เปิดโผ ครม. อุ๊งอิ๊ง 1 ใครคุมกระทรวงไหน? สรุปที่นี่
- ภาพรวมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
- เปิดโผ ครม. อุ๊งอิ๊ง 1: โฉมหน้าทีมบริหารประเทศ
- เจาะลึกบทบาทและกระทรวงสำคัญใน “ครม. แพทองธาร 1”
- กระทรวงกลาโหม: ความมั่นคงในมือ ภูมิธรรม เวชยชัย
- กระทรวงการคลัง: พิชัย ชุณหวชิร กับภารกิจฟื้นฟูเศรษฐกิจ
- กระทรวงคมนาคม: สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน
- กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม: ประเสริฐ จันทรรวงทอง นำทัพสู่ยุคดิจิทัล
- กระทรวงสาธารณสุข: สมศักดิ์ เทพสุทิน กับการยกระดับคุณภาพชีวิต
- เก้าอี้ที่ยังต้องจับตา: กระทรวงมหาดไทย
- บทสรุปและทิศทางการเมืองไทยในอนาคต
การเมืองไทยเข้าสู่ช่วงเวลาสำคัญอีกครั้งกับการคาดการณ์รายชื่อคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ซึ่งนับเป็นที่จับตามองอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะโผ ครม. ที่เรียกกันว่า “ครม. อุ๊งอิ๊ง 1” หรือ “ครม. อิ๊งค์ 1” ที่เริ่มปรากฏรายชื่อบุคคลสำคัญที่จะเข้ามากุมบังเหียนในกระทรวงต่างๆ การจัดสรรตำแหน่งครั้งนี้สะท้อนถึงการวางยุทธศาสตร์และทิศทางการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อเสถียรภาพทางการเมืองและนโยบายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
- ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี: มีการวางตัว 5 บุคคลสำคัญจากพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงหลัก สะท้อนการกระจายอำนาจและการต่อรองภายในรัฐบาล
- กระทรวงเศรษฐกิจและความมั่นคง: บุคคลที่มีประสบการณ์ทางการเมืองสูงได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงเกรดเอ เช่น กระทรวงการคลัง, กระทรวงกลาโหม, และกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนประเทศ
- การสลับตำแหน่ง: มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งรัฐมนตรีในบางกระทรวง เช่น กระทรวงวัฒนธรรม และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
- กระทรวงที่ยังไม่นิ่ง: ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยังคงเป็นที่จับตา โดยมีกระแสข่าวการโยกย้ายบุคคลสำคัญ ซึ่งอาจส่งผลต่อสมการอำนาจภายในรัฐบาล
ภาพรวมคณะรัฐมนตรีชุดใหม่
การเปิดโผ ครม. อุ๊งอิ๊ง 1 ใครคุมกระทรวงไหน สรุปที่นี่ เป็นหัวข้อที่สาธารณชนให้ความสนใจอย่างยิ่ง ภายหลังการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่นำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ นำโดยพรรคเพื่อไทย การคัดเลือกบุคคลเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีไม่เพียงแต่เป็นการเลือกผู้บริหารประเทศ แต่ยังเป็นการจัดสรรอำนาจและผลประโยชน์ระหว่างพรรคร่วมรัฐบาลเพื่อให้เกิดเสถียรภาพสูงสุด รายชื่อที่ปรากฏในโผ ครม. ล่าสุดนี้จึงเป็นภาพสะท้อนแรกของทิศทางนโยบายและดุลอำนาจที่จะกำหนดอนาคตของประเทศไทยในช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านนี้
คณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้เกิดขึ้นท่ามกลางความคาดหวังและความท้าทายรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน การฟื้นฟูความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างชาติ และการสร้างเอกภาพภายในประเทศ ดังนั้น การพิจารณาคุณสมบัติและความสามารถของแต่ละบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อจึงเป็นสิ่งสำคัญ บุคคลที่ถูกเลือกส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองที่มีประสบการณ์ยาวนานและมีความเชี่ยวชาญในสายงานที่รับผิดชอบ ซึ่งถูกมองว่าเป็นการตัดสินใจที่เน้นเสถียรภาพและการบริหารงานที่ต่อเนื่องมากกว่าการเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน
ช่วงเวลานี้จึงถือเป็นจุดเริ่มต้นของการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งประชาชนต่างคาดหวังว่าจะสามารถนำพานโยบายที่ได้หาเสียงไว้มาปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรมโดยเร็วที่สุด การทำงานของ ครม. ชุดนี้จะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพและความเป็นเอกภาพของรัฐบาลผสม ที่ต้องเผชิญกับแรงกดดันทั้งจากฝ่ายค้านและภาคประชาสังคมที่คอยตรวจสอบการทำงานอย่างใกล้ชิด
เปิดโผ ครม. อุ๊งอิ๊ง 1: โฉมหน้าทีมบริหารประเทศ

จากข้อมูลที่รวบรวมจากแหล่งข่าวหลายแห่งในช่วงกลางปี 2568 ถึงต้นปี 2569 โผรายชื่อคณะรัฐมนตรี “ครม. แพทองธาร 1” ได้เผยให้เห็นถึงโครงสร้างทีมบริหารประเทศชุดใหม่ที่ประกอบด้วยบุคคลสำคัญจากพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งถูกจัดวางในตำแหน่งต่างๆ ตามโควต้าและความเหมาะสมเชิงยุทธศาสตร์
ทีมรองนายกรัฐมนตรี: 5 ขุนพลหลัก
ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีถือเป็นกลไกสำคัญในการช่วยนายกรัฐมนตรีขับเคลื่อนนโยบายและบริหารราชการแผ่นดินในภาพรวม สำหรับรัฐบาลชุดนี้มีการแต่งตั้งรองนายกรัฐมนตรีจำนวน 5 คน โดยแต่ละคนจะควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสำคัญไปพร้อมกัน สะท้อนถึงการมอบหมายภารกิจที่ชัดเจนและให้ความสำคัญกับกระทรวงนั้นๆ เป็นพิเศษ
โครงสร้างทีมรองนายกรัฐมนตรี 5 คน เป็นการผสมผสานระหว่างนักการเมืองผู้มากประสบการณ์จากหลายพรรค เพื่อสร้างสมดุลและผนึกกำลังในการบริหารประเทศให้เป็นไปอย่างราบรื่น
รายชื่อรองนายกรัฐมนตรีทั้ง 5 ท่าน ประกอบด้วย:
- นายภูมิธรรม เวชยชัย: นักการเมืองอาวุโสจากพรรคเพื่อไทย รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
- นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ: อีกหนึ่งแกนนำคนสำคัญ รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
- นายประเสริฐ จันทรรวงทอง: เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้รับความไว้วางใจให้ดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
- นายพิชัย ชุณหวชิร: บุคคลสำคัญจากภาคธุรกิจที่เข้ามามีบทบาททางการเมืองเต็มตัว รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง
- นายอนุทิน ชาญวีรกูล: หัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลสำคัญ รับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นไปตามโควต้าของพรรคร่วมรัฐบาล
รายชื่อรัฐมนตรีประจำกระทรวงสำคัญ
นอกเหนือจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีแล้ว โผ ครม. ล่าสุดยังได้เปิดเผยรายชื่อรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงต่างๆ ซึ่งล้วนแต่เป็นตำแหน่งที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล
| ชื่อ-สกุล | ตำแหน่ง | สังกัดพรรค (ตามข้อมูล) |
|---|---|---|
| นายสรวงศ์ เทียนทอง | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา | พรรคเพื่อไทย |
| นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ | โควต้าพรรคเพื่อไทย |
| นายสมศักดิ์ เทพสุทิน | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข | พรรคเพื่อไทย |
| นางสาวสุดาวรรณ หวังสุภกิจโกศล | รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม | พรรคเพื่อไทย |
| นางมนพร เจริญศรี | รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม | พรรคเพื่อไทย |
| นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ | รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง | พรรคเพื่อไทย |
| นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล | รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง | พรรคเพื่อไทย |
เจาะลึกบทบาทและกระทรวงสำคัญใน “ครม. แพทองธาร 1”
การจัดวางตัวบุคคลในกระทรวงต่างๆ โดยเฉพาะกระทรวงเกรดเอ สะท้อนให้เห็นถึงการให้น้ำหนักในแต่ละด้านของรัฐบาลชุดใหม่ ซึ่งสามารถวิเคราะห์บทบาทและความท้าทายของแต่ละกระทรวงได้ดังนี้
กระทรวงกลาโหม: ความมั่นคงในมือ ภูมิธรรม เวชยชัย
การที่นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งเป็นพลเรือนและนักการเมืองอาวุโส เข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถือเป็นสัญญาณสำคัญของการปฏิรูปกองทัพและการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลพลเรือนกับฝ่ายความมั่นคง ภารกิจหลักของนายภูมิธรรมคือการผลักดันนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการปรับลดขนาดกองทัพ การปรับเปลี่ยนรูปแบบการเกณฑ์ทหาร และการบริหารงบประมาณด้านความมั่นคงให้มีความโปร่งใสและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ความท้าทายคือการสร้างความไว้วางใจและทำงานร่วมกับผู้นำเหล่าทัพ เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่กระทบต่อภารกิจด้านความมั่นคงของประเทศ
กระทรวงการคลัง: พิชัย ชุณหวชิร กับภารกิจฟื้นฟูเศรษฐกิจ
กระทรวงการคลังเป็นหัวใจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ การแต่งตั้งนายพิชัย ชุณหวชิร ซึ่งมีประสบการณ์สูงจากภาคเอกชนและตลาดทุน ให้มาดูแลกระทรวงนี้สะท้อนว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก ภารกิจเร่งด่วนคือการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ การรักษาวินัยการเงินการคลัง และการดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาล เช่น โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต ให้สำเร็จลุล่วง ความท้าทายที่สำคัญคือการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนและปัญหาโครงสร้างเศรษฐกิจภายในประเทศที่รอการแก้ไข
กระทรวงคมนาคม: สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐาน
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งมีประสบการณ์ในการบริหารกระทรวงคมนาคมมาก่อน ได้กลับมาดูแลงานด้านนี้อีกครั้ง โดยมีภารกิจสำคัญในการผลักดันเมกะโปรเจกต์ด้านโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โครงการที่ต้องสานต่อและริเริ่มใหม่มีจำนวนมาก เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง, การขยายสนามบิน, และการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ความท้าทายคือการบริหารจัดการโครงการขนาดใหญ่ให้เป็นไปตามแผนและงบประมาณที่วางไว้ พร้อมทั้งดูแลปัญหาการจราจรและพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน
กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี): ประเสริฐ จันทรรวงทอง นำทัพสู่ยุคดิจิทัล
ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลมีความสำคัญอย่างยิ่ง กระทรวงดีอีจึงมีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานและกำหนดทิศทางของประเทศ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ในฐานะเลขาธิการพรรคแกนนำรัฐบาล จะต้องเข้ามาผลักดันนโยบายรัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) การส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล และการรับมือกับภัยคุกคามทางไซเบอร์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น ภารกิจสำคัญคือการลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล ทำให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างสะดวกและปลอดภัย รวมถึงการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของสตาร์ทอัพและอุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศ
กระทรวงสาธารณสุข: สมศักดิ์ เทพสุทิน กับการยกระดับคุณภาพชีวิต
การที่นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นักการเมืองที่มีประสบการณ์โชกโชนในการบริหารงานหลายกระทรวง ย้ายมาดูแลกระทรวงสาธารณสุข เป็นที่จับตามองอย่างมาก ภารกิจหลักคือการสานต่อนโยบายบัตรทอง 30 บาทรักษาทุกที่ ด้วยการใช้บัตรประชาชนใบเดียว ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของพรรคเพื่อไทย รวมถึงการเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคอุบัติใหม่ และการส่งเสริมสุขภาพเชิงรป้องกัน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในระยะยาว ความท้าทายคือการบริหารจัดการบุคลากรทางการแพทย์ให้มีขวัญกำลังใจที่ดี และการกระจายทรัพยากรด้านสาธารณสุขให้ครอบคลุมและเท่าเทียมทั่วประเทศ
เก้าอี้ที่ยังต้องจับตา: กระทรวงมหาดไทย
หนึ่งในตำแหน่งที่ยังคงมีความไม่แน่นอนและเป็นที่จับตามองมากที่สุดในโผ ครม. ชุดนี้ คือตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกระทรวงที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการบริหารราชการส่วนภูมิภาคและดูแลกลไกการปกครองทั่วประเทศ
ตามรายงานข่าวในช่วงแรก มีกระแสว่านายภูมิธรรม เวชยชัย อาจจะย้ายจากกระทรวงกลาโหมมาคุมกระทรวงมหาดไทย เพื่อดูแลฐานเสียงและกลไกฝ่ายปกครองซึ่งมีความสำคัญต่อเสถียรภาพของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวหลายแห่งยังคงยืนยันว่านายภูมิธรรมจะยังคงอยู่ที่กระทรวงกลาโหมตามเดิม ในขณะเดียวกัน นายประเสริฐ จันทรรวงทอง ซึ่งปัจจุบันมีชื่อคุมกระทรวงดีอี ก็ยังมีกระแสข่าวว่าอาจจะได้มีโอกาสลุ้นตำแหน่งเจ้ากระทรวงมหาดไทยเช่นกัน
ความไม่แน่นอนนี้สะท้อนให้เห็นถึงการต่อรองและการจัดสรรอำนาจที่ยังไม่ลงตัวภายในพรรคแกนนำและพรรคร่วมรัฐบาล กระทรวงมหาดไทย หรือที่เรียกกันว่า “กระทรวงสิงห์” มีอำนาจครอบคลุมผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ การควบคุมกระทรวงนี้จึงหมายถึงการกุมอำนาจการบริหารในระดับพื้นที่ ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผลักดันนโยบายของรัฐบาลและการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งในอนาคต ดังนั้น การตัดสินใจขั้นสุดท้ายว่าใครจะมาดำรงตำแหน่งนี้จะเป็นตัวบ่งชี้สมการอำนาจที่แท้จริงของรัฐบาลชุดนี้
บทสรุปและทิศทางการเมืองไทยในอนาคต
การเปิดโผรายชื่อ “ครม. อุ๊งอิ๊ง 1” หรือ “ครม. แพทองธาร 1” ได้ให้ภาพที่ชัดเจนขึ้นเกี่ยวกับทิศทางการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่ การคัดเลือกบุคคลที่มีประสบการณ์ทางการเมืองและทางธุรกิจเข้ามาดูแลกระทรวงสำคัญ สะท้อนถึงแนวทางการทำงานที่เน้นเสถียรภาพ การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ และการสร้างสมดุลอำนาจภายในพรรคร่วมรัฐบาล แม้ว่ารายชื่อส่วนใหญ่จะดูลงตัว แต่ตำแหน่งสำคัญอย่างกระทรวงมหาดไทยที่ยังไม่นิ่ง ก็ยังคงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด
หลังจากนี้ สิ่งที่ประชาชนและทุกภาคส่วนของสังคมคาดหวังคือการที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่จะสามารถเริ่มทำงานและแก้ไขปัญหาของประเทศได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ความท้าทายที่รออยู่ข้างหน้ามีมากมาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และการเมือง การทำงานของรัฐมนตรีแต่ละคนจะเป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสามารถและความมุ่งมั่นในการนำพาประเทศไทยก้าวไปข้างหน้า ประสิทธิภาพและความเป็นเอกภาพของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่นี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตและเสถียรภาพทางการเมืองไทยในระยะต่อไป

