‘หลานม่า’ ดังไกล! ส่อง Soft Power หนังไทยในตลาดโลก
ภาพยนตร์ไทยเรื่อง ‘หลานม่า’ (How to Make Millions Before Grandma Dies) ได้สร้างปรากฏการณ์ครั้งสำคัญให้กับวงการภาพยนตร์ไทย ไม่เพียงแต่กวาดรายได้อย่างถล่มทลายในประเทศ แต่ยังประสบความสำเร็จอย่างงดงามในตลาดต่างประเทศ ตอกย้ำถึงศักยภาพของ Soft Power ไทยที่สามารถสื่อสารและสร้างความประทับใจให้กับผู้ชมทั่วโลกได้อย่างทรงพลัง
ประเด็นสำคัญที่น่าสนใจ
- ความสำเร็จทางรายได้: ‘หลานม่า’ สร้างประวัติศาสตร์เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้รวมทั่วโลกสูงสุดตลอดกาลกว่า 2,059 ล้านบาท พิสูจน์ให้เห็นถึงศักยภาพเชิงพาณิชย์ของเนื้อหาแบบไทยในเวทีสากล
- การยอมรับในระดับนานาชาติ: ภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ทำรายได้สูงในกลุ่มประเทศอาเซียน แต่ยังเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ผ่านเข้ารอบ 15 เรื่องสุดท้ายของรางวัลออสการ์ ในสาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม ซึ่งเป็นก้าวสำคัญของวงการ
- พลังของเรื่องเล่าสากล: แก่นเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นประเด็นสากลที่สามารถเชื่อมโยงกับผู้ชมได้ทุกวัฒนธรรม ทำให้ ‘หลานม่า’ ทลายกำแพงทางภาษาและวัฒนธรรมได้อย่างราบรื่น
- บทบาทของโซเชียลมีเดีย: กระแสไวรัลบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ ซึ่งเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ทรงประสิทธิภาพในยุคดิจิทัล
บทนำสู่ปรากฏการณ์ภาพยนตร์ไทย
ปรากฏการณ์ ‘หลานม่า’ ดังไกล! ส่อง Soft Power หนังไทยในตลาดโลก ได้กลายเป็นหัวข้อที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง สะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทย ภาพยนตร์ดราม่าครอบครัวเรื่องนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเรื่องราวที่มีรากฐานจากวัฒนธรรมไทยสามารถสร้างแรงสั่นสะเทือนและเป็นที่ยอมรับในระดับนานาชาติได้ ความสำเร็จดังกล่าวไม่ได้วัดผลจากตัวเลขรายได้เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศ และการเปิดประตูสู่โอกาสใหม่ๆ สำหรับเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยในอนาคต
ความสำเร็จของ ‘หลานม่า’ เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังผลักดันนโยบาย Soft Power อย่างจริงจัง เพื่อใช้วัฒนธรรมเป็นเครื่องมือในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและส่งเสริมอิทธิพลของประเทศในเวทีโลก กรณีศึกษานี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้สร้างสรรค์ ผู้ประกอบการ และผู้กำหนดนโยบาย ในการถอดบทเรียนและวางกลยุทธ์เพื่อต่อยอดความสำเร็จนี้ให้ยั่งยืนต่อไป
ถอดรหัสความสำเร็จ: ‘หลานม่า’ คืออะไร?

‘หลานม่า’ เป็นภาพยนตร์แนวดราม่าครอบครัวที่เล่าเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างหลานชายและอาม่า (ย่า/ยาย) ซึ่งสะท้อนภาพของครอบครัวไทยเชื้อสายจีนได้อย่างลึกซึ้งและกินใจ กำกับโดย พัฒน์ บุญนิธิพัฒน์ และนำแสดงโดยนักแสดงมากความสามารถอย่าง พุฒิพงศ์ อัสสรัตนกุล (บิวกิ้น), อุษา เสมคำ และ ต้นตะวัน ตันติเวชกุล
แก่นเรื่องที่สัมผัสใจผู้ชมทั่วโลก
หัวใจสำคัญที่ทำให้ ‘หลานม่า’ ประสบความสำเร็จคือการนำเสนอประเด็นเรื่อง “ครอบครัว” ซึ่งเป็นคุณค่าสากลที่ทุกคนเข้าถึงได้ ภาพยนตร์เล่าถึง ‘เอ็ม’ หลานชายที่ตัดสินใจลาออกจากงานมาดูแล ‘อาม่า’ ที่ป่วยเป็นมะเร็งระยะสุดท้าย โดยหวังว่าจะได้รับมรดก แต่การใช้เวลาร่วมกันกลับทำให้เขาได้เรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของความรักและความผูกพันในครอบครัว เรื่องราวที่เรียบง่ายแต่เปี่ยมไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกนี้สามารถสร้างความเชื่อมโยงกับผู้ชมได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมในประเทศไทยหรือต่างประเทศก็ตาม
จากน้ำตาสู่รายได้: ปรากฏการณ์บ็อกซ์ออฟฟิศ
หลังจากเปิดตัวฉายในประเทศไทยเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2567 ‘หลานม่า’ ก็สามารถสร้างกระแสได้อย่างรวดเร็วและกวาดรายได้ในประเทศไปกว่า 334 ล้านบาท แต่ความสำเร็จไม่ได้หยุดอยู่เพียงเท่านั้น เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายในตลาดต่างประเทศ ก็สามารถสร้างสถิติใหม่ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งทำรายได้รวมทั่วโลกไปมากกว่า 2,059 ล้านบาท กลายเป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้รวมทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล
รองศาสตราจารย์ ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิบายว่า ‘หลานม่า’ คือกรณีตัวอย่างของ Soft Power ในภาพยนตร์ไทย ที่สามารถสร้างความเชื่อมโยงทางความรู้สึกและวัฒนธรรมกับผู้ชมทั่วโลก โดยใช้ “น้ำตาท่วมจอ” เป็นสื่อกลางที่เข้าถึงใจผู้ชมได้อย่างลึกซึ้ง
ปรากฏการณ์ “น้ำตาท่วมจอ” ที่ผู้ชมต่างเสียน้ำตาให้กับความซาบซึ้งของภาพยนตร์ ได้กลายเป็นจุดขายสำคัญที่ถูกบอกต่อและแพร่กระจายไปในวงกว้าง พิสูจน์ให้เห็นว่าอารมณ์ความรู้สึกเป็นภาษาสากลที่สามารถทลายกำแพงวัฒนธรรมและสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล
การผงาดในเวทีโลก: การเดินทางของ ‘หลานม่า’ ในตลาดต่างประเทศ
ความสำเร็จของ ‘หลานม่า’ ในต่างประเทศถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า หนังไทย มีศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลก โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งมีความเชื่อมโยงทางวัฒนธรรมที่ใกล้เคียงกัน
การสร้างสถิติใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในหลายประเทศ ‘หลานม่า’ ไม่เพียงแต่ทำรายได้สูง แต่ยังทุบสถิติเดิมและสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับวงการภาพยนตร์ในประเทศนั้นๆ ด้วย เช่น ในประเทศอินโดนีเซีย ภาพยนตร์เรื่องนี้มียอดผู้ชมทะลุ 3.5 ล้านคน แซงหน้าภาพยนตร์เอเชียเรื่องอื่นๆ และกลายเป็นภาพยนตร์เอเชียที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในอินโดนีเซีย เช่นเดียวกับในสิงคโปร์และมาเลเซีย ที่สามารถทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับภาพยนตร์ไทย
| ประเทศ/ภูมิภาค | ความสำเร็จและสถิติที่สำคัญ |
|---|---|
| ประเทศไทย | รายได้ในประเทศกว่า 334 ล้านบาท |
| อินโดนีเซีย | ยอดผู้ชมมากกว่า 3.5 ล้านคน เป็นภาพยนตร์เอเชียที่ประสบความสำเร็จสูงสุด |
| สิงคโปร์และมาเลเซีย | ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับภาพยนตร์ไทย |
| ไต้หวัน | ได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยมและสร้างกระแสในวงกว้าง |
| ทั่วโลก | รายได้รวมมากกว่า 2,059 ล้านบาท เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงสุดตลอดกาล |
พลังของกระแสไวรัล: เมื่อโซเชียลมีเดียขับเคลื่อนโรงภาพยนตร์
ปฏิเสธไม่ได้ว่าความสำเร็จของ ‘หลานม่า’ ส่วนหนึ่งมาจากพลังของโซเชียลมีเดีย โดยเฉพาะแพลตฟอร์มวิดีโอสั้นอย่าง TikTok ที่ผู้ใช้งานจำนวนมากได้สร้างสรรค์คอนเทนต์ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์ ไม่ว่าจะเป็นคลิปรีแอ็กชันหลังดูจบ, คลิปที่แสดงความรู้สึกร่วมกับตัวละคร, หรือการชวนกันไปดูเพื่อพิสูจน์ความซาบซึ้ง กระแสไวรัลเหล่านี้ได้สร้างการรับรู้ในวงกว้างและกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ (Word of Mouth) ที่ทรงพลัง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้ชมหน้าใหม่ให้เข้าไปชมภาพยนตร์ในโรง นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการใช้เครื่องมือดิจิทัลในการส่งเสริมและขับเคลื่อนผลงานสร้างสรรค์ในยุคปัจจุบัน
‘หลานม่า’ ในฐานะ Soft Power และพลังของเศรษฐกิจสร้างสรรค์
ความสำเร็จของ ‘หลานม่า’ เป็นมากกว่าความสำเร็จของภาพยนตร์หนึ่งเรื่อง แต่เป็นภาพสะท้อนของพลัง Soft Power และศักยภาพของอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยในการเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ
นิยามของ Soft Power ในบริบทภาพยนตร์ไทย
Soft Power คือความสามารถในการโน้มน้าวหรือสร้างอิทธิพลต่อผู้อื่นโดยใช้การดึงดูดใจแทนการบังคับ ซึ่งในบริบทของภาพยนตร์ ‘หลานม่า’ ได้ทำหน้าที่เป็นทูตวัฒนธรรมชั้นดีในการเผยแพร่วิถีชีวิต ค่านิยม และความเชื่อของสังคมไทยสู่สายตาชาวโลก เช่น ความกตัญญู, ความผูกพันในครอบครัวขยาย, และวัฒนธรรมไทยเชื้อสายจีน การที่ผู้ชมต่างชาติสามารถเข้าถึงและซาบซึ้งไปกับเรื่องราวเหล่านี้ได้ ย่อมเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความเข้าใจอันดีต่อประเทศไทย ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของ Soft Power
หมุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรมหนังไทย
ก่อนหน้าความสำเร็จของ ‘หลานม่า’ วงการภาพยนตร์ไทยก็ได้เห็นความสำเร็จของภาพยนตร์เรื่อง ‘สัปเหร่อ’ ที่นำเสนอวัฒนธรรมและความเชื่อของภาคอีสานจนสามารถสร้างปรากฏการณ์และทำรายได้มหาศาล การต่อยอดความสำเร็จจาก ‘สัปเหร่อ’ มาสู่ ‘หลานม่า’ แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่น่าสนใจว่า เรื่องราวที่มีความเป็นท้องถิ่น (Local) แต่ถูกนำเสนออย่างมีคุณภาพและมีแก่นเรื่องที่เป็นสากล (Universal) สามารถประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ได้อย่างงดงาม นี่เป็นบทเรียนสำคัญสำหรับผู้สร้างสรรค์ไทยในการสร้างสรรค์ผลงานที่ทั้งโดดเด่นด้วยเอกลักษณ์และสามารถสื่อสารกับตลาดโลกได้
การเดินทางสู่ออสการ์: ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการ
อีกหนึ่งความสำเร็จที่น่าภาคภูมิใจคือการที่ ‘หลานม่า’ ได้รับเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยและสามารถผ่านเข้ารอบ 15 เรื่องสุดท้าย (Shortlist) ในการพิจารณาเข้าชิงรางวัลออสการ์ ครั้งที่ 97 ในสาขาภาพยนตร์นานาชาติยอดเยี่ยม (Best International Feature Film) นี่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของวงการภาพยนตร์ไทย การได้รับการยอมรับจากเวทีรางวัลระดับโลกเช่นนี้ไม่เพียงแต่สร้างเกียรติประวัติให้กับทีมผู้สร้าง แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานและสร้างความน่าเชื่อถือให้กับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยทั้งหมด ซึ่งจะช่วยเปิดโอกาสในการร่วมทุนสร้างกับต่างประเทศ การจัดจำหน่ายภาพยนตร์ไทยในตลาดโลก และดึงดูดการลงทุนเข้ามาในประเทศได้มากขึ้นในอนาคต
บทสรุป: อนาคตของ Soft Power หนังไทยหลังยุค ‘หลานม่า’
ปรากฏการณ์ของ ‘หลานม่า’ ได้มอบบทเรียนและแรงบันดาลใจให้กับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยอย่างมหาศาล ภาพยนตร์เรื่องนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า หนังไทย มีศักยภาพที่จะก้าวไปไกลกว่าแค่ตลาดในประเทศ และสามารถเป็นสินค้าทางวัฒนธรรมที่สร้างรายได้และชื่อเสียงให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน ความสำเร็จนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่เกิดจากการผสมผสานระหว่างบทภาพยนตร์ที่แข็งแรง, การแสดงที่เข้าถึงอารมณ์, การกำกับที่ยอดเยี่ยม และกลยุทธ์การตลาดที่เข้าใจภูมิทัศน์สื่อในยุคใหม่
อนาคตของ Soft Power ไทยผ่านอุตสาหกรรมภาพยนตร์นั้นสดใสอย่างยิ่ง โดย ‘หลานม่า’ ได้วางรากฐานและสร้างมาตรฐานใหม่ไว้ การสนับสนุนจากภาครัฐในการสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการผลิตผลงานที่มีคุณภาพ, การส่งเสริมผู้สร้างสรรค์รุ่นใหม่, และการวางกลยุทธ์การตลาดในระดับสากล จะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยต่อยอดความสำเร็จนี้และผลักดันให้ภาพยนตร์ไทยกลายเป็นพลังทางวัฒนธรรมที่สำคัญของโลกต่อไป

