ตั้งแล้ว! กก.ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ใครมีเป้าหมายอะไร?
การขับเคลื่อนประเทศด้วยพลังทางวัฒนธรรม หรือ Soft Power ได้กลายเป็นวาระแห่งชาติที่สำคัญ รัฐบาลปัจจุบันได้เดินหน้าจัดตั้งกลไกหลักในการผลักดันยุทธศาสตร์นี้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อเปลี่ยนสินทรัพย์ทางวัฒนธรรมให้เป็นเครื่องมือทางเศรษฐกิจและสร้างอิทธิพลในระดับสากล
ภาพรวมของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ
หลังจากมีการประกาศนโยบายอย่างชัดเจน คำถามที่หลายคนสนใจคือ ตั้งแล้ว! กก.ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ใครมีเป้าหมายอะไร? คณะกรรมการชุดนี้คือกลไกหลักที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์และนโยบายในการขับเคลื่อนซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยอย่างเป็นระบบ ทั้งในภาพรวมและเชิงลึก เป้าหมายสูงสุดคือการผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้าน Soft Power และเศรษฐกิจสร้างสรรค์ในเวทีโลก โดยการใช้ประโยชน์จากภูมิปัญญา ทรัพยากรทางวัฒนธรรม และความคิดสร้างสรรค์ของคนไทย เพื่อสร้างรายได้เข้าประเทศและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติ
การจัดตั้งคณะกรรมการชุดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการเปลี่ยนแนวคิด ซอฟต์พาวเวอร์ จากเรื่องนามธรรมให้กลายเป็นนโยบายที่จับต้องได้ มีทิศทางที่ชัดเจน และมีหน่วยงานรับผิดชอบโดยตรง การดำเนินงานจะไม่ใช่เพียงการส่งเสริมวัฒนธรรมแบบดั้งเดิม แต่เป็นการมองวัฒนธรรมในฐานะอุตสาหกรรมที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ตั้งแต่อุตสาหกรรมภาพยนตร์ อาหาร แฟชั่น การท่องเที่ยว ไปจนถึงศิลปะการต่อสู้ ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นองค์ประกอบสำคัญของพลังทางวัฒนธรรมไทย
- การจัดตั้งอย่างเป็นทางการ: คณะกรรมการถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานกลางในการวางแผนและกำกับดูแลนโยบายซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศ
- เป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์: มุ่งสร้างให้ไทยเป็นผู้นำด้านเศรษฐกิจสร้างสรรค์และ Soft Power ในระดับโลก เพื่อสร้างรายได้และเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของชาติ
- กลไกการขับเคลื่อน: ทำหน้าที่เสนอแนะนโยบายด้านการเงิน การคลัง กฎหมาย และประสานความร่วมมือทุกภาคส่วน เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างบูรณาการ
- การพัฒนาศักยภาพคน: เป็นกลไกสำคัญในการผลักดันนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power เพื่อพัฒนาทักษะและความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยตั้งแต่ระดับฐานราก
เจาะลึกโครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการ

เพื่อให้การขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โครงสร้างของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติจึงถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากหลากหลายภาคส่วน ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และผู้ทรงคุณวุฒิในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์แขนงต่างๆ
บทบาทของประธานและคณะกรรมการ
ตามโครงสร้างที่วางไว้ คณะกรรมการชุดนี้มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานโดยตำแหน่ง และมีบุคคลสำคัญอย่างคุณแพทองธาร ชินวัตร ดำรงตำแหน่งรองประธาน ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญสูงสุดต่อนโยบายนี้ในระดับบริหารของประเทศ องค์ประกอบของคณะกรรมการประกอบด้วยตัวแทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญและตัวแทนจากภาคเอกชนใน 11 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย
บทบาทหลักของประธานและคณะกรรมการคือการกำหนดทิศทางเชิงนโยบาย พิจารณาและอนุมัติแผนงานโครงการต่างๆ รวมถึงติดตามและประเมินผลการดำเนินงานเพื่อให้มั่นใจว่าทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ การมีส่วนร่วมจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงในแต่ละอุตสาหกรรมถือเป็นหัวใจสำคัญ เพราะจะทำให้การวางนโยบายสอดคล้องกับความเป็นจริงและความต้องการของตลาดโลก สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดและทันท่วงที
การทำงานร่วมกับภาคส่วนต่างๆ
ภารกิจของคณะกรรมการไม่ใช่การทำงานโดยลำพัง แต่เป็นการทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการประสานงานและสร้างความร่วมมือระหว่างหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบันการศึกษา และองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของเศรษฐกิจสร้างสรรค์
เป้าหมายไม่ใช่แค่การส่งออกวัฒนธรรม แต่คือการสร้างระบบนิเวศที่แข็งแกร่งให้ความคิดสร้างสรรค์ของคนไทยสามารถเติบโตและแข่งขันได้ในระดับสากลอย่างยั่งยืน
การทำงานจะครอบคลุมตั้งแต่การปรับปรุงกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรค การสนับสนุนด้านการเงินและการลงทุน การพัฒนาทักษะและองค์ความรู้ ไปจนถึงการทำการตลาดและประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศ เพื่อให้สินค้าและบริการสร้างสรรค์ของไทยเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในวงกว้าง ความร่วมมือที่แข็งแกร่งนี้จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้การขับเคลื่อนนโยบาย Soft Power ของไทยเกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมและยั่งยืน
ภารกิจและเป้าหมายหลักในการขับเคลื่อน Soft Power ไทย
คณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติมีภารกิจที่ชัดเจนในการวางรากฐานและขับเคลื่อนการดำเนินงานในหลายมิติ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการทำให้ประเทศไทยเป็นหมุดหมายสำคัญของโลกในด้านวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์
การกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและนโยบายเชิงรุก
ภารกิจแรกและสำคัญที่สุด คือการจัดทำแผนยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์ระดับชาติ ซึ่งจะเป็นแผนแม่บทในการดำเนินงานของทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แผนดังกล่าวจะระบุวิสัยทัศน์ เป้าหมาย กลยุทธ์ และตัวชี้วัดที่ชัดเจน นอกจากนี้ คณะกรรมการยังมีหน้าที่เสนอแนะนโยบายต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อขอความเห็นชอบ โดยเฉพาะนโยบายที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนเชิงโครงสร้าง เช่น
- มาตรการทางการเงินและการคลัง: เช่น การจัดตั้งกองทุนเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ การให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเพื่อดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และบันเทิง
- การปรับปรุงกฎหมายและกฎระเบียบ: การแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการทำงานของศิลปินและผู้สร้างสรรค์ เพื่อสร้างบรรยากาศที่เปิดกว้างและส่งเสริมเสรีภาพในการแสดงออก
- การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน: การพัฒนาพื้นที่หรือศูนย์กลางสำหรับอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ (Creative Hub) เพื่อเป็นพื้นที่บ่มเพาะและแลกเปลี่ยนองค์ความรู้
การส่งเสริม 11 อุตสาหกรรมสร้างสรรค์เป้าหมาย
หัวใจของการขับเคลื่อน Soft Power คือการพัฒนาอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ให้แข็งแกร่งและมีศักยภาพในการแข่งขันระดับโลก คณะกรรมการได้กำหนด 11 อุตสาหกรรมเป้าหมายที่จะได้รับการส่งเสริมและสนับสนุนเป็นพิเศษ ซึ่งครอบคลุมมิติทางวัฒนธรรมและเศรษฐกิจที่หลากหลายของไทย เช่น
- เทศกาล (Festival): ผลักดันเทศกาลประเพณีไทย เช่น สงกรานต์ ให้เป็นเทศกาลระดับโลก
- ท่องเที่ยว (Tourism): ส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสุขภาพ
- อาหาร (Food): ยกระดับอาหารไทยให้เป็นที่รู้จักและยอมรับในด้านรสชาติและมาตรฐานสากล
- ภาพยนตร์ ละคร และซีรีส์ (Film): สนับสนุนการผลิตและส่งออกเนื้อหาบันเทิงของไทย
- หนังสือ (Book): ส่งเสริมการแปลและจัดจำหน่ายวรรณกรรมไทยในต่างประเทศ
- ศิลปะ (Art): สนับสนุนศิลปินไทยให้มีพื้นที่จัดแสดงผลงานในระดับนานาชาติ
- ออกแบบ (Design): ผลักดันงานออกแบบของไทยที่มีเอกลักษณ์สู่ตลาดโลก
- ดนตรี (Music): ส่งเสริมศิลปินและวงดนตรีไทยให้เป็นที่รู้จักในระดับสากล
- เกม (Game): สนับสนุนอุตสาหกรรมเกมและอีสปอร์ตของไทย
- แฟชั่น (Fashion): สร้างแบรนด์แฟชั่นไทยให้เป็นที่ยอมรับในเวทีโลก
- กีฬา (Sport): ผลักดันมวยไทยและกีฬาอื่นๆ ที่มีต้นกำเนิดจากไทย
การส่งเสริมจะทำผ่านโครงการต่างๆ เช่น การจัดอบรมพัฒนาทักษะ การสนับสนุนเงินทุนในการผลิต การสร้างเครือข่ายทางธุรกิจ และการนำผู้ประกอบการไปร่วมงานแสดงสินค้าในต่างประเทศ
การปลดล็อกศักยภาพคนไทยผ่านนโยบาย “1 ครอบครัว 1 Soft Power”
อีกหนึ่งภารกิจที่สำคัญคือการขับเคลื่อนนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power (One Family One Soft Power – OFOS) ซึ่งเป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาลในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมและพัฒนาทักษะสร้างสรรค์ให้กับประชาชนทั่วประเทศ โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์บ่มเพาะทักษะสร้างสรรค์ (THACCA) ในพื้นที่ต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถเข้ามาเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพของตนเองในด้านต่างๆ ที่สนใจ ไม่ว่าจะเป็นการทำอาหาร การออกแบบ การร้องเพลง หรือทักษะอื่นๆ ใน 11 อุตสาหกรรมเป้าหมาย นโยบายนี้เชื่อว่าการสร้าง ซอฟต์พาวเวอร์ ที่ยั่งยืนต้องเริ่มต้นจากการสร้างคนที่แข็งแกร่งและมีทักษะจากระดับฐานราก
ผลกระทบที่คาดหวังต่อเศรษฐกิจและสังคม
การดำเนินงานของคณะกรรมการซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติถูกคาดหวังว่าจะสร้างผลกระทบเชิงบวกในวงกว้าง ทั้งในมิติของเศรษฐกิจ สังคม และภาพลักษณ์ของประเทศในเวทีระหว่างประเทศ
การสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและรายได้เข้าประเทศ
เป้าหมายหลักเชิงเศรษฐกิจคือการเปลี่ยนวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์ให้เป็นสินค้าและบริการที่สามารถสร้างรายได้ได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ เมื่ออุตสาหกรรมสร้างสรรค์ของไทยแข็งแกร่งขึ้น จะนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของรายได้จากการส่งออกสินค้าวัฒนธรรม เช่น ภาพยนตร์ที่สามารถขายลิขสิทธิ์ไปฉายในต่างประเทศ, เพลงที่ติดชาร์ตสากล, หรือแบรนด์แฟชั่นไทยที่สามารถเปิดสาขาในต่างแดน นอกจากนี้ อิทธิพลของ Soft Power ยังช่วยกระตุ้นภาคส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น การท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาตามรอยซีรีส์ดัง หรือเพื่อมาลิ้มลองอาหารไทยต้นตำรับ ซึ่งทั้งหมดนี้จะนำไปสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพ และกระจายรายได้สู่ชุมชนต่างๆ ทั่วประเทศ
การยกระดับภาพลักษณ์และอิทธิพลของไทยในเวทีโลก
นอกเหนือจากผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ Soft Power ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้าง “แบรนด์ประเทศไทย” (Nation Branding) ที่แข็งแกร่ง การที่วัฒนธรรมไทยเป็นที่ชื่นชอบและยอมรับในระดับสากล จะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีและความเข้าใจอันดีต่อประเทศไทย ทำให้ไทยมีบทบาทและอิทธิพลมากขึ้นในการเจรจาและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การเป็นที่รู้จักในฐานะชาติที่มีความคิดสร้างสรรค์และวัฒนธรรมที่น่าสนใจ จะช่วยดึงดูดนักลงทุน นักท่องเที่ยว และผู้มีความสามารถจากทั่วโลกให้เข้ามาในประเทศ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาว
ความท้าทายและทิศทางในอนาคต
แม้ว่าเป้าหมายจะยิ่งใหญ่และน่าตื่นเต้น แต่เส้นทางการผลักดันซอฟต์พาวเวอร์ให้ประสบความสำเร็จนั้นเต็มไปด้วยความท้าทายที่คณะกรรมการและทุกภาคส่วนต้องร่วมกันเผชิญ
อุปสรรคที่ต้องก้าวข้าม
ความท้าทายสำคัญประการแรกคือ ความต่อเนื่องของนโยบาย การสร้าง Soft Power เป็นโครงการระยะยาวที่ต้องใช้เวลาและความสม่ำเสมอในการลงทุนและการสนับสนุน การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองอาจส่งผลกระทบต่อทิศทางและความต่อเนื่องของนโยบายได้ ประการที่สองคือ การบูรณาการการทำงาน ของหน่วยงานภาครัฐที่ยังมีลักษณะการทำงานแบบแยกส่วน ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการขับเคลื่อนนโยบายที่ต้องการความร่วมมือในระดับสูง นอกจากนี้ การแข่งขันในตลาดโลกที่รุนแรงจากประเทศที่เป็นผู้นำด้านซอฟต์พาวเวอร์อยู่แล้ว เช่น เกาหลีใต้ หรือ ญี่ปุ่น ก็เป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่ไทยต้องเตรียมพร้อมรับมือ
ก้าวต่อไปที่น่าจับตามอง
ในอนาคตอันใกล้ สิ่งที่ต้องจับตามองคือการประกาศแผนยุทธศาสตร์ชาติฉบับสมบูรณ์ และการดำเนินโครงการนำร่องต่างๆ ที่จะออกมาจากคณะกรรมการชุดนี้ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนนโยบาย 1 ครอบครัว 1 Soft Power ที่จะเริ่มเห็นเป็นรูปธรรมมากขึ้น รวมถึงการจัดสรรงบประมาณและการแก้ไขกฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ความสำเร็จของการดำเนินงานในระยะแรกจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญถึงศักยภาพและความจริงจังของรัฐบาลในการผลักดันวาระแห่งชาตินี้
บทสรุป: ทิศทางใหม่ของซอฟต์พาวเวอร์ไทย
การจัดตั้ง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ถือเป็นก้าวที่สำคัญและมีความหมายอย่างยิ่งต่ออนาคตของประเทศไทย เป็นการประกาศเจตนารมณ์ที่ชัดเจนว่าไทยพร้อมที่จะใช้สินทรัพย์ทางวัฒนธรรมและความคิดสร้างสรรค์เป็นเครื่องมือหลักในการพัฒนาเศรษฐกิจและสร้างชื่อเสียงในเวทีโลก แม้หนทางข้างหน้าจะเต็มไปด้วยความท้าทาย แต่ด้วยโครงสร้างคณะกรรมการที่ครอบคลุมทุกภาคส่วนและมีเป้าหมายที่ชัดเจน ก็ทำให้เกิดความหวังว่าพลังของ Soft Power ไทยจะถูกปลดปล่อยออกมาอย่างเต็มศักยภาพ การติดตามความคืบหน้าการทำงานของคณะกรรมการชุดนี้จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะส่งผลโดยตรงต่อทิศทางการพัฒนาของประเทศในทศวรรษต่อไป

