Shopping cart

“แชร์ซื้อ Rolex” เทรนด์ลงทุนเศษส่วนของหรู Gen Z

สารบัญ

การลงทุนในสินทรัพย์หรูไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในวงการของนักสะสมที่มีกำลังซื้อสูงอีกต่อไป ปัจจุบัน เทรนด์การลงทุนรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า “แชร์ซื้อ Rolex” เทรนด์ลงทุนเศษส่วนของหรู Gen Z กำลังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงและเป็นเจ้าของร่วมในสินทรัพย์มูลค่าสูงอย่างนาฬิกาหรู กระเป๋าแบรนด์เนม หรืองานศิลปะได้ด้วยงบประมาณที่จำกัด แนวคิดนี้ไม่เพียงแต่ทลายกำแพงทางการเงิน แต่ยังสะท้อนถึงพฤติกรรมและค่านิยมของคนรุ่นใหม่ที่มองหาความยืดหยุ่นและการลงทุนที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ดิจิทัล

  • การลงทุนเศษส่วน (Fractional Investment) คือการแบ่งกรรมสิทธิ์ในสินทรัพย์มูลค่าสูงออกเป็นส่วนย่อยๆ ทำให้นักลงทุนหลายคนสามารถร่วมกันเป็นเจ้าของได้
  • กลุ่ม Gen Z เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเทรนด์นี้ เนื่องจากมีข้อจำกัดด้านงบประมาณ แต่มีความต้องการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกที่ให้ผลตอบแทนสูง
  • แม้จะมีข้อดีในด้านการเข้าถึงและลดภาระทางการเงิน แต่การลงทุนรูปแบบนี้ก็มาพร้อมความท้าทายด้านการบริหารจัดการ สภาพคล่อง และความน่าเชื่อถือของแพลตฟอร์ม
  • ปัจจุบันในประเทศไทยยังไม่มีแพลตฟอร์มที่รองรับการลงทุนเศษส่วนในนาฬิกาหรูอย่างเป็นทางการ การลงทุนส่วนใหญ่จึงเกิดขึ้นผ่านการรวมกลุ่มในโซเชียลมีเดีย ซึ่งมีความเสี่ยงสูง
  • คาดว่าในอนาคต ตลาดนี้จะเติบโตขึ้นพร้อมกับการพัฒนาของแพลตฟอร์มเฉพาะทางที่จะเข้ามาสร้างมาตรฐานและความปลอดภัยให้กับนักลงทุน

ปรากฏการณ์ “แชร์ซื้อ Rolex” เทรนด์ลงทุนเศษส่วนของหรู Gen Z ได้กลายเป็นหัวข้อที่น่าจับตามองในแวดวงการเงินและการลงทุนยุคใหม่ แนวคิดนี้คือการประยุกต์ใช้หลักการ Fractional Investment หรือการลงทุนแบบแบ่งส่วน เพื่อทำให้การครอบครองสินทรัพย์มูลค่าสูง เช่น นาฬิกา Rolex ซึ่งมีราคาสูงถึงหลายแสนหรือหลายล้านบาท กลายเป็นเรื่องที่เป็นไปได้สำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะกลุ่มคน Gen Z ที่แม้จะมีกำลังซื้อไม่สูงเท่าคนรุ่นก่อน แต่มีความสนใจในการลงทุนและสร้างความมั่งคั่งตั้งแต่อายุยังน้อย เทรนด์ดังกล่าวจึงไม่ได้เป็นเพียงแฟชั่น แต่เป็นภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในวิธีคิดเกี่ยวกับการลงทุน ที่เทคโนโลยีและสังคมออนไลน์เข้ามามีบทบาทสำคัญในการสร้างโอกาสทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ

เจาะลึกแนวคิด “แชร์ซื้อ Rolex” หรือ Fractional Investment

การลงทุนเศษส่วนเป็นแนวคิดที่ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในโลกของนาฬิกาหรู แต่เป็นกลไกที่ถูกนำมาใช้กับสินทรัพย์หลากหลายประเภท ตั้งแต่อสังหาริมทรัพย์ งานศิลปะ ไปจนถึงของสะสมหายาก การทำความเข้าใจหลักการพื้นฐานจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ที่สนใจเข้าสู่ตลาดนี้

คำจำกัดความของการลงทุนเศษส่วน

Fractional Investment หรือ Fractional Ownership คือ รูปแบบการลงทุนที่สินทรัพย์หนึ่งชิ้นถูกแบ่งกรรมสิทธิ์ออกเป็นหน่วยย่อยๆ (Fractions หรือ Shares) เพื่อให้นักลงทุนหลายรายสามารถร่วมกันซื้อและเป็นเจ้าของได้ตามสัดส่วนเงินทุนของตนเอง ตัวอย่างเช่น หากนาฬิกา Rolex เรือนหนึ่งมีมูลค่า 1,000,000 บาท แทนที่จะต้องใช้เงินทั้งหมดเพื่อซื้อคนเดียว แพลตฟอร์มหรือผู้จัดการอาจแบ่งกรรมสิทธิ์ออกเป็น 100 ส่วน ส่วนละ 10,000 บาท ทำให้นักลงทุน 100 คนสามารถร่วมเป็นเจ้าของได้ โดยแต่ละคนจะถือครองกรรมสิทธิ์ 1% ของมูลค่านาฬิกาเรือนนั้น

กลไกการทำงานเบื้องต้น

โดยทั่วไป กระบวนการลงทุนเศษส่วนมักจะมีตัวกลางทำหน้าที่บริหารจัดการ ซึ่งอาจเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลหรือกลุ่มบุคคลที่จัดตั้งขึ้น ขั้นตอนหลักๆ ประกอบด้วย:

  1. การจัดหาสินทรัพย์ (Asset Sourcing): ตัวกลางจะทำการคัดเลือกและจัดซื้อสินทรัพย์ที่มีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทน เช่น นาฬิการุ่นที่เป็นที่ต้องการของตลาด
  2. การแปลงสินทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ (Securitization): สินทรัพย์จะถูกประเมินมูลค่าและแบ่งกรรมสิทธิ์ออกเป็นหน่วยลงทุนย่อยๆ ซึ่งมักอยู่ในรูปแบบของโทเคนดิจิทัลหรือสัญญาทางกฎหมาย
  3. การเสนอขายหน่วยลงทุน (Offering): เปิดโอกาสให้นักลงทุนเข้ามาซื้อหน่วยลงทุนตามจำนวนที่ต้องการผ่านแพลตฟอร์ม
  4. การบริหารจัดการและการขาย (Management and Exit): ตัวกลางจะทำหน้าที่ดูแลรักษาสินทรัพย์ และเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมหรือมีผู้เสนอราคาที่ดี ก็จะดำเนินการขายสินทรัพย์นั้น แล้วนำกำไรมาแบ่งคืนให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนตามสัดส่วนที่ถือครอง

ขอบเขตที่กว้างกว่านาฬิกา

แม้ว่าเทรนด์ “แชร์ซื้อ Rolex” จะทำให้แนวคิดนี้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง แต่หลักการลงทุนเศษส่วนยังถูกนำไปใช้กับสินทรัพย์ทางเลือก (Alternative Assets) อื่นๆ อีกมากมาย เช่น:

  • งานศิลปะ: การร่วมกันเป็นเจ้าของภาพวาดของศิลปินชื่อดัง
  • อสังหาริมทรัพย์: การลงทุนในคอนโดมิเนียมหรือบ้านพักตากอากาศโดยไม่ต้องซื้อทั้งยูนิต
  • รถยนต์คลาสสิก: การเป็นเจ้าของร่วมในรถยนต์หายากที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นตามกาลเวลา
  • ไวน์หรือวิสกี้หายาก: การลงทุนในของสะสมที่มีจำนวนจำกัด

การขยายตัวไปยังสินทรัพย์ประเภทต่างๆ แสดงให้เห็นว่า Fractional Investment คือเครื่องมือทางการเงินที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุนยุคใหม่ที่ต้องการกระจายพอร์ตการลงทุนไปยังสินทรัพย์ที่จับต้องได้และมีความสัมพันธ์กับความชอบส่วนตัว

เหตุผลที่ Gen Z ขับเคลื่อนเทรนด์การลงทุนรูปแบบใหม่

กลุ่ม Gen Z (ผู้ที่เกิดระหว่างปี 1997-2012) ถือเป็นกลุ่มประชากรที่มีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางของตลาดผู้บริโภคและการลงทุน พฤติกรรมและค่านิยมที่เป็นเอกลักษณ์ของคนรุ่นนี้เป็นปัจจัยหลักที่ผลักดันให้การลงทุนเศษส่วนได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย

ข้อจำกัดทางการเงินและความต้องการสร้างผลตอบแทน

Gen Z ส่วนใหญ่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของวัยทำงาน ทำให้มีรายได้และเงินออมไม่สูงมากนัก การจะลงทุนในสินทรัพย์หรูที่มีราคาสูงด้วยเงินก้อนเดียวจึงเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตาม คนรุ่นนี้มีความตระหนักรู้ด้านการเงิน (Financial Literacy) สูง และมองหาช่องทางที่จะทำให้เงินงอกเงย การลงทุนเศษส่วนจึงเป็นคำตอบที่ลงตัว เพราะช่วยให้สามารถนำเงินจำนวนไม่มากนักไปลงทุนในสินทรัพย์ที่มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงกว่าการฝากเงินในธนาคารได้ เป็นการ “เริ่มต้น” เข้าสู่โลกของสินทรัพย์หรูโดยไม่ต้องรอให้มีความพร้อมทางการเงินเต็มที่

อิทธิพลจากไลฟ์สไตล์ดิจิทัลและสังคมออนไลน์

สำหรับ Gen Z การลงทุนไม่ใช่แค่เรื่องของตัวเลข แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของตัวตนและกิจกรรมทางสังคมที่สามารถแบ่งปันบนโลกออนไลน์ได้

การเติบโตมาพร้อมกับอินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียทำให้ Gen Z คุ้นเคยกับการทำธุรกรรมออนไลน์และการเข้าร่วมคอมมูนิตี้ต่างๆ แพลตฟอร์มการลงทุนเศษส่วนที่ใช้งานง่ายผ่านแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนจึงสอดคล้องกับพฤติกรรมของพวกเขาอย่างยิ่ง นอกจากนี้ การได้เป็นส่วนหนึ่งของเจ้าของนาฬิกาหรูยังเป็นคอนเทนต์ที่น่าสนใจสำหรับนำไปแบ่งปันบนแพลตฟอร์มอย่าง Instagram หรือ TikTok ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นการแสดงสถานะทางสังคม แต่ยังเป็นการแลกเปลี่ยนความรู้และสร้างเครือข่ายกับผู้ที่มีความสนใจคล้ายกันอีกด้วย

การมองหาสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อกระจายความเสี่ยง

นักลงทุน Gen Z มีแนวโน้มที่จะไม่ยึดติดกับการลงทุนแบบดั้งเดิม เช่น หุ้น หรือพันธบัตรเพียงอย่างเดียว พวกเขามองหาสินทรัพย์ทางเลือกเพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทน ของสะสมอย่างนาฬิกาหรูถือเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจ เนื่องจากมูลค่าของมันมักจะไม่เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้น (Low Correlation) ซึ่งหมายความว่าในยามที่ตลาดหุ้นผันผวน มูลค่าของนาฬิกาอาจยังคงที่หรือเพิ่มขึ้นได้ การลงทุนเศษส่วนจึงเป็นประตูที่เปิดให้พวกเขาเข้าถึงการกระจายความเสี่ยงในรูปแบบนี้ได้ง่ายขึ้น

วิเคราะห์โอกาสและความท้าทายของการลงทุนเศษส่วน

เช่นเดียวกับการลงทุนทุกประเภท การลงทุนเศษส่วนในสินทรัพย์หรูก็มีทั้งข้อดีที่น่าดึงดูดและข้อเสียที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ การทำความเข้าใจทั้งสองด้านจะช่วยให้นักลงทุนสามารถตัดสินใจได้อย่างมีข้อมูลและบริหารจัดการความเสี่ยงได้อย่างเหมาะสม

ตารางเปรียบเทียบข้อดีและข้อเสียของการลงทุนเศษส่วนในนาฬิกาหรู
มิติการพิจารณา ข้อดี (โอกาส) ข้อเสีย (ความท้าทาย)
การเข้าถึงสินทรัพย์ เปิดโอกาสให้เข้าถึงสินทรัพย์มูลค่าสูงที่ปกติไม่สามารถลงทุนได้ด้วยเงินทุนจำกัด ไม่ได้ครอบครองสินทรัพย์จริง ไม่สามารถนำมาใช้งานหรือสวมใส่ได้
ต้นทุนและภาระการเงิน ใช้เงินลงทุนเริ่มต้นน้อย ลดภาระทางการเงินเมื่อเทียบกับการซื้อทั้งเรือน อาจมีค่าใช้จ่ายแฝง เช่น ค่าธรรมเนียมแพลตฟอร์ม ค่าบริหารจัดการ ค่าประกัน และค่าเก็บรักษา
ผลตอบแทน มีโอกาสได้รับผลตอบแทนจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นของนาฬิกาในตลาดมือสอง ผลตอบแทนไม่การันตี ขึ้นอยู่กับสภาวะตลาดและความต้องการในแต่ละรุ่น
สภาพคล่อง บางแพลตฟอร์มอาจมีตลาดรองให้ซื้อขายหน่วยลงทุน เพิ่มความยืดหยุ่น โดยทั่วไปมีสภาพคล่องต่ำกว่าสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ การขายอาจต้องรอจนกว่าจะมีการขายสินทรัพย์ทั้งชิ้น
การบริหารจัดการ ไม่ต้องรับผิดชอบในการดูแลรักษาสินทรัพย์ด้วยตนเอง เนื่องจากมีตัวกลางจัดการให้ การตัดสินใจที่สำคัญ เช่น จังหวะการขาย ขึ้นอยู่กับผู้จัดการหรือเสียงส่วนใหญ่ อาจไม่ตรงกับความต้องการของนักลงทุนรายย่อย
ความเสี่ยง ช่วยกระจายความเสี่ยง ไม่ต้องนำเงินทั้งหมดไปลงทุนในสินทรัพย์ชิ้นเดียว มีความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือของตัวกลางหรือแพลตฟอร์ม และความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นระหว่างผู้ร่วมลงทุน

ช่องทางการลงทุนและสถานการณ์ปัจจุบันในประเทศไทย

แม้ว่าเทรนด์การลงทุนเศษส่วนในต่างประเทศจะเริ่มมีแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลเกิดขึ้นแล้ว แต่สำหรับในประเทศไทย ตลาดนี้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและมีลักษณะเฉพาะตัว

การรวมกลุ่มอย่างไม่เป็นทางการ

ปัจจุบัน การ “แชร์ซื้อ Rolex” ในประเทศไทยส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในรูปแบบของการรวมกลุ่มกันเองอย่างไม่เป็นทางการผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เช่น การตั้งกลุ่มใน Facebook หรือ LINE เพื่อระดมทุนจากเพื่อนหรือคนรู้จักที่มีความสนใจเดียวกัน วิธีการนี้อาศัยความไว้วางใจระหว่างบุคคลเป็นหลัก โดยมักจะมีคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการรวบรวมเงิน ดำเนินการซื้อ และเก็บรักษาสินทรัพย์ไว้

ความเสี่ยงที่มาพร้อมกับช่องทางโซเชียลมีเดีย

การลงทุนผ่านช่องทางที่ไม่เป็นทางการมีความเสี่ยงสูงหลายประการที่นักลงทุนต้องตระหนัก ได้แก่:

  • ความเสี่ยงด้านการฉ้อโกง: ไม่มีกลไกคุ้มครองหากผู้รวบรวมเงินไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงหรือเชิดเงินหนี
  • ขาดความโปร่งใส: การประเมินมูลค่า การเก็บรักษา และการตัดสินใจขายอาจไม่โปร่งใสและตรวจสอบได้ยาก
  • ข้อพิพาททางกฎหมาย: การไม่มีสัญญาที่รัดกุมอาจนำไปสู่ความขัดแย้งระหว่างผู้ร่วมลงทุนได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อมีความคิดเห็นไม่ตรงกันเรื่องการขายทำกำไร
  • การดูแลรักษาสินทรัพย์: การเก็บรักษานาฬิกามูลค่าสูงอย่างไม่ถูกวิธีอาจทำให้มูลค่าเสื่อมลงได้

ดังนั้น ผู้ที่สนใจลงทุนในรูปแบบนี้จึงจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลและพิจารณาความน่าเชื่อถือของผู้ร่วมลงทุนและผู้จัดการกลุ่มอย่างถี่ถ้วนที่สุด

ทิศทางในอนาคตของตลาดการลงทุนเศษส่วน

แม้จะยังมีความท้าทายอยู่มาก แต่แนวโน้มของการลงทุนเศษส่วนในสินทรัพย์หรูในประเทศไทยและทั่วโลกมีทิศทางที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงหนุนจากปัจจัยด้านเทคโนโลยีและพฤติกรรมของนักลงทุนรุ่นใหม่

การเติบโตของตลาดและผู้เล่นรายใหม่

คาดการณ์ได้ว่าในอนาคตอันใกล้ จะมีผู้ประกอบการและสตาร์ทอัพด้านฟินเทค (FinTech) พัฒนาแพลตฟอร์มการลงทุนเศษส่วนที่ได้มาตรฐานและอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของหน่วยงานภาครัฐ เช่น สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เกิดขึ้นในประเทศไทย การมีแพลตฟอร์มที่เป็นทางการจะช่วยลดความเสี่ยง เพิ่มความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว

บทบาทของเทคโนโลยีและแบรนด์หรู

เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) และสินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Assets) จะเข้ามามีบทบาทสำคัญในการทำให้การลงทุนเศษส่วนมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น การแปลงกรรมสิทธิ์เป็นโทเคนดิจิทัล (Tokenization) จะช่วยให้การซื้อขายเปลี่ยนมือง่ายขึ้น มีสภาพคล่องสูงขึ้น และสามารถตรวจสอบประวัติความเป็นเจ้าของได้อย่างโปร่งใส

นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ที่แบรนด์หรูเองอาจจะเริ่มให้ความสนใจและเข้ามามีส่วนร่วมในตลาดนี้ เพื่อเป็นช่องทางในการสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มลูกค้า Gen Z ซึ่งเป็นฐานลูกค้าสำคัญในอนาคต การที่แบรนด์เข้ามาสนับสนุนอาจอยู่ในรูปแบบของการรับรองแพลตฟอร์ม หรือแม้กระทั่งการออกเสนอขายหน่วยลงทุนในสินค้าคอลเลกชันพิเศษโดยตรง

สรุป: ก้าวต่อไปของการลงทุนในสินทรัพย์มูลค่าสูง

เทรนด์ “แชร์ซื้อ Rolex” และการลงทุนเศษส่วนได้เปิดมิติใหม่ให้กับการลงทุนในสินทรัพย์หรู ทำให้การเข้าถึงไม่ใช่เรื่องไกลตัวสำหรับคนรุ่นใหม่อีกต่อไป มันคือการผสมผสานระหว่างกลยุทธ์ทางการเงินที่ชาญฉลาดกับไลฟ์สไตล์ที่สะท้อนตัวตนของ Gen Z ที่ต้องการทั้งผลตอบแทนและความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งที่ตนเองชื่นชอบ อย่างไรก็ตาม การลงทุนนี้ยังอยู่ในช่วงตั้งไข่ในประเทศไทยและมีความเสี่ยงที่ต้องบริหารจัดการอย่างระมัดระวัง

สำหรับนักลงทุนที่สนใจ การศึกษาข้อมูลอย่างรอบด้าน ติดตามการพัฒนาของแพลตฟอร์มที่น่าเชื่อถือ และการทำความเข้าใจในความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง ถือเป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินใจ ก้าวต่อไปของตลาดนี้ขึ้นอยู่กับการสร้างระบบนิเวศที่โปร่งใสและปลอดภัย ซึ่งจะช่วยปลดล็อกศักยภาพของการลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930