Shopping cart

ประชุม UN! สรุป 5 ประเด็นสำคัญที่ไทยต้องจับตา

สารบัญ

การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ถือเป็นเวทีสำคัญที่ผู้นำจากทั่วโลกมารวมตัวกันเพื่อกำหนดทิศทางและแก้ไขปัญหาร่วมกัน สำหรับการประชุม UN! สรุป 5 ประเด็นสำคัญที่ไทยต้องจับตานั้น สะท้อนให้เห็นถึงบทบาทที่เพิ่มขึ้นของประเทศไทยในการเมืองระหว่างประเทศและความมุ่งมั่นในการร่วมขับเคลื่อนวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน เวทีนี้ไม่เพียงแต่เป็นพื้นที่สำหรับการเจรจาทางการทูต แต่ยังเป็นกลไกสำคัญในการรับมือกับความท้าทายระดับโลกที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของประเทศ

  • การเร่งรัดเป้าหมาย SDGs: ประเทศไทยเน้นย้ำความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อ ผ่านการนำเสนอผลการดำเนินงานและความร่วมมือในระดับนานาชาติ
  • วาระด้านสภาพภูมิอากาศ: การหารืออย่างเข้มข้นเพื่อกำหนดมาตรการและยุทธศาสตร์ในการลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นประเด็นเร่งด่วนที่ส่งผลกระทบต่อทุกประเทศทั่วโลก
  • ความมั่นคงทางสุขภาพโลก: การถอดบทเรียนจากวิกฤตโควิด-19 เพื่อสร้างระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งและเตรียมพร้อมรับมือกับโรคระบาดในอนาคต
  • นโยบายต่างประเทศเชิงรุก: การใช้เวที UN เพื่อชี้แจงสถานการณ์และสร้างความเข้าใจในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศ
  • การประเมินผลครึ่งทาง: การทบทวนความคืบหน้าของวาระการพัฒนาปี 2030 เพื่อวางแผนการดำเนินงานในช่วง 7 ปีที่เหลือให้มีประสิทธิภาพสูงสุด

ภาพรวมการประชุมสหประชาชาติและบทบาทของไทย

องค์การสหประชาชาติ (United Nations) ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์กลางความร่วมมือระหว่างประเทศในการรักษาสันติภาพ ความมั่นคง และส่งเสริมการพัฒนาในมิติต่างๆ การประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ (UNGA) ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดที่ประเทศสมาชิกกว่า 193 ประเทศมารวมตัวกันเพื่อหารือ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และตัดสินใจในประเด็นสำคัญระดับโลก ตั้งแต่นโยบายต่างประเทศ เศรษฐกิจโลก ไปจนถึงปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม

สำหรับประเทศไทย การเข้าร่วมประชุม UN ไม่ใช่เป็นเพียงการปฏิบัติตามพันธกรณีในฐานะรัฐสมาชิก แต่ยังเป็นโอกาสสำคัญในการแสดงบทบาทเชิงรุกบนเวทีโลก เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติและร่วมสร้างสรรค์ประชาคมโลกที่ยั่งยืนและสงบสุข ในปีล่าสุด โดยเฉพาะในการประชุมสมัชชาใหญ่ครั้งที่ 78 (UNGA 78) และเวทีการเมืองระดับสูงว่าด้วยการพัฒนาที่ยั่งยืน (HLPF) ประเทศไทยได้แสดงจุดยืนที่ชัดเจนในการสนับสนุนกรอบความร่วมมือพหุภาคีและผลักดันวาระสำคัญต่างๆ ที่สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

การมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันของไทยในเวทีสหประชาชาติ คือการยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนอย่างครอบคลุม โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

บทบาทของไทยครอบคลุมตั้งแต่การนำเสนอรายงานความคืบหน้าการดำเนินงานตามเป้าหมาย SDGs การเข้าร่วมหารือในเวทีเฉพาะทาง เช่น SDG Summit และ Climate Ambition Summit ไปจนถึงการใช้เวทีทวิภาคีและพหุภาคีเพื่อสร้างความร่วมมือและแสวงหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกับนานาชาติ ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลกระทบโดยตรงต่อนโยบายภายในประเทศและคุณภาพชีวิตของประชาชนไทย

เจาะลึก 5 วาระสำคัญที่ประเทศไทยต้องจับตามอง

เจาะลึก 5 วาระสำคัญที่ประเทศไทยต้องจับตามอง

ในการประชุม UN ล่าสุด มีวาระสำคัญ 5 ประการที่ประเทศไทยให้ความสำคัญและติดตามอย่างใกล้ชิด ซึ่งแต่ละประเด็นล้วนมีความเชื่อมโยงกับทิศทางการพัฒนาของประเทศและของโลกในอนาคต

1. การขับเคลื่อนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)

เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs (Sustainable Development Goals) คือกรอบการพัฒนาของโลกที่ประกอบด้วย 17 เป้าหมายหลัก ครอบคลุมมิติเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งประเทศสมาชิก UN ได้ให้คำมั่นร่วมกันว่าจะบรรลุเป้าหมายเหล่านี้ภายในปี 2030 (พ.ศ. 2573) ในเวที HLPF 2025 ประเทศไทยได้แสดงบทบาทนำในการติดตามและเร่งรัดการดำเนินงานตามเป้าหมายดังกล่าว

การดำเนินงานของไทย: ประเทศไทยได้นำเสนอรายงานการทบทวนการดำเนินงานตามเป้าหมาย SDGs โดยสมัครใจ (Voluntary National Review – VNR) เพื่อแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าและความท้าทายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบฐานข้อมูลเทคโนโลยีและการบริหารจัดการเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (TPMAP) เพื่อใช้ในการติดตามและประเมินผลปัญหาความยากจนแบบชี้เป้าได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการดำเนินโครงการ “SDG Localization” ที่นำเป้าหมายการพัฒนาระดับโลกมาปรับใช้ในระดับท้องถิ่น โดยมี 15 จังหวัดนำร่องเป็นต้นแบบ การเน้นย้ำความร่วมมือระดับท้องถิ่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงแนวทางที่ให้ความสำคัญกับประชาชนเป็นศูนย์กลาง

ความร่วมมือระหว่างประเทศ: ไทยยังคงมุ่งมั่นสนับสนุนการพัฒนาในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา โดยเฉพาะกลุ่มประเทศพัฒนาน้อยที่สุด (LDCs), ประเทศกำลังพัฒนาที่ไม่มีทางออกสู่ทะเล (LLDCs), และรัฐกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะขนาดเล็ก (SIDS) ผ่านกรอบความร่วมมือใต้-ใต้ (South-South Cooperation) และความร่วมมือไตรภาคี (Triangular Cooperation) ซึ่งเป็นการแบ่งปันความรู้และประสบการณ์เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนร่วมกัน

2. การประเมินผลครึ่งทาง สู่เป้าหมายปี 2030

เนื่องจากวาระการพัฒนาปี 2030 ได้เดินทางมาถึงครึ่งทางแล้ว การประชุม UNGA 78 จึงเป็นเวทีสำคัญในการตรวจสอบและหารือถึงความเคลื่อนไหวของนานาประเทศในช่วงที่ผ่านมา และวางแผนสำหรับ 7 ปีที่เหลือ การประเมินผลนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการระบุถึงอุปสรรค ช่องว่าง และแนวทางที่จะช่วยเร่งรัดให้การดำเนินงานบรรลุเป้าหมายได้ทันเวลา

บริบทตลาดโลก: การประเมินผลนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความท้าทายของเศรษฐกิจโลกที่ผันผวน ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ และผลกระทบที่ยังคงอยู่ของโรคระบาดโควิด-19 ซึ่งล้วนส่งผลให้ความก้าวหน้าในการบรรลุ SDGs ในหลายพื้นที่ชะลอตัวลง การหารือในเวทีนี้จึงมุ่งเน้นไปที่การระดมทรัพยากรทางการเงิน การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการเสริมสร้างขีดความสามารถของประเทศกำลังพัฒนา เพื่อให้สามารถฟื้นตัวและกลับสู่เส้นทางการพัฒนาที่ยั่งยืนได้

นัยยะต่อไทย: สำหรับประเทศไทย การประเมินผลนี้เป็นโอกาสในการทบทวนยุทธศาสตร์ชาติและปรับแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป ผลลัพธ์จากการหารือจะเป็นข้อมูลสำคัญในการกำหนดนโยบายภายในประเทศ เพื่อให้มั่นใจว่าการพัฒนาของไทยยังคงเดินหน้าไปในทิศทางที่ถูกต้องและสามารถรับมือกับความท้าทายใหม่ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

3. เวทีสุดยอด SDG Summit: กำหนดทิศทางนโยบายโลก

นอกเหนือจากการประชุมสมัชชาใหญ่แล้ว การประชุมสุดยอดด้านการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Summit) ยังเป็นเวทีคู่ขนานที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเป็นพื้นที่สำหรับผู้นำระดับสูงในการแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และประกาศเจตนารมณ์ทางการเมือง เพื่อเร่งรัดการบรรลุเป้าหมาย SDGs การประชุมนี้เปิดโอกาสให้เกิดการหารืออย่างเจาะลึกและนำไปสู่การกำหนดนโยบายที่เป็นรูปธรรม

ประเทศไทยในฐานะสมาชิกที่มีบทบาทแข็งขัน ได้เข้าร่วมในทุกระดับของการประชุม เพื่อแบ่งปันประสบการณ์และเรียนรู้แนวปฏิบัติที่ดีจากประเทศอื่นๆ การมีส่วนร่วมนี้ไม่เพียงแต่ช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศในเวทีนานาชาติ แต่ยังเป็นการสร้างเครือข่ายความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ต่อการขับเคลื่อนวาระการพัฒนาในประเทศต่อไป

4. วิกฤตสภาพภูมิอากาศบนเวที Climate Ambition Summit

การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในวิกฤตการณ์ที่เร่งด่วนที่สุดของโลก การประชุมสุดยอดว่าด้วยความมุ่งมั่นด้านสภาพภูมิอากาศ (Climate Ambition Summit) ซึ่งจัดขึ้นในช่วงการประชุม UNGA 78 จึงเป็นเวทีที่ทั่วโลกจับตามอง การหารือมุ่งเน้นไปที่การพัฒนายุทธศาสตร์เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและมาตรการรับมือกับผลกระทบจากภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน

ความเสี่ยงและการประยุกต์ใช้: ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มีความเปราะบางสูงต่อผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง หรือการกัดเซาะชายฝั่ง การเข้าร่วมหารือในเวทีนี้จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งในการติดตามทิศทางนโยบายและมาตรฐานสากล เพื่อนำมาปรับใช้ในการวางแผนยุทธศาสตร์ด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศ รวมถึงการเข้าถึงแหล่งเงินทุนและเทคโนโลยีสีเขียวเพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ การแสดงความมุ่งมั่นของไทยในการลดโลกร้อนยังช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนต่างชาติและส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว

5. ความมั่นคงทางสุขภาพและการเตรียมพร้อมรับมือโรคระบาด

วิกฤตการณ์โควิด-19 ได้เผยให้เห็นถึงจุดอ่อนของระบบสาธารณสุขโลกและความจำเป็นในการสร้างความร่วมมือระหว่างประเทศที่แข็งแกร่งขึ้น การประชุมระดับสูงด้านสุขภาพ (High-Level Meetings on Health) จึงถูกจัดขึ้นเพื่อถอดบทเรียนจากอดีตและวางแผนเตรียมความพร้อมรับมือกับโรคระบาดที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

วาระการประชุมครอบคลุมประเด็นต่างๆ ตั้งแต่การป้องกัน การเตรียมความพร้อม และการตอบสนองต่อโรคระบาด (Pandemic PPR) การสร้างหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (Universal Health Coverage) และการต่อสู้กับโรคติดต่อร้ายแรง เช่น วัณโรค ประเทศไทยซึ่งมีระบบสาธารณสุขที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ได้มีส่วนร่วมในการแบ่งปันประสบการณ์และผลักดันให้เกิดกลไกความร่วมมือระดับโลกที่มีประสิทธิภาพ เพื่อสร้างความมั่นคงทางสุขภาพที่ยั่งยืนสำหรับทุกคน

ตารางสรุป 5 ประเด็นสำคัญในการประชุม UN ที่เกี่ยวข้องกับประเทศไทย
ประเด็นสำคัญ เป้าหมายหลัก บทบาทและกิจกรรมของไทย
การเร่งรัด SDGs ติดตามความคืบหน้าและขับเคลื่อนการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ข้อ นำเสนอรายงาน VNR, พัฒนาระบบ TPMAP, ดำเนินโครงการ SDG Localization, ส่งเสริมความร่วมมือใต้-ใต้
การประเมินผลครึ่งทาง ทบทวนการดำเนินงานในช่วงครึ่งแรกของวาระ 2030 และวางแผนสำหรับ 7 ปีข้างหน้า เข้าร่วมหารือเพื่อปรับยุทธศาสตร์ชาติให้สอดคล้องกับสถานการณ์โลก
SDG Summit แลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และกำหนดนโยบายระดับสูงเพื่อเร่งรัดการบรรลุ SDGs มีส่วนร่วมในทุกระดับการประชุมเพื่อแบ่งปันประสบการณ์และสร้างเครือข่ายความร่วมมือ
Climate Ambition Summit พัฒนายุทธศาสตร์ลดโลกร้อนและมาตรการรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ร่วมหารือเพื่อนำนโยบายสากลมาปรับใช้และแสวงหาความร่วมมือด้านเทคโนโลยีสีเขียว
ความมั่นคงทางสุขภาพ เตรียมแผนรับมือโรคระบาดในอนาคตและเสริมสร้างระบบสาธารณสุขโลก แบ่งปันประสบการณ์จากระบบสาธารณสุขไทยและผลักดันกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ

ประเด็นเพิ่มเติม: ความมั่นคงชายแดนและมนุษยธรรม

นอกเหนือจาก 5 ประเด็นหลักด้านการพัฒนาแล้ว เวทีสหประชาชาติยังเป็นพื้นที่สำคัญสำหรับประเทศไทยในการชี้แจงสถานการณ์และปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดน โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการละเมิดอธิปไตยและการโจมตีพื้นที่พลเรือนและสถานพยาบาลจากความขัดแย้งในประเทศเพื่อนบ้าน การหยิบยกประเด็นเหล่านี้ขึ้นมาหารือในเวทีระดับโลกมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องจากนานาชาติและแสวงหาแนวทางการแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธีตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ การดำเนินการดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของไทยในการรักษาสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค ควบคู่ไปกับการให้ความช่วยเหลือทางมนุษยธรรมแก่ผู้ที่ได้รับผลกระทบ

นัยสำคัญต่อประเทศไทยและทิศทางในอนาคต

การเข้าร่วมประชุม UN อย่างแข็งขันของไทยส่งผลดีในหลายมิติ ประการแรก คือการเสริมสร้างภาพลักษณ์และบทบาทนำของประเทศในเวทีโลก ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและอำนาจในการต่อรองทางการทูต ประการที่สอง คือการได้รับข้อมูลและทิศทางนโยบายระดับโลก ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อการวางแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศให้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและสามารถคว้าโอกาสใหม่ๆ ทางเศรษฐกิจได้ เช่น การลงทุนในพลังงานสะอาดหรืออุตสาหกรรมสุขภาพ ประการสุดท้าย คือการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับนานาประเทศ ซึ่งจะนำไปสู่การแลกเปลี่ยนความรู้ เทคโนโลยี และการสนับสนุนทางการเงินที่จะช่วยขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน

ทิศทางในอนาคตของไทยในเวทีสหประชาชาติจะยังคงมุ่งเน้นการเป็น “หุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน” (Partnership for Sustainable Development) โดยจะทำงานร่วมกับประชาคมโลกอย่างใกล้ชิดเพื่อรับมือกับความท้าทายร่วมกัน และสร้างโลกที่สงบสุข ปลอดภัย และมีสุขภาพดีสำหรับคนรุ่นต่อไป

บทสรุป: ก้าวต่อไปของไทยในเวทีโลก

โดยสรุปแล้ว 5 ประเด็นสำคัญที่ไทยต้องจับตาในการประชุม UN ประกอบด้วย การเร่งรัดเป้าหมาย SDGs, การประเมินผลครึ่งทางของวาระ 2030, การมีส่วนร่วมใน SDG Summit, การรับมือวิกฤตสภาพภูมิอากาศ และการสร้างความมั่นคงทางสุขภาพโลก ประเด็นเหล่านี้ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความท้าทายที่โลกกำลังเผชิญ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงบทบาทที่สร้างสรรค์และแน่วแน่ของประเทศไทยในการเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหา

การติดตามความเคลื่อนไหวและผลลัพธ์จากการประชุมเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นสิ่งที่ส่งผลโดยตรงต่อนโยบายภายในประเทศ คุณภาพชีวิตของประชาชน และทิศทางการพัฒนาของไทยในอนาคต การดำเนินนโยบายต่างประเทศเชิงรุกและการรักษาความร่วมมืออันดีกับนานาชาติ จะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวต่อไปบนเวทีโลกได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930