สรุปผลงานรัฐบาลปี 68: นโยบายไหนรุ่ง-ร่วง ก่อนเริ่มปีงบ 69
เมื่อปีงบประมาณ 2568 กำลังจะสิ้นสุดลง การประเมินผลการดำเนินงานของภาครัฐจึงเป็นประเด็นที่อยู่ในความสนใจของสาธารณชน บทความนี้จะนำเสนอการสรุปผลงานรัฐบาลปี 68: นโยบายไหนรุ่ง-ร่วง ก่อนเริ่มปีงบ 69 อย่างละเอียด โดยวิเคราะห์นโยบายสำคัญที่รัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ผลักดันตลอดทั้งปี เพื่อให้เห็นภาพรวมที่ชัดเจนของความสำเร็จ ความท้าทาย และทิศทางที่จะก้าวต่อไปในปีงบประมาณหน้า
- รัฐบาลชุดปัจจุบันได้แสดงความคืบหน้าที่ชัดเจนในการผลักดันนโยบายเร่งด่วน โดยเฉพาะโครงการที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การเข้าถึงที่อยู่อาศัย และการพัฒนาเทคโนโลยี
- นโยบายด้านเศรษฐกิจมุ่งเน้นการขยายฐานภาษีและนำธุรกิจนอกระบบเข้าสู่ระบบอย่างเป็นทางการ เพื่อเพิ่มรายได้และสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขัน
- ความท้าทายที่สำคัญยังคงเป็นนโยบายเชิงโครงสร้างระยะยาว เช่น ปัญหาสิ่งแวดล้อม สวัสดิการสังคม และการแก้ไขปัญหายาเสพติด ซึ่งต้องอาศัยเวลาและความต่อเนื่อง
- ผลการดำเนินงานในปี 2568 จะเป็นตัวกำหนดทิศทางและลำดับความสำคัญของงบประมาณแผ่นดินในปี 2569 โดยคาดว่าจะยังคงเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจควบคู่กับการพัฒนาที่ยั่งยืน
ภาพรวมผลงานรัฐบาลตลอดปีงบประมาณ 2568
ตลอดปีงบประมาณ 2568 รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายภายใต้กรอบหลัก 11 ข้อ ซึ่งแบ่งออกเป็นนโยบายระยะยาว 6 ข้อ และนโยบายเร่งด่วน 5 ข้อที่เน้นการสร้างโอกาสและผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมในระยะสั้น การดำเนินงานในช่วงแรกมุ่งเน้นไปที่การแก้ไขปัญหาปากท้องและฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่างๆ ขณะที่นโยบายระยะยาวถูกวางรากฐานเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน การประเมินผลงานจึงต้องพิจารณาทั้งความคืบหน้าของโครงการเร่งด่วนที่สามารถวัดผลได้ และการวางโครงสร้างสำหรับนโยบายระยะยาวที่ต้องใช้เวลาในการพิสูจน์ผลลัพธ์ การติดตามข่าวการเมืองล่าสุดจะช่วยให้เห็นภาพการทำงานที่ชัดเจนยิ่งขึ้น
แนวทางการทำงานของรัฐบาลสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างสมดุลระหว่างการแก้ปัญหาเฉพาะหน้ากับการวางรากฐานเพื่ออนาคต นโยบายที่ถูกผลักดันอย่างจริงจังมักเป็นโครงการที่ประชาชนให้ความสนใจและสามารถจับต้องได้ง่าย ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นและแรงสนับสนุนในการบริหารประเทศ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายที่แท้จริงอยู่ที่ความสามารถในการขับเคลื่อนนโยบายที่ซับซ้อนและต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ซึ่งผลลัพธ์อาจไม่ปรากฏในทันที แต่มีความสำคัญต่อเสถียรภาพของประเทศในระยะยาว
นโยบายที่ประสบความสำเร็จและมีความคืบหน้าชัดเจน (รุ่ง)

ในปี 2568 มีนโยบายหลายด้านที่รัฐบาลสามารถผลักดันจนเห็นความคืบหน้าอย่างเป็นรูปธรรม โครงการเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นนโยบายที่เคยประกาศไว้และสามารถเริ่มดำเนินการได้ตามกำหนดเวลา สะท้อนถึงศักยภาพในการบริหารจัดการและแปลงนโยบายสู่การปฏิบัติ
ODOS (หนึ่งอำเภอหนึ่งทุนการศึกษา): การฟื้นฟูโอกาสทางการศึกษา
โครงการหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนการศึกษา (ODOS) ถูกนำกลับมาผลักดันอย่างจริงจังอีกครั้ง และถือเป็นหนึ่งในนโยบายด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่โดดเด่นที่สุดของปีนี้ โดยเริ่มดำเนินการอย่างเข้มข้นตั้งแต่ช่วง 90 วันแรกของการบริหารงาน และมีความชัดเจนในหลักเกณฑ์และการคัดเลือกภายใน 6 เดือนแรก
คำจำกัดความและการดำเนินงาน: ODOS คือโครงการมอบทุนการศึกษาแก่เยาวชนที่มีผลการเรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์จากทุกอำเภอทั่วประเทศ เพื่อศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาทั้งในและต่างประเทศ เป้าหมายหลักคือการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาและสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพกลับมาพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติ ในปี 2568 รัฐบาลได้ปรับปรุงหลักเกณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงานสมัยใหม่ โดยเน้นสาขาวิชาที่เป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และคณิตศาสตร์ (STEM) รวมถึงสาขาดิจิทัลและปัญญาประดิษฐ์
ผลกระทบและการประยุกต์ใช้: ความสำเร็จของโครงการนี้ไม่เพียงแต่เป็นการมอบโอกาสให้แก่เยาวชนเป็นรายบุคคล แต่ยังเป็นการลงทุนในอนาคตของประเทศในระยะยาว การสร้างบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญสูงจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจไทย และช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาในระดับภูมิภาคเมื่อผู้รับทุนสำเร็จการศึกษากลับมาทำงานในภูมิลำเนาของตนเอง
โครงการบ้านเพื่อคนไทย: ความหวังของการมีที่อยู่อาศัย
ปัญหาการเข้าถึงที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญของสังคมไทย โครงการ “บ้านเพื่อคนไทย” จึงเป็นนโยบายที่ได้รับความสนใจจากประชาชนอย่างล้นหลาม โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางที่ต้องการมีบ้านเป็นของตนเอง
ความคืบหน้าและสถานะโครงการ: รัฐบาลได้ประกาศเปิดตัวโครงการและเปิดรับลงทะเบียนในระยะแรกเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยกระบวนการต่อไปคือการจับสลากผู้มีสิทธิ์เข้าร่วมโครงการในเดือนเมษายน 2568 และคาดว่าจะสามารถเริ่มส่งมอบบ้านล็อตแรกได้ในช่วงปลายปี 2569 ความคืบหน้าที่เป็นไปตามกำหนดเวลานี้สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ที่รอคอยและแสดงให้เห็นถึงความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหา
บริบทตลาดและความสำคัญ: โครงการนี้ไม่เพียงช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัยของประชาชน แต่ยังช่วยกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง เช่น วัสดุก่อสร้าง การจ้างงานในภาคก่อสร้าง และธุรกิจตกแต่งภายใน ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทย การมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคงยังเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างครอบครัวและพัฒนาคุณภาพชีวิตอีกด้วย
การจัดระเบียบธุรกิจนอกระบบ: เพิ่มรายได้รัฐและสร้างความเป็นธรรม
หนึ่งในนโยบายเรือธงด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในปีนี้ คือความพยายามในการนำธุรกิจที่อยู่นอกระบบหรือเศรษฐกิจใต้ดิน (Informal Economy) ให้เข้ามาอยู่ในระบบอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งเป็นแนวทางที่ท้าทายแต่ส่งผลกระทบในวงกว้าง
การยกระดับธุรกิจใต้ดินให้เข้าสู่ระบบ ไม่ใช่แค่การจัดเก็บภาษีเพิ่ม แต่คือการสร้างหลักประกันและสิทธิประโยชน์ให้แก่ผู้ประกอบการและแรงงาน เพื่อให้ทุกคนเติบโตไปพร้อมกันอย่างเป็นธรรม
เป้าหมายและแนวทางการดำเนินงาน: นโยบายนี้มีเป้าหมายหลัก 2 ประการ คือ 1) เพิ่มรายได้เข้ารัฐผ่านการขยายฐานภาษี และ 2) สร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันและให้ความคุ้มครองทางสังคมแก่ผู้ประกอบการและแรงงานในระบบเศรษฐกิจนอกระบบ รัฐบาลได้ใช้มาตรการทั้งด้านการส่งเสริมและจูงใจ เช่น การอำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนธุรกิจ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีในช่วงเริ่มต้น และการเชื่อมโยงกับระบบประกันสังคม เพื่อให้ผู้ประกอบการเห็นประโยชน์ของการเข้ามาอยู่ในระบบ
ความเสี่ยงและผลกระทบที่คาดหวัง: แม้จะมีความท้าทายในการนำไปปฏิบัติและอาจมีแรงต้านจากผู้ที่คุ้นชินกับการดำเนินธุรกิจแบบเดิม แต่หากทำสำเร็จ นโยบายนี้จะส่งผลดีต่อเสถียรภาพทางการคลังของประเทศในระยะยาว งบประมาณแผ่นดินที่เพิ่มขึ้นสามารถนำไปใช้ในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสวัสดิการสังคมได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ภาครัฐมีข้อมูลที่สมบูรณ์สำหรับใช้วางแผนนโยบายเศรษฐกิจได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
เป้าหมายสู่การเป็นศูนย์กลาง AI (AI Hub) แห่งภูมิภาค
ในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นหัวใจของการพัฒนา รัฐบาลได้ประกาศเป้าหมายที่ชัดเจนในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI Hub) ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นนโยบายที่มองไปข้างหน้าและสอดคล้องกับทิศทางของโลก
การลงทุนและนโยบายสนับสนุน: เพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าว รัฐบาลได้ริเริ่มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ เช่น การจัดตั้งศูนย์ข้อมูล (Data Center) ขนาดใหญ่ที่มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูง เพื่อรองรับการประมวลผลข้อมูลมหาศาล ควบคู่ไปกับการออกมาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับบริษัทเทคโนโลยี AI ทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีการวางนโยบายพัฒนากำลังคนอย่างเข้มข้น โดยร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อสร้างหลักสูตรที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรม AI โดยตรง
ศักยภาพและการประยุกต์ใช้: การเป็น AI Hub จะช่วยดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติ สร้างงานที่มีรายได้สูง และยกระดับอุตสาหกรรมต่างๆ ของไทยให้มีความสามารถในการแข่งขันสูงขึ้น ตั้งแต่ภาคการเกษตรอัจฉริยะ การแพทย์แม่นยำ ไปจนถึงภาคบริการและการเงิน การพัฒนาเทคโนโลยี AI ภายในประเทศจะช่วยลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศและสร้างความมั่นคงทางดิจิทัลให้กับประเทศในระยะยาว
นโยบายที่ยังต้องติดตามและประเมินผล (ร่วง/ท้าทาย)
ในขณะที่นโยบายเร่งด่วนหลายด้านมีความคืบหน้าอย่างน่าพอใจ ยังมีนโยบายอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งส่วนใหญ่เป็นปัญหาระยะยาวและมีความซับซ้อน ที่ยังคงอยู่ในขั้นตอนการวางแผนหรือเพิ่งเริ่มดำเนินการ ทำให้ยังไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจนและจำเป็นต้องมีการติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป
การแก้ปัญหาสังคมและสวัสดิการ: ความท้าทายในระยะยาว
นโยบายที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาศักยภาพของประชาชนและการจัดสวัสดิการสังคมอย่างทั่วถึง ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ทุกรัฐบาลต้องเผชิญ ในปี 2568 รัฐบาลได้มีการประกาศโครงการและแผนงานในด้านนี้ออกมาหลายส่วน แต่การนำไปสู่การปฏิบัติที่เกิดผลกระทบในวงกว้างยังคงเป็นสิ่งที่ต้องรอการพิสูจน์
สถานะปัจจุบัน: โครงการต่างๆ เช่น การยกระดับทักษะแรงงาน การดูแลผู้สูงอายุ และการสร้างตาข่ายความปลอดภัยทางสังคม (Social Safety Net) ได้เริ่มมีการวางแผนและจัดสรรงบประมาณเบื้องต้นแล้ว อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม เช่น อัตราการมีงานทำของผู้ผ่านการอบรมที่สูงขึ้น หรือคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุที่ดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ยังเป็นสิ่งที่ต้องประเมินในระยะต่อไป ความสำเร็จของนโยบายเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความต่อเนื่องของงบประมาณและความร่วมมือของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ปัญหาเชิงโครงสร้าง: สิ่งแวดล้อมและยาเสพติด
ปัญหาที่หยั่งรากลึกในสังคมไทยมานาน เช่น ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง, มลพิษทางอากาศจากฝุ่น PM 2.5, และการแพร่ระบาดของยาเสพติด เป็นปัญหาเชิงโครงสร้างที่ต้องอาศัยแนวทางแก้ไขแบบบูรณาการและใช้เวลายาวนาน
ความซับซ้อนและความท้าทาย: แม้รัฐบาลจะประกาศให้การแก้ไขปัญหาเหล่านี้เป็นวาระแห่งชาติ แต่กระบวนการดำเนินงานยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น การแก้ไขปัญหาน้ำต้องอาศัยการจัดการระบบชลประทานและการสร้างแหล่งกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นโครงการที่ใช้ทั้งงบประมาณและเวลามหาศาล เช่นเดียวกับการแก้ปัญหา PM 2.5 ที่ต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศในการควบคุมการเผาในที่โล่ง และการแก้ปัญหายาเสพติดที่ต้องทำทั้งการปราบปราม การป้องกัน และการบำบัดฟื้นฟูไปพร้อมกัน นโยบายเหล่านี้จึงยังคงเป็น “การบ้าน” ชิ้นใหญ่ที่รัฐบาลต้องเดินหน้าต่อในปีงบประมาณ 2569
ตารางเปรียบเทียบนโยบายรัฐบาลปี 2568: รุ่ง vs. ร่วง
| นโยบาย | สถานะ | ความคืบหน้า / ประเด็นท้าทาย |
|---|---|---|
| ODOS (หนึ่งอำเภอหนึ่งทุน) | รุ่ง | ดำเนินการอย่างรวดเร็ว มีการกำหนดหลักเกณฑ์ชัดเจนใน 6 เดือนแรก |
| บ้านเพื่อคนไทย | รุ่ง | เปิดลงทะเบียนระยะแรกเสร็จสิ้น เตรียมจับสลากสิทธิ์ตามกำหนดเวลา |
| การจัดระเบียบธุรกิจนอกระบบ | รุ่ง | เป็นนโยบายเศรษฐกิจเรือธง มีการผลักดันอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มรายได้รัฐ |
| เป้าหมาย AI Hub | รุ่ง | มีการลงทุนในศูนย์ข้อมูลและนโยบายพัฒนากำลังคนอย่างชัดเจน |
| สวัสดิการสังคม | ร่วง/ท้าทาย | ประกาศโครงการและวางแผนแล้ว แต่ต้องติดตามผลลัพธ์ในระยะต่อไป |
| ปัญหาสิ่งแวดล้อมและยาเสพติด | ร่วง/ท้าทาย | เป็นนโยบายระยะยาวเชิงโครงสร้าง ยังอยู่ในกระบวนการและต้องใช้เวลา |
มองไปข้างหน้า: ทิศทางงบประมาณปี 2569 และความคาดหวัง
จากบทสรุปผลงานรัฐบาลปี 68 สามารถคาดการณ์ทิศทางการจัดสรรงบประมาณแผ่นดินสำหรับปีงบประมาณ 2569 ได้ว่า รัฐบาลน่าจะยังคงให้ความสำคัญกับนโยบายที่สามารถสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว เพื่อรักษาแรงส่งในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย นโยบายที่ประสบความสำเร็จในปีที่ผ่านมา เช่น โครงการด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและการส่งเสริมการลงทุน มีแนวโน้มที่จะได้รับการสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมเพื่อขยายผลต่อไป
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลจำเป็นต้องเผชิญกับแรงกดดันในการจัดสรรงบประมาณให้มากขึ้นสำหรับนโยบายเชิงโครงสร้างที่ยังมีความคืบหน้าน้อย ประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมและสวัสดิการสังคมจะเป็นโจทย์สำคัญที่สาธารณชนคาดหวังให้เห็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นรูปธรรม การสร้างสมดุลระหว่างการลงทุนเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะสั้นกับการลงทุนเพื่อความยั่งยืนในระยะยาว จึงเป็นความท้าทายหลักในการวางแผนงบประมาณปี 2569 ซึ่งจะสะท้อนวิสัยทัศน์และลำดับความสำคัญของรัฐบาลในการบริหารประเทศต่อไป
บทสรุปและแนวโน้มการบริหารประเทศ
โดยสรุป ผลงานรัฐบาลในปีงบประมาณ 2568 แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการผลักดันนโยบายเร่งด่วนที่จับต้องได้ โดยเฉพาะในมิติของการสร้างโอกาสทางการศึกษา การเข้าถึงที่อยู่อาศัย การปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจ และการวางรากฐานด้านเทคโนโลยีแห่งอนาคต นโยบายเหล่านี้ได้รับเสียงตอบรับที่ดีและเริ่มแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์เบื้องต้น
อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จในการบริหารประเทศในภาพรวมยังคงขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดการกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่ซับซ้อนและเรื้อรัง ทั้งด้านสังคมและสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นความท้าทายที่ต้องอาศัยความต่อเนื่องและความมุ่งมั่นทางการเมืองอย่างแท้จริง เมื่อก้าวเข้าสู่ปีงบประมาณ 2569 ประชาชนยังคงต้องจับตาดูการทำงานของรัฐบาลอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อประเมินว่านโยบายที่ได้วางรากฐานไว้จะสามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อคนทุกกลุ่มในสังคมได้หรือไม่ การติดตามสรุปนโยบายรัฐบาลอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับพลเมืองที่ต้องการมีส่วนร่วมในการตรวจสอบและกำหนดทิศทางของประเทศ

