บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2025: ธีม-ศิลปิน-สถานที่จัดแสดง
มหกรรมศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2025: ธีม-ศิลปิน-สถานที่จัดแสดง กลับมาสร้างปรากฏการณ์อีกครั้งในวงการศิลปะของประเทศไทยและระดับโลก โดยจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 ภายใต้ธีมหลักอันทรงพลังอย่าง “Nurture Gaia” (รักษา กายา) เทศกาลศิลปะที่จัดขึ้นทุก 2 ปีนี้ ได้เปลี่ยนกรุงเทพมหานครให้กลายเป็นหอศิลป์ขนาดใหญ่ที่ไร้ขอบเขต นำเสนอผลงานศิลปะร่วมสมัยกว่า 200 ชิ้น จากศิลปินชั้นนำ 76 คน จาก 28 ประเทศทั่วโลก การจัดงานครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการรวบรวมผลงานศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจ แต่ยังเป็นการกระตุ้นให้เกิดบทสนทนาเกี่ยวกับประเด็นสำคัญของโลก ตั้งแต่ความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ ผ่านมุมมองที่หลากหลายของศิลปิน
- ธีมหลัก “Nurture Gaia”: มุ่งเน้นการดูแล ฟื้นฟู และเยียวยาโลกธรรมชาติ สะท้อนผ่านผลงานศิลปะที่เกี่ยวข้องกับระบบนิเวศ ความเป็นหญิง และความยั่งยืน
- ศิลปินระดับโลก: รวบรวมศิลปิน 76 ท่านจาก 28 ประเทศ ทั้งศิลปินนานาชาติที่มีชื่อเสียงและศิลปินไทยที่น่าจับตามอง มาร่วมสร้างสรรค์ผลงานกว่า 200 ชิ้น
- สถานที่จัดแสดงหลากหลาย: จัดแสดงผลงานใน 11 สถานที่สำคัญทั่วกรุงเทพฯ ครอบคลุมทั้งพื้นที่ประวัติศาสตร์อย่างวัดอรุณราชวราราม วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม และพื้นที่ศิลปะร่วมสมัย เช่น หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร และ One Bangkok
- ช่วงเวลาจัดแสดง: งานจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24 ตุลาคม 2567 ถึง 25 กุมภาพันธ์ 2568 เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจศิลปะได้เข้าชมอย่างเต็มอิ่มตลอดระยะเวลา 4 เดือน
ภาพรวมของมหกรรมศิลปะ BAB 2025
บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ (Bangkok Art Biennale หรือ BAB) คือเทศกาลศิลปะร่วมสมัยที่จัดขึ้นทุกสองปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและส่งเสริมสันติภาพผ่านพลังของศิลปะ สำหรับการกลับมาในครั้งที่ 4 ซึ่งครอบคลุมช่วงปลายปี 2567 ถึงต้นปี 2568 งาน บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2025 ยังคงเดินหน้าตอกย้ำสถานะของกรุงเทพฯ ในฐานะเมืองหลวงแห่งศิลปะวัฒนธรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ความสำคัญของงานนี้ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การจัดแสดงผลงานศิลปะเท่านั้น แต่ยังเป็นการสร้างพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนทางความคิดและวัฒนธรรมระหว่างศิลปิน ภัณฑารักษ์ และผู้ชมจากทั่วโลก โดยนำเสนอประเด็นร่วมสมัยที่สังคมโลกกำลังเผชิญหน้า ผ่านการตีความที่ลึกซึ้งและหลากหลายของศิลปินแต่ละคน การจัดงานในสถานที่ที่มีความแตกต่างกันอย่างสุดขั้ว ตั้งแต่วัดเก่าแก่ไปจนถึงอาคารสมัยใหม่ ยังเป็นการสร้างประสบการณ์การชมงานศิลปะที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ผู้ชมได้สำรวจเมืองกรุงเทพฯ ในมิติใหม่ไปพร้อมกัน
Nurture Gaia: แก่นแนวคิดหลักและการตีความ
หัวใจสำคัญของ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ในครั้งนี้คือธีม Nurture Gaia (รักษา กายา) ซึ่งเป็นแนวคิดที่เชิญชวนให้ทุกคนหันกลับมาทบทวนความสัมพันธ์ระหว่างมนุษยชาติกับโลกธรรมชาติ กายา (Gaia) ในตำนานเทพปกรณัมกรีกคือเทพีผู้เป็นตัวแทนของโลกหรือพระแม่ธรณี ธีมนี้จึงเป็นการเรียกร้องให้เกิดการดูแล ปกป้อง และฟื้นฟูโลกของเรา ซึ่งเปรียบเสมือนร่างกายเดียวกันกับมนุษย์
Nurture Gaia ไม่ใช่แค่แนวคิดเชิงนามธรรม แต่คือการเรียกร้องให้เกิดการลงมือปฏิบัติเพื่อเยียวยาโลก ผ่านพลังแห่งการสร้างสรรค์และมุมมองอันละเอียดอ่อนของศิลปะร่วมสมัย
ความหมายเบื้องหลัง “รักษา กายา”
แนวคิด “รักษา กายา” สะท้อนถึงความเร่งด่วนของวิกฤตการณ์สิ่งแวดล้อมที่โลกกำลังเผชิญอยู่ ศิลปินที่เข้าร่วมได้ตีความแนวคิดนี้ออกมาในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพ หรือมลภาวะในระบบนิเวศ นอกจากนี้ ธีมดังกล่าวยังเชื่อมโยงไปถึงแนวคิดเรื่องความเป็นหญิง (Femininity) ซึ่งมักถูกเปรียบเปรยถึงพลังแห่งการให้กำเนิด การดูแล และการหล่อเลี้ยงชีวิต เช่นเดียวกับบทบาทของพระแม่ธรณี ผลงานศิลปะหลายชิ้นจึงอาจสำรวจประเด็นทางเพศภาวะควบคู่ไปกับเรื่องของสิ่งแวดล้อม เพื่อนำเสนอภาพความเชื่อมโยงที่ซับซ้อนและงดงาม
ศิลปะเพื่อความยั่งยืนและระบบนิเวศ
ศิลปินจำนวนมากใน BAB 2025 ได้นำเสนอผลงานที่สร้างขึ้นจากวัสดุรีไซเคิล หรือใช้วัสดุจากธรรมชาติ เพื่อสะท้อนถึงแนวคิดความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม ผลงานเหล่านี้ไม่ได้เป็นเพียงวัตถุทางศิลปะเพื่อความสวยงาม แต่ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือในการสื่อสารและกระตุ้นเตือนให้ผู้ชมตระหนักถึงความเปราะบางของระบบนิเวศ การจัดแสดงงานศิลปะที่พูดถึงธรรมชาติในบริบทของเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ยิ่งสร้างแรงกระเพื่อมทางความคิด ทำให้ผู้คนในเมืองได้หยุดและไตร่ตรองถึงความสัมพันธ์ที่อาจหลงลืมไประหว่างวิถีชีวิตคนเมืองกับโลกธรรมชาติที่คอยค้ำจุนทุกชีวิตอยู่เบื้องหลัง
ศิลปินผู้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานระดับโลก
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของงาน Bangkok Art Biennale 2025 คือการรวมตัวของศิลปินชั้นนำจากทั่วโลกและศิลปินไทยที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล การคัดเลือกศิลปินที่มีความหลากหลายทั้งในด้านเชื้อชาติ วัฒนธรรม และแนวทางการทำงาน ทำให้ธีม “Nurture Gaia” ถูกตีความและนำเสนอออกมาได้อย่างกว้างขวางและลึกซึ้ง
ทัพศิลปินนานาชาติจากทั่วทุกมุมโลก
การมาเยือนของศิลปินต่างชาติชื่อดังถือเป็นโอกาสอันดีที่ผู้ชมชาวไทยจะได้สัมผัสกับผลงานศิลปะร่วมสมัยระดับโลกอย่างใกล้ชิด ศิลปินแต่ละคนนำเสนอเอกลักษณ์และมุมมองที่แตกต่างกันออกไป ตัวอย่างศิลปินนานาชาติที่เข้าร่วมงาน ได้แก่:
- Adel Abdessemed (ฝรั่งเศส-แอลจีเรีย): ศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานที่ทรงพลังและมักจะท้าทายประเด็นทางสังคมและการเมืองผ่านสื่อหลากหลายรูปแบบ
- Elmgreen & Dragset (สแกนดิเนเวีย): คู่หูศิลปินที่โด่งดังจากผลงานประติมากรรมและศิลปะจัดวางขนาดใหญ่ที่มักจะวิพากษ์วิจารณ์สถาบันทางสังคมและวัฒนธรรมด้วยอารมณ์ขัน
- Tony Cragg (สหราชอาณาจักร): ประติมากรระดับตำนานที่มีชื่อเสียงด้านการใช้วัสดุที่หลากหลาย ตั้งแต่เหล็กหล่อไปจนถึงพลาสติก เพื่อสร้างสรรค์รูปทรงที่เป็นเอกลักษณ์และน่าทึ่ง
- Chitra Ganesh (นิวยอร์ก): ศิลปินที่ทำงานกับสื่อผสม ภาพวาด และดิจิทัลอาร์ต โดยมักจะหยิบยกเรื่องราวจากเทพนิยาย ตำนาน และการ์ตูน มาผสมผสานกับประเด็นเรื่องเพศภาวะและอำนาจ
- AKI INOMATA (ญี่ปุ่น): ศิลปินที่ทำงานร่วมกับสิ่งมีชีวิต เช่น ปูเสฉวน หรือนก เพื่อสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ สัตว์ และสภาพแวดล้อมที่มนุษย์สร้างขึ้น
- Lisa Reihana (เมารี): ศิลปินจากนิวซีแลนด์ที่โดดเด่นในผลงานวิดีโอและภาพถ่ายขนาดใหญ่ ซึ่งมักจะรื้อสร้างและเล่าประวัติศาสตร์ของชนพื้นเมืองในมุมมองใหม่
- Priyageetha Dia (อินเดีย): ศิลปินรุ่นใหม่ที่น่าจับตา ซึ่งทำงานศิลปะที่สำรวจเรื่องราวของชุมชน อัตลักษณ์ และพื้นที่ผ่านสื่อที่หลากหลาย
ศิลปินไทยกับการสะท้อนมุมมองผ่านงานศิลป์
นอกจากศิลปินระดับโลกแล้ว BAB 2025 ยังเป็นเวทีสำคัญสำหรับศิลปินไทยในการแสดงศักยภาพและนำเสนอมุมมองที่มีต่อธีม “Nurture Gaia” ในบริบทของสังคมและวัฒนธรรมไทย ศิลปินไทยที่เข้าร่วมงานต่างมีแนวทางที่น่าสนใจและเป็นเอกลักษณ์ เช่น:
- ดุษฎี ฮันตระกูล (Dusadee Huntrakul): ศิลปินที่ทำงานกับสื่อหลากหลาย ทั้งประติมากรรมเซรามิกและภาพวาด โดยมักจะได้รับแรงบันดาลใจจากธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และโบราณคดี
- สุภาวิชช์ วีระสเพ็ญ (Supawich Weesapen): จิตรกรที่สร้างสรรค์ผลงานภาพทิวทัศน์เหนือจริงที่ชวนฝันและน่าค้นหา ชวนให้ผู้ชมตั้งคำถามต่อความเป็นจริงและจินตนาการ
- ญาณวิทย์ กุญแจทอง (Yanawit Kunchaethong): ศิลปินผู้เชี่ยวชาญด้านภาพพิมพ์และสีจากธรรมชาติ ผลงานของเขาสะท้อนถึงความผูกพันอย่างลึกซึ้งระหว่างศิลปะกับสิ่งแวดล้อม
การมีส่วนร่วมของศิลปินไทยไม่เพียงแต่เพิ่มความหลากหลายให้กับงาน แต่ยังเป็นการสร้างบทสนทนาระหว่างศิลปินไทยกับศิลปินนานาชาติ ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนวงการศิลปะร่วมสมัยของประเทศให้ก้าวไปข้างหน้า
ปักหมุด 11 สถานที่จัดแสดงทั่วกรุงเทพมหานคร
เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดอย่างหนึ่งของ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ คือการใช้พื้นที่ทั่วทั้งกรุงเทพมหานครเป็นสถานที่จัดแสดงงานศิลปะ หรือที่เรียกได้ว่าเป็น “นิทรรศการศิลปะ” ที่ไร้ผนัง การเลือกใช้สถานที่ 11 แห่งที่มีความหลากหลายทั้งในเชิงประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และสถาปัตยกรรม ทำให้การชมงานศิลปะกลายเป็นการเดินทางสำรวจเมืองที่น่าตื่นเต้นไปในตัว
ประเภทสถานที่ | รายชื่อสถานที่จัดแสดง |
---|---|
สถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ | วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร, วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์), วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร, พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์, มิวเซียมสยาม |
พื้นที่ศิลปะและไลฟ์สไตล์ร่วมสมัย | หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC), เซ็นทรัลเวิลด์, One Bangkok Park |
การบรรจบกันของศิลปะร่วมสมัยและมรดกทางวัฒนธรรม
การนำผลงานศิลปะร่วมสมัยไปจัดแสดงในพื้นที่ที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์และศาสนาอย่าง วัดอรุณฯ, วัดโพธิ์, และ วัดประยูรฯ ถือเป็นความท้าทายและสร้างมิติใหม่ให้กับการรับชมงานศิลปะ การติดตั้งผลงานศิลปะสมัยใหม่ท่ามกลางสถาปัตยกรรมไทยโบราณสร้างความขัดแย้งที่น่าสนใจ (Juxtaposition) และกระตุ้นให้ผู้ชมตีความทั้งตัวผลงานและพื้นที่ในมุมมองที่แตกต่างออกไป เป็นการเชื่อมโยงอดีตเข้ากับปัจจุบัน และทำให้ศิลปะสามารถเข้าถึงผู้ชมกลุ่มใหม่ๆ ที่อาจไม่ได้ตั้งใจมาชมงานศิลปะโดยตรง นอกจากนี้ สถานที่อย่าง มิวเซียมสยาม และ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป์ ก็ทำหน้าที่เป็นสะพานเชื่อมระหว่างประวัติศาสตร์กับศิลปะร่วมสมัยได้อย่างลงตัว
ศูนย์กลางศิลปะและไลฟ์สไตล์ใจกลางเมือง
ในอีกด้านหนึ่ง การจัดแสดงในพื้นที่ใจกลางเมืองอย่าง หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) ซึ่งเป็นศูนย์กลางของวงการศิลปะร่วมสมัยอยู่แล้ว ทำให้ผู้ชมสามารถเข้าถึงผลงานของศิลปินหลักได้อย่างสะดวกสบาย ขณะที่พื้นที่เชิงพาณิชย์อย่าง เซ็นทรัลเวิลด์ เป็นการนำศิลปะเข้าไปสู่ชีวิตประจำวันของผู้คน ทำให้ศิลปะไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในแกลเลอรีหรือพิพิธภัณฑ์อีกต่อไป
สถานที่ใหม่ที่น่าจับตามองในครั้งนี้คือ One Bangkok Park ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ การเลือกใช้พื้นที่ใหม่ล่าสุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงพลวัตของกรุงเทพฯ ที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ และเป็นการเปิดพื้นที่ทางศิลปะแห่งใหม่ให้กับเมือง นับเป็นอีกหนึ่งพิกัดที่ผู้สนใจกิจกรรม เที่ยวกรุงเทพ ไม่ควรพลาดในการมาสำรวจและชมงานศิลปะ
ความหลากหลายของรูปแบบผลงานศิลปะใน BAB 2025
ความโดดเด่นของ งานศิลปะกรุงเทพ ครั้งนี้ไม่ได้อยู่แค่ที่ธีมหรือรายชื่อศิลปินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความหลากหลายของรูปแบบและสื่อที่ศิลปินเลือกใช้ในการสร้างสรรค์ผลงาน ผู้ชมจะได้พบกับผลงานศิลปะในหลากหลายแขนง ซึ่งแต่ละรูปแบบก็มีวิธีการสื่อสารและสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป:
- ศิลปะจัดวาง (Installation Art): ผลงานขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นสำหรับพื้นที่นั้นๆ โดยเฉพาะ มักจะสร้างประสบการณ์ให้ผู้ชมได้เข้าไปมีส่วนร่วมหรือปฏิสัมพันธ์กับงานศิลปะโดยตรง
- ประติมากรรม (Sculpture): ผลงาน 3 มิติที่สร้างขึ้นจากวัสดุหลากหลาย ตั้งแต่แบบดั้งเดิมอย่างโลหะและหิน ไปจนถึงวัสดุสมัยใหม่และวัสดุรีไซเคิล
- จิตรกรรม (Painting/Drawing): ผลงาน 2 มิติที่ยังคงเป็นสื่อพื้นฐานที่ทรงพลังในการแสดงออกทางความคิดและอารมณ์ของศิลปิน
- วิดีโออาร์ต (Video Art): การใช้ภาพเคลื่อนไหวและเสียงในการเล่าเรื่องหรือสร้างสุนทรียะ ซึ่งมักจะถูกจัดแสดงในห้องมืดเพื่อสร้างสมาธิให้กับผู้ชม
- สื่อผสม (Mixed Media): การผสมผสานวัสดุและเทคนิคที่แตกต่างกันเข้าไว้ในผลงานชิ้นเดียว เพื่อสร้างสรรค์มิติและความหมายที่ซับซ้อนยิ่งขึ้น
ความหลากหลายของรูปแบบผลงานนี้ช่วยให้ธีม “Nurture Gaia” ถูกนำเสนอได้อย่างรอบด้าน ทั้งในเชิงแนวคิดที่ลึกซึ้ง ไปจนถึงการสร้างประสบการณ์ทางสุนทรียะที่น่าประทับใจสำหรับผู้ชมทุกกลุ่ม
บทสรุป: ความสำคัญของบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ ต่อวงการศิลปะ
เทศกาล บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2025 ไม่ใช่เป็นเพียงงานแสดงศิลปะครั้งใหญ่ แต่เป็นปรากฏการณ์ทางวัฒนธรรมที่สำคัญซึ่งมีผลกระทบในวงกว้าง การจัดงานภายใต้ธีม “Nurture Gaia” เป็นการใช้ศิลปะเป็นเครื่องมือในการสร้างความตระหนักรู้และจุดประกายบทสนทนาเกี่ยวกับประเด็นสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน ซึ่งเป็นวาระสำคัญของโลกในปัจจุบัน การรวบรวมศิลปินชั้นนำจากทั่วโลกมาไว้ในที่เดียว พร้อมกับการให้พื้นที่แก่ศิลปินไทยในการแสดงศักยภาพ เป็นการยกระดับวงการศิลปะร่วมสมัยของไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในระดับสากล
นอกจากนี้ การกระจายพื้นที่จัดแสดงไปทั่วกรุงเทพฯ ยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและเปิดมุมมองใหม่ๆ ในการสำรวจเมืองหลวงแห่งนี้ สำหรับผู้ที่หลงใหลในศิลปะ นักสร้างสรรค์ หรือผู้ที่มองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ มหกรรมศิลปะครั้งนี้คือหมุดหมายสำคัญที่มอบประสบการณ์อันล้ำค่าและเปิดมุมมองต่อโลกรอบตัวผ่านเลนส์ของศิลปะร่วมสมัยได้อย่างแท้จริง