สรุปผลงานรัฐบาลปี 68: นโยบายไหนรุ่ง-ร่วง ก่อนปีงบ 69

เมื่อปีงบประมาณ 2568 กำลังจะสิ้นสุดลง การพิจารณาและ สรุปผลงานรัฐบาลปี 68: นโยบายไหนรุ่ง-ร่วง ก่อนปีงบ 69 จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการประเมินทิศทางการบริหารประเทศ บทความนี้จะทำการวิเคราะห์ผลการดำเนินงานของรัฐบาลภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร โดยพิจารณาจากนโยบายหลักที่ได้ประกาศไว้ ทั้งในส่วนที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม และส่วนที่ยังคงเป็นความท้าทายและต้องติดตามความคืบหน้าต่อไป เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนก่อนการจัดสรรงบประมาณในปีถัดไป

• นโยบายที่คืบหน้าชัดเจน: โครงการเด่นที่เห็นผลเป็นรูปธรรม ได้แก่ โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา (ODOS), โครงการบ้านเพื่อคนไทย และการผลักดันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบภาษี ซึ่งล้วนเป็นนโยบายที่มุ่งแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว
• นโยบายที่ต้องติดตาม: มาตรการลดภาระค่าครองชีพ เช่น การลดค่าไฟฟ้า ค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ยังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินงานและต้องใช้เวลาในการประเมินผลกระทบที่ชัดเจน
• ภาพรวมเศรษฐกิจและสังคม: รัฐบาลมุ่งเน้นการขับเคลื่อน 11 นโยบายหลักภายใต้โครงการ “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” โดยพยายามสร้างสมดุลระหว่างการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นและการวางรากฐานเพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
• ทิศทางสู่งบประมาณปี 2569: ผลการดำเนินงานในปี 2568 จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดลำดับความสำคัญและจัดสรรงบประมาณสำหรับปี 2569 โดยคาดว่าจะมีการสนับสนุนนโยบายที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง

ภาพรวมการดำเนินงานรัฐบาลปีงบประมาณ 2568

ตลอดปีงบประมาณ 2568 รัฐบาลได้แสดงเจตจำนงในการแก้ไขปัญหาสำคัญของประเทศผ่านชุดนโยบายเร่งด่วนและนโยบายหลักรวม 11 ด้าน ภายใต้กรอบแนวคิด “2568 โอกาสไทย ทำได้จริง” ซึ่งสะท้อนความพยายามในการสร้างการเปลี่ยนแปลงทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคม การดำเนินงานที่ผ่านมามีการแถลงผลความคืบหน้าเป็นระยะ ทั้งในช่วง 3 เดือนและ 6 เดือนแรกของการบริหาร ทำให้สาธารณชนสามารถติดตามและประเมินผลการทำงานได้อย่างต่อเนื่อง

แนวทางการทำงานของรัฐบาลชุดนี้มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างที่ส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในวงกว้าง ควบคู่ไปกับการออกมาตรการเพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจในระยะสั้น การประเมินผลงานจึงต้องพิจารณาจากทั้งความคืบหน้าของโครงการที่เป็นรูปธรรมและทิศทางของนโยบายที่วางไว้เพื่ออนาคต การวิเคราะห์ ผลงานรัฐบาล 2568 จึงเป็นการตรวจสอบคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน และเป็นข้อมูลสำคัญในการพิจารณาทิศทางของ เศรษฐกิจไทย ในปีต่อไป

นโยบายเรือธงที่ประสบความสำเร็จและมีความคืบหน้าชัดเจน

นโยบายกลุ่มนี้ถือเป็นผลงานชิ้นสำคัญที่รัฐบาลสามารถผลักดันให้เกิดความก้าวหน้าได้อย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนถึงความสำเร็จในการแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติ และสร้างผลกระทบเชิงบวกที่คาดหวังได้ในระยะยาว

โครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา (ODOS): ลงทุนในอนาคตของชาติ

โครงการ ODOS เป็นนโยบายด้านการศึกษาที่มุ่งเน้นการลดความเหลื่อมล้ำและสร้างโอกาสทางการศึกษาที่มีคุณภาพให้กับเยาวชนทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ห่างไกล เป้าหมายหลักคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน

ในปี 2568 โครงการนี้มีความคืบหน้าที่โดดเด่น โดยรัฐบาลได้ดำเนินการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขต่างๆ อย่างชัดเจน ทำให้กระบวนการคัดเลือกและมอบทุนมีความโปร่งใสและเป็นระบบมากขึ้น การเดินหน้าโครงการอย่างต่อเนื่องได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง และถือเป็นการลงทุนระยะยาวที่จะส่งผลดีต่อศักยภาพการแข่งขันของประเทศในอนาคต ความสำเร็จของนโยบายนี้ไม่เพียงแต่เป็นการมอบโอกาสทางการศึกษา แต่ยังเป็นการสร้างแรงบันดาลใจและยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชนจำนวนมาก

โครงการบ้านเพื่อคนไทย: สร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย

ปัญหาที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัจจัยพื้นฐานของคุณภาพชีวิตที่รัฐบาลให้ความสำคัญ โครงการบ้านเพื่อคนไทยจึงถูกออกแบบมาเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลางให้สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและราคาเหมาะสมได้

ความคืบหน้าที่สำคัญในปีนี้คือการเปิดรับลงทะเบียนในระยะแรกซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี และได้ดำเนินการเสร็จสิ้นไปแล้ว ปัจจุบันโครงการอยู่ในขั้นตอนการจับสลากเพื่อจัดสรรสิทธิ์ ซึ่งเป็นกระบวนการที่แสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสในการดำเนินงาน รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายที่จะเริ่มทยอยส่งมอบที่อยู่อาศัยให้กับผู้ที่ได้รับสิทธิ์ภายในช่วงปลายปี 2569 ความสำเร็จของโครงการนี้ไม่เพียงแต่จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัย แต่ยังเป็นการสร้างความมั่นคงในชีวิตและส่งเสริมการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น ซึ่งเป็นรากฐานของสังคมที่เข้มแข็ง

การมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองคือจุดเริ่มต้นของความมั่นคงในชีวิต โครงการบ้านเพื่อคนไทยจึงเป็นมากกว่าแค่นโยบาย แต่คือการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับสังคมไทย

ปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ: ดึงเศรษฐกิจใต้ดินสู่ระบบภาษี

หนึ่งในความท้าทายเชิงโครงสร้างที่สำคัญของเศรษฐกิจไทยคือขนาดของเศรษฐกิจนอกระบบหรือเศรษฐกิจใต้ดิน ซึ่งมีมูลค่าประเมินสูงถึงประมาณ 49% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) การนำกิจกรรมทางเศรษฐกิจเหล่านี้เข้ามาสู่ระบบภาษีอย่างเป็นทางการจึงเป็นเป้าหมายหลักของรัฐบาลเพื่อเพิ่มรายได้และสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันทางธุรกิจ

รัฐบาลได้เริ่มดำเนินมาตรการต่างๆ เพื่อกำกับดูแลและจูงใจให้ผู้ประกอบการในเศรษฐกิจใต้ดินเข้าสู่ระบบอย่างถูกต้อง แม้จะเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและต้องใช้เวลา แต่ความพยายามในการผลักดันนโยบายนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปฏิรูปโครงสร้างรายได้ของประเทศ หากประสบความสำเร็จ จะส่งผลให้รัฐมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและจัดสวัสดิการสังคมให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยสร้างสนามแข่งขันที่เท่าเทียมสำหรับผู้ประกอบการทุกคนและเพิ่มความโปร่งใสให้กับระบบเศรษฐกิจโดยรวม

นโยบายที่อยู่ระหว่างขับเคลื่อน: ความท้าทายและสิ่งที่ต้องจับตา

นโยบายในกลุ่มนี้เป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อการบรรเทาปัญหาปากท้องและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน แต่เนื่องจากมีความซับซ้อนในการปฏิบัติและต้องอาศัยการบูรณาการจากหลายภาคส่วน ทำให้ยังอยู่ในช่วงของการดำเนินงานและต้องใช้เวลาเพื่อประเมินผลลัพธ์ที่ชัดเจน

มาตรการลดภาระค่าครองชีพระยะสั้น

รัฐบาลได้ประกาศนโยบายหลายประการเพื่อช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน อาทิ มาตรการลดค่าไฟฟ้า, นโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย และโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งเป็นที่จับตามองอย่างกว้างขวาง นโยบายเหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายภาคครัวเรือนและแบ่งเบาภาระทางการเงินในชีวิตประจำวัน

อย่างไรก็ตาม การนำนโยบายเหล่านี้ไปสู่การปฏิบัติจริงต้องเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งในเรื่องของแหล่งเงินทุนที่ต้องใช้จำนวนมหาศาล ความซับซ้อนทางเทคนิคในการวางระบบ และการเจรจากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะภาคเอกชน ปัจจุบันนโยบายเหล่านี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการขับเคลื่อน จึงยังเร็วเกินไปที่จะสรุปถึงผลสำเร็จที่ชัดเจน แต่ถือเป็นนโยบายที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนจำนวนมาก

ภารกิจแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างระยะยาว

นอกเหนือจากมาตรการระยะสั้น รัฐบาลยังได้ริเริ่มนโยบายที่มุ่งแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้างในระยะยาว เช่น การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนที่อยู่ในระดับสูง และการส่งเสริมให้เด็กไทยมีโอกาสไปศึกษาต่อในต่างประเทศ เพื่อสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพกลับมาพัฒนาประเทศ

นโยบายเหล่านี้มีลักษณะเป็นภารกิจที่ต้องใช้ความต่อเนื่องและใช้เวลาหลายปีกว่าจะเห็นผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนจำเป็นต้องอาศัยการปฏิรูปกฎหมายและสถาบันการเงิน ในขณะที่การส่งเสริมการศึกษาในต่างประเทศต้องมีการวางแผนด้านงบประมาณและสร้างความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำของโลก แม้ว่าในปี 2568 จะยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน แต่การเริ่มต้นผลักดันนโยบายเหล่านี้ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีในการวางรากฐานเพื่ออนาคตของประเทศ

ตารางเปรียบเทียบผลการดำเนินนโยบายสำคัญปี 2568

ทิศทางนโยบายและแนวโน้มงบประมาณปี 2569

จากการ สรุปนโยบายรัฐบาล ในปี 2568 ที่ผ่านมา สามารถคาดการณ์ทิศทางการจัดสรรงบประมาณสำหรับ ปีงบประมาณ 2569 ได้ในระดับหนึ่ง โดยมีความเป็นไปได้สูงที่รัฐบาลจะยังคงให้ความสำคัญและจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมให้กับโครงการที่แสดงให้เห็นถึงความสำเร็จและความคืบหน้าที่ชัดเจน เช่น โครงการ ODOS และโครงการบ้านเพื่อคนไทย เพื่อต่อยอดและขยายผลให้ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่กว้างขึ้น

ในขณะเดียวกัน นโยบายที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและเผชิญกับความท้าทาย เช่น โครงการดิจิทัลวอลเล็ตและการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน อาจต้องมีการทบทวนรูปแบบการดำเนินงานและจัดสรรงบประมาณอย่างระมัดระวังมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าการใช้จ่ายเงินงบประมาณจะเกิดประสิทธิภาพสูงสุดและบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ การตัดสินใจด้านงบประมาณจะเป็นเครื่องบ่งชี้ที่สำคัญถึงลำดับความสำคัญของรัฐบาลในปีต่อไป ซึ่งสาธารณชนและนักวิเคราะห์ข่าวการเมืองล่าสุดต่างจับตามองอย่างใกล้ชิด

บทสรุปและแนวโน้มในอนาคต

โดยสรุป ผลงานรัฐบาลในปีงบประมาณ 2568 แสดงให้เห็นถึงความพยายามในการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้าทั้งในมิติของการแก้ไขปัญหาระยะยาวและการบรรเทาความเดือดร้อนเฉพาะหน้า มีนโยบายที่ประสบความสำเร็จและเห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะโครงการที่มุ่งสร้างโอกาสและวางรากฐานอนาคตของประเทศ ในขณะเดียวกัน ก็ยังมีนโยบายอีกหลายส่วนที่ยังคงเป็นความท้าทายและต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ผลสำเร็จ

การประเมินผลงานรัฐบาลเป็นกระบวนการที่ต่อเนื่อง การติดตามความคืบหน้าของนโยบายต่างๆ อย่างมีวิจารณญาณจึงเป็นหน้าที่สำคัญของทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อให้แน่ใจว่าการบริหารประเทศและการใช้งบประมาณแผ่นดินเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของประชาชนและนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง ทิศทางในปีงบประมาณ 2569 จะเป็นบทพิสูจน์ต่อไปถึงความสามารถของรัฐบาลในการแปลงนโยบายที่เหลืออยู่ให้กลายเป็นความจริงที่จับต้องได้