บุ้ง ทะลุวัง เสียชีวิต สรุปเหตุ-ข้อเรียกร้องอดอาหาร
เหตุการณ์ บุ้ง ทะลุวัง เสียชีวิต สรุปเหตุ-ข้อเรียกร้องอดอาหาร ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่สังคมให้ความสนใจอย่างกว้างขวาง การจากไปของเนติพร เสน่ห์สังคม หรือ “บุ้ง” นักกิจกรรมทางการเมืองในวัย 28 ปี ระหว่างการถูกคุมขัง ได้จุดประกายให้เกิดคำถามและการถกเถียงเกี่ยวกับกระบวนการยุติธรรม สิทธิของผู้ต้องขัง และมาตรฐานการดูแลทางการแพทย์ในเรือนจำ
ภาพรวมของเหตุการณ์
เนติพร เสน่ห์สังคม หรือที่รู้จักกันในชื่อ “บุ้ง ทะลุวัง” เป็นนักกิจกรรมทางการเมืองที่เคลื่อนไหวเรียกร้องการปฏิรูปสถาบันและกระบวนการยุติธรรม เธอถูกดำเนินคดีในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หรือกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ จากการทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ berupa การทำโพลสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวกับขบวนเสด็จ ซึ่งนำไปสู่การถูกคุมขังในเรือนจำตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม 2567
เพื่อเป็นการประท้วงต่อคำสั่งคุมขังและเรียกร้องในประเด็นทางการเมือง บุ้งได้ตัดสินใจอดอาหารและน้ำ (Dry Hunger Strike) เป็นระยะเวลายาวนานถึง 110 วัน การประท้วงด้วยวิธีการนี้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อสภาพร่างกายของเธอ จนกระทั่งเกิดเหตุการณ์วิกฤตที่นำไปสู่การเสียชีวิตในวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ท่ามกลางความพยายามของทีมแพทย์ในการยื้อชีวิต
การเสียชีวิตของบุ้ง ทะลุวัง ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อสังคมไทย และกระตุ้นให้เกิดการตรวจสอบมาตรฐานการดูแลผู้ต้องขังทางการเมือง รวมถึงการตั้งคำถามถึงความจำเป็นในการคุมขังผู้เห็นต่างทางการเมืองที่คดียังไม่ถึงที่สุด
เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่เป็นเรื่องราวโศกนาฏกรรมส่วนบุคคล แต่ยังสะท้อนถึงปัญหาเชิงโครงสร้างในกระบวนการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย ซึ่งกลายเป็นหัวข้อที่ถูกหยิบยกขึ้นมาอภิปรายอย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ
ไทม์ไลน์สำคัญ: จากจุดเริ่มต้นสู่โศกนาฏกรรม
การเสียชีวิตของบุ้ง ทะลุวัง เป็นผลลัพธ์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 3 เดือน การทำความเข้าใจลำดับเหตุการณ์จะช่วยให้เห็นภาพรวมของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
การเข้าสู่เรือนจำและการเริ่มอดอาหาร
จุดเริ่มต้นของเหตุการณ์สืบเนื่องมาจากการที่ศาลอาญามีคำสั่งถอนประกันตัวบุ้งและเพื่อนนักกิจกรรมอีกคนคือ “ตะวัน” ในคดีมาตรา 112 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2567 ทำให้ทั้งสองถูกนำตัวไปคุมขังที่ทัณฑสถานหญิงกลางทันที เพื่อเป็นการแสดงจุดยืนและเรียกร้องต่อสิ่งที่พวกเขามองว่าเป็นความไม่เป็นธรรม ทั้งสองได้ประกาศเริ่มอดอาหารและน้ำตั้งแต่วันแรกที่เข้าสู่เรือนจำ
การตัดสินใจอดอาหารเป็นการประท้วงเชิงอารยะขัดขืนที่นักกิจกรรมทั่วโลกใช้เพื่อเรียกร้องความสนใจต่อประเด็นต่างๆ สำหรับบุ้งและตะวัน การกระทำดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อกดดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในกระบวนการยุติธรรมไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นการให้สิทธิประกันตัวแก่ผู้ต้องหาในคดีการเมือง
การต่อสู้ยาวนาน 110 วัน
ตลอดระยะเวลา 110 วัน สภาพร่างกายของบุ้ง ทะลุวัง เสื่อมถอยลงอย่างต่อเนื่อง การอดอาหารและน้ำส่งผลกระทบต่อระบบการทำงานของอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกายอย่างรุนแรง ทำให้เธอต้องถูกย้ายตัวระหว่างทัณฑสถานหญิงกลางและโรงพยาบาลราชทัณฑ์เพื่อรับการดูแลทางการแพทย์เป็นระยะ อย่างไรก็ตาม เธอยังคงยืนยันที่จะประท้วงต่อไปจนกว่าข้อเรียกร้องจะได้รับการตอบสนอง
สถานการณ์ดังกล่าวได้รับความสนใจจากองค์กรสิทธิมนุษยชนและสื่อมวลชนอย่างต่อเนื่อง มีการเรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาดูแลและหาทางแก้ไข แต่กระบวนการทางกฎหมายยังคงดำเนินต่อไป จนกระทั่งสภาพร่างกายของเธอเข้าสู่ภาวะวิกฤตและไม่สามารถฟื้นฟูได้ทันเวลา
สาเหตุการเสียชีวิตและรายละเอียดทางการแพทย์

การเสียชีวิตของบุ้ง ทะลุวัง เกิดขึ้นภายใต้การดูแลของแพทย์ในสถานพยาบาลของกรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลภายนอก ข้อมูลทางการแพทย์จึงเป็นหลักฐานสำคัญที่ช่วยอธิบายถึงสาเหตุและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
การวินิจฉัยจากโรงพยาบาล
ตามหนังสือรับรองการตายที่ออกโดยโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นสถานพยาบาลสุดท้ายที่บุ้งถูกส่งตัวไปรักษา ได้ระบุสาเหตุการเสียชีวิตไว้ 3 ประการหลัก ได้แก่:
- ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน (Acute Heart Failure): เป็นภาวะที่หัวใจไม่สามารถสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้อย่างเพียงพอ ซึ่งอาจเกิดจากหลายปัจจัย รวมถึงความผิดปกติของเกลือแร่และการขาดสารอาหารอย่างรุนแรง
- ภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ (Electrolyte Imbalance): การอดอาหารและน้ำเป็นเวลานานทำให้ระดับเกลือแร่ที่จำเป็นต่อการทำงานของเซลล์และอวัยวะต่างๆ เช่น โซเดียม โพแทสเซียม ในร่างกายเสียสมดุลไปอย่างสิ้นเชิง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและระบบประสาท
- ภาวะหัวใจโต (Cardiomegaly): ภาวะที่หัวใจมีขนาดใหญ่กว่าปกติ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากการที่หัวใจต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อชดเชยการทำงานที่บกพร่องจากภาวะขาดสารอาหารและเกลือแร่เป็นเวลานาน
เหตุการณ์ในชั่วโมงสุดท้าย
รายงานระบุว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 14 พฤษภาคม 2567 ขณะที่บุ้งอยู่ในการดูแลของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เธอเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้นกะทันหัน ทีมแพทย์ได้พยายามทำการช่วยฟื้นคืนชีพ (CPR) หรือการปั๊มหัวใจเป็นเวลานานกว่า 2 ชั่วโมง แต่การตอบสนองไม่เป็นที่น่าพอใจ
จากนั้นจึงมีการตัดสินใจส่งตัวเธอไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ ซึ่งมีเครื่องมือและทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมกว่า อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่าเมื่อบุ้งเดินทางไปถึงโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ เธอไม่มีสัญญาณชีพแล้ว แม้ทีมแพทย์จะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตเธอไว้ได้
ข้อเรียกร้องทางการเมืองที่เป็นหัวใจของการประท้วง
การอดอาหารประท้วงของบุ้ง ทะลุวัง ไม่ใช่เพียงการต่อสู้เพื่ออิสรภาพของตนเอง แต่เป็นการเรียกร้องในประเด็นที่ใหญ่กว่านั้น ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่ม “ทะลุวัง” และนักกิจกรรมทางการเมืองหลายกลุ่ม ข้อเรียกร้องสำคัญที่เธอและเพื่อนนักกิจกรรมยึดถือเป็นหลักในการต่อสู้ครั้งนี้ประกอบด้วย 2 ประเด็นหลัก:
- การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม: ข้อเรียกร้องนี้มุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและแนวปฏิบัติในกระบวนการยุติธรรมของไทยให้มีความเป็นสากลและเคารพหลักสิทธิมนุษยชนมากขึ้น โดยเฉพาะการเรียกร้องให้ศาลคำนึงถึงหลักสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ (Presumption of Innocence) และให้สิทธิในการประกันตัวแก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีการเมืองทุกคน
- การยุติการคุมขังผู้เห็นต่างทางการเมือง: เป็นการเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักโทษการเมืองหรือผู้ที่ถูกคุมขังจากการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างทางการเมืองทั้งหมด โดยมองว่าการใช้กฎหมาย โดยเฉพาะมาตรา 112 เป็นเครื่องมือในการจำกัดเสรีภาพในการแสดงออกและปิดกั้นการวิพากษ์วิจารณ์
ข้อเรียกร้องเหล่านี้สะท้อนถึงความต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในสังคมไทย และเป็นสิ่งที่ผลักดันให้บุ้งตัดสินใจใช้วิธีการประท้วงที่รุนแรงที่สุดต่อร่างกายของตนเอง เพื่อส่งเสียงให้สังคมและผู้มีอำนาจได้รับรู้ถึงปัญหาดังกล่าว
| ประเด็น | รายละเอียด |
|---|---|
| บุคคล | เนติพร เสน่ห์สังคม (บุ้ง ทะลุวัง) อายุ 28 ปี |
| ข้อหาหลัก | ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 |
| วันที่เริ่มคุมขัง | 26 มกราคม 2567 |
| ระยะเวลาอดอาหาร | 110 วัน |
| วันที่เสียชีวิต | 14 พฤษภาคม 2567 |
| สาเหตุการเสียชีวิต | ภาวะหัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน, ภาวะสมดุลเกลือแร่ผิดปกติ, หัวใจโต |
| ข้อเรียกร้องหลัก | ปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม และ ยุติการคุมขังผู้เห็นต่างทางการเมือง |
ประเด็นข้อสงสัยและกระบวนการตรวจสอบ
แม้จะมีเอกสารทางการแพทย์ที่ระบุสาเหตุการเสียชีวิตอย่างชัดเจน แต่การจากไปของบุ้ง ทะลุวัง ยังคงมีประเด็นข้อสงสัยบางประการที่ทางทนายความและครอบครัวต้องการความชัดเจนเพิ่มเติม โดยเฉพาะในประเด็นเรื่องมาตรฐานการดูแลรักษาของกรมราชทัณฑ์
ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนได้ตั้งข้อสังเกตและยื่นเรื่องขอตรวจสอบข้อมูลหลายประการ ซึ่งรวมถึง:
- ประวัติการรักษาย้อนหลัง: เพื่อตรวจสอบว่าบุ้งได้รับการดูแลรักษาทางการแพทย์ที่เหมาะสมและทันท่วงทีตลอดระยะเวลาที่อดอาหารหรือไม่
- ภาพจากกล้องวงจรปิด (CCTV): มีการร้องขอภาพจากกล้องวงจรปิดในห้องควบคุมของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อตรวจสอบลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงวิกฤต โดยมีข้อสงสัยว่าบุ้งอาจเสียชีวิตตั้งแต่ขณะที่ยังอยู่ในความดูแลของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ก่อนที่จะถูกส่งตัวต่อไปยังโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ
- ความพร้อมของอุปกรณ์การแพทย์: มีการตั้งคำถามถึงความพร้อมของอุปกรณ์ช่วยชีวิตในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ว่ามีมาตรฐานและเพียงพอต่อการรับมือกับภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์หรือไม่
ประเด็นเหล่านี้ทำให้กรมราชทัณฑ์และกระทรวงยุติธรรมต้องออกมาชี้แจงต่อสาธารณชน และตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อสร้างความโปร่งใสและตอบข้อสงสัยของสังคม ซึ่งกระบวนการตรวจสอบยังคงดำเนินต่อไป
บทสรุปและผลกระทบต่อสังคม
การเสียชีวิตของ บุ้ง ทะลุวัง ภายหลังการอดอาหารประท้วงนาน 110 วัน ได้กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่สะท้อนปัญหาเชิงลึกในสังคมและการเมืองไทย เหตุการณ์นี้ไม่ได้เป็นเพียงการสูญเสียของนักกิจกรรมคนหนึ่ง แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของการต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพและกระบวนการยุติธรรมที่เป็นธรรม
ผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ก่อให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางต่อการบังคับใช้กฎหมายมาตรา 112 และมาตรฐานการปฏิบัติต่อผู้ต้องขังทางการเมือง กระแสสังคมได้เรียกร้องให้มีการทบทวนแนวทางการคุมขังผู้ที่คดียังไม่ถึงที่สุด และเร่งรัดการปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมให้สอดคล้องกับหลักสิทธิมนุษยชนสากล
เรื่องราวของบุ้ง ทะลุวัง ได้จุดประกายให้สังคมหันมาให้ความสำคัญกับประเด็นนักโทษทางความคิดมากขึ้น และสร้างแรงกดดันให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องทบทวนบทบาทและแนวทางปฏิบัติของตนเองอย่างจริงจัง เหตุการณ์นี้จะยังคงถูกจดจำในฐานะบทเรียนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองไทยร่วมสมัยต่อไป

