Shopping cart

Quiet Ambition เทรนด์ใหม่ เมื่อความสำเร็จไม่ใช่แค่ตำแหน่ง

สารบัญ

บทความนี้จะสำรวจแนวคิด Quiet Ambition เทรนด์ใหม่ เมื่อความสำเร็จไม่ใช่แค่ตำแหน่ง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่กำลังเปลี่ยนภูมิทัศน์ของโลกการทำงาน โดยเฉพาะในกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่อย่าง Gen Y และ Gen Z เทรนด์นี้สะท้อนการเปลี่ยนแปลงค่านิยมครั้งสำคัญ ที่ซึ่งความก้าวหน้าในอาชีพไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่การไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งบริหาร แต่เป็นการค้นหาความสำเร็จในรูปแบบที่สอดคล้องกับความสุขและความสมดุลของชีวิตส่วนตัวมากขึ้น

  • Quiet Ambition คือการที่พนักงานยังคงมีความทะเยอทะยานและต้องการเติบโตในสายอาชีพ แต่ปฏิเสธแนวคิดที่ว่าความสำเร็จสูงสุดคือการเป็นผู้บริหารหรือมีตำแหน่งสูงๆ
  • เทรนด์นี้ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ Work-Life Balance สุขภาพกายและจิตใจ รวมถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ แทนที่จะวัดคุณค่าจากจำนวนชั่วโมงที่ใช้ไปกับการทำงาน
  • แตกต่างจาก Quiet Quitting (การลาออกเงียบ) ซึ่งเป็นการทำงานให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น Quiet Ambition คือการเลือกเส้นทางการเติบโตที่แตกต่างออกไป โดยยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญของตนเอง
  • องค์กรสมัยใหม่จำเป็นต้องปรับตัวเพื่อรองรับแนวคิดนี้ โดยการสร้างเส้นทางความก้าวหน้าสำหรับผู้เชี่ยวชาญ (Individual Contributor) และส่งเสริมวัฒนธรรมที่ยืดหยุ่น
  • ในบริบทของประเทศไทย เทรนด์นี้คาดว่าจะทวีความสำคัญมากขึ้นในปี 2569 และส่งผลให้ตลาดแรงงานต้องปรับเปลี่ยนเพื่อตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่

มุมมองใหม่ต่อความสำเร็จในโลกการทำงาน

Quiet Ambition เทรนด์ใหม่ เมื่อความสำเร็จไม่ใช่แค่ตำแหน่ง - quiet-ambition-work-life-balance-trend

ในอดีต ภาพของ “ความสำเร็จ” ในโลกการทำงานมักถูกผูกติดอยู่กับภาพของการไต่เต้าขึ้นบันไดองค์กรอย่างไม่หยุดยั้ง การมีตำแหน่งสูงขึ้น เงินเดือนที่เพิ่มขึ้น และอำนาจการบริหารจัดการที่มากขึ้น คือหมุดหมายที่คนทำงานส่วนใหญ่ใฝ่ฝันถึง วัฒนธรรมการทำงานหนัก หรือที่เรียกว่า Hustle Culture ได้รับการยกย่องว่าเป็นคุณธรรมที่นำไปสู่ความก้าวหน้า อย่างไรก็ตาม ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของโลกการทำงาน ได้เกิดแนวคิดและพฤติกรรมใหม่ที่ท้าทายค่านิยมดั้งเดิมเหล่านั้น

ปรากฏการณ์ Quiet Ambition เทรนด์ใหม่ เมื่อความสำเร็จไม่ใช่แค่ตำแหน่ง ได้ถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นคำตอบสำหรับคนทำงานรุ่นใหม่ที่เริ่มตั้งคำถามกับนิยามความสำเร็จแบบเดิมๆ พวกเขาไม่ได้ปฏิเสธความทะเยอทะยาน แต่กำลังนิยามมันขึ้นมาใหม่ในแบบของตนเอง คนกลุ่มนี้มองว่าการทุ่มเทชีวิตทั้งหมดเพื่องาน จนสูญเสียสมดุลชีวิตและสุขภาพจิต อาจไม่ใช่หนทางสู่ความสุขที่ยั่งยืน พวกเขาจึงเริ่มแสวงหาเส้นทางอาชีพที่ให้ความหมาย เติบโตได้ในฐานะผู้เชี่ยวชาญ และที่สำคัญที่สุด คือสามารถใช้ชีวิตส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ควบคู่กันไป เทรนด์นี้จึงไม่ใช่การขาดความมุ่งมั่น แต่เป็นการจัดลำดับความสำคัญในชีวิตใหม่ ที่ซึ่ง “ความสำเร็จ” มีมิติที่ลึกซึ้งและกว้างขวางกว่าแค่ชื่อตำแหน่งบนนามบัตร

Quiet Ambition คืออะไร เจาะลึกนิยามฉบับสมบูรณ์

Quiet Ambition หรือ “ความทะเยอทะยานแบบเงียบ” คือแนวคิดและพฤติกรรมการทำงานที่คนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Y และ Gen Z ให้ความสำคัญกับการเติบโตในสายอาชีพที่สอดคล้องกับเป้าหมายส่วนตัวและคุณภาพชีวิต มากกว่าการมุ่งไต่เต้าขึ้นสู่ตำแหน่งบริหารหรือผู้จัดการระดับสูงเพียงอย่างเดียว คนที่มีแนวคิดนี้ยังคงมีความต้องการที่จะพัฒนาทักษะ สร้างผลงานที่ดี และมีความก้าวหน้า แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่นำพาตัวเองเข้าไปสู่การแข่งขันที่ต้องแลกมาด้วยความเครียดและเวลาส่วนตัวที่หายไป

Quiet Ambition ไม่ใช่การยอมแพ้ แต่คือการเลือกสนามรบที่ใช่สำหรับตัวเอง เป็นการแสวงหาความยอดเยี่ยมในบทบาทที่ตนเองถนัดและมีความสุข โดยไม่จำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบด้านการบริหารจัดการคนที่อาจไม่ใช่สิ่งที่ตนเองต้องการ

การปฏิเสธ Hustle Culture และ การทำงานหนักเกินพอดี

แก่นแท้ของ Quiet Ambition คือการปฏิเสธวัฒนธรรมการทำงานหนักตลอดเวลา (Hustle Culture) ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นกุญแจสู่ความสำเร็จ คนทำงานกลุ่มนี้ตระหนักดีว่าการทำงานล่วงเวลาเป็นประจำ การตอบอีเมลนอกเวลางาน หรือการอุทิศชีวิตให้กับบริษัท ไม่ได้การันตีถึงความสุขหรือความสำเร็จที่แท้จริง พวกเขาเลือกที่จะทำงานอย่างชาญฉลาด (Work Smart) แทนการทำงานหนัก (Work Hard) โดยมุ่งเน้นที่การสร้างผลลัพธ์ที่มีคุณภาพภายในเวลาทำงานที่กำหนด เพื่อสงวนพลังงานและเวลาไว้สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ ที่มีความสำคัญต่อชีวิต เช่น ครอบครัว งานอดิเรก หรือการดูแลสุขภาพ

ความสำเร็จที่วัดผลได้จากคุณภาพชีวิต

สำหรับผู้ที่มี Quiet Ambition ตัวชี้วัดความสำเร็จได้ขยายขอบเขตออกไปไกลกว่าตัวเลขเงินเดือนหรือตำแหน่งงาน แต่รวมถึงปัจจัยด้านคุณภาพชีวิตด้วย เช่น ความยืดหยุ่นในการทำงาน การมีเวลาว่างเพียงพอ สภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี การได้ทำงานที่มีความหมายและสร้างผลกระทบเชิงบวก รวมถึงการมีสุขภาพกายและจิตใจที่แข็งแรง พวกเขามองว่าความสำเร็จที่ยั่งยืนคือการสามารถรักษาสมดุลระหว่างองค์ประกอบเหล่านี้ได้ทั้งหมด ไม่ใช่การทุ่มเทให้กับด้านใดด้านหนึ่งจนเสียสมดุลไป

ลักษณะเด่นของคนทำงานแบบ Quiet Ambition

พฤติกรรมและทัศนคติของคนทำงานที่มีแนวคิด Quiet Ambition สามารถสังเกตได้จากลักษณะเฉพาะหลายประการ ซึ่งสะท้อนถึงการจัดลำดับความสำคัญในชีวิตและการทำงานที่แตกต่างจากคนรุ่นก่อนอย่างชัดเจน

ให้ความสำคัญกับ Work-Life Balance อย่างแท้จริง

นี่คือหัวใจหลักของ Quiet Ambition พวกเขาไม่ได้มองว่า Work-Life Balance เป็นเพียงสวัสดิการเสริม แต่เป็นปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการทำงานอย่างมีความสุขและยั่งยืน คนกลุ่มนี้จะพยายามปกป้องเวลาส่วนตัวอย่างจริงจัง มีการกำหนดขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างเวลางานและเวลาพักผ่อน และมักจะเลือกองค์กรที่มีนโยบายสนับสนุนความยืดหยุ่น เช่น การทำงานจากที่ไหนก็ได้ (Remote Work) หรือการกำหนดเวลาทำงานที่ยืดหยุ่น (Flexible Hours)

มุ่งเน้นประสิทธิภาพมากกว่าจำนวนชั่วโมง

แทนที่จะนั่งทำงานจนดึกดื่นเพื่อแสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท คนกลุ่มนี้จะมุ่งเน้นไปที่การทำงานให้เสร็จสิ้นอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดภายในเวลาที่กำหนด พวกเขามีแนวโน้มที่จะมองหาวิธีการ เครื่องมือ หรือกระบวนการใหม่ๆ ที่จะช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้นและดีขึ้น เพื่อให้สามารถส่งมอบผลงานที่มีคุณภาพโดยไม่ต้องเสียสละเวลาส่วนตัว การประเมินผลงานที่อิงตามผลลัพธ์ (Result-Oriented) จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาชื่นชอบมากกว่าการวัดจากชั่วโมงการทำงาน

สุขภาพกายและใจเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก

คนทำงานรุ่นใหม่ตระหนักถึงผลกระทบของภาวะหมดไฟ (Burnout) และปัญหาสุขภาพจิตที่เกิดจากการทำงานหนักเกินไปมากขึ้น พวกเขาจึงให้ความสำคัญกับการดูแลตัวเองเป็นอันดับแรก และจะไม่ลังเลที่จะปฏิเสธงานหรือความรับผิดชอบที่เกินขอบเขตซึ่งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว พวกเขามองว่าการมีสุขภาพที่ดีคือรากฐานสำคัญที่ทำให้สามารถทำงานและใช้ชีวิตได้อย่างเต็มศักยภาพ

ต้องการเติบโตในฐานะผู้เชี่ยวชาญมากกว่าผู้จัดการ

จุดเด่นที่สำคัญอีกประการคือความต้องการที่จะเติบโตในแนวลึก (Deep Expertise) มากกว่าแนวตั้ง (Vertical Promotion) ข้อมูลจากต่างประเทศชี้ให้เห็นว่าพนักงานจำนวนมากเลือกที่จะอยู่ในบทบาทผู้ปฏิบัติงานหรือผู้เชี่ยวชาญ (Individual Contributor) มากกว่าจะก้าวขึ้นไปเป็นผู้จัดการ (Manager) เนื่องจากพวกเขามีความสุขกับการได้ทำงานที่ตนเองถนัดและสร้างสรรค์ผลงานโดยตรง มากกว่าการต้องใช้เวลาไปกับการบริหารจัดการคน ซึ่งอาจมาพร้อมกับความกดดันทางการเมืองและภาระความรับผิดชอบที่มากขึ้น

เปรียบเทียบ Quiet Ambition และ Quiet Quitting: ความเหมือนที่แตกต่าง

แม้ว่าทั้งสองแนวคิดจะเกิดขึ้นจากการตั้งคำถามต่อวัฒนธรรมการทำงานแบบดั้งเดิม แต่ Quiet Ambition และ Quiet Quitting (การลาออกเงียบ) มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในด้านเจตนาและพฤติกรรม การทำความเข้าใจความแตกต่างนี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อไม่ให้เกิดการตีความที่ผิดพลาด

ตารางเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่าง Quiet Ambition และ Quiet Quitting
มิติการเปรียบเทียบ Quiet Ambition (ความทะเยอทะยานแบบเงียบ) Quiet Quitting (การลาออกเงียบ)
เป้าหมายหลัก แสวงหาการเติบโตและความสำเร็จในรูปแบบที่สมดุลกับชีวิตส่วนตัว ไม่ยึดติดกับตำแหน่งบริหาร ทำงานตามหน้าที่ขั้นต่ำที่ระบุไว้ใน Job Description เพื่อรักษาสถานะการจ้างงาน
ระดับการมีส่วนร่วมกับงาน ยังคงมีส่วนร่วมและมุ่งมั่นสร้างผลงานที่ดีเยี่ยมในขอบเขตความรับผิดชอบของตนเอง ลดการมีส่วนร่วมทางอารมณ์และความคิดริเริ่ม ไม่ทำงานเกินหน้าที่
ทัศนคติต่อการพัฒนาตนเอง กระตือรือร้นที่จะเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่ๆ เพื่อเป็นผู้เชี่ยวชาญในสายงานของตน ไม่มีความกระตือรือร้นในการพัฒนาตนเองเพิ่มเติม หากสิ่งนั้นไม่ได้ส่งผลโดยตรงต่องานในหน้าที่
แรงจูงใจ ขับเคลื่อนด้วยความต้องการหาความหมาย ความสุข และความสมดุลในชีวิต มักเกิดจากความรู้สึกไม่พอใจ หมดไฟ หรือขาดการยอมรับจากองค์กร
ผลลัพธ์ต่อองค์กร สร้างทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านสูง มีความสุขในการทำงาน และมีอัตราการลาออกต่ำ อาจทำให้ประสิทธิภาพโดยรวมของทีมลดลง ขาดนวัตกรรม และสร้างบรรยากาศการทำงานที่ไม่ดี

ผลกระทบของ Quiet Ambition ต่อตลาดแรงงานไทยในปี 2569

ในบริบทของประเทศไทย เทรนด์ Quiet Ambition กำลังเริ่มปรากฏให้เห็นชัดเจนขึ้นและคาดว่าจะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อตลาดแรงงานและองค์กรต่างๆ ภายในปี 2569 คนทำงานรุ่นใหม่ของไทยมีแนวโน้มที่จะรับเอาค่านิยมนี้มาปรับใช้มากขึ้น ซึ่งจะสร้างทั้งความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ให้กับภาคธุรกิจ

การปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การดึงดูดและรักษาบุคลากร

องค์กรที่ไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากับความคาดหวังใหม่ๆ เหล่านี้จะประสบปัญหาในการดึงดูดและรักษาพนักงานที่มีความสามารถไว้ได้ การนำเสนอเพียงเงินเดือนที่สูงหรือตำแหน่งงานที่ดูดีอาจไม่เพียงพออีกต่อไป บริษัทจะต้องหันมาให้ความสำคัญกับการสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ดี การเสนอนโยบายที่ยืดหยุ่น การสนับสนุน Work-Life Balance และการสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ให้เกียรติและไว้วางใจซึ่งกันและกัน สิ่งเหล่านี้จะกลายเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจเลือกที่ทำงานของคนรุ่นใหม่

ความท้าทายในการพัฒนาสายอาชีพรูปแบบใหม่

โครงสร้างองค์กรแบบดั้งเดิมที่เน้นการเติบโตในแนวตั้ง (Vertical Career Path) เพียงอย่างเดียว จะไม่สามารถตอบสนองความต้องการของพนักงานที่มี Quiet Ambition ได้ องค์กรจึงจำเป็นต้องสร้างเส้นทางความก้าวหน้าในสายอาชีพสำหรับผู้เชี่ยวชาญ (Specialist/Expert Track) ที่มีความชัดเจนและน่าดึงดูดเทียบเท่ากับสายการบริหาร (Managerial Track) ซึ่งหมายถึงการให้การยอมรับ ผลตอบแทน และสถานะทางสังคมแก่ผู้เชี่ยวชาญที่ไม่ต้องการเป็นผู้จัดการ เพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตและสร้างคุณค่าให้กับองค์กรได้อย่างเต็มที่ในบทบาทที่ตนเองเลือก

แนวทางการปรับตัวขององค์กรเพื่อรองรับเทรนด์ Quiet Ambition

เพื่อที่จะเติบโตไปพร้อมกับบุคลากรที่มีคุณภาพในยุคใหม่ องค์กรจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนมุมมองและแนวทางการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์อย่างจริงจัง ดังนี้

  1. สร้างเส้นทางอาชีพที่หลากหลาย: พัฒนาและสื่อสารเส้นทางความก้าวหน้าแบบคู่ขนาน (Dual Career Paths) ระหว่างสายบริหารและสายผู้เชี่ยวชาญให้ชัดเจน ทำให้พนักงานเห็นว่าพวกเขาสามารถประสบความสำเร็จและได้รับการยอมรับได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปทำงานบริหาร
  2. ส่งเสริมนโยบายการทำงานที่ยืดหยุ่น: นำนโยบายที่สนับสนุน Work-Life Balance มาใช้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น การทำงานทางไกล (Remote/Hybrid work), ชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น (Flex-time), และการให้ความสำคัญกับวันหยุดพักผ่อน เพื่อแสดงให้เห็นว่าองค์กรใส่ใจในคุณภาพชีวิตของพนักงาน
  3. เปลี่ยนวัฒนธรรมการประเมินผล: ย้ายจากการวัดผลด้วยการเข้า-ออกงานหรือจำนวนชั่วโมงที่ทำงาน ไปสู่การประเมินจากผลลัพธ์ของงาน (Performance-based evaluation) สิ่งนี้จะช่วยส่งเสริมให้พนักงานทำงานอย่างมีประสิทธิภาพและสร้างความไว้วางใจซึ่งกันและกัน
  4. ลงทุนในการพัฒนาทักษะเชิงลึก: จัดหาโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะเฉพาะทางให้กับพนักงาน เพื่อสนับสนุนการเติบโตในฐานะผู้เชี่ยวชาญ และทำให้พวกเขารู้สึกว่าองค์กรเห็นคุณค่าในความสามารถของเขา
  5. รับฟังและสื่อสารอย่างเปิดเผย: ผู้บริหารและฝ่ายบุคคลควรสร้างช่องทางในการรับฟังความคิดเห็นและความต้องการของพนักงานอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทำความเข้าใจเป้าหมายในอาชีพที่เปลี่ยนไปและนำมาปรับปรุงนโยบายขององค์กรให้สอดคล้องกัน

บทสรุป: อนาคตของการทำงานที่ขับเคลื่อนด้วยความหมายและความสมดุล

Quiet Ambition เทรนด์ใหม่ เมื่อความสำเร็จไม่ใช่แค่ตำแหน่ง ไม่ใช่ปรากฏการณ์ชั่วคราว แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในทัศนคติและค่านิยมเกี่ยวกับการทำงาน มันไม่ได้หมายถึงการขาดความทะเยอทะยาน แต่คือการนิยามความทะเยอทะยานขึ้นใหม่ให้สอดคล้องกับยุคสมัยที่ผู้คนโหยหาความสมดุล ความหมาย และความเป็นอยู่ที่ดีมากขึ้น เทรนด์นี้กำลังบอกเราว่า ความสำเร็จที่แท้จริงในโลกการทำงานยุคใหม่ ไม่ได้วัดกันที่จุดสูงสุดของบันไดองค์กร แต่อยู่ที่การสามารถสร้างสรรค์เส้นทางอาชีพที่ทำให้รู้สึกเติมเต็ม มีความสุข และยั่งยืนได้ในระยะยาว

สำหรับคนทำงาน Quiet Ambition คือโอกาสในการออกแบบชีวิตการทำงานที่สะท้อนตัวตนและเป้าหมายที่แท้จริง ส่วนสำหรับองค์กร นี่คือสัญญาณเตือนให้ทบทวนและปรับเปลี่ยนวัฒนธรรมการทำงานแบบเดิมๆ เพื่อสร้างสรรค์องค์กรที่น่าอยู่ สามารถดึงดูดและรักษาคนเก่งรุ่นใหม่ไว้ได้ในระยะยาว อนาคตของการทำงานจึงไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของผลผลิตและกำไร แต่เป็นเรื่องของการสร้างสมดุลระหว่างความสำเร็จขององค์กรและความสุขของบุคลากรไปพร้อมๆ กัน

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930