วีซ่าเกษียณใหม่! ‘Retire in Thailand’ เปิดเงื่อนไข-สิทธิพิเศษ
ประเทศไทยได้เปิดตัวโครงการวีซ่าประเภทใหม่เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติวัยเกษียณที่มีกำลังซื้อสูงให้เข้ามาพำนักระยะยาว โครงการนี้ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์สำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจและส่งเสริมภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะจุดหมายปลายทางสำหรับการใช้ชีวิตหลังเกษียณ
- เป้าหมายชัดเจน: วีซ่าเกษียณมุ่งเป้าไปที่ชาวต่างชาติอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่มีความมั่นคงทางการเงินและต้องการพำนักในประเทศไทยโดยไม่ต้องทำงาน
- เงื่อนไขทางการเงินที่ต้องปฏิบัติตาม: ผู้สมัครจำเป็นต้องแสดงหลักฐานเงินฝากในบัญชีธนาคารไทยขั้นต่ำ 800,000 บาท หรือมีรายได้ประจำ (เช่น เงินบำนาญ) ไม่น้อยกว่า 65,000 บาทต่อเดือน
- สิทธิประโยชน์หลัก: ผู้ถือวีซ่าสามารถพำนักในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน และสามารถต่ออายุวีซ่าได้ภายในประเทศ อำนวยความสะดวกและลดความยุ่งยากในการเดินทาง
- ทางเลือกที่หลากหลาย: มีวีซ่าให้เลือก 2 ประเภทหลัก คือ Non-Immigrant O-A (1 ปี) และ Non-Immigrant O-X (สูงสุด 10 ปี) ซึ่งมีเงื่อนไขและข้อกำหนดที่แตกต่างกันไป
ภาพรวมของวีซ่า ‘Retire in Thailand’
วีซ่าเกษียณใหม่! ‘Retire in Thailand’ เปิดเงื่อนไข-สิทธิพิเศษ เป็นนโยบายที่รัฐบาลไทยริเริ่มขึ้นเพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มประชากรโลกที่กำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ และเพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจจากการใช้จ่ายของชาวต่างชาติที่มีศักยภาพสูง โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของวีซ่าระยะยาว (Long-Term Resident Visa หรือ LTR Visa) ที่ได้รับการส่งเสริมโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางที่น่าสนใจสำหรับผู้เกษียณอายุจากทั่วโลก วีซ่าประเภทนี้ออกแบบมาสำหรับบุคคลที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป ที่มีความพร้อมทางการเงินเพียงพอที่จะใช้ชีวิตในประเทศไทยได้อย่างสุขสบายโดยไม่ต้องประกอบอาชีพ การกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนทั้งด้านการเงินและคุณสมบัติส่วนบุคคล มีเป้าหมายเพื่อคัดกรองผู้สมัครที่มีคุณภาพและสามารถสร้างประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้ในระยะยาว
โครงการนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในยุคหลังการระบาดใหญ่ เนื่องจากเป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจภาคบริการและการท่องเที่ยว โดยดึงดูดเม็ดเงินจากต่างประเทศให้เข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจท้องถิ่น ตั้งแต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ การดูแลสุขภาพ การบริโภค ไปจนถึงการจ้างงานในภาคบริการที่เกี่ยวข้อง กลุ่มเป้าหมายหลักคือผู้เกษียณจากประเทศพัฒนาแล้ว เช่น ยุโรป อเมริกาเหนือ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีเงินบำนาญหรือเงินออมสูง และกำลังมองหาสถานที่พักผ่อนที่มีคุณภาพชีวิตดี ค่าครองชีพสมเหตุสมผล และมีสภาพอากาศที่อบอุ่น วีซ่านี้จึงไม่ใช่เพียงใบอนุญาตพำนัก แต่เป็นเครื่องมือเชิงกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงนโยบายด้านการตรวจคนเข้าเมืองเข้ากับเป้าหมายการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม
เจาะลึกเงื่อนไขและคุณสมบัติสำคัญของผู้สมัคร
การยื่นขอวีซ่าเกษียณในประเทศไทยมีข้อกำหนดที่ชัดเจน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้สมัครมีคุณสมบัติเหมาะสมและมีความพร้อมในการใช้ชีวิตระยะยาวในประเทศได้อย่างราบรื่น โดยเงื่อนไขหลักสามารถแบ่งออกได้เป็นสองส่วนสำคัญ คือ คุณสมบัติด้านอายุและประวัติส่วนตัว และข้อกำหนดด้านความมั่นคงทางการเงิน
เกณฑ์ด้านอายุและประวัติส่วนตัว
คุณสมบัติพื้นฐานที่สุดสำหรับผู้ที่สนใจวีซ่าประเภทนี้คือข้อกำหนดด้านอายุ ผู้สมัครจะต้องมีอายุ 50 ปีบริบูรณ์ขึ้นไป ณ วันที่ยื่นคำร้อง นอกจากนี้ ยังต้องมีคุณสมบัติด้านความประพฤติและสุขภาพตามที่กฎหมายคนเข้าเมืองกำหนด ซึ่งประกอบด้วย:
- ประวัติอาชญากรรม: ผู้สมัครต้องไม่มีประวัติการกระทำความผิดทางอาญาที่เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทย และต้องไม่มีประวัติอาชญากรรมร้ายแรงในประเทศที่ตนมีสัญชาติหรือประเทศที่พำนักอาศัยอยู่ โดยทั่วไปจะต้องมีการยื่นเอกสารรับรองประวัติอาชญากรรมจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- สุขภาพ: ผู้สมัครต้องไม่มีโรคต้องห้ามตามที่ระบุไว้ในกฎกระทรวง เช่น โรคเรื้อนในระยะติดต่อ วัณโรคในระยะอันตราย โรคเท้าช้างในระยะที่ปรากฏอาการเป็นที่รังเกียจแก่สังคม โรคติดยาเสพติดให้โทษอย่างรุนแรง และโรคซิฟิลิสในระยะที่ 3 การมีสุขภาพที่แข็งแรงเป็นปัจจัยสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่าผู้พำนักจะไม่เป็นภาระต่อระบบสาธารณสุขของประเทศ
- สถานะการเข้าเมือง: ต้องไม่เป็นบุคคลที่ถูกศาลไทยพิพากษาให้เนรเทศ หรือเป็นบุคคลที่ถูกเจ้าหน้าที่ห้ามเข้าประเทศตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง
ข้อกำหนดทางการเงิน: หลักฐานแสดงความมั่นคง
หัวใจสำคัญของการอนุมัติวีซ่าเกษียณคือการพิสูจน์ความสามารถทางการเงินของผู้สมัคร เพื่อแสดงให้เห็นว่าสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการดำรงชีพของตนเองได้ตลอดระยะเวลาที่พำนักอยู่ในประเทศไทยโดยไม่ต้องทำงาน ซึ่งมีทางเลือกในการแสดงหลักฐานดังนี้:
- เงินฝากในบัญชีธนาคาร: ผู้สมัครต้องมีเงินฝากในบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีฝากประจำของธนาคารที่ตั้งอยู่ในประเทศไทย เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า 800,000 บาท เงินจำนวนนี้จะต้องคงอยู่ในบัญชีเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 2 เดือนก่อนวันยื่นขอวีซ่าครั้งแรก และต้องคงเงินไว้ไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเป็นเวลาอย่างน้อย 3 เดือนหลังได้รับอนุญาตให้อยู่ต่อ เพื่อใช้ในการยื่นขอต่ออายุวีซ่าในปีถัดไป
- รายได้ประจำต่อเดือน: อีกทางเลือกหนึ่งคือการแสดงหลักฐานว่ามีรายได้ประจำ เช่น เงินบำนาญหรือเงินได้อื่น ๆ ที่ได้รับอย่างสม่ำเสมอ เป็นจำนวนเงินไม่น้อยกว่า 65,000 บาทต่อเดือน ผู้สมัครต้องแสดงเอกสารรับรองจากสถานทูตหรือสถานกงสุลของประเทศตนเพื่อยืนยันแหล่งที่มาและจำนวนเงินรายได้ดังกล่าว
- การใช้เงินฝากและรายได้รวมกัน: ในกรณีที่ผู้สมัครมีรายได้ประจำไม่ถึง 65,000 บาทต่อเดือน แต่มีเงินฝากในบัญชี สามารถใช้ทั้งสองอย่างรวมกันได้ โดยเงินฝากและรายได้ต่อปี (รายได้ต่อเดือน x 12) จะต้องรวมกันแล้วมียอดไม่น้อยกว่า 800,000 บาท ตัวอย่างเช่น หากมีรายได้ประจำเดือนละ 35,000 บาท (เท่ากับ 420,000 บาทต่อปี) จะต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารไทยไม่น้อยกว่า 380,000 บาท เพื่อให้ยอดรวมเป็นไปตามเกณฑ์
การกำหนดเงื่อนไขทางการเงินที่ชัดเจนนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นว่าผู้ถือวีซ่าเกษียณจะสามารถพึ่งพาตนเองได้ และมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้จ่ายในประเทศ แทนที่จะกลายเป็นภาระของสังคม
ประเภทของวีซ่าเกษียณที่มีให้เลือก

ประเทศไทยเสนอทางเลือกวีซ่าเกษียณสองประเภทหลัก เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ที่ต้องการพำนักระยะยาว ทั้งสองประเภทมีข้อกำหนดและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกันออกไป ทำให้ผู้สมัครสามารถเลือกรูปแบบที่เหมาะสมกับแผนการใช้ชีวิตของตนเองได้มากที่สุด
วีซ่า Non-Immigrant O-A: ทางเลือกยอดนิยมระยะ 1 ปี
วีซ่าประเภท Non-Immigrant O-A เป็นวีซ่าเกษียณที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากมีขั้นตอนและเงื่อนไขที่ไม่ซับซ้อนจนเกินไป เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองใช้ชีวิตในประเทศไทยหรือผู้ที่ยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับแผนการระยะยาว วีซ่านี้อนุญาตให้พำนักในประเทศไทยได้เป็นเวลา 1 ปี และสามารถต่ออายุได้ทุกปีภายในประเทศโดยไม่ต้องเดินทางออกไปยื่นเรื่องที่สถานทูตหรือสถานกงสุลไทยในต่างประเทศ คุณสมบัติหลักยังคงเป็นไปตามเกณฑ์ทั่วไป คือ อายุ 50 ปีขึ้นไป และมีหลักฐานทางการเงินตามที่กำหนด (เงินฝาก 800,000 บาท หรือรายได้ 65,000 บาทต่อเดือน) ข้อดีของวีซ่า O-A คือความยืดหยุ่นและการต่ออายุแบบปีต่อปี ทำให้ผู้ถือวีซ่าสามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ง่ายหากมีความจำเป็น
วีซ่า Non-Immigrant O-X: สำหรับผู้ต้องการพำนักระยะยาว 10 ปี
สำหรับผู้ที่มีความตั้งใจแน่วแน่ที่จะใช้ชีวิตวัยเกษียณในประเทศไทยในระยะยาว วีซ่า Non-Immigrant O-X ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง วีซ่านี้ให้สิทธิ์พำนักได้นานถึง 10 ปี โดยแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงละ 5 ปี แม้ว่าสิทธิประโยชน์ด้านระยะเวลาจะน่าดึงดูดใจ แต่ก็มาพร้อมกับเงื่อนไขทางการเงินและข้อกำหนดอื่น ๆ ที่เข้มงวดกว่าวีซ่า O-A อย่างมีนัยสำคัญ ผู้สมัครวีซ่า O-X จำเป็นต้องแสดงหลักฐานทางการเงินที่สูงกว่า โดยอาจต้องมีเงินฝากในบัญชีธนาคารไทยหรือการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลไทยเป็นจำนวนเงินหลายล้านบาท นอกจากนี้ กระบวนการตรวจสอบประวัติอาชญากรรมและสุขภาพอาจมีความละเอียดมากกว่า เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ที่ได้รับสิทธิ์พำนักระยะยาวพิเศษนี้เป็นบุคคลที่มีคุณภาพสูงและมีความมั่นคงทางการเงินอย่างแท้จริง วีซ่าประเภทนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความแน่นอนและไม่ต้องกังวลกับการต่ออายุวีซ่าทุกปี
| คุณสมบัติ | วีซ่า Non-Immigrant O-A | วีซ่า Non-Immigrant O-X |
|---|---|---|
| ระยะเวลาพำนัก | 1 ปี (สามารถต่ออายุได้ทุกปี) | สูงสุด 10 ปี (ครั้งละ 5 ปี) |
| เงื่อนไขทางการเงิน | เงินฝาก 800,000 บาท หรือรายได้ 65,000 บาท/เดือน | เข้มงวดกว่า (โดยทั่วไปต้องมีเงินฝากหรือการลงทุนสูงกว่ามาก) |
| ความยืดหยุ่น | สูง สามารถปรับเปลี่ยนแผนได้ง่าย | ต่ำกว่า เหมาะสำหรับผู้ที่ตัดสินใจพำนักระยะยาวแน่นอนแล้ว |
| กลุ่มเป้าหมาย | ผู้เกษียณทั่วไปที่ต้องการความสะดวกและยืดหยุ่น | ผู้เกษียณที่มีความมั่งคั่งสูงและต้องการความมั่นคงในการพำนัก |
สิทธิประโยชน์ที่โดดเด่นสำหรับผู้ถือวีซ่า
การถือวีซ่าเกษียณในประเทศไทยมอบสิทธิประโยชน์หลายประการที่ช่วยให้การใช้ชีวิตหลังเกษียณเป็นไปอย่างราบรื่นและสะดวกสบาย ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดชาวต่างชาติจำนวนมากให้เลือกประเทศไทยเป็นบ้านหลังที่สอง สิทธิพิเศษเหล่านี้ครอบคลุมทั้งในด้านความสะดวกในการพำนักและอิสระในการใช้ชีวิต
- การพำนักระยะยาวอย่างถูกกฎหมาย: ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดคือการได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานโดยไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางเข้า-ออกประเทศเพื่อต่ออายุวีซ่าระยะสั้น (Visa Run) ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
- ความสะดวกในการต่ออายุวีซ่า: ผู้ถือวีซ่าเกษียณสามารถยื่นขอต่ออายุวีซ่าได้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองภายในประเทศไทย โดยไม่ต้องเดินทางกลับไปยังประเทศของตนเพื่อยื่นคำร้องที่สถานทูตหรือสถานกงสุลไทย ซึ่งเป็นกระบวนการที่สะดวกและประหยัดเวลาอย่างมาก
- อิสระจากการทำงาน: วีซ่าประเภทนี้ถูกออกแบบมาสำหรับผู้ที่เกษียณอายุแล้วโดยเฉพาะ จึงไม่มีข้อกำหนดเรื่องการทำงาน ผู้ถือวีซ่าสามารถใช้เวลาไปกับกิจกรรมยามว่าง การพักผ่อน หรือการท่องเที่ยวได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ต้องผูกมัดกับภาระการทำงาน
- การบริหารจัดการชีวิตที่ง่ายขึ้น: การมีวีซ่าระยะยาวช่วยให้การทำธุรกรรมต่าง ๆ ในประเทศไทยง่ายขึ้น เช่น การเปิดบัญชีธนาคาร การทำสัญญาเช่าที่พักอาศัยระยะยาว หรือการซื้อยานพาหนะ ซึ่งสร้างความมั่นคงและทำให้การวางแผนชีวิตเป็นไปอย่างมีระบบ
- การใช้ชีวิตในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร: ประเทศไทยมีชื่อเสียงในด้านความเป็นมิตรของผู้คน วัฒนธรรมที่งดงาม และค่าครองชีพที่สมเหตุสมผล การมีวีซ่าที่มั่นคงช่วยให้ชาวต่างชาติสามารถปรับตัวและเป็นส่วนหนึ่งของชุมชนได้อย่างสบายใจ
ขั้นตอนการเตรียมความพร้อมและยื่นคำร้อง
กระบวนการยื่นขอวีซ่าเกษียณจำเป็นต้องมีการวางแผนและเตรียมเอกสารอย่างรอบคอบ เพื่อให้การยื่นคำร้องเป็นไปอย่างราบรื่นและลดโอกาสที่จะถูกปฏิเสธ ผู้ที่สนใจควรปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด:
- การเตรียมการด้านการเงิน: ขั้นตอนแรกและสำคัญที่สุดคือการเตรียมความพร้อมทางการเงิน ผู้สมัครควรเปิดบัญชีธนาคารในประเทศไทยและนำเงินเข้าบัญชีตามจำนวนที่กำหนด (800,000 บาท) โดยต้องแน่ใจว่าเงินจำนวนดังกล่าวคงอยู่ในบัญชีอย่างน้อย 2 เดือนก่อนวันยื่นคำร้อง หากใช้หลักฐานรายได้ประจำ ควรเตรียมเอกสารรับรองจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและนำไปรับรองที่สถานทูตของตน
- การรวบรวมเอกสารส่วนตัว: เตรียมเอกสารสำคัญให้พร้อม ซึ่งโดยทั่วไปจะประกอบด้วย หนังสือเดินทางที่มีอายุเหลือไม่น้อยกว่า 18 เดือน, รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว, แบบฟอร์มคำร้องขอวีซ่า (TM.7), และเอกสารแสดงความสัมพันธ์ (ในกรณีมีผู้ติดตาม)
- การขอใบรับรองประวัติอาชญากรรม: ติดต่อหน่วยงานตำรวจหรือหน่วยงานที่รับผิดชอบในประเทศของตนเพื่อขอใบรับรองประวัติอาชญากรรม เอกสารนี้ต้องมีอายุไม่เกิน 3 เดือนนับจากวันที่ออก
- การตรวจสุขภาพและขอใบรับรองแพทย์: เข้าพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและขอใบรับรองแพทย์ที่ยืนยันว่าไม่มีโรคต้องห้ามตามกฎหมายคนเข้าเมืองของไทย ใบรับรองแพทย์นี้ก็ควรมีอายุไม่เกิน 3 เดือนเช่นกัน
- การยื่นคำร้อง: สำหรับการยื่นขอครั้งแรก ผู้สมัครส่วนใหญ่จะต้องยื่นคำร้องผ่านสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลใหญ่ของไทยในประเทศที่ตนมีสัญชาติหรือมีถิ่นพำนักถาวร หลังจากเอกสารได้รับการตรวจสอบและอนุมัติเบื้องต้น ก็จะได้รับวีซ่าเพื่อเดินทางเข้าประเทศไทย สำหรับการต่ออายุในปีถัดไป สามารถดำเนินการได้ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองในประเทศไทย
บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต
โครงการวีซ่าเกษียณใหม่ ‘Retire in Thailand’ เป็นมาตรการเชิงรุกที่สะท้อนให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของรัฐบาลในการเปลี่ยนประเทศไทยให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางชั้นนำของโลกสำหรับผู้ที่ต้องการใช้ชีวิตหลังเกษียณ การกำหนดเงื่อนไขที่ชัดเจนและสิทธิประโยชน์ที่น่าสนใจ ถือเป็นการสร้างสมดุลระหว่างการเปิดรับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพกับการรักษาความมั่นคงและผลประโยชน์ของประเทศ วีซ่าประเภทนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคส่วนต่าง ๆ แต่ยังช่วยยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีโลกอีกด้วย
ในอนาคต คาดว่าโครงการนี้อาจมีการปรับปรุงและพัฒนาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ในภูมิภาคได้ดียิ่งขึ้น เช่น การเพิ่มสิทธิประโยชน์ทางภาษี หรือการอำนวยความสะดวกในด้านการบริการสุขภาพสำหรับผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ที่สนใจจะใช้ชีวิตวัยเกษียณในประเทศไทย การศึกษาข้อมูลและเตรียมความพร้อมตามข้อกำหนดในปัจจุบันอย่างละเอียดถี่ถ้วน ถือเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นชีวิตบทใหม่ในดินแดนแห่งรอยยิ้มอย่างมีความสุขและมั่นคง

