19 ก.ย. วันพิพิธภัณฑ์ไทย ชวนเที่ยว 5 มิวเซียมห้ามพลาด
- สาระสำคัญที่ไม่ควรพลาด
- ความเป็นมาและความสำคัญของวันพิพิธภัณฑ์ไทย
- เปิดลายแทง 5 พิพิธภัณฑ์ที่ไม่ควรพลาดในวันพิพิธภัณฑ์ไทย
- 1. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร: คลังสมบัติแห่งแผ่นดินสยาม
- 2. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์: ประตูสู่ดินแดนทวารวดี
- 3. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุโขทัย: ย้อนรอยรุ่งอรุณแห่งความสุข
- 4. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระรามเก้า (พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์): สำรวจระบบนิเวศและอนาคตของไทย
- 5. หอศิลป์แห่งชาติ (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป): แหล่งรวมงานศิลป์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
- เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในวันพิเศษ
- บทสรุป: เปิดประตูสู่การเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด
วันที่ 19 กันยายนของทุกปีถูกกำหนดให้เป็น “วันพิพิธภัณฑ์ไทย” ซึ่งเป็นโอกาสอันดีในการส่งเสริมให้ประชาชนได้ตระหนักถึงความสำคัญของพิพิธภัณฑ์ในฐานะแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์ ศิลปะ และวัฒนธรรมของชาติ บทความนี้จะเจาะลึกถึงความเป็นมาของวันสำคัญนี้ พร้อมแนะนำ 5 พิพิธภัณฑ์ที่ไม่ควรพลาด เพื่อเป็นแนวทางในการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์และสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ
สาระสำคัญที่ไม่ควรพลาด
- วันที่ 19 กันยายนของทุกปีคือ “วันพิพิธภัณฑ์ไทย” จัดตั้งขึ้นเพื่อรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงนครราชสีมา และส่งเสริมกิจการพิพิธภัณฑ์ของประเทศ
- พิพิธภัณฑ์เปรียบเสมือนขุมทรัพย์ทางปัญญาที่รวบรวมมรดกทางวัฒนธรรม บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาของชาติผ่านวัตถุจัดแสดงอันล้ำค่า
- ในวันพิพิธภัณฑ์ไทย พิพิธภัณฑ์หลายแห่งทั่วประเทศมักจัดกิจกรรมพิเศษ เช่น เปิดให้เข้าชมโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย จัดนิทรรศการเฉพาะเรื่อง หรือมีการบรรยายให้ความรู้
- การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ไม่เพียงแต่ให้ความรู้ แต่ยังช่วยสร้างแรงบันดาลใจ ความภาคภูมิใจในมรดกของชาติ และเปิดมุมมองใหม่ๆ ต่อโลกรอบตัว
- บทความนี้ได้คัดเลือก 5 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่มีความโดดเด่นและหลากหลาย ตั้งแต่โบราณคดี ประวัติศาสตร์ ไปจนถึงวิทยาศาสตร์และศิลปะร่วมสมัย เพื่อเป็นตัวเลือกสำหรับการเยี่ยมชม
19 ก.ย. วันพิพิธภัณฑ์ไทย ชวนเที่ยว 5 มิวเซียมห้ามพลาด คือโอกาสพิเศษสำหรับผู้ที่สนใจในรากเหง้าของความเป็นไทยและวิวัฒนาการของสังคม การเฉลิมฉลองในวันนี้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่การเข้าชมฟรี แต่เป็นการสร้างความตระหนักรู้ถึงบทบาทของพิพิธภัณฑ์ในฐานะสถาบันการศึกษาตลอดชีวิต ที่ทำหน้าที่เก็บรักษาอดีต สะท้อนปัจจุบัน และชี้นำอนาคต การเดินทางเยี่ยมชมสถานที่เหล่านี้จึงเปรียบเสมือนการเดินทางข้ามเวลา เพื่อไปทำความเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ที่หล่อหลอมให้เป็นประเทศไทยในทุกวันนี้
ความเป็นมาและความสำคัญของวันพิพิธภัณฑ์ไทย
วันพิพิธภัณฑ์ไทยไม่ได้เป็นเพียงวันธรรมดาวันหนึ่งในปฏิทิน แต่เป็นวันที่มีความหมายลึกซึ้งต่อวงการอนุรักษ์มรดกวัฒนธรรมของชาติ การทำความเข้าใจที่มาและวัตถุประสงค์ของวันสำคัญนี้ จะช่วยเพิ่มอรรถรสในการเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ให้มากยิ่งขึ้น
จุดเริ่มต้นของวันสำคัญ
กรมศิลปากรได้ประกาศให้วันที่ 19 กันยายนของทุกปีเป็น “วันพิพิธภัณฑ์ไทย” อย่างเป็นทางการนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 เป็นต้นมา สาเหตุที่เลือกวันดังกล่าวเพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระกรุณาธิคุณของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ กรมหลวงนครราชสีมา พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ผู้ทรงมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการวางรากฐานกิจการพิพิธภัณฑ์สำหรับประชาชนในประเทศไทย
พระองค์ทรงเป็นผู้ริเริ่มก่อตั้งพิพิธภัณฑสถานสาธารณะแห่งแรกของประเทศไทยขึ้นที่พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ภายในพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) ซึ่งต่อมาได้พัฒนาเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ในปัจจุบัน การถือกำเนิดขึ้นของพิพิธภัณฑ์สำหรับประชาชนในปี พ.ศ. 2455 ถือเป็นก้าวสำคัญที่เปลี่ยนแนวคิดจากการเก็บรวบรวมของเก่าไว้สำหรับชนชั้นสูง มาเป็นการเปิดให้สาธารณชนได้เข้าถึงและเรียนรู้มรดกของชาติอย่างเท่าเทียม
วัตถุประสงค์หลัก
การกำหนดให้มีวันพิพิธภัณฑ์ไทยขึ้น มีวัตถุประสงค์หลายประการที่เป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมแห่งการเรียนรู้:
- เพื่อส่งเสริมการรับรู้: สร้างความตระหนักให้ประชาชนทั่วไปได้เห็นถึงความสำคัญและบทบาทของพิพิธภัณฑ์ในฐานะแหล่งเรียนรู้ที่ไม่จำกัดเพศ วัย หรือระดับการศึกษา
- เพื่อการอนุรักษ์มรดกชาติ: ย้ำเตือนถึงภารกิจในการเก็บรักษา ดูแล และสืบทอดโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ อันเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไป
- เพื่อกระตุ้นการเยี่ยมชม: ส่งเสริมให้เกิดวัฒนธรรมการเที่ยวพิพิธภัณฑ์ให้เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิต โดยเฉพาะในกลุ่มเยาวชนคนรุ่นใหม่
- เพื่อเชิดชูผู้มีคุณูปการ: เป็นการแสดงความกตัญญูและรำลึกถึงพระปรีชาสามารถของบูรพกษัตริย์และบุคคลสำคัญที่มีส่วนในการพัฒนากิจการพิพิธภัณฑ์ไทย
กิจกรรมพิเศษที่มักจัดขึ้น
ในวันที่ 19 กันยายนของทุกปี พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติและพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ทั่วประเทศ มักจะร่วมกันจัดกิจกรรมเพื่อเฉลิมฉลองวาระพิเศษนี้ โดยรูปแบบกิจกรรมอาจแตกต่างกันไปในแต่ละปีและแต่ละแห่ง แต่โดยทั่วไปมักประกอบด้วย:
- การยกเว้นค่าเข้าชม: พิพิธภัณฑ์หลายแห่งมักเปิดให้ประชาชนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าชมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางมาเยี่ยมชม
- นิทรรศการพิเศษ: มีการจัดแสดงนิทรรศการหมุนเวียนหรือนิทรรศการเฉพาะกิจในหัวข้อที่น่าสนใจ ซึ่งอาจนำโบราณวัตถุชิ้นพิเศษที่ปกติไม่ได้จัดแสดงออกมาให้ชม
- กิจกรรมเสวนาและบรรยาย: เชิญผู้เชี่ยวชาญ นักวิชาการ หรือภัณฑารักษ์มาให้ความรู้ในหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ โบราณคดี หรือศิลปะ
- กิจกรรมเชิงปฏิบัติการ (Workshop): จัดกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้มีส่วนร่วม เช่น การวาดภาพ การปั้นดินเผา หรือการเรียนรู้งานหัตถกรรมไทย
การจัดงานในวันพิพิธภัณฑ์ไทยจึงเป็นมากกว่าแค่การเปิดให้เข้าชม แต่เป็นการสร้างปฏิสัมพันธ์ระหว่างพิพิธภัณฑ์กับสังคม ทำให้พิพิธภัณฑ์เป็นพื้นที่ที่มีชีวิตชีวาและเข้าถึงได้ง่ายสำหรับทุกคน
เปิดลายแทง 5 พิพิธภัณฑ์ที่ไม่ควรพลาดในวันพิพิธภัณฑ์ไทย
ประเทศไทยมีพิพิธภัณฑ์ที่น่าสนใจมากมาย แต่เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นสำรวจโลกแห่งการเรียนรู้ในวันพิเศษนี้ จึงได้คัดเลือก 5 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่มีความโดดเด่นและครอบคลุมเนื้อหาที่หลากหลายมานำเสนอ
1. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร: คลังสมบัติแห่งแผ่นดินสยาม
ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และเป็นพิพิธภัณฑ์สำหรับประชาชนแห่งแรกของไทย ตั้งอยู่ในพื้นที่ประวัติศาสตร์ของพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) การมาเยือนที่นี่เปรียบเสมือนการได้อ่านหนังสือประวัติศาสตร์ชาติไทยฉบับสมบูรณ์ที่สุด
สิ่งที่น่าสนใจ: ภายในแบ่งการจัดแสดงออกเป็นหลายอาคาร แต่ละอาคารบอกเล่าเรื่องราวในยุคสมัยที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ ทวารวดี ศรีวิชัย ลพบุรี สุโขทัย อยุธยา จนถึงรัตนโกสินทร์ โบราณวัตถุชิ้นเอกที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ พระพุทธสิหิงค์ (องค์จำลอง) ศิลาจารึกพ่อขุนรามคำแหง (องค์จำลอง) เครื่องทองจากกรุวัดราชบูรณะ และราชรถ ราชยานที่ใช้ในพระราชพิธีต่างๆ ซึ่งล้วนเป็นสมบัติของชาติที่หาชมได้ยาก นอกจากนี้ สถาปัตยกรรมของหมู่พระที่นั่งต่างๆ เช่น พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน พระที่นั่งพุทไธสวรรย์ ก็มีความงดงามและทรงคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างยิ่ง
2. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระปฐมเจดีย์: ประตูสู่ดินแดนทวารวดี
ตั้งอยู่ในบริเวณองค์พระปฐมเจดีย์ จังหวัดนครปฐม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีความโดดเด่นในฐานะศูนย์กลางการรวบรวมและจัดแสดงโบราณวัตถุที่เกี่ยวข้องกับวัฒนธรรมทวารวดี ซึ่งเป็นอารยธรรมโบราณที่เคยรุ่งเรืองในดินแดนประเทศไทยเมื่อกว่า 1,000 ปีก่อน
สิ่งที่น่าสนใจ: ไฮไลต์สำคัญคือการจัดแสดงโบราณวัตถุที่ขุดค้นพบในเมืองโบราณนครชัยศรีและพื้นที่ใกล้เคียง เช่น ธรรมจักรกับกวางหมอบ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์สำคัญของพระพุทธศาสนาในยุคทวารวดี พระพุทธรูปปางต่างๆ ที่มีพุทธศิลป์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ภาชนะดินเผา ลูกปัด และเครื่องมือเครื่องใช้ต่างๆ ที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิต ความเชื่อ และความเจริญทางเทคโนโลยีของชาวทวารวดี การเข้าชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะช่วยเปิดมุมมองให้เข้าใจถึงรากฐานทางอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งบนผืนแผ่นดินไทย
3. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุโขทัย: ย้อนรอยรุ่งอรุณแห่งความสุข
สำหรับผู้ที่หลงใหลในความรุ่งเรืองของอาณาจักรแรกของชนชาติไทย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุโขทัย คือสถานที่ที่ต้องไปเยือน ที่นี่ทำหน้าที่เสมือนบทนำก่อนที่จะเข้าไปสำรวจความยิ่งใหญ่ของอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก
สิ่งที่น่าสนใจ: ภายในพิพิธภัณฑ์รวบรวมศิลปวัตถุและโบราณวัตถุที่ได้จากการขุดค้นและบูรณะโบราณสถานในเมืองเก่าสุโขทัยและเมืองศรีสัชนาลัย ผู้เข้าชมจะได้พบกับพระพุทธรูปปูนปั้นและสำริดในศิลปะสุโขทัยที่ได้รับการยกย่องว่างดงามที่สุด โดยเฉพาะพระพุทธรูปปางลีลาอันอ่อนช้อย นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงเครื่องสังคโลก ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญในอดีต รวมถึงศิลาจารึกต่างๆ ที่บอกเล่าเรื่องราวการเมืองการปกครองและวิถีชีวิตของผู้คนในสมัยนั้น การเดินชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะทำให้การเที่ยวชมโบราณสถานต่างๆ ในอุทยานฯ มีความหมายและน่าประทับใจมากยิ่งขึ้น
4. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระรามเก้า (พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์): สำรวจระบบนิเวศและอนาคตของไทย
เปลี่ยนบรรยากาศจากประวัติศาสตร์มาสู่โลกของวิทยาศาสตร์ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ตั้งอยู่ในเทคโนธานี คลองห้า จังหวัดปทุมธานี และถือเป็นพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ที่ทันสมัยที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในฐานะที่ทรงเป็น “พระบิดาแห่งเทคโนโลยีของไทย”
สิ่งที่น่าสนใจ: เนื้อหาการจัดแสดงเน้นเรื่องระบบนิเวศวิทยาและความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งออกเป็น 3 โซนหลัก คือ “บ้านของเรา” (Our Home) ที่เล่าเรื่องกำเนิดโลกและสิ่งมีชีวิต, “ชีวิตของเรา” (Our Life) ที่พาไปสำรวจระบบนิเวศที่หลากหลายของไทย และ “ในหลวงของเรา” (Our King) ที่จัดแสดงหลักการทรงงานและโครงการในพระราชดำริที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน จุดเด่นคือการนำเสนอผ่านเทคโนโลยีมัลติมีเดียที่ทันสมัยและนิทรรศการแบบอินเทอร์แอคทีฟ ทำให้ผู้ชมโดยเฉพาะเด็กและเยาวชนสามารถเรียนรู้เรื่องราวทางวิทยาศาสตร์ที่ซับซ้อนได้อย่างสนุกสนานและเข้าใจง่าย
5. หอศิลป์แห่งชาติ (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป): แหล่งรวมงานศิลป์แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
สำหรับผู้ที่ชื่นชอบงานศิลปะ หอศิลป์แห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่บนถนนเจ้าฟ้า ใกล้กับสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า เป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาด อาคารของหอศิลป์แห่งนี้คือโรงกษาปณ์เก่าที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5 มีสถาปัตยกรรมแบบยุโรปที่งดงามและคลาสสิก
สิ่งที่น่าสนใจ: ที่นี่เป็นศูนย์รวมผลงานศิลปะชิ้นสำคัญของไทยตั้งแต่ยุคศิลปะไทยประเพณีจนถึงศิลปะร่วมสมัย จัดแสดงผลงานของศิลปินแห่งชาติและศิลปินชั้นครูมากมาย เช่น ผลงานของอาจารย์ศิลป์ พีระศรี, เฟื้อ หริพิทักษ์, ถวัลย์ ดัชนี และศิลปินคนสำคัญอีกหลายท่าน นอกจากนี้ยังมีห้องจัดแสดงผลงานฝีพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และพระมหากษัตริย์พระองค์อื่นๆ การมาเยือนหอศิลป์แห่งชาติเปรียบเสมือนการได้เดินทางผ่านประวัติศาสตร์ศิลปะของไทย ได้เห็นถึงพัฒนาการทางความคิดและเทคนิคการสร้างสรรค์ของศิลปินไทยในแต่ละยุคสมัย
เตรียมตัวอย่างไรก่อนไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ในวันพิเศษ
เพื่อให้การเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์ในวันสำคัญนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและได้รับประโยชน์สูงสุด การเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นสิ่งจำเป็น
การตรวจสอบข้อมูลและเวลาทำการ
ก่อนออกเดินทาง ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดจากเว็บไซต์หรือหน้าโซเชียลมีเดียของพิพิธภัณฑ์ที่สนใจโดยตรง เนื่องจากประกาศเกี่ยวกับกิจกรรมพิเศษ การยกเว้นค่าเข้าชม หรือการเปลี่ยนแปลงเวลาทำการในวันพิพิธภัณฑ์ไทย อาจมีการอัปเดตข้อมูลในแต่ละปี การตรวจสอบล่วงหน้าจะช่วยให้วางแผนได้อย่างแม่นยำและไม่พลาดโอกาสสำคัญ
วางแผนการเดินทางและเผื่อเวลา
พิพิธภัณฑ์ยอดนิยม โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพมหานคร อาจมีผู้เข้าชมจำนวนมากในวันพิเศษนี้ ควรวางแผนการเดินทางโดยใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพื่อความสะดวกและหลีกเลี่ยงปัญหาการจราจร นอกจากนี้ ควรเผื่อเวลาในการเดินทางและเยี่ยมชมให้เพียงพอ เนื่องจากพิพิธภัณฑ์ขนาดใหญ่เช่น พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร อาจต้องใช้เวลาเดินชมหลายชั่วโมงจึงจะครบถ้วน
ข้อควรปฏิบัติในการเข้าชม
เพื่อเป็นการให้เกียรติสถานที่และร่วมกันอนุรักษ์สมบัติของชาติ ผู้เข้าชมควรปฏิบัติตามกฎระเบียบของพิพิธภัณฑ์อย่างเคร่งครัด เช่น ไม่สัมผัสโบราณวัตถุ งดใช้เสียงดัง งดนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไปในพื้นที่จัดแสดง และปฏิบัติตามกฎการถ่ายภาพ ซึ่งบางพื้นที่อาจไม่อนุญาตให้ใช้แฟลชหรือขาตั้งกล้อง
บทสรุป: เปิดประตูสู่การเรียนรู้ที่ไม่สิ้นสุด
วันพิพิธภัณฑ์ไทย 19 กันยายน เป็นมากกว่าวันแห่งการเข้าชมฟรี แต่เป็นวันแห่งการตระหนักรู้ถึงคุณค่าของมรดกทางวัฒนธรรมและภูมิปัญญาที่บรรพบุรุษได้สร้างสรรค์และส่งต่อมา พิพิธภัณฑ์ไม่ใช่เพียงสถานที่เก็บของเก่า แต่เป็นสถาบันการศึกษาที่มีชีวิตชีวา เป็นพื้นที่ที่อดีต ปัจจุบัน และอนาคตมาบรรจบกัน การเดินทางไปเยี่ยมชม 1 ใน 5 พิพิธภัณฑ์ที่แนะนำ หรือพิพิธภัณฑ์ใกล้บ้านในวันพิเศษนี้ คือการลงทุนทางปัญญาที่ทรงคุณค่า เป็นการเปิดประตูสู่โลกแห่งความรู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด และเป็นการร่วมสืบสานมรดกของชาติให้คงอยู่คู่สังคมไทยต่อไป
ดังนั้น ในวันที่ 19 กันยายนที่จะถึงนี้ ลองเปลี่ยนจากการทำกิจกรรมเดิมๆ มาเป็นการใช้เวลาไปกับการสำรวจเรื่องราวอันน่าทึ่งที่ซ่อนอยู่ในพิพิธภัณฑ์ต่างๆ เพื่อค้นพบแรงบันดาลใจใหม่ๆ และความภาคภูมิใจในความเป็นไทยร่วมกัน