Shopping cart

Bangkok Art Biennale 2025! 10 ไฮไลต์ห้ามพลาดทั่วกรุง

สารบัญ

มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ (Bangkok Art Biennale) กลับมาอีกครั้งในปี 2025 พร้อมการสำรวจประเด็นท้าทายของโลกยุคปัจจุบัน ผ่านผลงานจากศิลปินทั่วโลกที่จะถูกจัดแสดงตามสถานที่สำคัญต่างๆ ทั่วกรุงเทพมหานคร เทศกาลศิลปะครั้งนี้จะสร้างบทสนทนาที่น่าสนใจระหว่างศิลปะ สังคม และวัฒนธรรมในบริบทของเมืองที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวา

ภาพรวมของ Bangkok Art Biennale 2025

มหกรรมศิลปะร่วมสมัย บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2025 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 5 จะมาในธีมหลัก “Fragile Equilibrium: Art in an Age of Uncertainty” หรือ “ดุลยภาพอันเปราะบาง: ศิลปะในยุคแห่งความไม่แน่นอน” โดยต่อยอดความสำเร็จจากครั้งก่อนๆ เพื่อนำเสนอผลงานศิลปะร่วมสมัยที่หลากหลายทั้งจากศิลปินไทยและศิลปินต่างชาติ โดยมีจุดเด่นคือการใช้พื้นที่ทั่วกรุงเทพฯ เป็นเวทีจัดแสดง ตั้งแต่วัดเก่าแก่ที่มีชีวิตชีวา ศูนย์วัฒนธรรม ไปจนถึงศูนย์การค้าและพื้นที่สาธารณะ

  • ธีมหลักที่ท้าทาย: “ดุลยภาพอันเปราะบาง” สะท้อนความท้าทายร่วมสมัยทั้งในระดับโลกและระดับภูมิภาค โดยสำรวจความเปราะบางในมิติทางนิเวศวิทยา สังคม และการเมือง ผ่านมุมมองของศิลปิน
  • พื้นที่จัดแสดงที่เป็นเอกลักษณ์: สานต่อธรรมเนียมการผสมผสานศิลปะร่วมสมัยเข้ากับพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างวัดพุทธที่ยังคงมีการใช้งาน เช่น วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) สร้างบทสนทนาที่ไม่เหมือนใครระหว่างศิลปะสมัยใหม่กับพื้นที่ทางจิตวิญญาณแบบดั้งเดิม
  • แนวทางศิลปะที่มุ่งเน้น: คาดว่าจะสานต่อและเจาะลึกแนวคิดจากครั้งก่อน (Nurture Gaia) ซึ่งมุ่งเน้นเรื่องนิเวศวิทยา ปรัชญาสตรีนิยม และชุมชน โดยจะเน้นย้ำประเด็นเร่งด่วน เช่น ความไม่สมดุลของสิ่งแวดล้อมและความไม่แน่นอนทางวัฒนธรรม
  • ความสำคัญทางวัฒนธรรม: บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ มีเป้าหมายในการยกระดับกรุงเทพมหานครให้เป็นจุดหมายปลายทางด้านศิลปะร่วมสมัยชั้นนำในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมทั้งเสริมสร้างพื้นที่สาธารณะและส่งเสริมความซาบซึ้งในศิลปะแก่ผู้ชมในวงกว้าง

เจาะลึกแนวคิดหลัก: ดุลยภาพอันเปราะบาง

เจาะลึกแนวคิดหลัก: ดุลยภาพอันเปราะบาง

ธีมหลักของ Bangkok Art Biennale 2025 “Fragile Equilibrium: Art in an Age of Uncertainty” ไม่ใช่เป็นเพียงชื่อเรียก แต่เป็นกรอบแนวคิดที่เชิญชวนให้ศิลปินและผู้ชมร่วมกันสำรวจและตั้งคำถามต่อสภาวะของโลกในปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความผันผวนและความไม่แน่นอนในทุกมิติ

ที่มาและความหมายของธีม

แนวคิด “ดุลยภาพอันเปราะบาง” สะท้อนถึงสภาวะที่สมดุลของโลกระบบนิเวศ สังคม และโครงสร้างทางการเมืองกำลังถูกท้าทายอย่างหนักหน่วง ศิลปะในยุคแห่งความไม่แน่นอนจึงทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการไตร่ตรอง ตั้งคำถาม และนำเสนอจินตนาการใหม่ๆ ต่อสภาวะการณ์เหล่านี้ ธีมนี้เป็นการต่อยอดจากแนวคิด “Nurture Gaia” ในปี 2024 ที่มองโลกในฐานะสิ่งมีชีวิตที่ได้รับผลกระทบจากความไม่สมดุลของมนุษย์ โดยในครั้งนี้จะขยายขอบเขตการสำรวจให้กว้างขึ้น ครอบคลุมถึงความเปราะบางทางวัฒนธรรม อัตลักษณ์ และความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับเทคโนโลยีอีกด้วย ศิลปินที่เข้าร่วมจะถูกเชื้อเชิญให้ตีความสภาวะ “ใกล้จะแตกหัก” ของสมดุลในแง่มุมต่างๆ ผ่านผลงานของพวกเขา ไม่ว่าจะเป็นความตึงเครียดระหว่างการพัฒนาและความยั่งยืน, การปะทะกันของอุดมการณ์ทางการเมือง, หรือความขัดแย้งภายในจิตใจของมนุษย์ที่ต้องเผชิญกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

รูปแบบศิลปะที่คาดว่าจะได้พบ

ความหลากหลายของสื่อและรูปแบบการนำเสนอเป็นหัวใจสำคัญของบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ผู้ชมจะได้พบกับผลงานศิลปะในหลากหลายรูปแบบที่สะท้อนธีมหลักอย่างลึกซึ้ง ตั้งแต่ผลงานจิตรกรรมและประติมากรรมแบบดั้งเดิม ไปจนถึงรูปแบบที่ท้าทายขนบเดิมๆ มากขึ้น

  • ศิลปะจัดวาง (Installation Art): คาดว่าจะมีผลงานศิลปะจัดวางขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นเฉพาะสำหรับพื้นที่ (Site-specific) ซึ่งจะมีการปฏิสัมพันธ์กับสถาปัตยกรรมของวัดหรือภูมิทัศน์ของเมืองโดยตรง เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ให้กับผู้ชม
  • ศิลปะการแสดงสด (Performance Art): ศิลปะรูปแบบนี้จะใช้พื้นที่ที่ใกล้ชิดกับผู้ชมในการสำรวจประเด็นเรื่องความไม่จีรัง, ความยืดหยุ่นในการปรับตัว, และปัญหาทางสังคมการเมือง ซึ่งเป็นสื่อที่ทรงพลังในการสื่อสารภาวะความเปราะบาง
  • วิดีโออาร์ตและสื่อดิจิทัล: การใช้เทคโนโลยีเพื่อสำรวจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างโลกจริงและโลกเสมือน, ผลกระทบของข้อมูลข่าวสาร, และความไม่แน่นอนในยุคดิจิทัล
  • โครงการศิลปะแบบมีส่วนร่วม (Participatory Projects): ผลงานที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมหรือชุมชนท้องถิ่นเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการสร้างสรรค์ เพื่อสะท้อนถึงการทำงานร่วมกันและการสร้างความเข้าใจในประเด็นทางสังคม เช่น การมีส่วนร่วมของกลุ่มคนชายขอบ หรือการทำงานร่วมกับชุมชนพื้นถิ่น

รูปแบบศิลปะเหล่านี้จะทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประสบการณ์ที่หลากหลายและชวนให้ผู้ชมขบคิดถึง “ดุลยภาพอันเปราะบาง” ในชีวิตของตนเองและสังคมโดยรวม

เอกลักษณ์ของพื้นที่จัดแสดง: ศิลปะร่วมสมัยในบริบทเมืองกรุงเทพฯ

จุดเด่นที่ทำให้บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ แตกต่างจากเทศกาลศิลปะอื่นๆ ทั่วโลก คือการเลือกใช้พื้นที่จัดแสดงที่หลากหลายและมีความหมายเฉพาะตัว โดยเปลี่ยนให้ทั่วทั้งกรุงเทพมหานครกลายเป็นหอศิลป์ที่มีชีวิตชีวา

การใช้พื้นที่วัดและศาสนสถานเป็นพื้นที่แสดงงานศิลปะ

บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ได้สร้างธรรมเนียมปฏิบัติที่ไม่เหมือนใคร ด้วยการเป็นเมืองแรกที่ใช้ “วัดที่ยังมีการใช้งานอยู่” (Active Temples) เป็นพื้นที่จัดแสดงศิลปะร่วมสมัยอย่างเป็นระบบ สถานที่อย่างวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามฯ (วัดโพธิ์), วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร และวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ไม่ได้เป็นเพียงฉากหลังที่สวยงาม แต่กลายเป็นส่วนหนึ่งของบทสนทนาทางศิลปะ การนำผลงานศิลปะสมัยใหม่เข้าไปติดตั้งในพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และจิตวิญญาณ ก่อให้เกิดการปะทะและหลอมรวมที่น่าสนใจระหว่างเก่ากับใหม่, ตะวันออกกับตะวันตก, และความเชื่อดั้งเดิมกับแนวคิดร่วมสมัย

การจัดแสดงงานศิลปะในวัด เปิดโอกาสให้ผู้ชมได้สัมผัสกับพื้นที่ทางศาสนาในมุมมองใหม่ ขณะเดียวกันก็ทำให้ศิลปะร่วมสมัยสามารถเข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ ที่อาจไม่ได้ตั้งใจจะเข้าชมงานศิลปะโดยตรง นับเป็นการทลายกำแพงระหว่างพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และพื้นที่ทางศิลปะได้อย่างน่าทึ่ง

การผสมผสานศิลปะเข้ากับพื้นที่เมืองและชีวิตประจำวัน

นอกเหนือจากวัดวาอาราม เทศกาลยังกระจายผลงานศิลปะไปตามจุดต่างๆ ทั่วเมืองที่เป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตประจำวันของผู้คน ไม่ว่าจะเป็น หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศิลปะร่วมสมัย, ศูนย์การค้าใจกลางเมืองที่พลุกพล่าน, อาคารประวัติศาสตร์ริมแม่น้ำเจ้าพระยา, หรือแม้แต่พื้นที่สาธารณะต่างๆ การแทรกซึมของศิลปะเข้าไปในพื้นที่เหล่านี้มีเป้าหมายเพื่อทำให้ศิลปะเป็นสิ่งที่เข้าถึงได้ง่ายและเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ในเมือง ไม่ใช่สิ่งที่ถูกจำกัดอยู่แค่ในพิพิธภัณฑ์หรือแกลเลอรี การเดินเลือกซื้อของในห้างสรรพสินค้าอาจนำไปสู่การพบกับผลงานวิดีโออาร์ตที่น่าสนใจ หรือการเดินเล่นริมแม่น้ำอาจทำให้ได้พบกับประติมากรรมชิ้นเอกโดยไม่คาดคิด วิธีการนี้ไม่เพียงแต่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยว แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดการพูดคุยเกี่ยวกับบทบาทของศิลปะในพื้นที่สาธารณะอีกด้วย

Bangkok Art Biennale 2025! 10 ไฮไลต์ห้ามพลาดทั่วกรุง (ฉบับคาดการณ์)

หมายเหตุ: รายชื่อศิลปินและผลงานอย่างเป็นทางการยังไม่ถูกประกาศ รายการไฮไลต์ต่อไปนี้เป็นการคาดการณ์จากรูปแบบการจัดงานในครั้งก่อนๆ และแนวคิดหลักของปี 2025 เพื่อเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่สนใจเตรียมตัวสำรวจเทศกาลศิลปะครั้งสำคัญนี้

1. ผลงานศิลปะจัดวางขนาดใหญ่ในวัดโพธิ์และวัดสำคัญอื่นๆ

ไฮไลต์สำคัญที่กลายเป็นภาพจำของเทศกาล คือผลงานศิลปะจัดวางที่สร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อพื้นที่สถาปัตยกรรมและบริบททางประวัติศาสตร์ของวัดโดยเฉพาะ คาดว่าในปี 2025 จะมีศิลปินทั้งไทยและต่างชาติสร้างสรรค์ผลงานที่ตีความพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ในมุมมองใหม่ อาจเป็นการใช้วัสดุที่ตัดกันกับโครงสร้างเดิม หรือการใช้แสงและเสียงเพื่อสร้างปฏิสัมพันธ์กับองค์ประกอบทางศาสนา เช่น พระพุทธรูป หรือเจดีย์ ก่อให้เกิดมิติทางสุนทรียะและการครุ่นคิดที่ลึกซึ้ง

2. ประติมากรรมกลางแจ้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา

พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยามักเป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญในการจัดแสดงประติมากรรมขนาดใหญ่กลางแจ้ง ซึ่งจะกลายเป็นจุดหมายตาใหม่ของเมืองตลอดช่วงเทศกาล ผลงานเหล่านี้มักมีขนาดที่น่าตื่นตาและสร้างปฏิสัมพันธ์กับสภาพแวดล้อมโดยรอบ ทั้งแสงแดด สายลม และสายน้ำ ทำให้ผู้ชมสามารถสัมผัสงานศิลปะได้ในบรรยากาศที่เปิดโล่งและผ่อนคลาย

3. ศิลปะมัลติมีเดียแบบดื่มด่ำที่หอศิลปกรุงเทพฯ (BACC)

หอศิลปกรุงเทพฯ (BACC) ในฐานะหนึ่งในสถานที่จัดงานหลัก มักเป็นพื้นที่สำหรับผลงานที่ต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ศิลปะแบบ Immersive หรือ Interactive ที่ผู้ชมสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผลงานได้ อาจเป็นห้องที่เต็มไปด้วยการฉายภาพวิดีโอแบบ 360 องศา หรือผลงานที่ใช้เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างประสบการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตามการตอบสนองของผู้ชม

4. นิทรรศการในศูนย์การค้า: ศิลปะในวิถีชีวิตคนเมือง

การนำศิลปะร่วมสมัยไปจัดแสดงในศูนย์การค้าเป็นกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดในการนำศิลปะไปสู่ผู้ชมในวงกว้าง คาดว่าศูนย์การค้าชั้นนำหลายแห่งจะเข้าร่วมเป็นพื้นที่จัดแสดง โดยอาจมีทั้งผลงานประติมากรรม, ภาพถ่าย, หรืองานศิลปะจัดวางที่แทรกตัวอยู่ตามจุดต่างๆ สร้างความประหลาดใจและเปิดบทสนทนาเกี่ยวกับศิลปะในพื้นที่เชิงพาณิชย์

5. ศิลปะการแสดงสด (Performance Art) ในพื้นที่สาธารณะ

Performance Art เป็นสื่อที่ทรงพลังในการสื่อสารประเด็นที่ซับซ้อนและเปราะบาง มักจะมีตารางการแสดงสดจากศิลปินทั้งไทยและต่างชาติในพื้นที่สาธารณะที่เข้าถึงง่าย อาจเป็นการแสดงที่ชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามต่อบรรทัดฐานทางสังคม หรือการแสดงที่ใช้ร่างกายเป็นสื่อในการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับสภาพแวดล้อมในเมือง

6. ผลงานที่สะท้อนประเด็นสิ่งแวดล้อมและการมีส่วนร่วมของชุมชน

ด้วยธีมที่เน้นเรื่อง “ดุลยภาพอันเปราะบาง” จึงคาดว่าจะมีผลงานจำนวนมากที่พูดถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมโดยตรง อาจเป็นการใช้วัสดุรีไซเคิลในการสร้างงาน หรือโครงการที่ทำงานร่วมกับชุมชนท้องถิ่นเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหานิเวศวิทยาในพื้นที่นั้นๆ ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดเรื่อง Ecofeminism และทฤษฎี Gaia ที่เคยเป็นแกนหลักในครั้งก่อน

7. การตีความมรดกวัฒนธรรมไทยในมุมมองร่วมสมัย

ศิลปินไทยรุ่นใหม่มักใช้เวทีนี้ในการนำเสนอมรดกทางวัฒนธรรมไทยในรูปแบบใหม่ๆ อาจเป็นการนำเทคนิคงานฝีมือแบบดั้งเดิมมาผสมผสานกับแนวคิดศิลปะร่วมสมัย หรือการตีความเรื่องเล่า ตำนาน หรือประวัติศาสตร์ไทยผ่านสื่อสมัยใหม่ เพื่อสร้างบทสนทนาระหว่างรากเหง้าทางวัฒนธรรมกับโลกยุคปัจจุบัน

8. การพบกันของศิลปินระดับโลกและศิลปินไทยรุ่นใหม่

จุดเด่นของเทศกาลคือการเป็นเวทีที่ศิลปินชื่อดังระดับนานาชาติได้มาจัดแสดงผลงานเคียงข้างกับศิลปินดาวรุ่งของไทย การผสมผสานนี้สร้างให้เกิดการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ที่น่าสนใจ ทำให้ผู้ชมได้เห็นภาพรวมของแวดวงศิลปะร่วมสมัยทั้งในระดับโลกและระดับประเทศในคราวเดียว

9. เส้นทางเดินชมศิลปะ (Art Walks) สำรวจย่านต่างๆ

เพื่อเชื่อมโยงสถานที่จัดแสดงที่กระจายตัวอยู่ทั่วเมือง โดยปกติแล้วผู้จัดงานจะออกแบบเส้นทางเดินชมศิลปะ หรือ “Art Walks” และ “Art Loops” เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ชมสามารถวางแผนการเดินทางสำรวจผลงานศิลปะในย่านต่างๆ ได้อย่างต่อเนื่อง เช่น เส้นทางย่านเมืองเก่าริมแม่น้ำเจ้าพระยา หรือเส้นทางย่านธุรกิจใจกลางสุขุมวิท

10. กิจกรรมเสวนาและเวิร์กช็อปเพื่อการเรียนรู้

นอกจากการจัดแสดงผลงานแล้ว บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ยังให้ความสำคัญกับโปรแกรมการศึกษา โดยจะมีการจัดกิจกรรมเสวนาโดยศิลปินและภัณฑารักษ์, การนำชมโดยผู้เชี่ยวชาญ, และเวิร์กช็อปต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความรู้ความเข้าใจในศิลปะร่วมสมัยและเปิดโอกาสให้สาธารณชนได้มีปฏิสัมพันธ์กับคนในแวดวงศิลปะอย่างใกล้ชิด

ความสำคัญและผลกระทบของบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่

เทศกาลศิลปะนี้ไม่ได้เป็นเพียงงานแสดงศิลปะชั่วคราว แต่มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนวงการศิลปะและวัฒนธรรมของประเทศไทย รวมถึงการสร้างภาพลักษณ์ของกรุงเทพมหานครในเวทีโลก

การยกระดับกรุงเทพฯ สู่ศูนย์กลางศิลปะร่วมสมัย

บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ มีเป้าหมายที่ชัดเจนในการผลักดันให้กรุงเทพฯ เป็นหนึ่งในเมืองหลวงด้านศิลปะร่วมสมัยของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การเชิญศิลปินระดับโลกมาร่วมแสดงงานช่วยดึงดูดความสนใจจากสื่อและนักสะสมศิลปะทั่วโลก ขณะเดียวกันก็เป็นเวทีสำคัญสำหรับศิลปินไทยในการแสดงศักยภาพสู่สากล การจัดงานอย่างต่อเนื่องช่วยสร้างระบบนิเวศทางศิลปะที่แข็งแกร่ง กระตุ้นให้เกิดแกลเลอรีใหม่ๆ และส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของประเทศ

การส่งเสริมการเข้าถึงศิลปะและการศึกษา

เทศกาลนี้ดำเนินงานโดยมูลนิธิ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ และได้รับการสนับสนุนหลักจากภาคเอกชน โดยมีภารกิจสำคัญในการส่งเสริมการพัฒนาศิลปินและการให้การศึกษาด้านศิลปะแก่สาธารณชน การจัดแสดงงานในพื้นที่สาธารณะที่เข้าถึงง่ายโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เป็นการทลายกำแพงและทำให้ศิลปะกลายเป็นเรื่องที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและมีส่วนร่วมได้ โปรแกรมการศึกษาต่างๆ ยังช่วยสร้างผู้ชมรุ่นใหม่ที่มีความรู้ความเข้าใจในศิลปะร่วมสมัย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญของการพัฒนาวงการศิลปะอย่างยั่งยืน

บทสรุป: เตรียมพร้อมสำหรับประสบการณ์ศิลปะครั้งสำคัญ

Bangkok Art Biennale 2025 ภายใต้แนวคิด “ดุลยภาพอันเปราะบาง: ศิลปะในยุคแห่งความไม่แน่นอน” กำลังจะกลับมาเปลี่ยนกรุงเทพมหานครให้กลายเป็นพื้นที่แห่งการสำรวจความคิดสร้างสรรค์และบทสนทนาทางสังคมอีกครั้ง มหกรรมครั้งนี้จะเป็นการบรรจบกันของศิลปะร่วมสมัย มรดกทางวัฒนธรรม และประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่เร่งด่วน โดยใช้พื้นที่อันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองเป็นเวทีในการนำเสนอ

เทศกาลนี้ไม่ใช่เพียงโอกาสในการชมผลงานจากศิลปินชั้นนำทั่วโลก แต่ยังเป็นช่วงเวลาแห่งการสำรวจเมืองในมุมมองใหม่ ค้นพบความหมายที่ซ่อนอยู่ในสถานที่ที่คุ้นเคย และไตร่ตรองถึงสภาวะของโลกร่วมสมัยผ่านเลนส์ของศิลปะ ขอแนะนำให้ผู้ที่สนใจติดตามข่าวสารและประกาศรายชื่อศิลปินและสถานที่จัดแสดงอย่างเป็นทางการจากผู้จัดงานอย่างใกล้ชิด เพื่อวางแผนการเดินทางและเตรียมพร้อมสำหรับประสบการณ์ทางศิลปะที่จะสร้างแรงบันดาลใจและเปิดมุมมองใหม่ๆ ทั่วทั้งกรุงเทพมหานคร

กันยายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930