โผ ครม. ใหม่! ส่องโปรไฟล์-จับตาเก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจ
ท่ามกลางความเคลื่อนไหวทางการเมืองล่าสุด โผ ครม. ใหม่! ส่องโปรไฟล์-จับตาเก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ได้กลายเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชนอย่างกว้างขวาง การปรับคณะรัฐมนตรีภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หรือที่รู้จักกันในชื่อรัฐบาล “อนุทิน 1” ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลโดยตรงต่อทิศทางการบริหารประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมิติเศรษฐกิจที่กำลังเผชิญกับความท้าทายรอบด้าน การเปิดเผยรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีในกระทรวงหลักด้านเศรษฐกิจจึงถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากนโยบายและการดำเนินงานของบุคคลเหล่านี้จะเป็นตัวกำหนดอนาคตเศรษฐกิจของประเทศในระยะต่อไป
ประเด็นสำคัญจากโผ ครม. ใหม่
- การจัดทัพทีมเศรษฐกิจ: มีการเปลี่ยนแปลงในตำแหน่งรัฐมนตรีที่ดูแลกระทรวงเศรษฐกิจหลัก โดยเฉพาะกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงคมนาคม ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุคใหม่
- การผสมผสานระหว่างนักการเมืองและคนนอก: โผคณะรัฐมนตรีชุดนี้ประกอบด้วยรัฐมนตรีจากพรรคร่วมรัฐบาลและบุคคลภายนอกประมาณ 8-9 คน ซึ่งสะท้อนถึงความพยายามในการดึงผู้มีความเชี่ยวชาญเข้ามาเสริมทัพการบริหาร
- นายกรัฐมนตรีคุมกระทรวงหลัก: นายอนุทิน ชาญวีรกูล ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีควบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มีนัยสำคัญต่อการบริหารจัดการนโยบายในระดับพื้นที่และโครงสร้างพื้นฐาน
- รัฐมนตรีใหม่ในกระทรวงยุทธศาสตร์: การปรากฏชื่อของ นายไชยชนก ชิดชอบ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นับเป็นการเปลี่ยนแปลงที่น่าจับตา สำหรับการผลักดันนโยบายด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมของประเทศ
ความสำคัญของการปรับคณะรัฐมนตรีครั้งล่าสุด
การปรับคณะรัฐมนตรีไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงตัวบุคคลในตำแหน่งฝ่ายบริหารเท่านั้น แต่ยังเป็นการส่งสัญญาณถึงทิศทางและลำดับความสำคัญของนโยบายที่รัฐบาลชุดใหม่จะผลักดัน สำหรับรัฐบาล “อนุทิน 1” ซึ่งเข้ารับตำแหน่งในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกมีความผันผวนและเศรษฐกิจในประเทศต้องการการฟื้นตัวอย่างเร่งด่วน การคัดเลือกบุคคลเข้ามาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเศรษฐกิจจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด
กลุ่มบุคคลที่ควรให้ความสนใจต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีหลากหลาย ตั้งแต่นักลงทุน นักธุรกิจ ไปจนถึงประชาชนทั่วไป เนื่องจากนโยบายที่ออกมาจะส่งผลกระทบต่อภาคส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน นโยบายด้านพลังงาน การส่งเสริมอุตสาหกรรมดิจิทัล และการบริหารจัดการงบประมาณแผ่นดิน การทำความเข้าใจประวัติและแนวทางการทำงานของทีมเศรษฐกิจชุดใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อประเมินแนวโน้มและเตรียมพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
ภาพรวมของคณะรัฐมนตรีชุด “อนุทิน 1”
ตามข้อมูลที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีอนุทิน ชาญวีรกูล ประกอบด้วยรัฐมนตรีรวมทั้งสิ้น 36 คน ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างนักการเมืองจากพรรคร่วมรัฐบาลและผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก การจัดสรรตำแหน่งครั้งนี้สะท้อนถึงการเจรจาต่อรองและการประนีประนอมทางการเมือง เพื่อสร้างเสถียรภาพและความเป็นเอกภาพในการบริหารราชการแผ่นดิน
การจัดสรรตำแหน่งและโควตาพรรคร่วมรัฐบาล
พรรคภูมิใจไทยในฐานะพรรคแกนนำรัฐบาลได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีไปเป็นจำนวนมาก โดยมีรายงานว่าได้รับโควตารวมกับพรรคร่วมอื่นๆ กว่า 21 เก้าอี้ ซึ่งรวมถึงกระทรวงสำคัญหลายแห่งทั้งด้านสังคมและความมั่นคง นอกจากนี้ การกระจายตำแหน่งยังครอบคลุมถึงพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ตามสัดส่วนที่ตกลงกันไว้ เพื่อให้การทำงานร่วมกันเป็นไปอย่างราบรื่น ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีมีจำนวนถึง 7 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคือนายโสภณ ซารัมย์ ที่คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำกับดูแลและประสานงานนโยบายระดับสูงของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจและสังคม
บทบาทของรัฐมนตรีจากบุคคลภายนอก
จุดเด่นที่น่าสนใจของ ครม. ชุดนี้คือการมีรัฐมนตรีที่ไม่ได้เป็น สส. หรือที่เรียกว่า “คนนอก” ประมาณ 8-9 คน การดึงบุคคลเหล่านี้เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารประเทศมักถูกมองว่าเป็นความพยายามที่จะนำความรู้ความสามารถและความเชี่ยวชาญเฉพาะทางจากภาคส่วนต่างๆ มาประยุกต์ใช้ในการกำหนดนโยบายและแก้ปัญหาของประเทศ รัฐมนตรีกลุ่มนี้มักจะได้รับความคาดหวังสูงในการทำงานที่ปลอดจากการเมืองและมุ่งเน้นผลประโยชน์ของประเทศเป็นหลัก อย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพในการทำงานจริงยังคงเป็นสิ่งที่ต้องติดตามและประเมินผลต่อไป
เจาะลึกทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่

หัวใจสำคัญของการบริหารประเทศในยุคปัจจุบันอยู่ที่ทีมเศรษฐกิจ ซึ่งต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ โผ ครม. “อนุทิน 1” ได้เผยให้เห็นโฉมหน้าของบุคคลที่จะเข้ามากุมบังเหียนกระทรวงเศรษฐกิจที่สำคัญหลายตำแหน่ง ซึ่งแต่ละคนมีประวัติและประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป
| ตำแหน่ง | ชื่อบุคคล | บทบาทและความสำคัญที่คาดการณ์ |
|---|---|---|
| นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย | นายอนุทิน ชาญวีรกูล | ผู้นำรัฐบาล กำหนดทิศทางนโยบายภาพรวม และคุมกระทรวงมหาดไทยซึ่งมีบทบาทในการผลักดันโครงการต่างๆ ลงสู่ระดับท้องถิ่น |
| รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม | นายไชยชนก ชิดชอบ | ขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจดิจิทัล วางโครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ |
| รมว.คมนาคม | นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ | รับผิดชอบโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ (Mega Projects) ทั้งทางบก ราง น้ำ และอากาศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ |
นายอนุทิน ชาญวีรกูล: ผู้นำรัฐบาลควบกระทรวงสำคัญ
ในฐานะนายกรัฐมนตรี นายอนุทิน ชาญวีรกูล คือผู้กุมทิศทางสูงสุดของฝ่ายบริหาร ประสบการณ์ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยและการทำงานในตำแหน่งสำคัญทางการเมืองที่ผ่านมา ทำให้มีความเข้าใจในกลไกการบริหารและการเมืองเป็นอย่างดี การตัดสินใจควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยด้วยตนเอง สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่จะควบคุมการดำเนินนโยบายให้ลงลึกถึงระดับพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากกระทรวงมหาดไทยมีกลไกที่สามารถสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมในทุกจังหวัดทั่วประเทศได้
นายไชยชนก ชิดชอบ: รัฐมนตรีป้ายแดงแห่งกระทรวงดิจิทัลฯ
การแต่งตั้งนายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ให้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์สำคัญของการปรับ ครม. ครั้งนี้ แม้จะเป็นรัฐมนตรีครั้งแรก หรือ “รัฐมนตรีป้ายแดง” แต่การได้รับความไว้วางใจให้ดูแลกระทรวงที่มีความสำคัญต่ออนาคตของประเทศ แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล ภารกิจหลักของกระทรวงนี้คือการวางรากฐานโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในภาคธุรกิจ และยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนผ่านบริการดิจิทัล ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนเป็นปัจจัยที่จะกำหนดความสามารถในการแข่งขันของไทยในเวทีโลก
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ: คุมทัพกระทรวงคมนาคม
การกลับมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ เป็นการตอกย้ำถึงความสำคัญของนโยบายด้านโครงสร้างพื้นฐาน กระทรวงคมนาคมมีบทบาทโดยตรงในการผลักดันโครงการลงทุนขนาดใหญ่ ทั้งการขยายโครงข่ายถนน ระบบราง รถไฟฟ้า ท่าเรือ และสนามบิน โครงการเหล่านี้ไม่เพียงแต่ช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางและขนส่ง แต่ยังเป็นเครื่องมือกระตุ้นเศรษฐกิจที่สำคัญผ่านการสร้างงาน การลงทุน และการเชื่อมโยงพื้นที่เศรษฐกิจต่างๆ เข้าด้วยกัน ประสบการณ์และความต่อเนื่องในการทำงานของนายพิพัฒน์จึงเป็นที่คาดหวังว่าจะสามารถสานต่อและเร่งรัดโครงการต่างๆ ให้สำเร็จลุล่วงตามแผน
ตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ที่น่าจับตามอง
นอกเหนือจาก 3 ตำแหน่งหลักข้างต้นแล้ว ยังมีตำแหน่งอื่นๆ ที่มีบทบาทสนับสนุนการทำงานด้านเศรษฐกิจ เช่น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีนายภราดร ปริศนานันทกุล เป็นหนึ่งในผู้ดำรงตำแหน่ง มีหน้าที่ช่วยเหลืองานของนายกรัฐมนตรีและประสานงานระหว่างกระทรวงต่างๆ เพื่อให้การดำเนินนโยบายเป็นไปอย่างบูรณาการ นอกจากนี้ ยังมีตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ ที่แม้จะเป็นตำแหน่งรอง แต่ก็มีส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนงานในระดับปฏิบัติการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
ทิศทางและนโยบายเศรษฐกิจภายใต้ ครม. ชุดใหม่
จากการวิเคราะห์องค์ประกอบของทีมเศรษฐกิจใน ครม. “อนุทิน 1” สามารถคาดการณ์ทิศทางนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลได้ในเบื้องต้นว่า จะมุ่งเน้นการผสมผสานระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นและการวางรากฐานเพื่อการเติบโตในระยะยาว การให้ความสำคัญกับกระทรวงคมนาคมและกระทรวงดิจิทัลฯ เป็นการส่งสัญญาณชัดเจนว่ารัฐบาลจะเดินหน้าลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งแบบกายภาพและแบบดิจิทัล เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
การจัดทัพคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจครั้งนี้สะท้อนความพยายามในการสร้างเสถียรภาพและผลักดันนโยบายที่เน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นหัวใจสำคัญ เพื่อเตรียมความพร้อมของประเทศให้สามารถรับมือกับความท้าทายและคว้าโอกาสทางเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่
นโยบายที่คาดว่าจะถูกผลักดันเป็นลำดับแรกๆ อาจรวมถึงการเร่งรัดโครงการลงทุนที่ค้างอยู่ การออกมาตรการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ รวมถึงการส่งเสริมนโยบายที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจสร้างสรรค์และเทคโนโลยี ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทของกระทรวงที่ทีมเศรษฐกิจชุดใหม่เข้ามาบริหารจัดการ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายสำคัญคือการบริหารจัดการหนี้สาธารณะ การควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ
บทสรุปและความท้าทายข้างหน้า
การเปิด โผ ครม. ใหม่! ส่องโปรไฟล์-จับตาเก้าอี้รัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในรัฐบาล “อนุทิน 1” นับเป็นก้าวแรกที่สำคัญของการบริหารประเทศภายใต้ผู้นำคนใหม่ ทีมเศรษฐกิจที่ได้รับการแต่งตั้งชุดนี้ประกอบด้วยบุคคลที่มีทั้งประสบการณ์ทางการเมืองและความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนนโยบายใหม่ๆ โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและวางรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืน การเน้นหนักที่การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นทิศทางที่สอดคล้องกับบริบทของโลกปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม เส้นทางข้างหน้ายังเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งจากสภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน ปัญหาเชิงโครงสร้างภายในประเทศ และความคาดหวังที่สูงจากประชาชน ประสิทธิภาพและความสามารถในการทำงานร่วมกันของทีมรัฐมนตรีเศรษฐกิจชุดใหม่นี้ จะเป็นเครื่องพิสูจน์ที่สำคัญที่สุดในการนำพาประเทศไทยก้าวข้ามอุปสรรคและมุ่งสู่อนาคตที่มั่นคงและมั่งคั่งต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกภาคส่วนต้องเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด

