สรุปผลจับสลาก UCL 2025/26: Group of Death อยู่ไหน?

ผลการจับสลากฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/26 ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับวงการฟุตบอลทั่วโลก ด้วยการนำรูปแบบการแข่งขันใหม่แบบลีก 36 ทีมมาใช้เป็นครั้งแรก ซึ่งส่งผลให้เกิดการประกบคู่ที่น่าสนใจและเต็มไปด้วยความท้าทายตั้งแต่รอบแรก บทความนี้จะนำเสนอข้อมูล **สรุปผลจับสลาก UCL 2025/26: Group of Death อยู่ไหน?** พร้อมวิเคราะห์กลุ่มการแข่งขันที่ถูกจับตามองมากที่สุด และเจาะลึกถึงผลกระทบของระบบใหม่ที่มีต่อการแข่งขันในฤดูกาลนี้

• ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/26 ปรับเปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันเป็นระบบลีก (League Phase) โดยมี 36 สโมสรเข้าร่วม
• การแข่งขันในรอบลีกเฟส แต่ละทีมจะลงเล่นทั้งหมด 8 นัด (เหย้า 4 นัด, เยือน 4 นัด) โดยพบกับคู่แข่งที่แตกต่างกันทั้งหมด
• ผลการจับสลากก่อให้เกิด “Group of Death” หรือกลุ่มการแข่งขันที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ โดยมีทีมชั้นนำของยุโรปต้องมาพบกันเองตั้งแต่เนิ่นๆ
• ลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด, และ อินเตอร์ มิลาน คือหนึ่งในกลุ่มที่ถูกมองว่ามีการแข่งขันที่เข้มข้นที่สุด
• อาร์เซน่อลต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายครั้งใหญ่เมื่อต้องพบกับ บาเยิร์น มิวนิค และ แอตเลติโก มาดริด ในรอบลีกเฟส

บทสรุปผลการจับสลาก UCL 2025/26

พิธีจับสลากแบ่งสายการแข่งขันฟุตบอลยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2025/26 ได้ข้อสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยถือเป็นครั้งประวัติศาสตร์ที่การแข่งขันเปลี่ยนจากรอบแบ่งกลุ่มแบบเดิมมาสู่รูปแบบลีกเฟส (League Phase) ซึ่งมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันเพิ่มขึ้นเป็น 36 ทีม การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญนี้มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มจำนวนเกมการแข่งขันที่มีความหมายและสร้างความน่าสนใจให้มากขึ้นตลอดทัวร์นาเมนต์ ผลลัพธ์ที่ออกมาคือการเผชิญหน้ากันของทีมยักษ์ใหญ่จากลีกต่างๆ ทั่วยุโรป ซึ่งทำให้เกิดกลุ่มการแข่งขันที่ถูกขนานนามว่าเป็น “Group of Death” หรือกลุ่มแห่งความตายขึ้นหลายกลุ่ม สร้างความท้าทายให้กับสโมสรชั้นนำตั้งแต่ช่วงแรกของการแข่งขัน และเป็นที่จับตามองของแฟนบอลทั่วโลกที่รอคอยชมการแข่งขันอันน่าตื่นเต้นที่จะเกิดขึ้น

ทำความเข้าใจรูปแบบใหม่ของยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

ก่อนจะไปวิเคราะห์ผลการจับสลาก สิ่งสำคัญคือการทำความเข้าใจรูปแบบการแข่งขันใหม่ที่เริ่มใช้ในฤดูกาล 2025/26 ซึ่งแตกต่างจากระบบเดิมอย่างสิ้นเชิง การเปลี่ยนแปลงนี้ส่งผลโดยตรงต่อวิธีการจับสลากและเส้นทางสู่รอบชิงชนะเลิศของทุกทีม

ระบบลีก 36 ทีม คืออะไร?

รูปแบบใหม่ได้ยกเลิกระบบแบ่งกลุ่ม 8 กลุ่ม กลุ่มละ 4 ทีม แล้วแทนที่ด้วยระบบลีกเดียวขนาดใหญ่ที่มี 36 ทีมเข้าร่วม ทุกทีมจะถูกจัดอยู่ในตารางคะแนนเดียวกัน แต่จะไม่ได้แข่งขันแบบพบกันหมด ในรอบลีกเฟสนี้ แต่ละสโมสรจะถูกจับสลากให้ลงเล่นทั้งหมด 8 นัด โดยจะพบกับคู่แข่ง 8 ทีมที่แตกต่างกัน แบ่งเป็นเกมเหย้า 4 นัด และเกมเยือน 4 นัด

หลังสิ้นสุดการแข่งขันทั้ง 8 นัด ทีมที่จบอันดับ 1 ถึง 8 ในตารางคะแนนรวม จะผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายโดยอัตโนมัติ ในขณะที่ทีมอันดับ 9 ถึง 24 จะต้องไปแข่งขันในรอบเพลย์ออฟแบบเหย้า-เยือน เพื่อหาอีก 8 ทีมผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป ส่วนทีมที่จบอันดับ 25 ถึง 36 จะตกรอบทันที

การจัดโถและการจับสลาก

สำหรับขั้นตอนการจับสลาก ทั้ง 36 ทีมจะถูกแบ่งออกเป็น 4 โถ โถละ 9 ทีม โดยวัดจากค่าสัมประสิทธิ์ของสโมสรที่จัดอันดับโดยยูฟ่าในช่วง 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา แต่ละทีมจะถูกจับสลากให้พบกับคู่แข่ง 2 ทีมจากแต่ละโถ (รวมถึงโถของตัวเองด้วย) ซึ่งหมายความว่าทีมจากโถ 1 ก็มีโอกาสที่จะต้องเจอกับทีมแกร่งจากโถ 1 ด้วยกันเอง นี่คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการพบกันของทีมใหญ่และสร้างกลุ่มการแข่งขันที่สูสีและคาดเดายากขึ้นอย่างมาก

วิเคราะห์เชิงลึก: Group of Death ประจำฤดูกาล

จากผลการจับสลากที่ออกมา ปรากฏว่ามีกลุ่มการแข่งขันหลายกลุ่มที่เข้าข่ายเป็น “Group of Death” เนื่องจากเป็นการรวมตัวกันของสโมสรระดับแถวหน้าที่มีประวัติศาสตร์และศักยภาพสูง ซึ่งทำให้การแข่งขันในกลุ่มเหล่านี้มีความเข้มข้นและน่าติดตามเป็นพิเศษ

การเปลี่ยนแปลงสู่ระบบลีก 36 ทีม ทำให้ทุกนัดมีความหมายมากขึ้นและเปิดโอกาสให้ทีมยักษ์ใหญ่ต้องเผชิญหน้ากันตั้งแต่รอบแรก ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ที่แท้จริงของสโมสรที่แข็งแกร่งที่สุดในยุโรป

กลุ่มมหาโหด: ลิเวอร์พูล, เรอัล มาดริด และอินเตอร์ มิลาน

หนึ่งในกลุ่มที่ถูกจับตามองมากที่สุดคือการที่ลิเวอร์พูล ต้องโคจรมาพบกับคู่ปรับตลอดกาลอย่าง เรอัล มาดริด การพบกันของสองทีมนี้เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์การแข่งขันอันยาวนานในเวทียุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบชิงชนะเลิศหลายครั้ง นอกจากนี้ การมี อินเตอร์ มิลาน ยอดทีมจากอิตาลีเข้ามาอยู่ในกลุ่มด้วย ยิ่งเพิ่มระดับความยากขึ้นไปอีก อินเตอร์ มิลาน เป็นทีมที่มีเกมรับที่แข็งแกร่งและมีแทคติกที่เฉียบคม การที่ทั้งสามทีมซึ่งล้วนเป็นอดีตแชมป์ยุโรปต้องมาตัดคะแนนกันเอง ทำให้ทุกเกมในกลุ่มนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งและอาจส่งผลต่อการเข้ารอบโดยตรง การพลาดเพียงครั้งเดียวอาจหมายถึงการตกรอบหรือต้องไปเหนื่อยในรอบเพลย์ออฟ

ศึกหนักของอาร์เซน่อล: ปะทะบาเยิร์น มิวนิค และแอตเลติโก มาดริด

อีกหนึ่งกลุ่มที่หนักไม่แพ้กันคือเส้นทางของอาร์เซน่อล ที่ต้องเผชิญหน้ากับสองทีมกระดูกชิ้นโตอย่าง บาเยิร์น มิวนิค และ แอตเลติโก มาดริด การพบกับ บาเยิร์น มิวนิค ถือเป็นฝันร้ายของอาร์เซน่อลในอดีตที่ผ่านมาหลายครั้ง ขณะที่ แอตเลติโก มาดริด ก็ขึ้นชื่อเรื่องเกมรับที่เหนียวแน่นและสไตล์การเล่นที่ดุดันภายใต้การคุมทีมของดิเอโก ซิเมโอเน การเจอกับสองทีมที่มีสไตล์การเล่นแตกต่างกันสุดขั้วนี้ถือเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับอาร์เซน่อล และทำให้กลุ่มนี้กลายเป็นอีกหนึ่ง “Group of Death” ที่แฟนบอลไม่ควรพลาดชม

ทีมวางจากโถ 1 และเส้นทางที่ต้องเผชิญ

ทีมที่ถูกจัดให้อยู่ในโถ 1 ในฐานะทีมวาง ล้วนเป็นสโมสรชั้นนำของยุโรปที่มีค่าสัมประสิทธิ์สูงสุด ซึ่งประกอบไปด้วย ปารีส แซงต์-แชร์กแมง, เรอัล มาดริด, แมนเชสเตอร์ ซิตี้, บาเยิร์น มิวนิค, ลิเวอร์พูล, อินเตอร์ มิลาน, เชลซี, โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ บาร์เซโลนา อย่างไรก็ตาม การอยู่ในโถ 1 ไม่ได้การันตีเส้นทางที่ง่ายดายอีกต่อไปในรูปแบบใหม่นี้

ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ บาเยิร์น มิวนิค ที่นอกจากจะต้องพบกับอาร์เซน่อลแล้ว ยังมีโปรแกรมที่ต้องเจอกับทีมแกร่งอย่าง เชลซี และ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง อีกด้วย แสดงให้เห็นว่าแม้จะเป็นทีมวางอันดับต้นๆ ก็ต้องเผชิญกับการแข่งขันที่หนักหน่วงตั้งแต่รอบลีกเฟส การที่ทีมใหญ่ต้องมาพบกันเองมากขึ้น จะทำให้การแข่งขันในแต่ละสัปดาห์เต็มไปด้วยเกมระดับ 5 ดาว และทำให้การคาดเดาว่าทีมใดจะจบใน 8 อันดับแรกของตารางเป็นไปได้ยากยิ่งขึ้น

ภาพรวมการแข่งขันและสิ่งที่น่าจับตามอง

สรุปผลจับสลาก UCL 2025/26 ได้ยืนยันแล้วว่าฤดูกาลนี้จะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและความไม่แน่นอนมากกว่าที่เคยเป็นมา การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการแข่งขันได้ทลายกำแพงของรอบแบ่งกลุ่มแบบเดิม และสร้างพลวัตใหม่ที่ทุกคะแนนและทุกประตูมีความสำคัญต่อการจัดอันดับในตารางคะแนนรวม การเกิดขึ้นของ “Group of Death” หลายกลุ่มพร้อมกันเป็นเครื่องยืนยันถึงความเข้มข้นของการแข่งขันที่กำลังจะมาถึง

แฟนฟุตบอลจะได้ชมการดวลกันของทีมระดับสุดยอดของยุโรปบ่อยครั้งขึ้น และต้องติดตามสถานการณ์ในตารางคะแนนอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าทีมใดจะสามารถคว้าตั๋วเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายได้โดยตรง และทีมใดจะต้องไปสู้ต่อในรอบเพลย์ออฟอันดุเดือด ฤดูกาล 2025/26 ของยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก จึงเป็นบทพิสูจน์ครั้งสำคัญของทุกสโมสร และเป็นการเปิดศักราชใหม่ของการแข่งขันฟุตบอลถ้วยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรปอย่างแท้จริง