เที่ยวไทย Net Zero ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ทำได้จริงหรือ?
- ประเด็นสำคัญของการท่องเที่ยวแบบ Net Zero
- ความหมายและสาระสำคัญของ Net Zero Tourism
- ทำไมการท่องเที่ยวแบบ Net Zero จึงสำคัญต่อประเทศไทย
- แผนการขับเคลื่อน Net Zero Tourism ในประเทศไทย
- แนวทางปฏิบัติเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการท่องเที่ยว
- ความท้าทายและอนาคตของการท่องเที่ยวไทยสู่เป้าหมาย Net Zero
- บทสรุป: การเดินทางสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
ท่ามกลางกระแสความตระหนักด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก แนวคิดการท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Net Zero Tourism ได้กลายเป็นเป้าหมายสำคัญของหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย คำถามที่ว่า เที่ยวไทย Net Zero ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ทำได้จริงหรือ? จึงไม่ใช่เป็นเพียงข้อสงสัย แต่เป็นโจทย์ใหญ่ที่ท้าทายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้งหมด การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ได้หมายถึงแค่การลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังเป็นการสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจและกำหนดนิยามใหม่ของประสบการณ์การเดินทางที่ยั่งยืน
ประเด็นสำคัญของการท่องเที่ยวแบบ Net Zero
- นิยามที่ชัดเจน: Net Zero Tourism คือแนวทางการท่องเที่ยวที่มุ่งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินกิจกรรมทั้งหมดให้เหลือน้อยที่สุด และชดเชยส่วนที่เหลือด้วยวิธีการต่างๆ จนทำให้ปริมาณการปล่อยก๊าซสุทธิเป็นศูนย์
- ประโยชน์หลายมิติ: การท่องเที่ยวรูปแบบนี้ไม่เพียงแต่ช่วยบรรเทาปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ แต่ยังช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศ ดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพ และกระจายรายได้สู่ชุมชนอย่างเป็นธรรม
- การขับเคลื่อนในประเทศไทย: ประเทศไทยได้เริ่มดำเนินการอย่างจริงจังผ่านแผนงานระดับชาติ โดยมีความร่วมมือจากทุกภาคส่วนเพื่อผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยมีพื้นที่ต้นแบบที่แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการนำไปปฏิบัติจริง
- ความท้าทายและโอกาส: แม้การบรรลุเป้าหมาย Net Zero จะมีความท้าทายสูง แต่ก็นับเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยให้เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืนในระยะยาว
การท่องเที่ยวเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทยมาอย่างยาวนาน แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นกิจกรรมที่สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมไม่น้อยเช่นกัน ตั้งแต่การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการเดินทาง การใช้พลังงานในที่พัก ไปจนถึงการสร้างขยะในแหล่งท่องเที่ยว ด้วยเหตุนี้ การปรับตัวเข้าสู่โมเดลการท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมจึงไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนเพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นต้นทุนสำคัญของประเทศไว้ให้คงอยู่ต่อไป
แนวคิด “Net Zero Tourism” หรือ “การท่องเที่ยวที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์” จึงถือกำเนิดขึ้นเพื่อเป็นแนวทางในการแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นการสร้างสมดุลระหว่างกิจกรรมทางเศรษฐกิจกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การเดินทางสู่เป้าหมายนี้ต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือจากทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ผู้ประกอบการ ชุมชนท้องถิ่น และที่สำคัญคือนักท่องเที่ยวเอง เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ประสบการณ์การเดินทางที่เปี่ยมด้วยความสุขและเป็นมิตรต่อโลกอย่างแท้จริง
ความหมายและสาระสำคัญของ Net Zero Tourism
เพื่อที่จะเข้าใจว่าการท่องเที่ยว Net Zero สามารถเกิดขึ้นจริงได้หรือไม่ การทำความเข้าใจในคำจำกัดความและหลักการพื้นฐานของแนวคิดนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก Net Zero Tourism เป็นมากกว่าแค่เทรนด์ แต่เป็นปรัชญาและแนวปฏิบัติที่ครอบคลุมทุกมิติของการเดินทาง
คำจำกัดความของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
คำว่า “Net Zero” หรือ “การปล่อยสุทธิเป็นศูนย์” หมายถึงสภาวะที่ปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกปล่อยออกมาจากกิจกรรมต่างๆ มีค่าเท่ากับปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ถูกดูดซับหรือกำจัดออกจากชั้นบรรยากาศ ซึ่งทำให้ไม่เกิดการสะสมของก๊าซเรือนกระจกเพิ่มเติม อันเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อน
ในบริบทของการท่องเที่ยว Net Zero Tourism จึงหมายถึงการออกแบบและบริหารจัดการกิจกรรมการท่องเที่ยวทั้งหมด ตั้งแต่การเดินทาง ที่พัก อาหาร ไปจนถึงกิจกรรมสันทนาการต่างๆ โดยมีเป้าหมายหลัก 2 ประการคือ:
- การลด (Reduction): ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เช่น การใช้พลังงานหมุนเวียน การลดขยะ การเลือกใช้วัตถุดิบท้องถิ่นเพื่อลดระยะทางการขนส่ง (Food Miles) และการส่งเสริมการเดินทางคาร์บอนต่ำ
- การชดเชย (Offsetting): สำหรับก๊าซเรือนกระจกส่วนที่ยังคงถูกปล่อยออกมาและไม่สามารถลดได้อีก การชดเชยจะเข้ามามีบทบาทผ่านโครงการต่างๆ ที่ช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น การปลูกป่า การฟื้นฟูระบบนิเวศป่าชายเลน หรือการลงทุนในเทคโนโลยีดักจับคาร์บอน
ความแตกต่างจากการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
หลายคนอาจสับสนระหว่าง Net Zero Tourism กับ Sustainable Tourism (การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน) แม้ว่าทั้งสองแนวคิดจะมีความเกี่ยวเนื่องกัน แต่ก็มีความแตกต่างในด้านการให้ความสำคัญและเป้าหมาย
การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (Sustainable Tourism) เป็นแนวคิดที่กว้างกว่า โดยคำนึงถึงผลกระทบใน 3 มิติหลัก คือ เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยมุ่งเน้นการสร้างสมดุลเพื่อให้การท่องเที่ยวสามารถดำเนินต่อไปได้ในระยะยาวโดยไม่ทำลายทรัพยากรหรือส่งผลเสียต่อชุมชนท้องถิ่น
ในขณะที่ Net Zero Tourism เป็นเป้าหมายที่เฉพาะเจาะจงและสามารถวัดผลได้ชัดเจนกว่า โดยมุ่งเน้นไปที่มิติด้านสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยเฉพาะการจัดการก๊าซเรือนกระจก อาจกล่าวได้ว่า Net Zero Tourism เป็นส่วนหนึ่งหรือเป็นเครื่องมือสำคัญในการบรรลุเป้าหมายของการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนในภาพรวมนั่นเอง
ทำไมการท่องเที่ยวแบบ Net Zero จึงสำคัญต่อประเทศไทย
ประเทศไทยซึ่งมีเศรษฐกิจที่พึ่งพิงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในสัดส่วนที่สูง และมีทรัพยากรธรรมชาติที่เปราะบางต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ การนำแนวคิด Net Zero Tourism มาปรับใช้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งยวดในหลายมิติ
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ
แหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่สวยงามของไทย ไม่ว่าจะเป็นชายหาด แนวปะการัง หรือผืนป่า ต่างกำลังเผชิญกับความเสี่ยงจากภาวะโลกร้อนโดยตรง ปัญหาปะการังฟอกขาว การกัดเซาะชายฝั่ง และความแปรปรวนของสภาพอากาศ ล้วนส่งผลกระทบต่อเสน่ห์และความสมบูรณ์ของแหล่งท่องเที่ยว การมุ่งสู่ Net Zero Tourism คือการลงมือปฏิบัติเพื่อปกป้องต้นทุนทางธรรมชาติเหล่านี้ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทย การลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์จะช่วยชะลอการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและรักษาระบบนิเวศให้คงอยู่สำหรับคนรุ่นต่อไป
โอกาสทางเศรษฐกิจและภาพลักษณ์ของประเทศ
พฤติกรรมของนักท่องเที่ยวทั่วโลกกำลังเปลี่ยนแปลงไป นักท่องเที่ยวกลุ่มใหม่ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนและประสบการณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น การที่ประเทศไทยประกาศจุดยืนและมีแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนในการเป็นจุดหมายปลายทางแบบ Net Zero จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและทันสมัย สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวคุณภาพที่มีกำลังซื้อสูงและมีความรับผิดชอบต่อสังคมได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการทางการท่องเที่ยว ส่งเสริมให้เกิดการจ้างงานในภาคส่วนเศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก
การสร้างความตระหนักรู้และพฤติกรรมใหม่
การขับเคลื่อน Net Zero Tourism ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการให้ความรู้และสร้างความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อมในวงกว้าง ทั้งในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติ รวมถึงผู้ประกอบการและชุมชนท้องถิ่น เมื่อนักท่องเที่ยวได้สัมผัสกับประสบการณ์การเดินทางที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ก็มีแนวโน้มที่จะนำพฤติกรรมเหล่านั้นกลับไปปรับใช้ในชีวิตประจำวัน ขณะเดียวกัน ผู้ประกอบการและชุมชนที่เข้าร่วมโครงการก็จะเกิดความภาคภูมิใจและมีจิตสำนึกในการอนุรักษ์ทรัพยากรในท้องถิ่นของตนเองมากยิ่งขึ้น
แผนการขับเคลื่อน Net Zero Tourism ในประเทศไทย
คำถามที่ว่า เที่ยวไทย Net Zero ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ทำได้จริงหรือ? เริ่มเห็นคำตอบที่ชัดเจนขึ้นเมื่อพิจารณาถึงแผนการดำเนินงานและความร่วมมือที่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน ประเทศไทยไม่ได้หยุดอยู่แค่การประกาศเจตนารมณ์ แต่ได้เริ่มวางรากฐานและขับเคลื่อนโครงการต่างๆ เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายนี้
นโยบายและ Road Map ระดับชาติ
ภาครัฐได้แสดงความมุ่งมั่นผ่านการจัดทำแผนงานและ Road Map ที่ชัดเจน สำหรับช่วงปี 2568-2570 โดยมีการทำงานร่วมกันระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และสถาบันวิจัยต่างๆ เพื่อกำหนดทิศทางและกลยุทธ์ในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก แผนงานดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่การส่งเสริมการใช้พลังงานสะอาดในโรงแรม การพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในเมืองท่องเที่ยว ไปจนถึงการสนับสนุนกิจกรรมการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ
เครื่องมือวัดคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับผู้ประกอบการ
สิ่งสำคัญในการไปสู่เป้าหมาย Net Zero คือการมีข้อมูลที่แม่นยำ ปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่องมือและแอปพลิเคชันสำหรับวัดและประเมินคาร์บอนฟุตพริ้นท์สำหรับธุรกิจโรงแรมและผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) โดยเฉพาะ เครื่องมือเหล่านี้ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถตรวจสอบได้ว่ากิจกรรมส่วนใดของตนที่ปล่อยคาร์บอนสูง และจะสามารถปรับปรุงแก้ไขในจุดใดได้บ้าง เพื่อให้การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและวัดผลได้
กรณีศึกษา: เกาะหมาก ต้นแบบการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำ
เกาะหมาก ในจังหวัดตราด ถือเป็นตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จและเป็นต้นแบบสำคัญของการท่องเที่ยวคาร์บอนต่ำในประเทศไทย ด้วยความร่วมมือของคนในชุมชนและผู้ประกอบการบนเกาะ ทำให้เกาะหมากสามารถดำเนินมาตรการต่างๆ ได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น
การรณรงค์ลดการใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง, การจัดการขยะอย่างเป็นระบบ, การส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์, และการสนับสนุนให้นักท่องเที่ยวเดินทางบนเกาะด้วยรถจักรยานหรือรถยนต์ไฟฟ้า สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม แต่ยังสร้างเอกลักษณ์และจุดขายที่โดดเด่นให้กับเกาะหมากอีกด้วย
แนวทางปฏิบัติเพื่อลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ในการท่องเที่ยว
การบรรลุเป้าหมาย Net Zero Tourism ต้องอาศัยการลงมือปฏิบัติจากทุกคน ทั้งฝั่งนักท่องเที่ยวและผู้ประกอบการ โดยมีแนวทางง่ายๆ ที่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที
สำหรับนักท่องเที่ยวสายรักษ์โลก (Green Itinerary)
- การวางแผนการเดินทาง: เลือกเดินทางโดยรถไฟหรือรถโดยสารสาธารณะแทนเครื่องบินหากเป็นไปได้ หากจำเป็นต้องใช้เครื่องบิน ให้เลือกเที่ยวบินตรงเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนในช่วงขึ้น-ลงจอด
- การเลือกที่พัก: มองหาที่พักที่ได้รับรองมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม (Green Hotel) หรือที่พักที่ใช้พลังงานหมุนเวียนและมีนโยบายจัดการของเสียที่มีประสิทธิภาพ
- กิจกรรมท่องเที่ยว: เลือกทำกิจกรรมที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง เช่น พายเรือคายัค เดินป่า ปั่นจักรยาน หรือเข้าร่วมกิจกรรมท่องเที่ยวโดยชุมชนที่เน้นการเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมท้องถิ่น
- การบริโภค: สนับสนุนร้านอาหารท้องถิ่นที่ใช้วัตถุดิบในพื้นที่เพื่อลดคาร์บอนจากการขนส่ง พกขวดน้ำและกล่องอาหารส่วนตัวเพื่อลดขยะพลาสติก และปฏิเสธการบริโภคสัตว์ป่าหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากสัตว์สงวน
สำหรับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
ผู้ประกอบการมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างระบบนิเวศของการท่องเที่ยวแบบ Net Zero ผ่านการปรับเปลี่ยนการดำเนินงานในด้านต่างๆ ซึ่งสามารถเปรียบเทียบแนวทางปฏิบัติแบบดั้งเดิมกับแนวทางแบบใหม่ได้ดังตารางต่อไปนี้
| ด้านการดำเนินงาน | แนวทางปฏิบัติแบบดั้งเดิม | แนวทางปฏิบัติแบบ Net Zero |
|---|---|---|
| การใช้พลังงาน | พึ่งพาพลังงานจากฟอสซิลเป็นหลัก (ไฟฟ้าจากการไฟฟ้า) | ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์, ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าประหยัดพลังงาน, ออกแบบอาคารให้รับแสงธรรมชาติ |
| การจัดการน้ำ | ใช้น้ำประปาโดยไม่มีมาตรการประหยัดที่ชัดเจน | ติดตั้งอุปกรณ์ประหยัดน้ำ, มีระบบบำบัดและนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ (รดน้ำต้นไม้) |
| การจัดการของเสีย | เน้นการทิ้งขยะไปที่บ่อฝังกลบ, ใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียว | มีระบบคัดแยกขยะ, ทำปุ๋ยหมักจากเศษอาหาร, ลดการใช้พลาสติก, จัดหาน้ำดื่มแบบเติม |
| การจัดหาวัตถุดิบ | สั่งซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์รายใหญ่ อาจมาจากที่ห่างไกล | สนับสนุนเกษตรกรและผู้ผลิตในท้องถิ่น (Farm-to-Table), เลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาล |
| กิจกรรมสำหรับลูกค้า | กิจกรรมที่อาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมสูง เช่น เจ็ตสกี, ทัวร์ที่ใช้รถยนต์ขนาดใหญ่ | จัดกิจกรรมคาร์บอนต่ำ เช่น ปั่นจักรยาน, เดินป่า, พายเรือ, จัดเวิร์คช็อปด้านสิ่งแวดล้อม |
ความท้าทายและอนาคตของการท่องเที่ยวไทยสู่เป้าหมาย Net Zero
การเปลี่ยนผ่านสู่การท่องเที่ยวแบบ Net Zero ไม่ใช่เส้นทางที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เต็มไปด้วยความท้าทายที่ต้องอาศัยความร่วมมือและนวัตกรรม อย่างไรก็ตาม ศักยภาพและโอกาสที่รออยู่ข้างหน้าก็มีอยู่มหาศาลเช่นกัน
อุปสรรคและข้อจำกัดในการดำเนินงาน
ความท้าทายหลักประการหนึ่งคือ ต้นทุนการลงทุนเริ่มต้นที่สูง สำหรับผู้ประกอบการในการปรับเปลี่ยนมาใช้เทคโนโลยีสีเขียว เช่น การติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ หรือระบบจัดการน้ำเสีย ซึ่งอาจเป็นภาระหนักสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก นอกจากนี้ การขาดความตระหนักรู้และความเข้าใจ ในหมู่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียบางกลุ่มก็ยังคงเป็นอุปสรรค รวมถึงความจำเป็นในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่รองรับ เช่น สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าให้ครอบคลุมในพื้นที่ท่องเที่ยว และระบบขนส่งสาธารณะที่มีประสิทธิภาพ การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็ต้องใช้เวลาและการรณรงค์อย่างต่อเนื่อง
ศักยภาพและแนวโน้มการเติบโต
แม้จะมีความท้าทาย แต่แนวโน้มของการท่องเที่ยวแบบ Net Zero ในไทยยังคงสดใส กระแสความต้องการเดินทางอย่างรับผิดชอบของนักท่องเที่ยวทั่วโลกเป็นแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับตัว นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น แอปพลิเคชันคำนวณคาร์บอนฟุตพริ้นท์ส่วนบุคคล หรือแพลตฟอร์มจองการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ กำลังเข้ามามีบทบาทมากขึ้น ประกอบกับนโยบายสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับธุรกิจสีเขียว หรือการให้เงินทุนสนับสนุนโครงการต่างๆ จะช่วยเร่งให้การเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นได้เร็วยิ่งขึ้น เป้าหมาย เที่ยวไทย 2568 ที่เน้นการฟื้นฟูอย่างยั่งยืน ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการผลักดันให้แนวคิดนี้กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยในอนาคต
บทสรุป: การเดินทางสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน
จากข้อมูลทั้งหมด สรุปได้ว่าคำตอบของคำถาม “เที่ยวไทย Net Zero ลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ ทำได้จริงหรือ?” คือ “เป็นไปได้จริง แต่ต้องอาศัยความมุ่งมั่นและความร่วมมือจากทุกภาคส่วน” การเดินทางสู่เป้าหมาย Net Zero ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงที่สามารถเกิดขึ้นได้ในชั่วข้ามคืน แต่เป็นกระบวนการที่ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ
ประเทศไทยได้แสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมผ่านแผนงานที่ชัดเจนและโครงการนำร่องที่ประสบความสำเร็จ การท่องเที่ยวแบบ Net Zero ไม่ใช่แค่การรักษาสิ่งแวดล้อม แต่คือการลงทุนเพื่ออนาคตของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยทั้งหมด เป็นการสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ปกป้องมรดกทางธรรมชาติ และยกระดับประสบการณ์ของนักเดินทางให้มีความหมายมากยิ่งขึ้น การเปลี่ยนผ่านนี้คือภารกิจร่วมกันของทั้งผู้ประกอบการ นักท่องเที่ยว และภาครัฐ เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและรุ่งเรืองให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศต่อไป


