ครม. เคาะ! ช้อปดีมีคืน 68 เงื่อนไข-เริ่มใช้เมื่อไหร่
- สรุปประเด็นสำคัญของมาตรการช้อปดีมีคืน 2568
- ทำความเข้าใจมาตรการช้อปดีมีคืน 2568 (Easy E-Receipt 2.0)
- เจาะลึกเงื่อนไขและรายละเอียดการลดหย่อนภาษี
- หลักฐานสำคัญ: ใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice & E-Receipt)
- ตารางสรุปการลดหย่อนภาษีช้อปดีมีคืน 2568
- ขั้นตอนการใช้สิทธิลดหย่อนภาษี
- บทสรุปและแนวทางการเตรียมตัว
คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งสำคัญในช่วงต้นปี 2568 โดยล่าสุด ครม. เคาะ! ช้อปดีมีคืน 68 เงื่อนไข-เริ่มใช้เมื่อไหร่ อย่างเป็นทางการแล้ว ซึ่งมาตรการนี้เป็นที่รู้จักในชื่อ “Easy E-Receipt 2.0” โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการบริโภคภายในประเทศ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบภาษีอิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น มาตรการดังกล่าวเปิดโอกาสให้ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาใช้เป็นค่าลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 50,000 บาท
สรุปประเด็นสำคัญของมาตรการช้อปดีมีคืน 2568
- วงเงินลดหย่อนสูงสุด: สามารถนำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการมาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้ตามที่จ่ายจริง แต่สูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท
- ระยะเวลาโครงการ: เริ่มตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2568 และสิ้นสุดในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568
- หลักฐานที่ต้องใช้: จำเป็นต้องมีใบกำกับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ (E-Tax Invoice) หรือใบรับอิเล็กทรอนิกส์ (E-Receipt) จากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนในระบบภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น
- ปีภาษีที่ใช้สิทธิ: ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาดังกล่าว สามารถนำไปใช้ลดหย่อนภาษีสำหรับปีภาษี 2568 ซึ่งจะต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีในช่วงต้นปี 2569
- โครงสร้างการลดหย่อน: วงเงิน 50,000 บาท แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนแรก 30,000 บาท และส่วนที่สองอีก 20,000 บาท ซึ่งมีเงื่อนไขการใช้จ่ายที่แตกต่างกัน
ทำความเข้าใจมาตรการช้อปดีมีคืน 2568 (Easy E-Receipt 2.0)

มาตรการ “ช้อปดีมีคืน 2568” หรือในชื่ออย่างเป็นทางการว่า “Easy E-Receipt 2.0” เป็นนโยบายที่ภาครัฐนำมาใช้เพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชนในช่วงต้นปี ซึ่งเป็นช่วงที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจอาจชะลอตัวลงหลังผ่านพ้นเทศกาลปีใหม่ โดยหัวใจสำคัญของมาตรการนี้คือการมอบสิทธิประโยชน์ทางภาษีให้แก่ผู้เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา เพื่อจูงใจให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยกับร้านค้าและผู้ให้บริการที่อยู่ในระบบภาษีของประเทศ ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวมในลักษณะของลูกโซ่ ตั้งแต่ผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก ไปจนถึงภาคบริการต่างๆ
นโยบายนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นการต่อยอดและปรับปรุงจากมาตรการลักษณะเดียวกันในปีก่อนๆ โดยในปี 2568 ได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขบางประการเพื่อเพิ่มความชัดเจนและประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการเน้นย้ำเรื่องการใช้ใบกำกับภาษีในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลดิจิทัลที่ต้องการผลักดันให้ทั้งภาคธุรกิจและประชาชนปรับตัวเข้าสู่การทำธุรกรรมแบบออนไลน์มากขึ้น
วัตถุประสงค์หลักของโครงการ
เป้าหมายของมาตรการช้อปดีมีคืน 2568 ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะสั้นเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมถึงเป้าหมายเชิงโครงสร้างในระยะยาวด้วย โดยสามารถสรุปวัตถุประสงค์หลักได้ดังนี้:

