Bangkok Art Biennale 2025! เปิดพิกัด 10 ไฮไลต์ห้ามพลาด
- ภาพรวมของ Bangkok Art Biennale
- Nurture Gaia: แนวคิดหลักเบื้องหลัง BAB 2024-2025
-
เปิดพิกัด 10 ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดใน Bangkok Art Biennale
- 1. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)
- 2. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร: ศิลปะร่วมสมัยในพื้นที่มรดกโลก
- 3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์): การบรรจบของจิตวิญญาณและศิลปะ
- 4. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป: ศูนย์รวมผลงานศิลปะชิ้นเอก
- 5. วัน แบงค็อก (One Bangkok): ศิลปะในใจกลางย่านธุรกิจ
- 6. การรวมตัวของ 76 ศิลปินจาก 39 ประเทศ
- 7. การสำรวจประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านงานศิลป์
- 8. ประสบการณ์ศิลปะในพื้นที่สาธารณะทั่วกรุง
- 9. กิจกรรมเสวนาและเวิร์กช็อปจากศิลปิน
- 10. เส้นทางการเดินทางเชื่อมต่อพิกัดศิลป์
- ข้อควรรู้ก่อนเยี่ยมชมงาน
- Bangkok Art Biennale vs. Thailand Biennale: ความแตกต่างที่ต้องเข้าใจ
- บทสรุป: มหกรรมศิลปะที่เปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นผืนผ้าใบ
มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Bangkok Art Biennale 2025! เปิดพิกัด 10 ไฮไลต์ห้ามพลาด กลับมาอีกครั้งเพื่อเปลี่ยนกรุงเทพมหานครให้กลายเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะขนาดใหญ่ โดยเป็นการจัดแสดงต่อเนื่องจากช่วงปลายปี 2024 ถึงต้นปี 2025 เทศกาลนี้เป็นที่จับตามองจากทั้งผู้ชมชาวไทยและชาวต่างชาติ ในฐานะเวทีสำคัญที่ศิลปินจากทั่วโลกได้มานำเสนอผลงานสร้างสรรค์ที่สะท้อนแนวคิดและประเด็นร่วมสมัย
- การกลับมาของเทศกาลศิลปะระดับโลก: Bangkok Art Biennale ครั้งที่ 4 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม 2024 ถึง 25 กุมภาพันธ์ 2025 ครอบคลุมช่วงเวลาสำคัญของต้นปี 2025
- แนวคิดหลัก “Nurture Gaia”: มุ่งเน้นการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับโลก (Gaia) ผ่านมิติของนิเวศวิทยา สตรีนิยม และประเด็นทางสังคม เช่น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและความยุติธรรมทางสังคม
- ศิลปินและสถานที่จัดแสดง: รวบรวมผลงานจากศิลปินชั้นนำ 76 คน จาก 39 ประเทศทั่วโลก จัดแสดงใน 11 สถานที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ ตั้งแต่โบราณสถานไปจนถึงศูนย์วัฒนธรรมสมัยใหม่
- การผสมผสานระหว่างมรดกและศิลปะร่วมสมัย: การจัดแสดงงานศิลปะในสถานที่ทางประวัติศาสตร์อย่างวัดอรุณฯ และวัดโพธิ์ สร้างบทสนทนาที่น่าสนใจระหว่างอดีตกับปัจจุบัน
- ความแตกต่างจาก Thailand Biennale: Bangkok Art Biennale เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นในกรุงเทพฯ ขณะที่ Thailand Biennale เป็นอีกหนึ่งอีเวนต์ศิลปะที่จัดขึ้นในจังหวัดอื่น ๆ โดยในปี 2025 จะจัดที่จังหวัดภูเก็ต
ภาพรวมของ Bangkok Art Biennale
มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Bangkok Art Biennale (BAB) คือเทศกาลศิลปะที่จัดขึ้นทุกสองปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและนำเสนอผลงานศิลปะร่วมสมัยจากศิลปินทั่วโลกสู่สายตาผู้ชมในประเทศไทย เทศกาลนี้ได้สร้างชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในอีเวนต์ทางศิลปะที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นับตั้งแต่การจัดงานครั้งแรกจนถึงปัจจุบัน BAB ได้เปลี่ยนพื้นที่หลากหลายทั่วกรุงเทพฯ ไม่ว่าจะเป็นวัดวาอารามเก่าแก่, อาคารประวัติศาสตร์, หอศิลป์, หรือแม้แต่ศูนย์การค้า ให้กลายเป็นแกลเลอรีที่มีชีวิตชีวา
สำหรับงานที่จัดขึ้นต่อเนื่องมาถึงช่วงต้นปี 2025 ถือเป็นครั้งที่ 4 ของเทศกาล โดยยังคงรักษาเอกลักษณ์ในการผสานศิลปะเข้ากับบริบทของเมืองหลวงที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรม การจัดงานในสถานที่ที่เป็นสัญลักษณ์ของกรุงเทพฯ เช่น วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ไม่เพียงแต่สร้างประสบการณ์การชมงานศิลปะที่แตกต่างออกไป แต่ยังเป็นการสร้างบทสนทนาระหว่างรากฐานทางประวัติศาสตร์และแนวคิดทางศิลปะสมัยใหม่ ทำให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสกับมิติของเมืองในมุมมองที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
Nurture Gaia: แนวคิดหลักเบื้องหลัง BAB 2024-2025
แนวคิดหลักของ Bangkok Art Biennale ในครั้งนี้คือ “Nurture Gaia” (โอบอุ้มโลก) ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิดที่มองว่า “โลก” หรือ “ไกอา” (Gaia) คือสิ่งมีชีวิตหนึ่งเดียวที่ทุกสรรพสิ่งต่างเชื่อมโยงและพึ่งพาอาศัยกัน ธีมนี้เชื้อเชิญให้ศิลปินและผู้ชมร่วมกันสำรวจและทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษยชาติกับธรรมชาติในหลากหลายมิติ
ผลงานศิลปะที่จัดแสดงภายใต้แนวคิดนี้จึงมุ่งเน้นไปที่ประเด็นสำคัญต่าง ๆ ของยุคสมัย ได้แก่:
- นิเวศวิทยาและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ: ศิลปินหลายคนนำเสนอผลงานที่สะท้อนถึงวิกฤตสิ่งแวดล้อม กระตุ้นให้เกิดการตระหนักรู้ถึงผลกระทบจากการกระทำของมนุษย์ และแสวงหาแนวทางในการฟื้นฟูเยียวยาโลก
- สตรีนิยมและพลังของผู้หญิง: แนวคิด “ไกอา” ซึ่งเปรียบโลกเป็นดั่ง “พระแม่ธรณี” เปิดพื้นที่ให้กับการตีความในมุมมองของสตรีนิยม ผลงานศิลปะจึงมีการสำรวจบทบาทของผู้หญิงในสังคม ประเด็นความเท่าเทียมทางเพศ และการต่อต้านความรุนแรง เช่น ผลงานของ Daniela Comani ที่พูดถึงประเด็นการฆาตกรรมสตรี (Femicide)
- มานุษยวิทยาและวัฒนธรรม: ศิลปะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการสำรวจรากเหง้าทางวัฒนธรรม ความเชื่อ และวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วโลก ซึ่งทั้งหมดล้วนมีความสัมพันธ์กับธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
- ความยุติธรรมทางสังคม: ประเด็นความเหลื่อมล้ำ การพลัดถิ่น และสิทธิมนุษยชน ถูกนำมาตีความและนำเสนอผ่านงานศิลปะ เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในสังคม
แนวคิด “Nurture Gaia” จึงไม่ใช่แค่หัวข้อการจัดแสดง แต่เป็นกรอบความคิดที่ชวนให้ทุกคนตั้งคำถามและร่วมกันค้นหาคำตอบ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและสมดุลสำหรับทุกชีวิตบนโลกใบนี้
เปิดพิกัด 10 ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดใน Bangkok Art Biennale
แม้จะไม่มีการประกาศรายชื่อไฮไลต์อย่างเป็นทางการ แต่จากรูปแบบการจัดงานที่ผ่านมาและสถานที่สำคัญที่เข้าร่วม สามารถคาดการณ์ถึงประสบการณ์และจุดเด่นที่ไม่ควรพลาดได้ 10 ประการดังนี้
1. หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC)
ในฐานะศูนย์กลางของวงการศิลปะร่วมสมัยในกรุงเทพฯ หอศิลปกรุงเทพฯ (BACC) มักเป็นสถานที่จัดแสดงหลักของ BAB ที่รวบรวมผลงานชิ้นสำคัญและมีขนาดใหญ่ไว้มากมาย ผู้ชมสามารถคาดหวังที่จะได้พบกับผลงาน Installation Art ที่ใช้พื้นที่โถงกลางทรงกลมอันเป็นเอกลักษณ์ของอาคารได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจ รวมถึงนิทรรศการที่สำรวจประเด็นทางสังคมและการเมืองอย่างเข้มข้น ผลงานที่มักจัดแสดงที่นี่มักมีลักษณะที่ท้าทายความคิดและเปิดมุมมองใหม่ ๆ ให้กับผู้ชม
2. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร: ศิลปะร่วมสมัยในพื้นที่มรดกโลก
การจัดแสดงงานศิลปะร่วมสมัยในบริเวณวัดอรุณฯ ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ที่สร้างความประทับใจได้เสมอมา การติดตั้งผลงานศิลปะสมัยใหม่ท่ามกลางสถาปัตยกรรมไทยอันวิจิตรและพระปรางค์ที่สง่างามริมแม่น้ำเจ้าพระยา สร้างความขัดแย้งที่ลงตัวและก่อให้เกิดบทสนทนาที่น่าสนใจระหว่างมรดกทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์แห่งยุคสมัย เป็นประสบการณ์การชมงานศิลปะที่ไม่สามารถหาได้จากที่อื่น
3. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์): การบรรจบของจิตวิญญาณและศิลปะ
เช่นเดียวกับวัดอรุณฯ วัดโพธิ์เป็นอีกหนึ่งสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่เข้าร่วมเป็นพื้นที่จัดแสดงงาน ศิลปินมักได้รับแรงบันดาลใจจากความเงียบสงบ ความเชื่อ และปรัชญาที่แฝงอยู่ในสถานที่แห่งนี้ ผลงานที่จัดแสดงอาจมีลักษณะที่ชวนให้ผู้ชมครุ่นคิดถึงความสัมพันธ์ระหว่างจิตวิญญาณ ศรัทธา และชีวิตในโลกสมัยใหม่ การเดินชมงานศิลปะท่ามกลางหมู่เจดีย์และพระวิหารจึงเป็นมากกว่าการชมนิทรรศการ แต่เป็นการเดินทางเข้าสู่ภายในจิตใจ
4. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป: ศูนย์รวมผลงานศิลปะชิ้นเอก
หอศิลป์แห่งชาติเป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะในรูปแบบแกลเลอรีที่เป็นทางการมากขึ้น เหมาะสำหรับการจัดแสดงผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพถ่ายที่ต้องการสภาวะแวดล้อมที่ควบคุมได้ ผู้ชมสามารถคาดหวังที่จะได้ชมผลงานจากศิลปินระดับนานาชาติที่มีชื่อเสียง ควบคู่ไปกับผลงานของศิลปินไทยที่ได้รับการยอมรับในเวทีโลก ที่นี่เป็นโอกาสในการพิจารณารายละเอียดและเทคนิคของผลงานแต่ละชิ้นอย่างใกล้ชิด
5. วัน แบงค็อก (One Bangkok): ศิลปะในใจกลางย่านธุรกิจ
การนำศิลปะไปจัดแสดงในพื้นที่โครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่อย่าง วัน แบงค็อก เป็นการนำศิลปะเข้าถึงผู้ชมในวงกว้างและผสมผสานเข้ากับวิถีชีวิตคนเมืองอย่างแท้จริง ผลงานที่จัดแสดงในพื้นที่ลักษณะนี้มักมีขนาดใหญ่และออกแบบมาเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้คนและสภาพแวดล้อมโดยรอบ เป็นการทลายกำแพงระหว่างศิลปะกับชีวิตประจำวัน และแสดงให้เห็นว่าศิลปะสามารถเป็นส่วนหนึ่งของทุกพื้นที่ในเมืองได้
6. การรวมตัวของ 76 ศิลปินจาก 39 ประเทศ
ไฮไลต์ที่แท้จริงของ BAB คือความหลากหลายของศิลปินที่เข้าร่วม การได้ชมผลงานจาก 76 ศิลปิน ที่มาจาก 39 ประเทศทั่วโลก เปรียบเสมือนการเดินทางรอบโลกผ่านมุมมองทางศิลปะ ผู้ชมจะได้สัมผัสกับแนวคิด วัฒนธรรม และวิธีการแสดงออกที่แตกต่างกัน ตั้งแต่ศิลปินจากยุโรป อเมริกา ไปจนถึงเอเชียและแอฟริกา ความหลากหลายนี้ทำให้เทศกาลเต็มไปด้วยสีสันและมิติที่ลุ่มลึก
7. การสำรวจประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านงานศิลป์
ตามแนวคิด “Nurture Gaia” ผู้ชมควรให้ความสนใจเป็นพิเศษกับผลงานที่พูดถึงประเด็นทางนิเวศวิทยา การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และความยุติธรรมทางสังคม ผลงานเหล่านี้มักใช้สื่อที่หลากหลาย ตั้งแต่วิดีโออาร์ต ไปจนถึงประติมากรรมที่สร้างจากวัสดุรีไซเคิล เพื่อกระตุ้นให้ผู้ชมฉุกคิดและตระหนักถึงปัญหาร่วมกันของโลก การชมงานศิลปะเหล่านี้จึงเป็นมากกว่าความสุนทรีย์ แต่เป็นการเข้าร่วมบทสนทนาที่สำคัญของยุคสมัย
8. ประสบการณ์ศิลปะในพื้นที่สาธารณะทั่วกรุง
นอกเหนือจาก 11 สถานที่จัดแสดงหลัก BAB ยังอาจมีผลงานศิลปะติดตั้งตามจุดต่าง ๆ ในพื้นที่สาธารณะทั่วกรุงเทพฯ การได้พบเจอกับงานศิลปะโดยไม่คาดคิดระหว่างการเดินทางในชีวิตประจำวันเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของเทศกาลนี้ ช่วยเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อเมืองและสร้างความประหลาดใจให้กับผู้คน
9. กิจกรรมเสวนาและเวิร์กช็อปจากศิลปิน
โดยปกติแล้ว เทศกาลศิลปะขนาดใหญ่มักมีกิจกรรมเสริม เช่น การเสวนา (Artist Talk) ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้ฟังแนวคิดเบื้องหลังการทำงานจากศิลปินโดยตรง หรือเวิร์กช็อปที่เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจได้ทดลองสร้างสรรค์ผลงาน การเข้าร่วมกิจกรรมเหล่านี้จะช่วยเพิ่มความเข้าใจในตัวผลงานและสร้างประสบการณ์ที่สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
10. เส้นทางการเดินทางเชื่อมต่อพิกัดศิลป์
การวางแผนเดินทางเพื่อชมงานศิลปะตามสถานที่ต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ ถือเป็นไฮไลต์ในตัวของมันเอง การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นรถไฟฟ้า เรือด่วนเจ้าพระยา หรือรถตุ๊กตุ๊ก เพื่อเชื่อมต่อไปยังพิกัดศิลป์แต่ละแห่ง ทำให้การชมงานกลายเป็นการผจญภัยสำรวจเมืองกรุงเทพฯ ในมุมมองใหม่ไปพร้อมกัน
ข้อควรรู้ก่อนเยี่ยมชมงาน
เพื่อให้การเยี่ยมชมมหกรรมศิลปะ Bangkok Art Biennale เป็นไปอย่างราบรื่นและได้รับประสบการณ์ที่ดีที่สุด การเตรียมตัวล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญ ประการแรกคือการตรวจสอบข้อมูลเวลาเปิด-ปิดของแต่ละสถานที่จัดแสดง เนื่องจากแต่ละแห่งอาจมีเวลาทำการแตกต่างกัน โดยเฉพาะสถานที่ที่เป็นวัดหรือโบราณสถานซึ่งอาจมีข้อกำหนดเรื่องการแต่งกายที่สุภาพ
การวางแผนเส้นทางเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญ สถานที่จัดแสดงทั้ง 11 แห่งกระจายตัวอยู่ทั่วกรุงเทพฯ การจัดกลุ่มสถานที่ที่อยู่ใกล้เคียงกันเพื่อเข้าชมในวันเดียวกันจะช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการเดินทาง การใช้แอปพลิเคชันแผนที่และการขนส่งสาธารณะ เช่น รถไฟฟ้า BTS/MRT และเรือด่วนเจ้าพระยา เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสถานที่ต่าง ๆ นอกจากนี้ ควรตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับบัตรเข้าชม บางสถานที่เป็นพื้นที่สาธารณะที่เข้าชมได้ฟรี แต่บางแห่งอาจมีค่าเข้าชมตามปกติ
การเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการเดินชมงานเป็นเวลานานก็เป็นสิ่งจำเป็น ควรเลือกรองเท้าที่สวมใส่สบายและเตรียมอุปกรณ์ป้องกันแสงแดด เช่น หมวกหรือร่ม โดยเฉพาะเมื่อต้องเยี่ยมชมสถานที่กลางแจ้ง
Bangkok Art Biennale vs. Thailand Biennale: ความแตกต่างที่ต้องเข้าใจ
ในวงการศิลปะของประเทศไทย มีเทศกาลศิลปะขนาดใหญ่อยู่สองเทศกาลที่อาจสร้างความสับสนได้ คือ Bangkok Art Biennale (BAB) และ Thailand Biennale แม้ว่าทั้งสองงานจะเป็นเทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ แต่ก็มีความแตกต่างที่สำคัญในหลายด้าน การทำความเข้าใจความแตกต่างเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ชมสามารถติดตามและเข้าร่วมงานได้อย่างถูกต้อง
Bangkok Art Biennale เป็นเทศกาลที่จัดขึ้นโดยภาคเอกชน และมีศูนย์กลางการจัดงานอยู่ในกรุงเทพมหานครเท่านั้น ในขณะที่ Thailand Biennale เป็นโครงการที่ริเริ่มโดยภาครัฐ ผ่านสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม และมีลักษณะเป็นเทศกาลศิลปะสัญจร โดยจะหมุนเวียนไปจัดในจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศไทยในแต่ละครั้ง เพื่อกระจายโอกาสในการเข้าถึงศิลปะและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมในระดับภูมิภาค
คุณสมบัติ | Bangkok Art Biennale (BAB) | Thailand Biennale |
---|---|---|
ผู้จัดงาน | มูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ (ภาคเอกชน) | สำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม (ภาครัฐ) |
สถานที่จัดงาน | กรุงเทพมหานครเท่านั้น | หมุนเวียนไปตามจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ (เช่น กระบี่, โคราช, เชียงราย, ภูเก็ต) |
ความถี่ในการจัด | ทุก ๆ 2 ปี | ทุก ๆ 2 ปี (เดิมเคยเป็นทุก 3 ปี) |
เป้าหมายหลัก | สร้างให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางศิลปะร่วมสมัยระดับโลก | กระจายศิลปะสู่ภูมิภาคและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม |
กำหนดการในปี 2025 | จัดต่อเนื่องจากปลายปี 2024 ถึง 25 กุมภาพันธ์ 2025 ในกรุงเทพฯ | มีกำหนดจัดขึ้นที่จังหวัดภูเก็ต ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2025 ถึงเมษายน 2026 |
บทสรุป: มหกรรมศิลปะที่เปลี่ยนกรุงเทพฯ ให้เป็นผืนผ้าใบ
การกลับมาของมหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ Bangkok Art Biennale 2025 ซึ่งจัดแสดงต่อเนื่องจากปี 2024 ภายใต้แนวคิด “Nurture Gaia” เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมครั้งสำคัญที่มอบประสบการณ์ทางศิลปะอันล้ำค่าให้กับสาธารณชน การนำผลงานจากศิลปินชั้นนำทั่วโลกมาจัดแสดงตามสถานที่สำคัญต่าง ๆ ทั่วกรุงเทพฯ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนพื้นที่เมืองให้กลายเป็นแกลเลอรีศิลปะที่มีชีวิตชีวา แต่ยังสร้างบทสนทนาที่ลึกซึ้งระหว่างศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และประเด็นร่วมสมัย
เทศกาลนี้เป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ที่สนใจศิลปะ นักเรียนนักศึกษา และประชาชนทั่วไป ในการสำรวจความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้ขีดจำกัด และเปิดมุมมองต่อประเด็นทางสังคมและสิ่งแวดล้อมผ่านสายตาของศิลปิน การเดินทางไปตามพิกัดไฮไลต์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นวัดเก่าแก่ริมแม่น้ำ หรือศูนย์กลางวัฒนธรรมสมัยใหม่ ล้วนมอบประสบการณ์ที่เป็นเอกลักษณ์และน่าจดจำ การเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของเทศกาลศิลปะระดับโลกครั้งนี้ จึงเป็นการเปิดประตูสู่โลกแห่งจินตนาการและแรงบันดาลใจที่ไม่ควรพลาด