Shopping cart

21 ก.ย. วันสันติภาพโลก: 5 หนังสร้างแรงบันดาลใจ

สารบัญ

ในวาระสำคัญของวันที่ 21 กันยายน ซึ่งได้รับการกำหนดให้เป็นวันสันติภาพโลก (International Day of Peace) การไตร่ตรองถึงความหมายของ “สันติภาพ” ผ่านสื่อศิลปะอย่างภาพยนตร์ นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทรงพลังในการสร้างความเข้าใจและแรงบันดาลใจ บทความนี้จะสำรวจที่มาและความสำคัญของวันดังกล่าว พร้อมแนะนำภาพยนตร์ 5 เรื่องที่สะท้อนแง่มุมของสันติภาพ การต่อสู้ และมนุษยธรรมได้อย่างลึกซึ้ง

ประเด็นสำคัญของวันสันติภาพโลกและภาพยนตร์

  • ความสำคัญของวันที่ 21 กันยายน: เป็นวันที่องค์การสหประชาชาติกำหนดให้เป็นวันสันติภาพสากล เพื่อเรียกร้องให้ทุกฝ่ายหยุดใช้ความรุนแรงและยุติการสู้รบทั่วโลก แม้จะเป็นเพียงชั่วคราว
  • เจตนารมณ์แห่งสันติภาพ: วันนี้ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่ออุทิศให้กับการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืน ปราศจากสงคราม และส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในการแก้ไขความขัดแย้ง
  • ภาพยนตร์เป็นสื่อกลาง: ภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่องที่คัดเลือกมานำเสนอแนวคิดสันติภาพในรูปแบบที่แตกต่างกัน ตั้งแต่การต่อสู้แบบอหิงสา การแสดงมนุษยธรรมท่ามกลางสงคราม ไปจนถึงการให้อภัยและการสร้างความสามัคคี
  • บทเรียนที่หลากหลาย: แต่ละเรื่องราวในภาพยนตร์มอบบทเรียนอันทรงคุณค่าเกี่ยวกับผลกระทบของความขัดแย้ง และแสดงให้เห็นว่าการกระทำของบุคคลเพียงคนเดียวก็สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ได้
  • แรงบันดาลใจสู่การปฏิบัติ: การชมภาพยนตร์เหล่านี้ไม่เพียงให้ความบันเทิง แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการขบคิดและนำแนวคิดสันติภาพมาปรับใช้ในชีวิตประจำวัน เพื่อสร้างสังคมที่สงบสุขยิ่งขึ้น

ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก แนวคิดเรื่อง “สันติภาพ” ยังคงเป็นเป้าหมายสำคัญที่มนุษยชาติปรารถนา ในโอกาสที่ 21 ก.ย. วันสันติภาพโลก: 5 หนังสร้างแรงบันดาลใจ จะพาไปสำรวจความหมายของสันติภาพผ่านแผ่นฟิล์มนั้น การทำความเข้าใจที่มาของวันนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เพื่อตระหนักถึงความพยายามของนานาชาติในการยุติความรุนแรงและสร้างความสงบสุขให้เกิดขึ้นอย่างยั่งยืน วันสันติภาพโลกไม่เพียงเป็นวันเชิงสัญลักษณ์ แต่ยังเป็นการย้ำเตือนถึงความสูญเสียจากสงครามและกระตุ้นให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการสร้างสันติภาพ ไม่ว่าจะในระดับเล็กหรือใหญ่

ความหมายและความสำคัญของวันสันติภาพสากล

ความหมายและความสำคัญของวันสันติภาพสากล

วันสันติภาพสากล หรือ International Day of Peace ถือกำเนิดขึ้นโดยมติของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในปี พ.ศ. 2524 (ค.ศ. 1981) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่ออุทิศให้แก่การสร้างสันติภาพและยุติสงครามทั่วโลก วันนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกประเทศสมาชิกของสหประชาชาติ ตลอดจนองค์กรและประชาชนทั่วไป จะได้ร่วมกันรณรงค์และส่งเสริมกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสันติภาพ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ

ประวัติศาสตร์แห่งการเรียกร้องสันติภาพ

แรกเริ่มเดิมที วันสันติภาพสากลถูกกำหนดให้ตรงกับวันเปิดประชุมสามัญของสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ซึ่งคือวันอังคารที่สามของเดือนกันยายนในแต่ละปี ต่อมาในปี พ.ศ. 2544 (ค.ศ. 2001) สมัชชาใหญ่ได้มีมติเป็นเอกฉันท์กำหนดให้วันที่ 21 กันยายนของทุกปีเป็นวันสันติภาพสากลอย่างเป็นทางการ และที่สำคัญกว่านั้นคือ การประกาศให้วันนี้เป็น “วันแห่งการหยุดยิงและการไม่ใช้ความรุนแรงทั่วโลก” (a day of global ceasefire and non-violence) นี่คือการเชื้อเชิญให้ทุกชาติและทุกฝ่ายที่กำลังสู้รบกันอยู่ วางอาวุธและยุติการสู้รบเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อเปิดโอกาสให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมสามารถเข้าถึงพื้นที่ขัดแย้ง และเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นของการเจรจาสันติภาพต่อไป

สัญลักษณ์ที่เปี่ยมด้วยความหมาย: ระฆังสันติภาพ

หนึ่งในกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญที่สุดในวันสันติภาพสากล คือการเคาะ “ระฆังสันติภาพ” (Peace Bell) ที่สำนักงานใหญ่สหประชาชาติ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ระฆังใบนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง เนื่องจากถูกหล่อขึ้นจากเหรียญที่เด็กๆ จากกว่า 60 ประเทศทั่วโลกร่วมกันบริจาค ระฆังนี้เป็นของขวัญจากสมาคมสหประชาชาติแห่งประเทศญี่ปุ่นในปี พ.ศ. 2497 เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจถึงต้นทุนอันมหาศาลของสงครามที่มนุษย์ต้องจ่าย และย้ำเตือนถึงความปรารถนาร่วมกันของประชาคมโลกที่จะเห็นสันติภาพเกิดขึ้นอย่างถาวร เสียงระฆังที่ดังกังวานในวันนี้จึงเป็นเสียงแห่งความหวังและการเริ่มต้นใหม่

ภาพยนตร์สะท้อนสันติภาพ: เจาะลึก 5 หนังสร้างแรงบันดาลใจในวันสันติภาพโลก 21 ก.ย.

ศิลปะภาพยนตร์มีพลังในการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนและเข้าถึงอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนได้อย่างลึกซึ้ง ภาพยนตร์หลายเรื่องได้หยิบยกประเด็นความขัดแย้ง สงคราม และการต่อสู้เพื่อสันติภาพมานำเสนอ ทำให้ผู้ชมได้เห็นภาพความโหดร้ายของความรุนแรงและตระหนักถึงคุณค่าของความสงบสุข ต่อไปนี้คือภาพยนตร์ 5 เรื่องที่คัดสรรมา ซึ่งแต่ละเรื่องมอบมุมมองและแรงบันดาลใจเกี่ยวกับสันติภาพที่แตกต่างกันไป

Gandhi (1982): มหาบุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยอหิงสา

เรื่องย่อและแก่นของเรื่อง

Gandhi เป็นภาพยนตร์ชีวประวัติที่บอกเล่าเรื่องราวชีวิตของมหาตมะ คานธี ผู้นำการต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดียจากสหราชอาณาจักร ภาพยนตร์ติดตามเส้นทางของคานธีตั้งแต่การเป็นทนายหนุ่มในแอฟริกาใต้ ที่ซึ่งเขาได้เผชิญกับการเหยียดผิวอย่างรุนแรง จนกระทั่งเขากลับมายังอินเดียและกลายเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวด้วยปรัชญา “สัตยาเคราะห์” หรือการยึดมั่นในความจริง และ “อหิงสา” คือการไม่ใช้ความรุนแรง

สารสันติภาพที่ส่งผ่าน

จุดเด่นของภาพยนตร์เรื่องนี้คือการแสดงให้เห็นว่า การต่อสู้เพื่อความยุติธรรมไม่จำเป็นต้องใช้กำลังเข้าห้ำหั่นกันเสมอไป คานธีใช้วิธีการดื้อแพ่งอย่างสันติ (Civil Disobedience) เช่น การเดินขบวน การอดอาหารประท้วง และการไม่ให้ความร่วมมือกับกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม เพื่อกดดันรัฐบาลอังกฤษ ภาพยนตร์ได้ฉายภาพความยากลำบากและความเสียสละของผู้คน แต่ในขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงพลังอันมหาศาลของความสามัคคีและความอดทน

“An eye for an eye only ends up making the whole world blind.” (ตาต่อตา มีแต่จะทำให้โลกทั้งใบมืดบอด) คำพูดอันโด่งดังของคานธีในภาพยนตร์ สรุปแก่นของปรัชญาอหิงสาและเป็นสารที่ยังคงทรงพลังมาจนถึงปัจจุบัน

Schindler’s List (1993): แสงแห่งมนุษยธรรมในเงามืดของสงคราม

เรื่องย่อและบริบททางประวัติศาสตร์

สร้างจากเรื่องจริงในสมัยสงครามโลกครั้งที่สอง Schindler’s List เล่าเรื่องของออสการ์ ชินด์เลอร์ สมาชิกพรรคนาซีและนักธุรกิจชาวเยอรมันที่เดินทางมายังโปแลนด์เพื่อแสวงหาผลประโยชน์จากสงคราม ในตอนแรกเขามองเห็นชาวยิวเป็นเพียงแรงงานราคาถูกสำหรับโรงงานของเขา แต่เมื่อได้เห็นความโหดร้ายของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ (Holocaust) มากขึ้น จิตสำนึกของเขาก็ถูกปลุกขึ้น และเขาได้ทุ่มเททรัพย์สินทั้งหมดของตนเพื่อช่วยชีวิตชาวยิวกว่า 1,100 คน จากการถูกส่งไปยังค่ายกักกันเอาชวิทซ์

แง่คิดสู่สันติภาพ

แม้ภาพยนตร์จะเต็มไปด้วยฉากที่หดหู่และสะเทือนใจ แต่สาระสำคัญที่ต้องการสื่อคือ แม้ในสถานการณ์ที่มืดมนที่สุด แสงสว่างแห่งมนุษยธรรมก็ยังสามารถปรากฏขึ้นได้ การกระทำของชินด์เลอร์พิสูจน์ให้เห็นว่าสันติภาพไม่ได้หมายถึงแค่การไม่มีสงคราม แต่ยังรวมถึงการมีความเมตตา การปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ และการลุกขึ้นต่อต้านความอยุติธรรมตามกำลังที่ตนมี ภาพยนตร์เรื่องนี้ย้ำเตือนว่าสันติภาพที่แท้จริงเริ่มต้นจากการเห็นคุณค่าในชีวิตของผู้อื่น โดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติหรือศาสนา

Hotel Rwanda (2004): ความกล้าหาญที่กอบกู้ชีวิต

เรื่องย่อจากเหตุการณ์จริง

ภาพยนตร์อิงจากเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในรวันดาปี พ.ศ. 2537 ซึ่งชาวฮูตูหัวรุนแรงได้สังหารชาวทุตซีและชาวฮูตูสายกลางไปเกือบล้านคนในเวลาเพียง 100 วัน เรื่องราวเล่าผ่านสายตาของพอล รูเซซาบากินา ผู้จัดการโรงแรม Hôtel des Mille Collines ในกรุงคิกาลี ซึ่งเดิมทีเป็นชาวฮูตู แต่ด้วยความกล้าหาญและไหวพริบ เขาได้ใช้โรงแรมของเขาเป็นที่หลบภัยสำหรับผู้ลี้ภัยกว่า 1,200 คน ทั้งชาวทุตซีและฮูตู โดยต้องเจรจาต่อรองและติดสินบนทหารฮูตูเพื่อปกป้องชีวิตผู้คนในโรงแรม

บทเรียนแห่งสันติภาพและการอยู่ร่วมกัน

Hotel Rwanda สะท้อนให้เห็นถึงผลลัพธ์อันเลวร้ายของความเกลียดชังที่ถูกปลุกปั่นทางการเมืองและสื่อ จนนำไปสู่ความขัดแย้งทางชาติพันธุ์ที่ไม่อาจควบคุมได้ แต่ในขณะเดียวกัน เรื่องราวของพอลก็แสดงให้เห็นว่าปัจเจกบุคคลสามารถสร้างความแตกต่างได้ เขาไม่ได้ใช้ปืน แต่ใช้วาทศิลป์ ความสัมพันธ์ และความกล้าหาญทางจริยธรรมในการต่อสู้กับความบ้าคลั่ง สันติภาพในบริบทนี้คือการก้าวข้ามเส้นแบ่งของเผ่าพันธุ์ และมองเห็นความเป็นมนุษย์ในตัวของทุกคน เพื่อที่จะช่วยเหลือและปกป้องกันและกันจากภัยอันตราย

The Kite Runner (2007): การให้อภัยและการเยียวยาบาดแผล

เรื่องย่อและปมขัดแย้ง

ดัดแปลงจากนวนิยายชื่อดังในชื่อเดียวกัน The Kite Runner เล่าเรื่องราวของอาเมียร์ เด็กชายจากครอบครัวฐานะดีในอัฟกานิสถาน และฮัสซัน เพื่อนสนิทที่เป็นลูกชายของคนรับใช้ในบ้านซึ่งเป็นชาวฮาซารา วันหนึ่งอาเมียร์ได้ตัดสินใจผิดพลาดครั้งใหญ่ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตของฮัสซันไปตลอดกาล หลายปีต่อมาเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่และลี้ภัยไปอยู่อเมริกา อาเมียร์ได้รับโอกาสให้เดินทางกลับไปยังอัฟกานิสถานที่บอบช้ำจากสงคราม เพื่อเผชิญหน้ากับอดีตและไถ่บาปที่เขาก่อไว้

สันติภาพที่เริ่มต้นจากภายใน

ภาพยนตร์เรื่องนี้สำรวจสันติภาพในระดับจุลภาค นั่นคือ “สันติสุขในใจ” ความขัดแย้งไม่ได้เกิดขึ้นระหว่างชาติหรือเผ่าพันธุ์เท่านั้น แต่ยังเกิดขึ้นภายในใจของบุคคลด้วย ความรู้สึกผิด การทรยศ และความขลาดกลัวเป็นสงครามภายในที่ทำลายชีวิตของอาเมียร์ การเดินทางเพื่อไถ่บาปของเขาคือการแสวงหาสันติภาพให้กับตนเองผ่านการให้อภัย ทั้งการให้อภัยตัวเองและการได้รับการให้อภัยจากผู้อื่น เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าสันติภาพที่ยั่งยืนในสังคม ต้องเริ่มต้นจากการสร้างสันติในจิตใจของแต่ละบุคคลเสียก่อน

Invictus (2009): กีฬาเชื่อมรอยร้าวของชาติ

เรื่องย่อและกลยุทธ์ของแมนเดลา

Invictus บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาที่เนลสัน แมนเดลา เพิ่งได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีของแอฟริกาใต้ หลังสิ้นสุดยุคของการแบ่งแยกสีผิว (Apartheid) ประเทศกำลังอยู่ในภาวะเปราะบางและเสี่ยงต่อสงครามกลางเมืองระหว่างคนผิวขาวและคนผิวดำ แมนเดลาเล็งเห็นว่าการแข่งขันรักบี้ชิงแชมป์โลกปี 1995 ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ คือโอกาสสำคัญในการสร้างความสามัคคี เขาจึงร่วมมือกับฟรองซัวส์ พีนาร์ กัปตันทีมรักบี้สปริงบอกส์ ซึ่งเคยเป็นสัญลักษณ์ของคนผิวขาว เพื่อนำพาทีมไปสู่ชัยชนะและหลอมรวมใจของคนทั้งชาติให้เป็นหนึ่งเดียว

สันติภาพผ่านการหลอมรวมเป็นหนึ่ง

ภาพยนตร์เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของผู้นำที่เลือกใช้ “อำนาจอ่อน” (Soft Power) อย่างกีฬา แทนที่จะเป็นการใช้กำลังหรือการแก้แค้นทางการเมือง แมนเดลาเข้าใจดีว่าสันติภาพไม่ใช่แค่การยกเลิกกฎหมายที่ไม่เป็นธรรม แต่คือการสร้างความเข้าใจและความภาคภูมิใจร่วมกันในชาติ เขาเปลี่ยนสัญลักษณ์ของความแตกแยกให้กลายเป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี Invictus เป็นเครื่องยืนยันว่าสันติภาพสามารถสร้างขึ้นได้ผ่านกิจกรรมที่ดูเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่สามารถเข้าถึงหัวใจของผู้คนและทลายกำแพงแห่งอคติลงได้

เปรียบเทียบมุมมองสันติภาพผ่านภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่อง

ภาพยนตร์แต่ละเรื่องนำเสนอแนวทางสู่สันติภาพที่แตกต่างกัน แต่ล้วนมีเป้าหมายร่วมกันคือการยุติความทุกข์ทรมานและสร้างสังคมที่ดีขึ้น ตารางด้านล่างนี้สรุปมุมมองที่น่าสนใจจากภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่อง

ตารางเปรียบเทียบสาระสำคัญด้านสันติภาพจากภาพยนตร์ 5 เรื่อง
ภาพยนตร์ แนวคิดสันติภาพหลัก รูปแบบการต่อสู้/สร้างสันติภาพ ข้อคิดสำคัญ
Gandhi อหิงสาและการไม่ใช้ความรุนแรง การดื้อแพ่งของพลเมือง การประท้วงอย่างสันติ พลังของการยึดมั่นในหลักการสามารถเอาชนะอำนาจที่ไม่เป็นธรรมได้
Schindler’s List มนุษยธรรมและความเมตตา การปกป้องชีวิตผู้บริสุทธิ์ การกระทำส่วนบุคคล หนึ่งชีวิตที่ช่วยเหลือ ก็คือการช่วยโลกทั้งใบ แม้ในสงครามก็ยังมีความดีงาม
Hotel Rwanda ความกล้าหาญทางจริยธรรม การเจรจาต่อรอง การให้ที่พักพิง การก้าวข้ามความแตกต่าง คนธรรมดาสามารถเป็นวีรบุรุษได้เมื่อเผชิญหน้ากับความอยุติธรรม
The Kite Runner สันติสุขภายในและการให้อภัย การไถ่บาป การเผชิญหน้ากับอดีต การเยียวยาบาดแผลในใจ สันติภาพในสังคมเริ่มต้นจากสันติในใจของแต่ละบุคคล
Invictus ความสามัคคีและการปรองดอง การใช้กีฬาเป็นเครื่องมือเชื่อมสัมพันธ์ การสร้างแรงบันดาลใจ การให้อภัยและความเข้าใจเป็นรากฐานของการสร้างชาติที่ปรองดอง

สร้างสันติภาพในชีวิตประจำวัน: บทเรียนจากภาพยนตร์

แม้เรื่องราวในภาพยนตร์เหล่านี้จะเกิดขึ้นในบริบทของความขัดแย้งระดับชาติหรือระดับโลก แต่บทเรียนที่ได้รับสามารถนำมาปรับใช้เพื่อสร้างสันติภาพในชีวิตประจำวันได้ สันติภาพไม่ได้จำกัดอยู่แค่การไม่มีสงคราม แต่ยังหมายถึงการสร้างสังคมที่เคารพซึ่งกันและกัน รับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง และแก้ไขปัญหาความขัดแย้งด้วยเหตุผลแทนการใช้อารมณ์หรือความรุนแรง การเรียนรู้ที่จะให้อภัยเหมือนใน The Kite Runner, การแสดงความเมตตาต่อผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทนแบบ Schindler’s List, หรือการยืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้องอย่างสันติวิธีตามแนวทางของ Gandhi ล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถเริ่มต้นได้จากตัวเอง เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบสุขรอบตัว

บทสรุป: พลังของศิลปะภาพยนตร์ในการขับเคลื่อนสันติภาพ

ในวันสันติภาพโลก การชมภาพยนตร์ที่สร้างแรงบันดาลใจเหล่านี้เป็นมากกว่าการพักผ่อนหย่อนใจ แต่เป็นการเปิดโอกาสให้ได้ทบทวนและทำความเข้าใจความหมายของสันติภาพในมิติที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ภาพยนตร์ทั้ง 5 เรื่อง ตั้งแต่ Gandhi จนถึง Invictus ต่างแสดงให้เห็นว่าสันติภาพมีได้หลากหลายรูปแบบ และการต่อสู้เพื่อสันติภาพนั้นต้องใช้ทั้งความกล้าหาญ ความอดทน ความเมตตา และวิสัยทัศน์ เรื่องราวเหล่านี้เป็นเครื่องย้ำเตือนว่าสันติภาพไม่ใช่สิ่งที่ได้มาโดยง่าย แต่เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องร่วมมือกันสร้างและรักษาไว้

ดังนั้น ในวันที่ 21 กันยายนนี้ ลองใช้เวลาว่างเพื่อรับชมภาพยนตร์สักเรื่อง

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930