เปิดโผผู้ท้าชิง! เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 69 ใครลงบ้าง?

การแข่งขันในเวทีการเมืองท้องถิ่นของกรุงเทพมหานครกำลังจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เมื่อวาระการดำรงตำแหน่งของผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครคนปัจจุบันใกล้จะครบวาระ ทำให้หัวข้อ เปิดโผผู้ท้าชิง! เลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 69 ใครลงบ้าง? กลายเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจอย่างสูงจากสาธารณชน สนามการเลือกตั้งครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นการวัดความนิยมของตัวบุคคล แต่ยังสะท้อนถึงทิศทางการพัฒนานโยบายและภูมิทัศน์ทางการเมืองของเมืองหลวงในอีก 4 ปีข้างหน้าด้วย

ภาพรวมของการแข่งขันชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2569

• การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ในปี 2569 ถือเป็นการเลือกตั้งครั้งสำคัญ เนื่องจากผู้ว่าฯ คนปัจจุบัน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ จะครบวาระการดำรงตำแหน่ง 4 ปี
• มีรายงานผู้สนใจลงสมัครรับเลือกตั้งเบื้องต้นถึง 31 คน ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการแข่งขันที่สูง ทั้งจากผู้สมัครอิสระและตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ
• ผู้ท้าชิงที่โดดเด่นประกอบด้วยบุคคลที่มีชื่อเสียงจากหลายแวดวง ทั้งนักการเมือง อดีตผู้บริหาร และบุคคลในภาคธุรกิจ ซึ่งแต่ละคนมีฐานเสียงและนโยบายที่แตกต่างกัน
• พรรคการเมืองใหญ่หลายพรรคแสดงความพร้อมที่จะส่งผู้สมัครและทีมงานลงชิงตำแหน่งอย่างเต็มรูปแบบ สะท้อนให้เห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญในระดับชาติ

การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในปี 2569 หรือ เลือกตั้งผู้ว่า กทม 2569 เป็นเหตุการณ์ทางการเมืองที่ประชาชนให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกำหนดทิศทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหานานัปการของเมืองหลวงแห่งนี้ ตั้งแต่ปัญหาการจราจร น้ำท่วม สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงคุณภาพชีวิตของประชากรกว่าสิบล้านคน เมื่อวาระของผู้ว่าฯ คนปัจจุบันอย่างนาย ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กำลังจะสิ้นสุดลง บรรยากาศทางการเมืองจึงเริ่มคึกคักขึ้นอย่างเห็นได้ชัด มีการเปิดตัวและคาดการณ์รายชื่อ แคนดิเดตผู้ว่า กทม จากหลากหลายกลุ่ม ทั้งผู้สมัครอิสระที่ชูจุดขายด้านความเป็นกลางและประสบการณ์ และผู้สมัครจากพรรคการเมืองที่มาพร้อมกับทีมงานและนโยบายที่สอดคล้องกับอุดมการณ์ของพรรค

ข้อมูลล่าสุดชี้ให้เห็นว่ามีผู้ยื่นใบสมัครเพื่อรอการตรวจสอบคุณสมบัติมากถึง 31 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่สะท้อนถึงการแข่งขันที่เข้มข้น การปรากฏตัวของผู้สมัครจำนวนมากนี้บ่งชี้ว่ามีบุคคลจำนวนไม่น้อยที่เชื่อมั่นว่าตนเองมีความสามารถและวิสัยทัศน์ที่จะนำพากรุงเทพฯ ไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นได้ การเลือกตั้งครั้งนี้จึงไม่ใช่แค่การเลือกตัวบุคคล แต่เป็นการตัดสินใจเลือกอนาคตของกรุงเทพมหานคร ซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อชีวิตประจำวันของคนกรุงเทพฯ ทุกคน

ผู้สมัครคนสำคัญในสนามเลือกตั้ง

สนามเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2569 มีผู้ท้าชิงที่น่าสนใจหลายราย แต่ละรายมีโปรไฟล์และฐานเสียงที่แตกต่างกันไป ทำให้การแข่งขันครั้งนี้มีความหลากหลายและน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์: การป้องกันตำแหน่งสมัยที่สอง

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน เตรียมลงสมัครเพื่อรักษาตำแหน่งเป็นสมัยที่สอง โดยยังคงลงในนามอิสระเช่นเดิม การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตอกย้ำจุดยืนในการทำงานที่ไม่ยึดโยงกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา การทำงานของนายชัชชาติเป็นที่รู้จักในด้านความขยันขันแข็ง การลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ และการใช้นโยบายที่เน้นการแก้ปัญหาแบบเส้นเลือดฝอย การลงสมัครในครั้งนี้จึงเปรียบเสมือนการขอฉันทามติจากชาวกรุงเทพฯ อีกครั้ง เพื่อสานต่อนโยบายที่ได้ริเริ่มไว้ และพิสูจน์ผลงานที่ผ่านมา

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์: การกลับมาท้าชิงอีกครั้ง

นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่ประกาศลงสมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ในนามอิสระเช่นกัน นายสุชัชวีร์เคยลงแข่งขันในสนามนี้มาแล้ว และมีประสบการณ์ในฐานะนักวิชาการและผู้บริหาร การกลับมาครั้งนี้จึงมาพร้อมกับความมุ่งมั่นและนโยบายที่ผ่านการตกผลึกมากขึ้น โดยอาจมุ่งเน้นไปที่การใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีเพื่อแก้ไขปัญหาเมืองใหญ่ ซึ่งเป็นจุดแข็งจากภูมิหลังด้านวิศวกรรมของเขา

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร: ตัวแทนจากพรรคก้าวไกล

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นผู้สมัครที่ลงในนามพรรคก้าวไกลอย่างเป็นทางการ โดยได้รับหมายเลขผู้สมัครเบอร์ 1 นายวิโรจน์เป็นที่รู้จักจากบทบาทการอภิปรายในสภาฯ ที่ดุดันและตรงไปตรงมา การลงสมัครครั้งนี้เป็นการนำเสนอทางเลือกใหม่ให้กับคนกรุงเทพฯ ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างและการบริหารงานที่โปร่งใส ตรวจสอบได้ โดยมีนโยบายของพรรคก้าวไกลเป็นแนวทางหลักในการหาเสียง

ผู้สมัครอิสระที่น่าจับตามอง

นอกเหนือจากผู้สมัครที่มีชื่อเสียงข้างต้นแล้ว ยังมีผู้สมัครอิสระอีกหลายรายที่น่าสนใจและอาจเป็นตัวแปรสำคัญในการเลือกตั้งครั้งนี้ เช่น:

• นางนวลพรรณ ล่ำซำ: นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในแวดวงกีฬาและธุรกิจ การลงสมัครในนามอิสระทำให้ภาพลักษณ์ของเธอดูโดดเด่นและอาจดึงดูดฐานเสียงจากกลุ่มคนที่หลากหลาย
• นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล: อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตบางพลัด ซึ่งมีประสบการณ์การทำงานในระดับท้องถิ่นโดยตรง ทำให้มีความเข้าใจในปัญหาของพื้นที่ต่างๆ เป็นอย่างดี
• พ.ท.หญิงฐิฏา รังสิตพล มานิตกุล: ผู้สมัครอิสระอีกหนึ่งรายที่เข้าร่วมการแข่งขัน นำเสนอทางเลือกที่แตกต่างให้กับผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง

บทบาทและความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองใหญ่

พรรคการเมืองใหญ่ต่างเล็งเห็นความสำคัญของตำแหน่ง ผู้ว่ากรุงเทพ และเตรียมส่งผู้สมัครพร้อมทีมงานลงแข่งขันอย่างเต็มที่ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าสนามเลือกตั้ง กทม. มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ทางการเมืองในระดับประเทศ

พรรคเพื่อไทย

พรรคเพื่อไทยได้ประกาศความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างชัดเจน โดยมีแผนจะส่งผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. ถึง 3 คน (ยังไม่เปิดเผยรายชื่อทั้งหมด) เพื่อเป็นตัวเลือกที่หลากหลายให้กับประชาชน นอกจากนี้ยังเตรียมส่งทีมผู้สมัครสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ครบทั้ง 50 เขต ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะทำงานร่วมกันระหว่างผู้ว่าฯ และ ส.ก. เพื่อผลักดันนโยบายได้อย่างราบรื่นหากได้รับชัยชนะ

พรรคประชาชน (ปชน.)

พรรคประชาชน นำโดย นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค ได้เปิดตัวแคมเปญ “เปิด เปลี่ยน กรุง” อย่างเป็นทางการ เพื่อสื่อสารถึงวิสัยทัศน์และนโยบายที่ต้องการจะเปลี่ยนแปลงกรุงเทพฯ ให้ดีขึ้น พรรคประชาชนกำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมความพร้อมทั้งในส่วนของตัวแคนดิเดตผู้ว่าฯ และนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียง ซึ่งคาดว่าจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเร็วๆ นี้

การแข่งขันที่ดุเดือดระหว่างผู้สมัครอิสระที่มีชื่อเสียงและตัวแทนจากพรรคการเมืองใหญ่ ทำให้การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 2569 เป็นหนึ่งในสนามที่น่าจับตามองมากที่สุดในรอบหลายปี

ตารางเปรียบเทียบผู้สมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. 2569 (บางส่วน)

ปัจจัยสำคัญที่จะกำหนดทิศทางการเลือกตั้ง

ชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ไม่ได้ขึ้นอยู่กับความนิยมส่วนบุคคลเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ที่จะส่งผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง ดังนี้:

1. นโยบายที่จับต้องได้: ประชาชนต้องการเห็นนโยบายที่สามารถแก้ไขปัญหาที่พวกเขาเผชิญอยู่จริงในชีวิตประจำวัน เช่น การจราจร, ปัญหาน้ำท่วม, การจัดการขยะ, พื้นที่สีเขียว และความปลอดภัย ผู้สมัครที่สามารถนำเสนอนโยบายที่ชัดเจนและมีแนวทางปฏิบัติที่เป็นรูปธรรมจะได้รับความสนใจเป็นพิเศษ
2. กระแสการเมืองระดับชาติ: แม้จะเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่น แต่กระแสการเมืองระดับชาติมักส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. ด้วยเช่นกัน ความนิยมของพรรคการเมืองต่างๆ อาจส่งผลต่อคะแนนเสียงของผู้สมัครที่สังกัดพรรคนั้นๆ
3. การดีเบตและแสดงวิสัยทัศน์: เวทีดีเบตเป็นโอกาสสำคัญที่ผู้สมัครจะได้แสดงวิสัยทัศน์ ตอบคำถาม และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน ผู้สมัครที่ทำผลงานได้ดีบนเวทีเหล่านี้มักจะได้รับความสนใจและคะแนนนิยมเพิ่มขึ้น
4. ฐานเสียงและเครือข่าย: ผู้สมัครที่มีฐานเสียงที่เข้มแข็ง ทั้งในระดับพื้นที่ (ส.ก., ส.ข.) และกลุ่มวิชาชีพต่างๆ จะมีความได้เปรียบในการรณรงค์หาเสียงและเข้าถึงผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งได้ในวงกว้าง

บทสรุป และสิ่งทีต้องจับตาต่อไป

การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. ปี 2569 กำลังจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการในไม่ช้า และเป็นที่ชัดเจนแล้วว่าการแข่งขันครั้งนี้จะเต็มไปด้วยความเข้มข้นจากการปรากฏตัวของแคนดิเดตที่หลากหลาย ทั้งผู้ดำรงตำแหน่งเดิมที่ต้องการสานต่องาน ผู้ท้าชิงหน้าใหม่และหน้าเก่าที่มาพร้อมนโยบายที่น่าสนใจ และตัวแทนจากพรรคการเมืองใหญ่ที่ต้องการปักธงในเมืองหลวง การเปิดโผผู้ท้าชิงในเบื้องต้นนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของเส้นทางการหาเสียงที่ยาวไกลและน่าติดตาม

สำหรับประชาชนชาวกรุงเทพมหานคร การติดตาม ข่าวการเมือง และข้อมูลของผู้สมัครแต่ละรายอย่างใกล้ชิดจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง การศึกษาประวัติ ผลงาน และนโยบายของผู้สมัครแต่ละคน จะช่วยให้สามารถตัดสินใจเลือกผู้นำที่จะเข้ามาบริหารและพัฒนาเมืองหลวงให้ตอบสนองต่อความต้องการและแก้ไขปัญหาของคนกรุงเทพฯ ได้อย่างแท้จริงในอีก 4 ปีข้างหน้า การเลือกตั้งครั้งนี้จึงเป็นโอกาสสำคัญที่ทุกคนจะได้ร่วมกันกำหนดอนาคตของกรุงเทพมหานคร