Shopping cart

กองทุนลดหย่อนภาษี 2568 ตัวใหม่มาแทน SSF? สรุปเงื่อนไข

สารบัญ

ภูมิทัศน์การลงทุนเพื่อลดหย่อนภาษีของประเทศไทยกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในปี 2568 ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อนักลงทุนและผู้เสียภาษีทุกคน การปรับเปลี่ยนโครงสร้างครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการลงทุนที่ยั่งยืนและปรับเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้สอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน

สรุปประเด็นสำคัญเกี่ยวกับกองทุนลดหย่อนภาษี 2568

กองทุนลดหย่อนภาษี 2568 ตัวใหม่มาแทน SSF? สรุปเงื่อนไข - tax-saving-fund-2025-update

  • กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) จะสิ้นสุดสิทธิในการลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อหน่วยลงทุนใหม่ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป
  • กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนพิเศษ (Thai ESGX) ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นกองทุนใหม่เพื่อทดแทน พร้อมสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสำหรับนักลงทุน
  • ผู้ถือหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ครบกำหนดเงื่อนไข จะได้รับสิทธิพิเศษในการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนไปยัง Thai ESGX เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเพิ่ม
  • วงเงินลดหย่อนภาษีสูงสุดสำหรับปี 2568 สามารถเพิ่มขึ้นได้ถึง 1,400,000 บาท หากมีการใช้สิทธิ์จากกองทุนทุกประเภทรวมกันอย่างเต็มศักยภาพ
  • การวางแผนภาษีต้องพิจารณาเงื่อนไขและระยะเวลาที่กำหนดอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะช่วงเวลาการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจาก LTF

การปรับโครงสร้างกองทุนลดหย่อนภาษี 2568 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ โดยเฉพาะการสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ของกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) และการเปิดตัวกองทุนประเภทใหม่อย่างกองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนพิเศษ (Thai ESGX) ซึ่งถูกออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือใหม่ในการวางแผนภาษีสำหรับนักลงทุน การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อกลยุทธ์การลงทุนส่วนบุคคล แต่ยังสะท้อนถึงทิศทางของภาครัฐที่ต้องการส่งเสริมการลงทุนในธุรกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มากขึ้น

บทความนี้จะสรุปเงื่อนไขและรายละเอียดทั้งหมดของการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว เพื่อให้นักลงทุนมีความเข้าใจที่ชัดเจนและสามารถเตรียมความพร้อมในการวางแผนภาษีปลายปีได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

ภาพรวมการเปลี่ยนแปลงกองทุนลดหย่อนภาษีปี 2568

ปีภาษี 2568 นับเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญสำหรับผลิตภัณฑ์การลงทุนเพื่อการลดหย่อนภาษีในประเทศไทย หลังจากที่กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ได้สิ้นสุดสิทธิประโยชน์ไปก่อนหน้านี้ และล่าสุดคือกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ที่สิทธิในการลดหย่อนภาษีสำหรับการซื้อใหม่จะสิ้นสุดลงในปี 2567 เป็นปีสุดท้าย เพื่อทดแทนและกระตุ้นการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ภาครัฐได้ริเริ่มกองทุนประเภทใหม่ขึ้นมาคือ Thai ESGX

การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลให้โครงสร้างของกองทุนลดหย่อนภาษีในปี 2568 ประกอบด้วยกองทุนหลักๆ ได้แก่:

  1. กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF): ยังคงเป็นเครื่องมือหลักสำหรับการวางแผนเกษียณและลดหย่อนภาษี โดยมีเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์คงเดิม
  2. กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG): กองทุนที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ยังคงใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามเงื่อนไขเดิม
  3. กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนพิเศษ (Thai ESGX): กองทุนใหม่ล่าสุดที่เข้ามาแทนที่ SSF โดยมีเงื่อนไขและสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างออกไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้สิทธิ์เพิ่มเติมแก่ผู้ถือหน่วยลงทุน LTF เดิม

การปรับเปลี่ยนนี้มีนัยสำคัญคือการเปลี่ยนผ่านจากกองทุนที่เน้นการออมระยะยาวโดยทั่วไป (SSF) ไปสู่กองทุนที่มุ่งเน้นการลงทุนอย่างยั่งยืน (ESG) อย่างชัดเจนมากขึ้น ซึ่งนักลงทุนจำเป็นต้องทำความเข้าใจเงื่อนไขใหม่เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนและวางแผนภาษีให้สอดคล้อง

ทำความรู้จัก Thai ESGX: กองทุนลดหย่อนภาษีตัวใหม่

กองทุน Thai ESGX หรือ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืนพิเศษ คือผลิตภัณฑ์การลงทุนที่ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นตัวเลือกหลักในการลดหย่อนภาษีตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป โดยมีจุดเด่นคือการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่น่าสนใจทั้งสำหรับนักลงทุนทั่วไปและผู้ที่เคยลงทุนใน LTF มาก่อน โดยเงื่อนไขสามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนหลัก

เงื่อนไขและสิทธิประโยชน์สำหรับเงินลงทุนใหม่

สำหรับนักลงทุนที่ต้องการเริ่มต้นลงทุนใน Thai ESGX ด้วยเงินลงทุนใหม่ จะได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีตามเงื่อนไขต่อไปนี้:

  • วงเงินลดหย่อน: สามารถนำเงินค่าซื้อหน่วยลงทุนมาหักลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมิน แต่ไม่เกิน 300,000 บาท
  • ระยะเวลาการถือครอง: ต้องถือหน่วยลงทุนเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 5 ปีเต็ม (นับแบบวันชนวัน) นับจากวันที่ซื้อหน่วยลงทุน
  • นโยบายการลงทุน: กองทุนจะเน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนในประเทศไทย ตามหลักเกณฑ์ ESG ที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กำหนด

วงเงินลดหย่อนส่วนนี้จะแยกต่างหากจากวงเงินของกองทุน RMF และกองทุนเพื่อการออมอื่นๆ ทำให้นักลงทุนมีช่องทางในการลดหย่อนภาษีเพิ่มขึ้น

สิทธิพิเศษสำหรับผู้ถือหน่วยลงทุน LTF เดิม

เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและมอบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมให้แก่นักลงทุนที่ถือครอง LTF มายาวนาน ภาครัฐได้กำหนดเงื่อนไขพิเศษสำหรับการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนจาก LTF ที่ครบกำหนด (ถือครองครบ 7 ปีปฏิทิน) มายังกองทุน Thai ESGX โดยมีรายละเอียดดังนี้:

ผู้ถือหน่วยลงทุน LTF ที่ครบกำหนดสามารถสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนมายัง Thai ESGX เพื่อรับสิทธิ์ลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้สูงสุดถึง 500,000 บาท โดยจะแบ่งการให้สิทธิ์เป็นขั้นบันได

  • ระยะเวลาการสับเปลี่ยน: ต้องดำเนินการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนภายในช่วงเวลาที่กำหนดเท่านั้น คือระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 ถึง 30 มิถุนายน 2568
  • สิทธิ์ลดหย่อนปี 2568: ในปีภาษี 2568 สามารถนำมูลค่าหน่วยลงทุนที่สับเปลี่ยนมาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 300,000 บาท
  • สิทธิ์ลดหย่อนเพิ่มเติม: สำหรับมูลค่าส่วนที่เกิน 300,000 บาท สามารถนำไปลดหย่อนเพิ่มเติมได้อีก 4 ปีภาษีถัดไป (2569-2572) ปีละ 50,000 บาท รวมเป็นเงินอีก 200,000 บาท
  • ระยะเวลาถือครอง: หน่วยลงทุน Thai ESGX ที่ได้จากการสับเปลี่ยนนี้ จะต้องถือครองเป็นเวลา 5 ปี (นับแบบวันชนวัน) เช่นเดียวกับการลงทุนใหม่

สิทธิพิเศษนี้ถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุน LTF ที่ต้องการสภาพคล่องและยังคงต้องการสิทธิประโยชน์ทางภาษีต่อไป การวางแผนสับเปลี่ยนภายในช่วงเวลาที่กำหนดจึงเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่ง

สถานะของกองทุนลดหย่อนภาษีเดิมในปี 2568

การมาถึงของ Thai ESGX ทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับสถานะของกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่นๆ ที่นักลงทุนคุ้นเคย โดยเฉพาะ SSF และ RMF ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

การสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ของกองทุน SSF

ประเด็นที่ชัดเจนที่สุดคือการสิ้นสุดสิทธิประโยชน์ทางภาษีของกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) โดยมีเงื่อนไขดังนี้:

  • ปีสุดท้ายของการลดหย่อน: ปีภาษี 2567 เป็นปีสุดท้ายที่การซื้อหน่วยลงทุน SSF จะสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้
  • ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป: การซื้อหน่วยลงทุน SSF ใหม่ จะไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้อีกต่อไป
  • หน่วยลงทุนเดิม: สำหรับหน่วยลงทุน SSF ที่เคยซื้อไว้เพื่อใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษีไปแล้ว นักลงทุนยังคงมีภาระผูกพันที่จะต้องถือครองให้ครบตามเงื่อนไข 10 ปีเต็ม (นับแบบวันชนวัน) เพื่อหลีกเลี่ยงการถูกเรียกคืนภาษีและเสียค่าปรับ

ดังนั้น นักลงทุนที่มีหน่วยลงทุน SSF อยู่ในพอร์ต ต้องติดตามระยะเวลาการถือครองของตนเองอย่างใกล้ชิด แต่ไม่สามารถลงทุนเพิ่มเพื่อลดหย่อนภาษีในปี 2568 ได้แล้ว

กองทุน RMF และ Thai ESG ยังคงเดิม

สำหรับกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทอื่นยังคงมีสถานะดังเดิม:

  • กองทุน RMF: ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญในการวางแผนเกษียณอายุ โดยเงื่อนไขการลดหย่อนภาษียังเหมือนเดิม คือ ลดหย่อนได้ 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท (เมื่อรวมกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ, กบข., และประกันบำนาญ) และต้องลงทุนต่อเนื่องจนถึงอายุ 55 ปีบริบูรณ์
  • กองทุน Thai ESG: กองทุนไทยเพื่อความยั่งยืนที่เปิดตัวมาก่อนหน้านี้ ยังสามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ตามปกติ โดยมีวงเงิน 30% ของเงินได้พึงประเมิน สูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท และมีเงื่อนไขถือครอง 8 ปีเต็ม (ข้อมูลจากงานวิจัยระบุวงเงิน 300,000 บาท ซึ่งเป็นข้อมูลเฉพาะที่ใช้ในบทความนี้)

เปรียบเทียบความแตกต่างกองทุนลดหย่อนภาษี

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ตารางด้านล่างนี้ได้สรุปและเปรียบเทียบเงื่อนไขสำคัญของกองทุนลดหย่อนภาษีประเภทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องสำหรับปีภาษี 2568

ตารางเปรียบเทียบเงื่อนไขกองทุนลดหย่อนภาษีสำหรับปี 2568
เงื่อนไข SSF (Super Savings Fund) Thai ESG (กองทุนเก่า) Thai ESGX (กองทุนใหม่)
สถานะการลดหย่อนภาษีปี 2568 ไม่สามารถซื้อใหม่เพื่อลดหย่อนได้ ลดหย่อนได้ตามปกติ ลดหย่อนได้ (เป็นกองทุนตัวใหม่)
วงเงินลดหย่อนสูงสุด ไม่มี (สิทธิ์สิ้นสุดปี 2567) 30% ของเงินได้ (สูงสุด 300,000 บาท*) 30% ของเงินได้ (สูงสุด 300,000 บาท) + สิทธิ์จาก LTF
ระยะเวลาถือครอง 10 ปี (สำหรับหน่วยที่ซื้อก่อนปี 2568) 8 ปีเต็ม 5 ปี (นับแบบวันชนวัน)
สิทธิประโยชน์พิเศษ ไม่มี ไม่มี สิทธิ์สับเปลี่ยนจาก LTF เพื่อลดหย่อนเพิ่มสูงสุด 500,000 บาท
นโยบายการลงทุนหลัก สินทรัพย์หลากหลาย เน้นหุ้น ESG เน้นหุ้น ESG

*หมายเหตุ: วงเงินลดหย่อนของ Thai ESG ตามข้อมูลที่ได้รับสำหรับบทความนี้คือ 300,000 บาท

วางแผนภาษีปี 2568 ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

จากการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ นักลงทุนสามารถวางแผนเพื่อใช้สิทธิลดหย่อนภาษีในปี 2568 ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยเฉพาะผู้ที่มีรายได้สูงและมีหน่วยลงทุน LTF ที่ครบกำหนด จะมีโอกาสในการลดหย่อนภาษีได้มากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โครงสร้างการลดหย่อนภาษีสูงสุด 1.4 ล้านบาท

สำหรับปีภาษี 2568 นักลงทุนที่มีคุณสมบัติครบถ้วนสามารถสร้างยอดลดหย่อนภาษีรวมได้สูงสุดถึง 1,400,000 บาท โดยมีองค์ประกอบดังนี้:

  • กองทุน RMF: ลดหย่อนสูงสุด 500,000 บาท
  • กองทุน Thai ESG (กองทุนเดิม): ลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท
  • กองทุน Thai ESGX (เงินลงทุนใหม่): ลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท
  • กองทุน Thai ESGX (จากการสับเปลี่ยน LTF): ลดหย่อนสูงสุด 300,000 บาท

การจะใช้สิทธิ์ได้เต็มจำนวนนี้จำเป็นต้องมีเงินได้พึงประเมินที่สูงพอ และต้องมีหน่วยลงทุน LTF ที่มีมูลค่าเพียงพอสำหรับการสับเปลี่ยนเพื่อรับสิทธิ์เต็มจำนวนด้วย

ข้อควรระวังและปัจจัยที่ต้องพิจารณา

เพื่อให้การวางแผนภาษีเป็นไปอย่างราบรื่น ควรพิจารณาประเด็นต่อไปนี้:

  1. ตรวจสอบสิทธิ์ LTF: นักลงทุนควรตรวจสอบพอร์ตการลงทุนของตนเองว่ามีหน่วยลงทุน LTF ก้อนใดบ้างที่ถือครองครบ 7 ปีปฏิทิน และพร้อมที่จะสับเปลี่ยนได้ในปี 2568
  2. ระยะเวลาการสับเปลี่ยนที่จำกัด: การสับเปลี่ยน LTF ไปยัง Thai ESGX ต้องทำภายในวันที่ 1 พ.ค. – 30 มิ.ย. 2568 เท่านั้น หากพลาดช่วงเวลานี้ไป จะไม่สามารถรับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเพิ่มเติมส่วนนี้ได้
  3. สภาพคล่องและการลงทุน: การตัดสินใจลงทุนหรือสับเปลี่ยนควรพิจารณาถึงเป้าหมายทางการเงินและสภาพคล่องส่วนบุคคลด้วย เนื่องจากเงินลงทุนใน Thai ESGX จะต้องถูกถือครองเป็นเวลา 5 ปี
  4. ความเสี่ยงจากการลงทุน: กองทุน Thai ESG และ Thai ESGX เน้นการลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืน ซึ่งมีความเสี่ยงจากการลงทุนในตลาดทุนตามปกติ นักลงทุนควรศึกษานโยบายการลงทุนและยอมรับความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องได้

บทสรุปและแนวทางการลงทุนสำหรับปีภาษี 2568

การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกองทุนลดหย่อนภาษี 2568 นับเป็นวิวัฒนาการครั้งสำคัญที่นักลงทุนต้องปรับตัว โดยหัวใจหลักคือการสิ้นสุดบทบาทของ SSF และการก้าวเข้ามาของ Thai ESGX ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเครื่องมือลดหย่อนภาษีตัวใหม่ แต่ยังเป็นกลไกที่ภาครัฐใช้เพื่อส่งเสริมการลงทุนอย่างยั่งยืนในประเทศ

สำหรับนักลงทุนทั่วไป Thai ESGX เปิดโอกาสในการลดหย่อนภาษีด้วยวงเงินใหม่ 300,000 บาท ในขณะที่นักลงทุน LTF เดิมจะได้รับโอกาสพิเศษในการต่อยอดสิทธิประโยชน์ทางภาษีผ่านการสับเปลี่ยนหน่วยลงทุน ซึ่งอาจทำให้วงเงินลดหย่อนรวมในปี 2568 สูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ถึง 1.4 ล้านบาท

ดังนั้น การเตรียมความพร้อมโดยการสำรวจพอร์ตการลงทุนของตนเอง ทำความเข้าใจเงื่อนไขของกองทุนแต่ละประเภท และวางแผนการลงทุนล่วงหน้า โดยเฉพาะการเตรียมตัวสำหรับช่วงเวลาการสับเปลี่ยน LTF ในกลางปี 2568 จะเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยให้สามารถใช้ประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ได้อย่างเต็มศักยภาพและบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้

สั่งเสื้อ

ตุลาคม 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031