Shopping cart

เคาะค่าแรงขั้นต่ำ 2569! เช็คอัตราใหม่-จังหวัดไหนได้เท่าไหร่

สารบัญ

ประเด็นเรื่องการ เคาะค่าแรงขั้นต่ำ 2569! เช็คอัตราใหม่-จังหวัดไหนได้เท่าไหร่ เป็นหัวข้อที่ได้รับความสนใจอย่างสูงจากทั้งฝ่ายลูกจ้างและนายจ้างทั่วประเทศ เนื่องจากส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าครองชีพและต้นทุนการดำเนินธุรกิจ การปรับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นค่าแรงสู่เป้าหมาย 400 บาททั่วประเทศในปี 2569 นั้นยังเป็นเพียงแผนการที่ต้องรอการพิจารณาอย่างเป็นทางการ สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจสถานการณ์ปัจจุบันและอัตราค่าจ้างที่บังคับใช้ในปี 2568 ซึ่งเป็นฐานในการพิจารณาครั้งต่อไป

สรุปประเด็นสำคัญของการปรับขึ้นค่าแรง

  • เป้าหมายปี 2569: การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 400 บาทต่อวันทั่วประเทศเป็นเป้าหมายที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้กล่าวถึง แต่ยังต้องรอการประชุมและมติอย่างเป็นทางการจากคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ในปี 2569
  • อัตราปี 2568: คณะกรรมการค่าจ้างได้มีมติปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำสำหรับปี 2568 ไปแล้ว โดยมีผลบังคับใช้จริง อัตราการปรับขึ้นไม่เท่ากันทั่วประเทศ และมีเพียงบางพื้นที่นำร่องที่ได้รับอัตราสูงสุด 400 บาทต่อวัน
  • การปรับขึ้นแบบขั้นบันได: นโยบายการขึ้นค่าแรงมีลักษณะเป็นการทยอยปรับขึ้น โดยพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจของแต่ละพื้นที่ ดังจะเห็นได้จากการปรับขึ้น 2 ครั้งในปี 2567 และการปรับที่แตกต่างกันในปี 2568
  • กลไกการพิจารณา: การตัดสินใจสุดท้ายขึ้นอยู่กับคณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งประกอบด้วยตัวแทนจากภาครัฐ นายจ้าง และลูกจ้าง เพื่อหาจุดสมดุลที่เหมาะสมกับทุกฝ่าย

ภาพรวมการปรับค่าแรงขั้นต่ำ: จากปี 2567 สู่เป้าหมายปี 2569

ภาพรวมการปรับค่าแรงขั้นต่ำ: จากปี 2567 สู่เป้าหมายปี 2569

การทำความเข้าใจทิศทางการปรับอัตราค่าจ้างใหม่จำเป็นต้องพิจารณาจากข้อมูลในอดีตและเป้าหมายในอนาคตประกอบกัน เพื่อให้เห็นภาพรวมของนโยบายด้านแรงงานที่ชัดเจนยิ่งขึ้น

ทบทวนการปรับอัตราค่าจ้างในปี 2567

ในปี พ.ศ. 2567 ถือเป็นปีที่มีการปรับอัตราค่าแรงขั้นต่ำถึง 2 ครั้ง ซึ่งไม่เกิดขึ้นบ่อยนัก การปรับครั้งแรกมีผลทั่วประเทศในช่วงต้นปี และครั้งที่สองเป็นการปรับขึ้นเฉพาะในบางพื้นที่อุตสาหกรรมและจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและช่วยเหลือแรงงานในพื้นที่ที่มีค่าครองชีพสูง การปรับขึ้นสองครั้งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของภาครัฐในการทำให้นโยบายค่าแรงมีความยืดหยุ่นและสอดคล้องกับสภาวะเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละพื้นที่

เป้าหมายการปรับขึ้นค่าแรงทั่วประเทศ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ ได้แสดงวิสัยทัศน์และเป้าหมายที่ชัดเจนในการผลักดันให้ค่าแรงขั้นต่ำปรับขึ้นเป็น 400 บาทต่อวันเท่ากันทั่วประเทศภายในปี 2569 อย่างไรก็ตาม การบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจำเป็นต้องผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างรอบด้านจากคณะกรรมการไตรภาคี ซึ่งจะประเมินผลกระทบทั้งในมิติของลูกจ้างที่ต้องการรายได้เพิ่มขึ้น และในมิติของนายจ้างที่ต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้น เพื่อให้การเปลี่ยนแปลงเป็นไปอย่างราบรื่นและไม่ส่งผลกระทบเชิงลบต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม

อัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 ที่ประกาศใช้อย่างเป็นทางการ

สำหรับปี พ.ศ. 2568 คณะกรรมการค่าจ้างได้มีมติเห็นชอบให้มีการปรับขึ้นอัตราค่าจ้างขั้นต่ำทั่วประเทศไปแล้ว โดยมีอัตราการปรับขึ้นเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2.9% หรือคิดเป็นการปรับเพิ่มขึ้น 7–55 บาทต่อวัน ขึ้นอยู่กับแต่ละจังหวัด การปรับขึ้นครั้งนี้ไม่ได้กำหนดเป็นอัตราเดียวเท่ากันทั่วประเทศ แต่แบ่งตามกลุ่มจังหวัดโดยอ้างอิงจากข้อมูลทางเศรษฐกิจ

กลุ่มจังหวัดนำร่องอัตราค่าจ้างสูงสุด

ในการปรับค่าแรงปี 2568 มีพื้นที่ที่ได้รับการพิจารณาให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือพื้นที่นำร่อง ซึ่งได้รับอัตราค่าจ้างขั้นต่ำสูงสุดที่ 400 บาทต่อวัน ประกอบด้วย 4 จังหวัด และ 1 อำเภอ ดังนี้

  • จังหวัดฉะเชิงเทรา
  • จังหวัดชลบุรี
  • จังหวัดภูเก็ต
  • จังหวัดระยอง
  • อำเภอเกาะสมุย (จังหวัดสุราษฎร์ธานี)

พื้นที่เหล่านี้เป็นเขตอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวที่สำคัญ ซึ่งมีศักยภาพทางเศรษฐกิจสูงและมีความพร้อมในการปรับตัวรองรับอัตราค่าจ้างใหม่

ตารางสรุปอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 ตามพื้นที่

เพื่อความชัดเจนในการตรวจสอบอัตราค่าจ้างใหม่ สามารถสรุปอัตราค่าจ้างขั้นต่ำปี 2568 ที่บังคับใช้แล้วตามกลุ่มจังหวัดต่างๆ ได้ดังนี้

ตารางสรุปอัตราค่าจ้างขั้นต่ำรายวัน ประจำปี 2568 แยกตามกลุ่มจังหวัด
อัตราค่าจ้าง (บาท/วัน) จังหวัด/พื้นที่
400 ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ภูเก็ต, ระยอง, และ อ.เกาะสมุย (จ.สุราษฎร์ธานี)
372 กรุงเทพมหานคร, นครปฐม, นนทบุรี, ปทุมธานี, สมุทรปราการ, สมุทรสาคร
370 (ตัวอย่างจากข้อมูลปี 2567 ที่ภูเก็ตได้รับการปรับขึ้นก่อนเป็น 400 ในปี 2568)
337 นราธิวาส, ปัตตานี, ยะลา (กลุ่มจังหวัดชายแดนภาคใต้)
330 – 360 จังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศ (อัตราแตกต่างกันไปในแต่ละจังหวัด)

แนวโน้มและปัจจัยการพิจารณาค่าแรงขั้นต่ำ 2569

การจะ เคาะค่าแรงขั้นต่ำ 2569 ให้เป็นไปตามเป้าหมาย 400 บาททั่วประเทศนั้น ไม่ใช่กระบวนการที่เกิดขึ้นโดยง่าย แต่ต้องอาศัยการพิจารณาข้อมูลอย่างรอบด้านจากหลายภาคส่วน

การตัดสินใจปรับขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำเป็นการสร้างสมดุลระหว่างการยกระดับคุณภาพชีวิตของแรงงาน และการรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน

บทบาทสำคัญของคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี)

คณะกรรมการค่าจ้าง หรือที่เรียกว่า “ไตรภาคี” เป็นองค์กรหลักที่มีอำนาจในการตัดสินใจกำหนดอัตราค่าจ้างขั้นต่ำของประเทศ ประกอบด้วยผู้แทนจาก 3 ฝ่าย ได้แก่

  1. ฝ่ายรัฐบาล: โดยมีตัวแทนจากกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำหน้าที่ให้ข้อมูลภาพรวมเศรษฐกิจและนโยบายของรัฐ
  2. ฝ่ายนายจ้าง: ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า และสมาคมนายจ้างต่างๆ นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับต้นทุนการผลิต ผลกระทบต่อธุรกิจ และความสามารถในการจ่าย
  3. ฝ่ายลูกจ้าง: ตัวแทนจากสหภาพแรงงานและสภาองค์กรลูกจ้าง นำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับค่าครองชีพ ความต้องการของแรงงาน และผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต

มติของคณะกรรมการชุดนี้จะถือเป็นที่สิ้นสุดและมีผลทางกฎหมาย ดังนั้น การประชุมในปี 2569 จะเป็นเวทีสำคัญในการกำหนดทิศทางค่าแรงของประเทศ

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่มีผลต่อการตัดสินใจ

ในการพิจารณาปรับอัตราค่าจ้างใหม่ คณะกรรมการไตรภาคีจะนำข้อมูลและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจหลายประการมาประกอบการพิจารณา เช่น

  • อัตราเงินเฟ้อ: เพื่อให้อัตราค่าจ้างที่ปรับขึ้นสามารถชดเชยกับราคาสินค้าและบริการที่สูงขึ้นได้จริง
  • ดัชนีค่าครองชีพ: ข้อมูลค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในการดำรงชีวิตในแต่ละพื้นที่
  • อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP): เพื่อประเมินความสามารถในการเติบโตของเศรษฐกิจโดยรวม
  • ผลิตภาพแรงงาน (Labor Productivity): ความสามารถในการผลิตของแรงงาน ซึ่งควรสอดคล้องกับค่าจ้างที่เพิ่มขึ้น
  • ความสามารถในการจ่ายของนายจ้าง: โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ซึ่งมีความเปราะบางต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้น

สิ่งที่ผู้ประกอบการและลูกจ้างควรเตรียมพร้อม

แม้ว่าอัตราค่าจ้างปี 2569 จะยังไม่มีข้อสรุป แต่ทั้งสองฝ่ายสามารถเตรียมความพร้อมเพื่อรับมือกับการเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้นได้ สำหรับฝ่ายนายจ้าง การวางแผนบริหารจัดการต้นทุน การนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ และการพัฒนาทักษะแรงงานเป็นสิ่งจำเป็น ส่วนฝ่ายลูกจ้าง การวางแผนทางการเงินส่วนบุคคล การพัฒนาทักษะเพื่อเพิ่มโอกาสในการทำงาน และการติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับสิทธิแรงงานเป็นเรื่องที่ควรให้ความสำคัญ

บทสรุปและแนวทางการติดตามข้อมูล

โดยสรุปแล้ว การ เคาะค่าแรงขั้นต่ำ 2569 ให้เป็นอัตรา 400 บาททั่วประเทศยังคงเป็น “เป้าหมาย” ที่ต้องรอการพิจารณาจากคณะกรรมการค่าจ้าง (ไตรภาคี) ในปีดังกล่าว ปัจจุบัน อัตราที่บังคับใช้คืออัตราของปี 2568 ซึ่งมีการปรับขึ้นแบบแตกต่างกันในแต่ละพื้นที่ โดยมีเพียง 5 พื้นที่นำร่องเท่านั้นที่ได้รับอัตรา 400 บาทต่อวัน ส่วนจังหวัดอื่นๆ ได้รับการปรับขึ้นในอัตราที่ลดหลั่นกันไป

เพื่อให้ได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเป็นปัจจุบันที่สุด ควรติดตามประกาศอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานภาครัฐที่รับผิดชอบโดยตรง เช่น กระทรวงแรงงาน และสำนักงานคณะกรรมการค่าจ้าง การติดตามข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือจะช่วยให้ทั้งนายจ้างและลูกจ้างสามารถวางแผนและปรับตัวได้อย่างเหมาะสมเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นในอนาคต

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930