23 ก.ย. วันศารทวิษุวัต กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน!
ในแต่ละปี โลกของเราโคจรไปรอบดวงอาทิตย์พร้อมกับแสดงปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ที่น่าทึ่งมากมาย หนึ่งในนั้นคือวันที่ช่วงเวลากลางวันและกลางคืนมีความยาวเท่ากันพอดี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของฤดูกาลอย่างเป็นทางการ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นปีละสองครั้ง และครั้งสำคัญที่กำลังจะมาถึงคือ “วันศารทวิษุวัต” ซึ่งในปี พ.ศ. 2568 จะตรงกับวันที่ 23 กันยายน
สาระสำคัญของวันศารทวิษุวัต
- วันแห่งความเท่าเทียม: วันที่ 23 กันยายน 2568 เป็นวันศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox) ซึ่งเป็นวันที่แกนโลกไม่ได้เอียงเข้าหาหรือออกจากดวงอาทิตย์ ทำให้ทุกพื้นที่ทั่วโลกได้รับแสงสว่างเป็นเวลาประมาณ 12 ชั่วโมงเท่ากัน
- จุดเปลี่ยนฤดูกาล: ปรากฏการณ์นี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วงอย่างเป็นทางการสำหรับประเทศในซีกโลกเหนือ ในขณะที่ประเทศในซีกโลกใต้จะเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิ
- ทิศทางที่แม่นยำ: ในวันศารทวิษุวัต ดวงอาทิตย์จะขึ้นจากขอบฟ้าทางทิศตะวันออกและตกลับขอบฟ้าทางทิศตะวันตกอย่างแม่นยำ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเพียงสองวันในหนึ่งปีเท่านั้น
- ความสำคัญทางดาราศาสตร์: เป็นวันที่ระนาบเส้นศูนย์สูตรของโลกเคลื่อนที่ผ่านศูนย์กลางของดวงอาทิตย์พอดี แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์เชิงกลศาสตร์ของระบบสุริยะได้อย่างชัดเจน
ในวันที่ 23 ก.ย. วันศารทวิษุวัต กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน! เป็นช่วงเวลาพิเศษที่ธรรมชาติแสดงให้เห็นถึงความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่มีความสำคัญต่อนักดาราศาสตร์ แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อสภาพอากาศและฤดูกาลบนโลกของเรา การทำความเข้าใจถึงที่มาและกลไกของวันศารทวิษุวัตจึงเป็นการเปิดมุมมองให้เห็นถึงความมหัศจรรย์ของจักรวาลและความเชื่อมโยงระหว่างการโคจรของดาวเคราะห์กับชีวิตบนโลก
ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อใด และเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น? สำหรับผู้ที่สนใจในวิทยาศาสตร์และปรากฏการณ์ธรรมชาติ วันศารทวิษุวัตคือหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญที่ไม่ควรพลาด การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นผลมาจากแกนหมุนของโลกที่เอียงทำมุมประมาณ 23.5 องศา ขณะโคจรรอบดวงอาทิตย์ ทำให้ในแต่ละช่วงของปี ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้จะได้รับปริมาณแสงแดดไม่เท่ากัน ก่อให้เกิดเป็นฤดูกาลต่างๆ แต่วันวิษุวัตคือจุดที่ความเอียงของแกนโลกอยู่ในตำแหน่งที่ไม่หันเข้าหาหรือออกจากดวงอาทิตย์โดยตรง
เจาะลึกปรากฏการณ์วันศารทวิษุวัต
เพื่อทำความเข้าใจปรากฏการณ์นี้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จำเป็นต้องพิจารณาถึงนิยามทางวิทยาศาสตร์และกลไกการโคจรของโลกที่ทำให้เกิดวันอันน่าทึ่งนี้ขึ้น ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลทั่วโลก
นิยามและความหมายจากรากศัพท์
คำว่า “วิษุวัต” ในภาษาไทยนั้น มีที่มาจากคำภาษาอังกฤษว่า “Equinox” ซึ่งมีรากศัพท์มาจากภาษาละตินสองคำประกอบกัน คือ Aequus ที่แปลว่า “เท่ากัน” (Equal) และ Nox ที่แปลว่า “กลางคืน” (Night) เมื่อรวมกันแล้ว “Equinox” จึงมีความหมายตรงตัวว่า “กลางคืนที่ยาวนานเท่ากับกลางวัน” หรือที่เรียกกันในแวดวงดาราศาสตร์ว่า “จุดราตรีเสมอภาค”
ส่วนคำว่า “ศารท” (อ่านว่า สา-ระ-ทะ) มาจากคำว่า “ศารทกาล” ซึ่งหมายถึงฤดูใบไม้ร่วง ดังนั้น “ศารทวิษุวัต” (Autumnal Equinox) จึงหมายถึง จุดที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากันในช่วงเริ่มต้นของฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกเหนือ
วันศารทวิษุวัต คือวันที่ระนาบเส้นศูนย์สูตรของโลก (Celestial Equator) ตัดกับระนาบวงโคจรของโลกรอบดวงอาทิตย์ (Ecliptic Plane) ทำให้ดวงอาทิตย์ปรากฏอยู่เหนือเส้นศูนย์สูตรพอดี แสงจึงส่องไปยังซีกโลกทั้งสองอย่างเท่าเทียมกัน
กลไกทางดาราศาสตร์: เหตุผลที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากัน
สาเหตุหลักที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์นี้คือการที่แกนของโลกเอียงทำมุมคงที่ประมาณ 23.5 องศาเทียบกับระนาบการโคจรรอบดวงอาทิตย์ ความเอียงนี้เองที่เป็นต้นกำเนิดของฤดูกาลต่างๆ บนโลก
ในช่วงเวลาส่วนใหญ่ของปี ซีกโลกใดซีกโลกหนึ่งจะเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์มากกว่า ทำให้ได้รับแสงแดดโดยตรงและมีช่วงเวลากลางวันที่ยาวนานกว่า ส่งผลให้เกิดฤดูร้อน ในขณะที่อีกซีกโลกหนึ่งจะเอียงออกจากดวงอาทิตย์ ทำให้ได้รับแสงแดดน้อยลงและมีช่วงเวลากลางคืนที่ยาวนานกว่า ส่งผลให้เกิดฤดูหนาว
อย่างไรก็ตาม มีเพียงสองจุดในวงโคจรของโลกที่แกนเอียงนี้ไม่ได้ชี้เข้าหาหรือออกจากดวงอาทิตย์โดยตรง แต่จะอยู่ในลักษณะ “ตั้งฉาก” กับแนวแสงอาทิตย์ ณ จุดนี้ ดวงอาทิตย์จะส่องแสงตรงมายังเส้นศูนย์สูตรของโลกพอดี ทำให้ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ได้รับพลังงานแสงอาทิตย์ในปริมาณที่เท่ากัน และส่งผลให้ระยะเวลากลางวันและกลางคืนยาวนานใกล้เคียง 12 ชั่วโมงเท่ากันทั่วทั้งโลก จุดทั้งสองนี้ก็คือ วันวิษุวัต นั่นเอง
23 ก.ย. วันศารทวิษุวัต กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน! และความสำคัญต่อโลก
วันศารทวิษุวัตไม่ได้เป็นเพียงเหตุการณ์ทางดาราศาสตร์ที่น่าสนใจ แต่ยังเป็นหมุดหมายสำคัญที่บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศบนโลก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
จุดเริ่มต้นแห่งฤดูใบไม้ร่วงและฤดูใบไม้ผลิ
ความสำคัญที่ชัดเจนที่สุดของวันศารทวิษุวัต คือการเป็นวันเริ่มต้นฤดูกาลใหม่อย่างเป็นทางการตามหลักดาราศาสตร์
- สำหรับซีกโลกเหนือ: นับตั้งแต่วันที่ 23 กันยายนเป็นต้นไป ซีกโลกเหนือจะเริ่มเอียงออกจากดวงอาทิตย์มากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ช่วงเวลากลางวันจะค่อยๆ สั้นลง และช่วงเวลากลางคืนจะยาวนานขึ้น อุณหภูมิจะเริ่มลดต่ำลง เป็นการเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) อย่างเต็มตัว
- สำหรับซีกโลกใต้: ในทางกลับกัน ซีกโลกใต้จะเริ่มเอียงเข้าหาดวงอาทิตย์มากขึ้น ทำให้ช่วงเวลากลางวันยาวนานขึ้น และกลางคืนสั้นลง อุณหภูมิจะเริ่มสูงขึ้น เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ (Spring)
การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นวัฏจักรที่เกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี และมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อภาคเกษตรกรรม การอพยพของสัตว์ และพฤติกรรมของสิ่งมีชีวิตต่างๆ ที่ต้องปรับตัวให้เข้ากับสภาพอากาศและปริมาณแสงแดดที่เปลี่ยนไป
ปรากฏการณ์ราตรีเสมอภาคสองครั้งในหนึ่งปี
ปรากฏการณ์ที่กลางวันและกลางคืนยาวเท่ากันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวต่อปี แต่จะเกิดขึ้นสองครั้ง โดยมีชื่อเรียกและช่วงเวลาที่แตกต่างกันตามตำแหน่งการโคจรของโลก ดังนี้
คุณสมบัติ | วสันตวิษุวัต (Vernal Equinox) | ศารทวิษุวัต (Autumnal Equinox) |
---|---|---|
ช่วงเวลา | ประมาณวันที่ 20 หรือ 21 มีนาคม | ประมาณวันที่ 22 หรือ 23 กันยายน |
ฤดูกาลในซีกโลกเหนือ | เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ (Spring) | เริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) |
ฤดูกาลในซีกโลกใต้ | เริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วง (Autumn) | เริ่มต้นฤดูใบไม้ผลิ (Spring) |
แนวโน้มความยาวกลางวัน (ซีกโลกเหนือ) | กลางวันเริ่มยาวนานขึ้น | กลางวันเริ่มสั้นลง |
การสังเกตการณ์ในประเทศไทย
สำหรับประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ใกล้เส้นศูนย์สูตร ผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงความยาวของกลางวันและกลางคืนอาจไม่เด่นชัดเท่ากับประเทศในเขตละติจูดสูงๆ อย่างไรก็ตาม การสังเกตการณ์ในวันศารทวิษุวัตยังคงเผยให้เห็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้
จากข้อมูลของสถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ในวันศารทวิษุวัตที่ 23 กันยายน 2568 ประเทศไทยจะสามารถสังเกตการณ์ดวงอาทิตย์ขึ้นได้ในเวลาประมาณ 06:07 น. และจะตกลับขอบฟ้าในเวลาประมาณ 18:13 น. ซึ่งเมื่อคำนวณแล้วจะพบว่าช่วงเวลากลางวันมีความยาวใกล้เคียงกับ 12 ชั่วโมงมากที่สุดในรอบครึ่งปีหลังนี้
ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจเกี่ยวกับวันศารทวิษุวัต
นอกเหนือจากความสำคัญทางฤดูกาลแล้ว วันวิษุวัตยังมีแง่มุมที่น่าสนใจอื่นๆ อีกหลายประการที่เกี่ยวข้องกับดาราศาสตร์และการรับรู้ของมนุษย์
วันที่ดวงอาทิตย์ขึ้น-ตก ตรงทิศอย่างสมบูรณ์
หนึ่งในปรากฏการณ์ที่พิเศษที่สุดของวันวิษุวัตคือ เป็นเพียงสองวันในรอบปีที่ดวงอาทิตย์จะขึ้นจากขอบฟ้าทาง “ทิศตะวันออกแท้” (Due East) และตกลับขอบฟ้าทาง “ทิศตะวันตกแท้” (Due West) อย่างสมบูรณ์แบบ ในวันอื่นๆ ของปี ตำแหน่งการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์จะเบี่ยงเบนไปทางเหนือหรือใต้เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับฤดูกาล ดังนั้น หากต้องการหาทิศตะวันออกและทิศตะวันตกที่แม่นยำที่สุดโดยใช้ดวงอาทิตย์เป็นเกณฑ์ วันศารทวิษุวัตคือวันที่เหมาะสมที่สุด
ความยาวของวันในทางปฏิบัติ
แม้ในทางทฤษฎี วันวิษุวัตควรมีกลางวันและกลางคืนยาว 12 ชั่วโมงพอดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ช่วงเวลากลางวันมักจะยาวนานกว่า 12 ชั่วโมงเล็กน้อย สาเหตุหลักมาจากปรากฏการณ์สองอย่าง:
- การหักเหของแสงในชั้นบรรยากาศ: ชั้นบรรยากาศของโลกจะทำให้แสงอาทิตย์เกิดการหักเห ทำให้เรามองเห็นดวงอาทิตย์ได้แม้ว่าตัวดวงอาทิตย์จะอยู่ต่ำกว่าขอบฟ้าไปแล้วเล็กน้อย ซึ่งส่งผลให้เราเห็นพระอาทิตย์ขึ้นเร็วขึ้น และตกช้าลง
- นิยามของพระอาทิตย์ขึ้นและตก: การนับเวลาพระอาทิตย์ขึ้นจะเริ่มเมื่อ “ขอบบน” ของดวงอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า และสิ้นสุดเมื่อ “ขอบบน” ของดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป ซึ่งหมายความว่าศูนย์กลางของดวงอาทิตย์จะใช้เวลาเดินทางเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทำให้ช่วงเวลากลางวันยาวนานกว่ากลางคืนเล็กน้อยในทางปฏิบัติ
บทสรุป: ความมหัศจรรย์แห่งความสมดุลของจักรวาล
วันที่ 23 กันยายน 2568 ซึ่งเป็นวันศารทวิษุวัต ถือเป็นมากกว่าแค่วันที่กลางวันยาวเท่ากับกลางคืน ปรากฏการณ์นี้เป็นเครื่องยืนยันถึงความแม่นยำและพลวัตของการโคจรในระบบสุริยะ เป็นผลลัพธ์ที่งดงามจากความสัมพันธ์ระหว่างการเอียงของแกนโลกและการเดินทางรอบดวงอาทิตย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความหลากหลายทางชีวภาพและกำหนดวิถีชีวิตบนดาวเคราะห์ดวงนี้
การมาถึงของวันศารทวิษุวัตไม่เพียงแต่เป็นสัญญาณของการเริ่มต้นฤดูใบไม้ร่วงในซีกโลกเหนือและฤดูใบไม้ผลิในซีกโลกใต้ แต่ยังเป็นโอกาสให้เราได้หยุดสังเกตและตระหนักถึงวัฏจักรของธรรมชาติที่ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องและสมดุล การทำความเข้าใจปรากฏการณ์ดาราศาสตร์เช่นนี้ ช่วยเพิ่มพูนความรู้และสร้างความเคารพต่อโลกและจักรวาลที่เราเป็นส่วนหนึ่ง