุดยืนที่ไทยแสดงออกในเวทีระหว่างประเทศมาโดยตลอด ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการเป็นสมาชิกที่มีความรับผิดชอบและพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายเพื่อสร้างโลกที่ดีกว่าเดิม

ย้อนรอยจุดยืนไทย: จากอดีตสู่ปัจจุบันบนเวที UN

ย้อนรอยจุดยืนไทย: จากอดีตสู่ปัจจุบันบนเวที UN

นโยบายต่างประเทศของไทยที่นำเสนอต่อที่ประชุม UN มีความต่อเนื่องและได้รับการพัฒนาต่อยอดมาโดยตลอด โดยมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศและการพัฒนาที่ยั่งยืน การพิจารณาถ้อยแถลงของผู้นำไทยในอดีตจะช่วยให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับทิศทางในอนาคต

สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา: เน้นความร่วมมือพหุภาคี

ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 75 ซึ่งจัดขึ้นท่ามกลางสถานการณ์การระบาดใหญ่ของโควิด-19 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้กล่าวถ้อยแถลงผ่านระบบวิดีโอออนไลน์ โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนของความร่วมมือระหว่างประเทศในรูปแบบพหุภาคี (Multilateralism) เพื่อรับมือกับวิกฤตการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลก

ประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกขึ้นมาคือการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ไขปัญหาระดับโลก โดยมองว่าไม่มีประเทศใดสามารถแก้ไขปัญหาที่ซับซ้อนเช่นนี้ได้โดยลำพัง จุดยืนดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของไทยต่อกลไกของสหประชาชาติในฐานะเวทีกลางสำหรับการประสานงานและสร้างความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม เพื่อให้โลกสามารถก้าวผ่านความท้าทายต่างๆ ไปด้วยกันได้

สมัยรัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน: ต่อยอดสู่การพัฒนาที่สมดุลและยั่งยืน

ต่อมาในการประชุมสมัชชาใหญ่ฯ ครั้งที่ 78 นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ได้ขึ้นกล่าวถ้อยแถลงโดยยังคงสานต่อหลักการความร่วมมือแบบพหุภาคี พร้อมทั้งขยายความให้ครอบคลุมมิติอื่นๆ ที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ประเด็นสำคัญที่ถูกเน้นย้ำ ได้แก่:

  • การสนับสนุนบทบาทของ UN: ยืนยันว่าสหประชาชาติยังคงเป็นเวทีที่สำคัญที่สุดในการแสวงหาทางออกเพื่อสันติภาพของโลก โดยตั้งอยู่บนพื้นฐานของความเข้าใจและการเคารพซึ่งกันและกัน
  • การพัฒนาที่ยั่งยืน: นำเสนอ “ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง” ของไทยในฐานะแนวทางที่สร้างความสมดุลและนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง โดยเน้นการสร้างความเข้มแข็งจากภายใน
  • การยกระดับคุณภาพชีวิต: ประกาศเจตนารมณ์ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย ทั้งในด้านความเท่าเทียม ความยุติธรรม และการเตรียมเพิ่มงบประมาณการลงทุนในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถเข้าถึงบริการสุขภาพที่มีคุณภาพ
  • การเสริมสร้างนิติรัฐ: ให้ความสำคัญกับการสร้างระบบกฎหมายที่เป็นธรรมและสามารถบังคับใช้กับทุกคนได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของสังคมที่มั่นคงและสงบสุข

จากอดีตถึงปัจจุบัน จุดยืนของไทยบนเวทีโลกมีความชัดเจนในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศ การพัฒนาที่ยั่งยืนโดยมีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง และการสร้างสันติภาพผ่านการทูต ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับวาระที่ไทยจะนำเสนอในการประชุม UNGA ครั้งต่อไป

ประเด็นหลักที่คาดว่าไทยจะผลักดันในเวที UNGA 80

จากการวิเคราะห์ความต่อเนื่องของนโยบายต่างประเทศและถ้อยแถลงในอดีต สามารถคาดการณ์ประเด็นหลักที่คณะผู้แทนไทยน่าจะให้ความสำคัญและผลักดันในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ ครั้งที่ 80 ได้ดังนี้

1. การส่งเสริมความร่วมมือพหุภาคีนิยม (Multilateralism)

ในยุคที่โลกเผชิญกับความท้าทายที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกัน ทั้งความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ วิกฤตสภาพภูมิอากาศ ความมั่นคงทางอาหารและพลังงาน ไทยจะยังคงเน้นย้ำถึงความสำคัญของระบบพหุภาคี ซึ่งมีสหประชาชาติเป็นแกนกลาง ในการเป็นกลไกแก้ไขปัญหาและสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประเทศ

ความสำคัญในยุคแห่งความท้าทาย

ไทยจะชี้ให้เห็นว่าแนวคิดแบบ “ตัวใครตัวมัน” หรือการดำเนินนโยบายเพียงฝ่ายเดียวไม่สามารถนำไปสู่ทางออกที่ยั่งยืนได้ การทำงานร่วมกันผ่านกรอบความร่วมมือต่างๆ ทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกเป็นหนทางเดียวที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพและครอบคลุมทุกมิติ

บทบาทของไทยในฐานะผู้สร้างสะพานเชื่อม

ด้วยตำแหน่งทางภูมิศาสตร์และนโยบายต่างประเทศที่เป็นกลางและเป็นมิตรกับทุกฝ่าย ประเทศไทยอยู่ในสถานะที่เหมาะสมในการเป็น “ผู้สร้างสะพาน” (Bridge-builder) เพื่อเชื่อมประสานความแตกต่างและส่งเสริมการเจรจาอย่างสร้างสรรค์ระหว่างขั้วอำนาจต่างๆ ซึ่งบทบาทนี้จะถูกนำเสนอเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและส่งเสริมบรรยากาศของความร่วมมือบนเวทีโลก

2. การพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals – SDGs)

การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ยังคงเป็นวาระสำคัญของไทย โดยจะมีการนำเสนอความก้าวหน้าและแลกเปลี่ยนประสบการณ์ โดยเฉพาะการประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy – SEP) เป็นแนวทางในการปฏิบัติ

ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง: โมเดลการพัฒนาจากไทยสู่โลก

ไทยจะนำเสนอปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงในฐานะ “โมเดลการพัฒนาทางเลือก” ที่ไม่ใช่เพียงแนวคิดสำหรับประเทศไทย แต่ยังสามารถประยุกต์ใช้ได้ในบริบทของประเทศอื่นๆ เพื่อสร้างการเติบโตที่สมดุล มีภูมิคุ้มกันต่อความผันผวน และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง หลักการ 3 ห่วง 2 เงื่อนไข (ความพอประมาณ ความมีเหตุผล การมีภูมิคุ้มกันที่ดี บนพื้นฐานของความรู้และคุณธรรม) จะถูกอธิบายในฐานะเครื่องมือที่นำไปสู่การบรรลุ SDGs ได้อย่างเป็นรูปธรรม

การขับเคลื่อนเป้าหมาย SDGs ในบริบทของประเทศ

นอกจากนี้ จะมีการรายงานความคืบหน้าในการดำเนินงานตามเป้าหมาย SDGs ภายในประเทศ เช่น การแก้ปัญหาความยากจน การส่งเสริมการศึกษาที่มีคุณภาพ การสร้างความเท่าเทียมทางเพศ และการจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของไทยในการนำวาระระดับโลกมาสู่การปฏิบัติจริงในระดับชาติ

3. สิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม

ประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน การส่งเสริมความเท่าเทียม และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน จะเป็นอีกหนึ่งเสาหลักที่ไทยจะนำเสนอ เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงการพัฒนาประเทศที่ให้ความสำคัญกับศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

การยกระดับคุณภาพชีวิตและหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage – UHC) ของไทยเป็นหนึ่งในความสำเร็จที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล คาดว่านายกรัฐมนตรีจะกล่าวถึงความสำเร็จนี้และแผนการลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งของระบบสาธารณสุขให้พร้อมรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมาย SDG ข้อที่ 3 ว่าด้วยการมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี

การเสริมสร้างหลักนิติธรรมและความยุติธรรม

การสร้างสังคมที่สงบสุขและยุติธรรมจำเป็นต้องอาศัยหลักนิติธรรม (Rule of Law) ที่เข้มแข็ง ไทยจะแสดงเจตนารมณ์ในการปฏิรูประบบกฎหมายและกระบวนการยุติธรรมให้มีความโปร่งใส เป็นธรรม และบังคับใช้กับทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งจากประชาชนในประเทศและนักลงทุนต่างชาติ

4. การสร้างสันติภาพและความมั่นคงที่ยั่งยืน

ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหลายภูมิภาคของโลก ไทยจะย้ำจุดยืนในการสนับสนุนการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีและการทูต โดยพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่ายอย่างไม่มีการแบ่งแยก เพื่อแสวงหาทางออกที่ยั่งยืนและนำไปสู่สันติภาพ

แนวทางการทูตเชิงรุกเพื่อสันติภาพ

ไทยจะแสดงบทบาทเชิงรุกในการสนับสนุนกระบวนการสันติภาพต่างๆ และเสนอตัวเป็นคนกลางในการเจรจาหากจำเป็น โดยยึดมั่นในหลักการของกฎบัตรสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการลดความตึงเครียดและสร้างบรรยากาศของความไว้วางใจในเวทีโลก

สรุปเสาหลักนโยบายของไทยที่คาดว่าจะนำเสนอในเวที UNGA 80
เสาหลักนโยบาย คำอธิบายและเป้าหมาย ความเชื่อมโยงกับวาระของ UN
พหุภาคีนิยม การสนับสนุนความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาร่วมกันอย่างสร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพ การเสริมสร้างความแข็งแกร่งของระบบสหประชาชาติและกฎหมายระหว่างประเทศ
การพัฒนาที่ยั่งยืน การขับเคลื่อนการเติบโตที่สมดุลโดยใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางหลักในการปฏิบัติ การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 ข้อ
สิทธิมนุษยชน การยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนผ่านระบบสาธารณสุขที่ทั่วถึงและหลักนิติธรรมที่เป็นธรรม การส่งเสริมปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และ SDG ข้อที่ 3 และ 16
สันติภาพและความมั่นคง การส่งเสริมการทูตและการเจรจาเพื่อแก้ไขความขัดแย้ง และสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน การสนับสนุนภารกิจรักษาสันติภาพของ UN และการลดอาวุธ

ความท้าทายและความคาดหวังของประชาคมโลกต่อบทบาทของไทย

การแสดงบทบาทบนเวทีโลกย่อมมาพร้อมกับความท้าทายและความคาดหวัง ประชาคมโลคาดหวังให้ไทยมีบทบาทที่ชัดเจนและสร้างสรรค์มากขึ้นในการแก้ไขปัญหาระดับภูมิภาคและระดับโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นที่ไทยมีศักยภาพ เช่น การเป็นตัวกลางในการเจรจา การแบ่งปันประสบการณ์ด้านการพัฒนาสาธารณสุข และการเป็นผู้นำด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน

ความท้าทายสำคัญคือการแปลงถ้อยแถลงและคำมั่นสัญญาให้เป็นการปฏิบัติที่จับต้องได้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในประเทศ รวมถึงการดำเนินนโยบายภายในที่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือและได้รับการยอมรับจากนานาชาติอย่างแท้จริง การเดินทางไปร่วมประชุม UN ของนายกรัฐมนตรีจึงไม่ได้เป็นเพียงการกล่าวสุนทรพจน์ แต่เป็นการแบกรับความคาดหวังและแสดงความพร้อมของประเทศไทยในการเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนโลกไปในทิศทางที่ดีขึ้น

บทสรุปและก้าวต่อไปของไทยบนเวทีโลก

โดยสรุปแล้ว การที่ นายกฯ บินถก UN! สรุปประเด็นไทยจะชูบนเวทีโลก ในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ครั้งที่ 80 นั้น จะเป็นการตอกย้ำจุดยืนที่สืบทอดและพัฒนามาอย่างต่อเนื่องของไทย นั่นคือการยึดมั่นในระบบพหุภาคี การส่งเสริมการพัฒนาที่ยั่งยืนโดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง การเคารพในหลักสิทธิมนุษยชนและความเท่าเทียม และการมุ่งมั่นสร้างสันติภาพผ่านการทูตและการเจรจา

ประเด็นเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนทิศทางนโยบายต่างประเทศของไทย แต่ยังเป็นคำตอบของไทยต่อความท้าทายร่วมสมัยของโลก การนำเสนอแนวคิดอย่างปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และความสำเร็จของหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง “ซอฟต์พาวเวอร์” และแสดงให้เห็นว่าไทยมีบทบาทและศักยภาพในการร่วมกำหนดอนาคตของประชาคมโลก การเดินทางเยือนสหรัฐฯ เพื่อเข้าร่วมประชุม UNGA 80 ในครั้งนี้ จึงเป็นก้าวที่สำคัญในการยืนยันตัวตนและทิศทางของประเทศไทยบนเวทีการทูตระดับสูงสุดต่อไป

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930