ปล้นทอง บิ๊กซี พระราม 4 สรุปเหตุ-เปิดเส้นทางหนี
เหตุการณ์คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ร้านทองในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองหลวงยังคงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างสูง โดยเฉพาะกรณีการปล้นร้านทองที่ห้างบิ๊กซี สาขาพระราม 4 ซึ่งคนร้ายได้ทองรูปพรรณไปเป็นจำนวนมาก บทความนี้จะทำการสรุปเหตุการณ์และเปิดเส้นทางหลบหนีอย่างละเอียด
ประเด็นสำคัญของเหตุการณ์
- คนร้ายลงมือก่อเหตุเพียงลำพัง โดยมีการวางแผนและเตรียมการมาเป็นอย่างดี ทั้งการปลอมตัวและการใช้อุปกรณ์เพื่อข่มขู่
- ทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายเป็นทองคำรูปพรรณน้ำหนักรวมกว่า 214 บาท คิดเป็นมูลค่าความเสียหายสูงถึง 8 ล้านบาท
- เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถแกะรอยเส้นทางหลบหนีของคนร้ายได้จากภาพในกล้องวงจรปิด ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นสำคัญในการติดตามตัว
- การสืบสวนมีความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเจ้าหน้าที่เชื่อมั่นว่าจะสามารถจับกุมผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีได้ในไม่ช้า
บทความนี้จะเจาะลึกถึงรายละเอียดของเหตุการณ์ ปล้นทอง บิ๊กซี พระราม 4 สรุปเหตุ-เปิดเส้นทางหนี ซึ่งเป็นคดีอาชญากรรมที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับสังคมเป็นอย่างมาก เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2562 ณ ห้างทองเยาวราชกรุงเทพ ซึ่งตั้งอยู่ภายในห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี สาขาพระราม 4 คนร้ายปฏิบัติการอย่างอุกอาจโดยลำพัง ใช้อาวุธปืนข่มขู่พนักงานและกวาดทองคำรูปพรรณมูลค่ามหาศาลไปได้สำเร็จ ก่อนจะหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว คดีนี้สะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการรักษาความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะ และความสำคัญของเทคโนโลยีกล้องวงจรปิดในการคลี่คลายคดีสำคัญ
เจาะลึกเหตุการณ์ปล้นกลางกรุง
เหตุการณ์ชิงทรัพย์ร้านทองในครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาทำการปกติ ซึ่งมีผู้คนสัญจรไปมาในห้างสรรพสินค้าเป็นจำนวนมาก แต่คนร้ายกลับอาศัยจังหวะและกลวิธีที่แยบยลในการลงมือ ทำให้สามารถก่อเหตุได้สำเร็จภายในเวลาอันสั้น พฤติการณ์ของคนร้ายแสดงให้เห็นถึงการวางแผนมาเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการเลือกสถานที่ เป้าหมาย และช่วงเวลาในการลงมือ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้การก่อเหตุเป็นไปอย่างราบรื่นและสร้างความสูญเสียอย่างมากให้กับผู้ประกอบการ
การปล้นครั้งนี้ไม่เพียงแต่สร้างความเสียหายทางการเงิน แต่ยังส่งผลกระทบต่อความรู้สึกปลอดภัยของประชาชนและพนักงานในพื้นที่อีกด้วย
กลอุบายและจังหวะการลงมือ
คนร้ายที่ก่อเหตุเป็นชายไม่ทราบชื่อ ลงมือเพียงคนเดียว โดยมีการอำพรางใบหน้าและตัวตนอย่างมิดชิด จากภาพที่บันทึกได้โดยกล้องวงจรปิด พบว่าคนร้ายสวมวิกผมและหน้ากากอนามัยเพื่อปกปิดใบหน้า สวมเสื้อแขนยาวสีขาว ทำให้ยากต่อการระบุรูปพรรณสัณฐานที่แท้จริง
กลวิธีที่คนร้ายใช้ในการเข้าถึงพนักงานคือการทำทีเป็นลูกค้าทั่วไป โดยยื่นกระดาษคล้ายใบสั่งอาหารให้กับพนักงานเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ เมื่อสบโอกาสจึงได้ชักอาวุธปืนออกมาข่มขู่พนักงานหญิงที่อยู่ในร้าน บังคับให้หยิบทองรูปพรรณในตู้โชว์ใส่ถุงที่เตรียมมา นอกจากนี้ เพื่อป้องกันการติดตามหรือขัดขวาง คนร้ายยังได้วางถุงบรรจุก้อนหินไว้บนเคาน์เตอร์ พร้อมกับข่มขู่ว่าเป็นระเบิด ทำให้พนักงานไม่กล้าขัดขืนหรือส่งเสียงร้องขอความช่วยเหลือ พฤติกรรมทั้งหมดนี้สะท้อนถึงการเตรียมการและการศึกษาข้อมูลของร้านมาเป็นอย่างดี
มูลค่าความเสียหายมหาศาล
ทรัพย์สินที่คนร้ายได้ไปจากการก่อเหตุในครั้งนี้คือทองคำรูปพรรณหลากหลายชนิด ซึ่งประกอบด้วยสร้อยคอ สร้อยข้อมือ และแหวนทองคำ น้ำหนักรวมที่ประเมินได้อยู่ที่ประมาณ 214-215 บาท จากการประเมินราคา ณ วันที่เกิดเหตุ ทองคำจำนวนดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่า 8 ล้านบาท นอกจากทองคำแล้ว คนร้ายยังได้เงินสดจำนวนหนึ่งจากลิ้นชักเก็บเงินไปอีกด้วย มูลค่าความเสียหายที่สูงเช่นนี้ทำให้คดีดังกล่าวก

