Shopping cart

กฎหมายใหม่! คอนโด-บ้านสร้างใหม่ต้องมีที่ชาร์จ EV

สารบัญ

การเปลี่ยนผ่านสู่ยุคยานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicle – EV) ในประเทศไทยกำลังก้าวไปอีกขั้น ด้วยการออกกฎระเบียบใหม่ที่ส่งผลโดยตรงต่อภาคอสังหาริมทรัพย์และผู้บริโภคที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยแห่งใหม่ กฎหมายฉบับล่าสุดนี้ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโครงการที่อยู่อาศัย เพื่อรองรับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปและสนับสนุนนโยบายพลังงานสะอาดของประเทศอย่างเป็นรูปธรรม

ภาพรวมของกฎหมายฉบับใหม่

  • ข้อบังคับทางกฎหมาย: โครงการบ้านจัดสรรและอาคารชุด (คอนโดมิเนียม) ที่ก่อสร้างใหม่จะต้องมีการติดตั้งจุดชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) ตามข้อกำหนด
  • เป้าหมายหลัก: เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ลดอุปสรรคในการเข้าถึงสถานีชาร์จ และส่งเสริมให้เกิดการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในวงกว้างมากขึ้น
  • การสนับสนุนพลังงานสะอาด: กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ชาติในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะในเขตเมือง
  • ผลกระทบต่อตลาด: ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ต้องปรับตัวและลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จ ซึ่งจะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคยุคใหม่
  • ความท้าทาย: อาคารเก่าและคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วอาจเผชิญกับความท้าทายในการปรับปรุงและติดตั้งระบบชาร์จเพิ่มเติมเพื่อให้ทัดเทียมกับโครงการใหม่

กฎหมายใหม่! คอนโด-บ้านสร้างใหม่ต้องมีที่ชาร์จ EV ถือเป็นข้อบังคับที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษาอย่างเป็นทางการ ซึ่งนับเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการอสังหาริมทรัพย์ไทย กฎหมายนี้กำหนดให้โครงการที่อยู่อาศัยที่ยื่นขออนุญาตก่อสร้างใหม่ต้องจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรองรับการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองต่อจำนวนผู้ใช้รถ EV ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังสอดคล้องกับทิศทางของโลกที่มุ่งสู่การใช้พลังงานสะอาดและลดการพึ่งพาน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน

การบังคับติดตั้ง ที่ชาร์จรถไฟฟ้า ในโครงการใหม่จะช่วยขจัดความกังวลของผู้ที่สนใจเปลี่ยนมาใช้รถ EV แต่ยังลังเลเนื่องจากข้อจำกัดด้านสถานีชาร์จ โดยเฉพาะการชาร์จที่บ้านซึ่งเป็นรูปแบบที่สะดวกและมีค่าใช้จ่ายต่ำที่สุด ดังนั้น กฎหมายฉบับนี้จึงเป็นกลไกสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ประเทศไทยบรรลุเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น

ทำความเข้าใจกฎหมายใหม่: อนาคตของที่อยู่อาศัยกับรถยนต์ไฟฟ้า

ทำความเข้าใจกฎหมายใหม่: อนาคตของที่อยู่อาศัยกับรถยนต์ไฟฟ้า

การประกาศใช้กฎหมายบังคับติดตั้งจุดชาร์จ EV ในโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ไม่ได้เป็นเพียงข้อกำหนดทางเทคนิค แต่คือการวางรากฐานสำหรับอนาคตของการคมนาคมและวิถีชีวิตของคนเมือง การเปลี่ยนแปลงนี้สะท้อนให้เห็นถึงความตระหนักในความสำคัญของการบูรณาการเทคโนโลยีเข้ากับการใช้ชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างสังคมคาร์บอนต่ำและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

เหตุผลและความสำคัญของการออกกฎหมาย

เบื้องหลังการออก กฎหมาย EV ฉบับนี้มีเหตุผลสำคัญหลายประการ ประการแรกคือการสนับสนุนนโยบายของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าให้เป็นหนึ่งในกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ (New S-Curve) ของประเทศ การสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้บริโภคผ่านการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง ประการที่สองคือการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 ในเขตเมือง ซึ่งส่วนหนึ่งเกิดจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์สันดาปภายใน การเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าจะช่วยลดการปล่อยมลพิษจากภาคการขนส่งได้อย่างมีนัยสำคัญ

นอกจากนี้ การมีจุดชาร์จในที่พักอาศัยยังช่วยลดภาระของผู้ใช้รถ EV ที่ต้องพึ่งพาสถานีชาร์จสาธารณะซึ่งอาจมีจำนวนจำกัดและมีค่าบริการที่สูงกว่า การชาร์จไฟที่บ้านหรือคอนโดในช่วงเวลากลางคืน (Off-peak) ยังช่วยบริหารจัดการความต้องการใช้ไฟฟ้าของประเทศให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

กลุ่มที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

กฎหมายฉบับนี้ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนด้วยกัน กลุ่มแรกคือ ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งต้องมีการวางแผนการออกแบบและลงทุนเพิ่มในระบบไฟฟ้าและจุดติดตั้ง EV Charger เพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนด กลุ่มที่สองคือ ผู้ซื้อบ้านและคอนโดใหม่ ที่จะได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายและมูลค่าเพิ่มของทรัพย์สินในระยะยาว โดยเฉพาะโครงการ บ้านใหม่ 2568 และหลังจากนั้น จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกนี้เป็นมาตรฐาน กลุ่มที่สามคือ ผู้ใช้รถยนต์ไฟฟ้า ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ซึ่งจะมีทางเลือกในการชาร์จรถที่ง่ายและเข้าถึงได้มากขึ้น และสุดท้ายคือ ผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ผลิตและติดตั้งเครื่องชาร์จ ผู้ให้บริการซอฟต์แวร์บริหารจัดการ ซึ่งจะได้รับโอกาสทางธุรกิจที่เติบโตขึ้นตามไปด้วย

รายละเอียดข้อบังคับสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์

ข้อบังคับใหม่นี้ได้กำหนดแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนสำหรับผู้พัฒนาโครงการ เพื่อให้การติดตั้งที่ชาร์จ EV เป็นไปอย่างมีมาตรฐานและปลอดภัย รองรับการใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน โดยคำนึงถึงทั้งโครงสร้างทางวิศวกรรมและประสบการณ์ของผู้ใช้งาน

ข้อกำหนดทางเทคนิคและมาตรฐานการติดตั้ง

แม้ว่ารายละเอียดเชิงลึกอาจแตกต่างกันไปตามประเภทของโครงการ แต่โดยหลักการแล้ว กฎหมายจะกำหนดให้มีการจัดสรรพื้นที่จอดรถพร้อมติดตั้งหัวชาร์จในสัดส่วนที่เหมาะสมกับจำนวนยูนิตทั้งหมดของโครงการนั้นๆ การติดตั้งจะต้องเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยทางไฟฟ้าที่กำหนดโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การไฟฟ้านครหลวง หรือการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ซึ่งรวมถึงการออกแบบระบบสายดิน การป้องกันกระแสไฟฟ้ารั่ว และการเลือกใช้อุปกรณ์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน

สำหรับอาคารชุดหรือ คอนโด EV charger จะต้องมีการวางระบบบริหารจัดการพลังงาน (Load Management System) เพื่อป้องกันไม่ให้การชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าพร้อมกันหลายคันส่งผลกระทบต่อระบบไฟฟ้าส่วนกลางของอาคาร ซึ่งอาจต้องใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะเข้ามาช่วยในการจัดสรรกำลังไฟและลำดับการชาร์จ

กำลังไฟและระยะเวลาในการชาร์จ

มาตรฐานของหัวชาร์จที่ติดตั้งในโครงการที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่มักจะเป็นแบบ AC Charger (Normal Charge) ซึ่งมีกำลังไฟตั้งแต่ 7.4 กิโลวัตต์ ถึง 22 กิโลวัตต์ อย่างไรก็ตาม จากข้อมูลการดำเนินการของภาคเอกชนรายใหญ่ พบว่ามีการติดตั้งหัวชาร์จที่มีกำลังไฟสูงขึ้นในระดับ 20-50 กิโลวัตต์ ซึ่งเป็นระดับ DC Fast Charger ขนาดเล็ก ทำให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้าจากระดับต่ำจนเกือบเต็มได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง ซึ่งตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี

การเลือกระดับกำลังไฟที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับการออกแบบของแต่ละโครงการ โดยต้องสร้างสมดุลระหว่างความเร็วในการชาร์จ ต้นทุนการติดตั้ง และความสามารถในการรองรับของระบบไฟฟ้าโดยรวม เพื่อให้ลูกบ้านสามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย

ประโยชน์และผลกระทบต่อผู้ซื้อบ้านและคอนโด

การมีที่ชาร์จ EV เป็นส่วนหนึ่งของสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการที่อยู่อาศัย ไม่เพียงแต่สร้างความสะดวกสบาย แต่ยังส่งผลดีในด้านเศรษฐกิจและไลฟ์สไตล์ของผู้พักอาศัยอีกด้วย

ความสะดวกสบายและประหยัดค่าใช้จ่าย

ประโยชน์ที่ชัดเจนที่สุดคือความสะดวกสบายในการใช้งาน ผู้อยู่อาศัยสามารถชาร์จ รถยนต์ไฟฟ้า ของตนเองได้ทุกเมื่อที่ต้องการโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปสถานีชาร์จภายนอก ซึ่งมักจะตั้งอยู่ในห้างสรรพสินค้าหรือสถานีบริการน้ำมัน การชาร์จที่บ้านยังช่วยให้สามารถวางแผนการเดินทางได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น

ในด้านค่าใช้จ่าย การชาร์จไฟที่บ้านหรือคอนโดมีอัตราค่าไฟฟ้าที่ต่ำกว่าสถานีชาร์จเชิงพาณิชย์อย่างมาก โดยเฉพาะหากชาร์จในช่วง Off-peak ซึ่งจะช่วยให้เจ้าของรถประหยัดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานในระยะยาวได้อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ยังเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับทรัพย์สิน เนื่องจากที่อยู่อาศัยที่มีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอนาคตย่อมเป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่า

การตอบสนองของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

ก่อนที่กฎหมายจะถูกบังคับใช้ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่หลายแห่งได้เริ่มดำเนินการติดตั้ง EV Charging Station ในโครงการของตนเองแล้ว เพื่อชิงความได้เปรียบทางการตลาดและตอบสนองต่อความต้องการของผู้บริโภคยุคใหม่ ตัวอย่างเช่น บริษัท แสนสิริ ที่ได้ติดตั้งหัวชาร์จไปแล้วกว่า 88 หัวในโครงการต่างๆ และมีแผนจะขยายการติดตั้งในโครงการใหม่ๆ ที่จะเปิดตัวต่อไป

การปรับตัวอย่างรวดเร็วของภาคเอกชนสะท้อนให้เห็นว่าการมีที่ชาร์จ EV ไม่ใช่แค่การปฏิบัติตามกฎหมาย แต่เป็นกลยุทธ์สำคัญในการสร้างจุดขายและยกระดับมาตรฐานของโครงการที่อยู่อาศัย

นอกจากนี้ ผู้พัฒนายังได้นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกเพิ่มเติม เช่น การพัฒนาแอปพลิเคชันสำหรับให้ลูกบ้านสามารถจองคิวการชาร์จ ตรวจสอบสถานะ และชำระค่าบริการได้อย่างง่ายดายผ่านสมาร์ทโฟน ซึ่งเป็นการสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยที่ราบรื่นและทันสมัย

ตารางเปรียบเทียบข้อดีและข้อจำกัดของการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าในที่พักอาศัยและสถานีสาธารณะ
คุณสมบัติ การชาร์จในโครงการที่พักอาศัยใหม่ การชาร์จที่สถานีบริการภายนอก
ความสะดวกสบาย สูงมาก สามารถชาร์จข้ามคืนได้โดยไม่ต้องเดินทาง ต่ำ ต้องเดินทางไปยังสถานีและอาจต้องรอคิว
ค่าใช้จ่าย ต่ำ คิดตามอัตราค่าไฟฟ้าบ้าน ซึ่งถูกกว่า สูง คิดตามอัตราเชิงพาณิชย์ มีค่าบริการเพิ่มเติม
ความพร้อมใช้งาน สูง สามารถจองคิวผ่านแอปพลิเคชันของโครงการได้ ไม่แน่นอน ขึ้นอยู่กับจำนวนผู้ใช้บริการ ณ เวลานั้น
ความปลอดภัย สูง อยู่ในพื้นที่ส่วนบุคคลของโครงการ มีระบบรักษาความปลอดภัย ปานกลาง เป็นพื้นที่สาธารณะ

ความท้าทายสำหรับอาคารและคอนโดมิเนียมเดิม

ในขณะที่โครงการใหม่ได้รับประโยชน์จากกฎหมายฉบับนี้ อาคารและคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จแล้วกลับต้องเผชิญกับความท้าทายหลายประการในการปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลง

ข้อจำกัดของผู้ใช้ EV ในอาคารที่ไม่มีที่ชาร์จ

สำหรับผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมหรืออาคารเก่าที่ไม่มีการติดตั้ง ที่ชาร์จรถไฟฟ้า การเป็นเจ้าของรถ EV อาจสร้างความไม่สะดวกอย่างมาก พวกเขาจำเป็นต้องพึ่งพาสถานีชาร์จสาธารณะเพียงอย่างเดียว ซึ่งหมายถึงการต้องวางแผนการเดินทางเพื่อนำรถไปชาร์จและใช้เวลารอคอยเป็นประจำ นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการชาร์จที่สูงกว่ายังเป็นภาระเพิ่มเติม เมื่อเทียบกับผู้ที่สามารถชาร์จที่บ้านได้ ข้อจำกัดเหล่านี้อาจเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้หลายคนชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ไฟฟ้า

แนวทางการปรับปรุงและติดตั้งเพิ่มเติม

การติดตั้ง EV Charger ในอาคารเก่ามีความซับซ้อนกว่าโครงการใหม่มาก ผู้จัดการอาคารหรือนิติบุคคลจำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยหลายด้าน เริ่มตั้งแต่การประเมินความสามารถในการรองรับของระบบไฟฟ้าเดิม ซึ่งในหลายกรณีอาจต้องมีการอัปเกรดหม้อแปลงหรือแผงวงจรไฟฟ้าหลัก ซึ่งมีค่าใช้จ่ายสูง นอกจากนี้ยังต้องมีการวางแผนการเดินสายไฟไปยังจุดจอดรถอย่างเป็นระบบและปลอดภัย

ประเด็นสำคัญอีกประการคือการบริหารจัดการการใช้งานที่เป็นธรรม เช่น การพัฒนาระบบการจองคิวและระบบเก็บค่าบริการที่โปร่งใส เพื่อไม่ให้เกิดข้อขัดแย้งระหว่างลูกบ้าน การเลือกโซลูชันการชาร์จที่สามารถปรับขนาดได้ (Scalable Solution) เพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้ที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคตก็เป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงเช่นกัน การดำเนินการทั้งหมดนี้ต้องอาศัยมติจากที่ประชุมลูกบ้านและการลงทุนร่วมกัน ซึ่งอาจเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความร่วมมือจากทุกฝ่าย

สรุป: อนาคตที่ยั่งยืนของที่อยู่อาศัยในประเทศไทย

การออกกฎหมายบังคับให้โครงการคอนโดและบ้านสร้างใหม่ต้องมีที่ชาร์จ EV ถือเป็นก้าวที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งในการผลักดันประเทศไทยสู่สังคมยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเต็มรูปแบบ การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่อำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายให้กับผู้บริโภค แต่ยังเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องปรับตัวให้สอดคล้องกับเทคโนโลยีและวิถีชีวิตแห่งอนาคต

แม้จะยังมีความท้าทายสำหรับอาคารเก่าที่ต้องการปรับปรุง แต่กฎหมายฉบับนี้ได้จุดประกายให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญของการเตรียมความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน สำหรับผู้ที่กำลังวางแผนจะซื้อที่อยู่อาศัยใหม่ โดยเฉพาะโครงการ บ้านใหม่ 2568 เป็นต้นไป การมีจุดชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้กลายเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานที่ต้องพิจารณา ซึ่งสะท้อนถึงการลงทุนเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ทั้งในแง่ของมูลค่าทรัพย์สินและคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930