Shopping cart

ค่าครองชีพพุ่ง! อัปเดตราคาของแพง-ค่าไฟ-น้ำมันปลายปี 68

สารบัญ

สถานการณ์ค่าครองชีพพุ่ง! อัปเดตราคาของแพง-ค่าไฟ-น้ำมันปลายปี 68 ได้กลายเป็นหัวข้อสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการดำเนินชีวิตของครัวเรือนไทยทั่วประเทศ แม้ว่าภาพรวมดัชนีเงินเฟ้ออาจไม่สูงนัก แต่แรงกดดันจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและต้นทุนพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้บริโภคส่วนใหญ่รู้สึกถึงภาระค่าใช้จ่ายที่หนักหน่วงขึ้นอย่างชัดเจน บทความนี้จะวิเคราะห์สถานการณ์ดังกล่าวอย่างละเอียด เพื่อให้เห็นภาพรวมของความท้าทายทางเศรษฐกิจที่คนไทยกำลังเผชิญ

ประเด็นสำคัญที่น่าจับตา

  • ค่าใช้จ่ายครัวเรือนพุ่งสูง: ข้อมูลล่าสุด ณ เดือนพฤษภาคม 2568 ชี้ว่าค่าใช้จ่ายเฉลี่ยต่อครัวเรือนไทยพุ่งแตะระดับ 21,000 บาทต่อเดือน ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบ 15% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า สะท้อนถึงภาระที่หนักขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
  • ราคาอาหารและพลังงานเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก: แม้เงินเฟ้อโดยรวมจะอยู่ในระดับต่ำ แต่ราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่า “ของแพง” ขึ้นจริง
  • รายได้ไม่สอดคล้องกับรายจ่าย: ปัญหาสำคัญคือรายได้ของประชากรส่วนใหญ่เติบโตไม่ทันกับอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าครองชีพ ทำให้เกิดช่องว่างทางการเงินและเพิ่มความเปราะบางให้กับสถานะทางการเงินของครัวเรือน
  • ความกังวลและความเปราะบางทางการเงินสูงขึ้น: ผลสำรวจพบว่าผู้บริโภคกว่า 42% มีความกังวลเรื่องค่าครองชีพที่สูงขึ้น ขณะที่ครัวเรือนจำนวนมากมีเงินออมไม่เพียงพอสำหรับอนาคตหรือกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนถึงความเสี่ยงทางเศรษฐกิจในระดับครัวเรือน

สถานการณ์ค่าครองชีพในช่วงปลายปี 2568 ยังคงเป็นประเด็นที่น่ากังวลสำหรับสังคมไทย การทำความเข้าใจถึงสาเหตุและผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้สามารถวางแผนและปรับตัวรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สรุปภาพรวมสถานการณ์ค่าครองชีพปลายปี 2568

ในช่วงปลายปี 2568 ครัวเรือนไทยต้องเผชิญกับภาวะกดดันด้านค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง จากข้อมูลที่รวบรวมได้ในช่วง 5 เดือนแรกของปี พบว่าค่าใช้จ่ายรายเดือนเฉลี่ยต่อครัวเรือนได้ทะลุหลัก 20,000 บาทในทุกเดือน และแตะจุดสูงสุดที่ 21,000 บาทในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเกือบ 15% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงภาระทางการเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน แม้ว่าตัวเลขเงินเฟ้อทั่วไปของประเทศจะอยู่ในระดับต่ำหรือติดลบก็ตาม

ความรู้สึกว่า “ของแพง” นั้นไม่ได้เกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผล ผลสำรวจสภาวะการเงินของผู้บริโภคบ่งชี้ว่า ประชาชนมากถึง 42% แสดงความกังวลอย่างยิ่งต่อค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น ความขัดแย้งระหว่างตัวเลขเงินเฟ้อภาพรวมกับความรู้สึกของผู้บริโภคนี้ เกิดขึ้นจากโครงสร้างของดัชนีราคา ซึ่งสินค้าบางหมวดหมู่ที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตประจำวัน เช่น อาหารสดและพลังงาน มีการปรับราคาสูงขึ้นในอัตราที่เร็วกว่าดัชนีโดยรวม ทำให้ผู้บริโภค โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง สัมผัสถึงผลกระทบได้อย่างรุนแรงและรวดเร็ว

เจาะลึกปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนค่าครองชีพ

เจาะลึกปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนค่าครองชีพ

การที่ค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้นสวนทางกับดัชนีเงินเฟ้อทั่วไป มีปัจจัยขับเคลื่อนหลักอยู่สองประการที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างและสัมผัสได้ในชีวิตประจำวันของผู้คน นั่นคือ ราคาอาหารและเครื่องดื่ม และราคาพลังงาน ซึ่งเป็นต้นทุนพื้นฐานของสินค้าและบริการเกือบทุกชนิด

ราคาอาหารและเครื่องดื่ม: ภาระที่เห็นได้ชัดเจนที่สุด

หมวดอาหารและเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์เป็นหนึ่งในกลุ่มสินค้าที่มีการปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่องและสูงกว่าดัชนีเงินเฟ้อโดยรวม ปรากฏการณ์นี้ทำให้ผู้บริโภครู้สึกถึงภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องบริโภคทุกวัน การปรับขึ้นของราคาวัตถุดิบทางการเกษตร ต้นทุนการผลิต และค่าขนส่ง ล้วนส่งผลโดยตรงมายังราคาขายปลีก ไม่ว่าจะเป็นอาหารสดในตลาด หรืออาหารปรุงสำเร็จในร้านอาหารและศูนย์อาหาร ซึ่งล้วนแต่ปรับราคาสูงขึ้นตามต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

ราคาพลังงาน: ตัวเร่งปฏิกิริยาที่ส่งผลกระทบวงกว้าง

ราคาพลังงานถือเป็นตัวแปรสำคัญที่สุดที่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจไทย ข้อมูลระบุว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ต้นทุนพลังงานโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นราคาน้ำมันเชื้อเพลิง หรือค่าไฟฟ้า ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 23% การปรับขึ้นของราคาน้ำมันส่งผลโดยตรงต่อค่าขนส่งสินค้าทุกประเภท ทำให้ผู้ผลิตและผู้ประกอบการต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น และผลักภาระดังกล่าวมายังผู้บริโภคในท้ายที่สุด

สำหรับประเด็นเรื่องค่าไฟแพงนั้น แม้จะยังไม่มีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการถึงการปรับขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าในช่วงปลายปี 2568 แต่แนวโน้มต้นทุนพลังงานโลกที่ยังคงผันผวนและอยู่ในระดับสูง ย่อมเป็นแรงกดดันต่อโครงสร้างค่าไฟฟ้าของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ครัวเรือนและภาคธุรกิจจึงควรเตรียมพร้อมรับมือกับความไม่แน่นอนด้านราคาพลังงานที่อาจเกิดขึ้นได้ในอนาคต

ความท้าทายด้านรายได้และความเปราะบางทางการเงิน

นอกเหนือจากปัจจัยด้านรายจ่ายที่เพิ่มสูงขึ้นแล้ว สถานการณ์ฝั่งรายได้ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายสำคัญที่ทำให้ปัญหาค่าครองชีพทวีความรุนแรงขึ้น และส่งผลให้สถานะทางการเงินของครัวเรือนไทยจำนวนมากตกอยู่ในภาวะเปราะบาง

ช่องว่างระหว่างรายได้และรายจ่ายที่กว้างขึ้น

ปัญหาเชิงโครงสร้างที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย 2568 คือการที่รายได้ของประชากรส่วนใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มผู้ใช้แรงงานและพนักงานประจำ เติบโตในอัตราที่ช้ามาก หรือแทบไม่ขยับขึ้นเลย เมื่อเทียบกับอัตราการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิต ช่องว่างที่กว้างขึ้นระหว่างรายได้และรายจ่ายนี้ได้บั่นทอนกำลังซื้อและความสามารถในการออมของประชาชนลงอย่างต่อเนื่อง

ผู้บริโภคจำนวนมากรู้สึกตรงกันว่า “เงิน 1,000 บาทในวันนี้ สามารถใช้จ่ายได้สั้นลงและซื้อของได้น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด” แม้จะพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น หรือลดไลฟ์สไตล์ลงแล้วก็ตาม แต่ก็ยังคงรู้สึกถึงแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายที่ถีบตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ภาวะเงินออมที่ไม่เพียงพอต่ออนาคต

ความเปราะบางทางการเงินของครัวเรือนไทยสะท้อนให้เห็นผ่านข้อมูลด้านการออมที่น่าเป็นห่วง ผลสำรวจพบว่ากว่า 60% ของผู้ตอบแบบสอบถามมีเงินเก็บไม่ถึง 200,000 บาท ซึ่งเป็นจำนวนที่ไม่เพียงพอต่อการรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน หรือใช้เป็นทุนสำรองในยามฉุกเฉิน ที่น่ากังวลยิ่งกว่านั้นคือ ประชากรถึง 30% ยอมรับว่าไม่มีเงินเก็บเพื่อการเกษียณเลย สถานการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงความเสี่ยงในระยะยาวของประชากรกลุ่มใหญ่ ที่อาจต้องเผชิญกับความยากลำบากทางการเงินหลังพ้นวัยทำงาน

มุมมองของผู้บริโภคและภาพสะท้อนทางเศรษฐกิจ

แม้ตัวเลขทางเศรษฐศาสตร์มหภาคอาจบ่งชี้ว่าภาวะเงินเฟ้อไม่ได้รุนแรง แต่ในมุมมองของผู้บริโภค สถานการณ์กลับตรงกันข้าม การสนทนาในพื้นที่สังคมออนไลน์เต็มไปด้วยเสียงสะท้อนถึงความยากลำบากในการจัดการค่าใช้จ่ายประจำวัน หลายคนระบุว่าการวางแผนการเงินทำได้ยากขึ้น และต้องใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อควบคุมรายจ่ายให้อยู่ในงบประมาณที่จำกัด

ตารางเปรียบเทียบข้อมูลค่าครองชีพและความกังวลของผู้บริโภค ปี 2567-2568
ปี/ดัชนี เงินเฟ้อ (ภาพรวม) ค่าครองชีพเฉลี่ย (บาท/เดือน) สัดส่วนผู้บริโภคที่กังวล (%)
2567 (ประมาณการ) ต่ำ/ติดลบ ~20,000 42
พฤษภาคม 2568 21,000

จากตารางจะเห็นได้ว่า แม้ตัวเลขเงินเฟ้อในปี 2567 จะอยู่ในระดับต่ำ แต่ค่าใช้จ่ายจริงของครัวเรือนกลับมีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2568 ซึ่งสอดคล้องกับระดับความกังวลของผู้บริโภคที่อยู่ในระดับสูง สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ดัชนีทางเศรษฐกิจไม่สามารถอธิบายความรู้สึกและประสบการณ์จริงของผู้คนได้อย่างสมบูรณ์เสมอไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อโครงสร้างรายจ่ายกระจุกตัวอยู่ที่สินค้าจำเป็นซึ่งมีราคาผันผวนสูง

บทสรุปและแนวทางการปรับตัวในภาวะค่าครองชีพสูง

โดยสรุป สถานการณ์ค่าครองชีพพุ่งสูงในช่วงปลายปี 2568 เป็นผลพวงมาจากปัจจัยซับซ้อนหลายประการ โดยมีราคาอาหารและราคาพลังงานเป็นตัวขับเคลื่อนหลัก ขณะที่รายได้ของประชาชนส่วนใหญ่เติบโตไม่ทันกับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น ปรากฏการณ์นี้ได้สร้างแรงกดดันและความเปราะบางทางการเงินให้กับครัวเรือนไทยเป็นวงกว้าง และกลายเป็นความท้าทายสำคัญต่อแนวโน้มเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม

ในภาวะที่เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน การวางแผนทางการเงินอย่างรอบคอบจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง การจัดทำบัญชีรายรับ-รายจ่าย การลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น การมองหาแหล่งรายได้เสริม และการเริ่มต้นสร้างวินัยการออม แม้จะเป็นจำนวนเงินไม่มากในแต่ละเดือน ล้วนเป็นแนวทางที่สามารถช่วยเพิ่มความมั่นคงทางการเงินและสร้างเกราะป้องกันเพื่อรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้ การติดตามข้อมูลข่าวสารด้านเศรษฐกิจอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถปรับตัวและวางแผนการใช้จ่ายได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930