Shopping cart

งบประมาณ 2569: ส่องกระทรวงไหนได้งบเยอะสุด กระทบเราไหม?

สารบัญ

การจัดทำร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางและลำดับความสำคัญของนโยบายรัฐบาล การจัดสรรงบประมาณในแต่ละปีย่อมส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต การศึกษา หรือความมั่นคง สำหรับปีงบประมาณ 2569 ได้มีการอนุมัติกรอบวงเงินรวมกว่า 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแผนการใช้จ่ายภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้

ประเด็นสำคัญของงบประมาณ 2569

  • วงเงินรวม 3.78 ล้านล้านบาท: กรอบงบประมาณแผ่นดินสำหรับปี 2569 มีการกำหนดวงเงินเพื่อใช้จ่ายในภารกิจต่างๆ ของรัฐบาลทั่วประเทศ
  • กระทรวงศึกษาธิการได้รับการจัดสรรงบเพิ่มสูงสุด: สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยมีงบประมาณเพิ่มขึ้นกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท
  • งบกลางยังคงสูงสุดแต่ปรับลดลง: แม้จะยังเป็นส่วนที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด แต่มีการปรับลดลงจากปีก่อนหน้า ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการจัดสรรงบประมาณไปยังกระทรวงต่างๆ โดยตรงมากขึ้น
  • เน้นยุทธศาสตร์ชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืน: การจัดสรรงบประมาณมุ่งตอบสนองต่อแผนระยะยาวของประเทศ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง
  • กระทบชีวิตประชาชนโดยตรง: งบประมาณที่เพิ่มขึ้นในด้านการศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ภาพรวมร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569

ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และกำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อกำหนดกรอบการใช้จ่ายเงินของประเทศ การทำความเข้าใจโครงสร้างและเป้าหมายของงบประมาณฉบับนี้ จะช่วยให้เห็นภาพรวมทิศทางการพัฒนาของประเทศในปีถัดไปได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น

วงเงินและโครงสร้างงบประมาณ

สำหรับปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลได้กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 3.78 ล้านล้านบาท โดยสามารถจำแนกโครงสร้างรายจ่ายออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ดังนี้

  1. รายจ่ายประจำ (ร้อยละ 70.2): คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.65 ล้านล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของงบประมาณทั้งหมด รายจ่ายส่วนนี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เช่น เงินเดือนข้าราชการและลูกจ้าง ค่าสาธารณูปโภค และเงินอุดหนุนต่างๆ ซึ่งเป็นรายจ่ายที่มีความจำเป็นและเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
  2. รายจ่ายลงทุน (ร้อยละ 22.9): มีวงเงินประมาณ 864,077 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่ใช้สำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น การก่อสร้างถนน เขื่อน ระบบขนส่งมวลชน รวมถึงการจัดหาครุภัณฑ์และสินทรัพย์ถาวรที่มีมูลค่าสูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว
  3. รายจ่ายชดใช้เงินคงคลัง (ร้อยละ 3.3): เป็นการตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังที่รัฐบาลได้นำไปใช้จ่ายก่อนหน้านี้ตามที่กฎหมายกำหนด
  4. รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ (ร้อยละ 4.0): งบประมาณส่วนนี้ถูกจัดสรรไว้เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ที่รัฐบาลได้กู้ยืมมาเพื่อใช้ในโครงการต่างๆ ในอดีต ซึ่งเป็นการสร้างวินัยทางการคลังของประเทศ

เป้าหมายหลักของการจัดสรรงบประมาณ

การจัดสรรงบประมาณปี 2569 ไม่ใช่เพียงการแบ่งเค้กให้แต่ละหน่วยงาน แต่เป็นการวางแผนการใช้จ่ายที่สอดคล้องกับเป้าหมายระดับชาติ โดยมีทิศทางหลักเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 รวมถึงนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการคำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ เพื่อให้การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างสมดุลและครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม

เจาะลึก 10 อันดับกระทรวงที่ได้รับงบประมาณสูงสุด

เพื่อให้เห็นภาพการจัดสรรงบประมาณที่ชัดเจนยิ่งขึ้น การพิจารณางบประมาณที่แต่ละกระทรวงได้รับจะช่วยให้เข้าใจลำดับความสำคัญของนโยบายรัฐบาลได้เป็นอย่างดี โดย 10 อันดับหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุดประจำปี 2569 มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้

ตารางเปรียบเทียบงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ของ 10 อันดับหน่วยงานที่ได้รับงบสูงสุด
ลำดับ กระทรวง/หน่วยงาน งบประมาณ (ล้านบาท) การเพิ่ม/ลดจากปี 2568 (ล้านบาท)
1 งบกลาง 632,968 ลดลง 209,032
2 กระทรวงการคลัง 397,856 เพิ่ม 8,197
3 กระทรวงศึกษาธิการ 355,108 เพิ่ม 14,333
4 กระทรวงมหาดไทย 301,265 เพิ่ม 6,852
5 กระทรวงกลาโหม 204,434 เพิ่ม 4,713
6 กระทรวงคมนาคม 200,756 เพิ่ม 7,403
7 กระทรวงสาธารณสุข 177,639 เพิ่ม 5,673
8 กระทรวงการอุดมศึกษาฯ 140,300 เพิ่ม 8,058
9 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 130,111 เพิ่ม 7,483
10 กระทรวงแรงงาน 68,069 เพิ่ม 21.5

อันดับ 1: งบกลาง – แหล่งเงินสำรองของรัฐบาล

งบกลางยังคงเป็นรายการที่ได้รับงบประมาณสูงสุดเช่นเคย ด้วยวงเงินกว่า 6.3 แสนล้านบาท งบประมาณส่วนนี้ไม่ได้เป็นของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งโดยตรง แต่เป็นเงินสำรองที่นายกรัฐมนตรีมีอำนาจอนุมัติเพื่อใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินจำเป็น หรือสำหรับโครงการที่ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนงบประมาณปกติ เช่น การรับมือภัยพิบัติ การชดเชยค่าใช้จ่ายของข้าราชการ และเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสังเกตคือ งบกลางในปี 2569 มีการปรับลดลงอย่างมากถึงกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งอาจเป็นการสะท้อนถึงการปรับยุทธศาสตร์การคลัง โดยกระจายงบประมาณไปยังหน่วยงานปฏิบัติโดยตรงมากขึ้น

อันดับ 2: กระทรวงการคลัง – ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ

กระทรวงการคลังได้รับงบประมาณเป็นอันดับสอง ด้วยวงเงินเกือบ 4 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ากว่า 8 พันล้านบาท งบประมาณส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะถูกนำไปใช้ในการบริหารหนี้สาธารณะ การอุดหนุนสถาบันการเงินของรัฐ การดำเนินนโยบายการคลังต่างๆ รวมถึงการจัดเก็บรายได้แผ่นดินให้เป็นไปตามเป้าหมาย

อันดับ 3: กระทรวงศึกษาธิการ – ลงทุนเพื่ออนาคตของชาติ

ด้วยงบประมาณกว่า 3.5 แสนล้านบาท และเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดในกลุ่มกระทรวงถึงกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้เห็นชัดเจนว่าการลงทุนด้านการศึกษาเป็นนโยบายสำคัญลำดับต้นๆ ของรัฐบาล งบประมาณมหาศาลนี้จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครอบคลุมถึงเงินเดือนครู การพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน และการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาทั่วประเทศ

อันดับ 4: กระทรวงมหาดไทย – ดูแลทุกข์สุขประชาชนทั่วประเทศ

กระทรวงมหาดไทยได้รับงบประมาณกว่า 3 แสนล้านบาท มีภารกิจหลักในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชนทั่วประเทศ งบประมาณส่วนใหญ่จะถูกกระจายไปยังหน่วยงานในสังกัด เช่น กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อใช้ในการบริหารจัดการระดับจังหวัดและอำเภอ การดูแลความสงบเรียบร้อย และการสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น

อันดับ 5: กระทรวงกลาโหม – เสริมสร้างความมั่นคง

งบประมาณด้านความมั่นคงยังคงมีความสำคัญ โดยกระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 4.7 พันล้านบาท งบประมาณส่วนนี้จะถูกใช้ในการพัฒนากองทัพ การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ การฝึกกำลังพล และการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนในยามเกิดภัยพิบัติ

อันดับ 6: กระทรวงคมนาคม – พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน

กระทรวงคมนาคมได้รับงบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของประเทศ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ งบประมาณเหล่านี้จะถูกใช้ในโครงการก่อสร้างและขยายถนน ทางหลวง ทางรถไฟ และการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน

อันดับ 7: กระทรวงสาธารณสุข – หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า

กระทรวงสาธารณสุขได้รับงบประมาณกว่า 1.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 5.6 พันล้านบาท เพื่อดูแลสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ โดยงบประมาณส่วนใหญ่จะถูกจัดสรรให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ “บัตรทอง” รวมถึงใช้ในการพัฒนาโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และการป้องกันควบคุมโรค

อันดับ 8: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม – ต่อยอดนวัตกรรม

กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) ได้รับงบประมาณกว่า 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 8 พันล้านบาท สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ งบประมาณจะถูกใช้ในการสนับสนุนมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และการให้ทุนวิจัยในสาขาต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายของประเทศ

อันดับ 9: กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ – รากฐานเศรษฐกิจไทย

ด้วยงบประมาณกว่า 1.3 แสนล้านบาท กระทรวงเกษตรฯ มีภารกิจในการดูแลเกษตรกรซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ งบประมาณจะถูกนำไปใช้ในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ การส่งเสริมการเกษตรอัจฉริยะ การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร

อันดับ 10: กระทรวงแรงงาน – ดูแลคุณภาพชีวิตคนทำงาน

กระทรวงแรงงานได้รับงบประมาณกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท โดยงบประมาณส่วนใหญ่จะถูกส่งต่อไปยังกองทุนประกันสังคม เพื่อใช้เป็นสวัสดิการสำหรับผู้ประกันตนในระบบ นอกจากนี้ยังใช้งบประมาณในการพัฒนาฝีมือแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน และการจัดหางาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกำลังแรงงานในประเทศ

การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงงบประมาณ: ใครได้เพิ่ม ใครโดนหั่น?

การเปลี่ยนแปลงของงบประมาณเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญว่ารัฐบาลกำลังมุ่งเน้นนโยบายไปในทิศทางใดเป็นพิเศษ

กลุ่มที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

จากข้อมูลจะเห็นได้ว่ากลุ่มที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนคือกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคนและเศรษฐกิจโดยตรง

กระทรวงศึกษาธิการโดดเด่นที่สุดด้วยงบประมาณที่เพิ่มขึ้นถึง 14,333 ล้านบาท ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ

ตามมาด้วยกระทรวงการคลัง (+8,197 ล้านบาท) และกระทรวงการอุดมศึกษาฯ (+8,058 ล้านบาท) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (+7,483 ล้านบาท) และกระทรวงคมนาคม (+7,403 ล้านบาท) ก็ได้รับการจัดสรรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนความสำคัญของภาคเกษตรกรรมและโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

กลุ่มที่งบประมาณลดลงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ในทางกลับกัน หน่วยงานที่มีการปรับลดงบประมาณมากที่สุดคือ “งบกลาง” ซึ่งลดลงถึง 209,032 ล้านบาท การปรับลดครั้งใหญ่นี้อาจเป็นผลมาจากการวางแผนงบประมาณที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพยายามจัดสรรงบประมาณให้ตรงกับภารกิจของแต่ละกระทรวงตั้งแต่ต้น เพื่อลดความจำเป็นในการใช้งบกลางสำหรับกรณีฉุกเฉิน ขณะที่บางกระทรวง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงยุติธรรม มีการเพิ่มขึ้นของงบประมาณในระดับที่ไม่สูงมากนัก (น้อยกว่า 1 พันล้านบาท) ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าภารกิจหลักของกระทรวงเหล่านี้มีกรอบการดำเนินงานที่ค่อนข้างคงที่จากปีก่อนหน้า

ผลกระทบของงบประมาณ 2569 ต่อชีวิตประชาชน

ผลกระทบของงบประมาณ 2569 ต่อชีวิตประชาชน

งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน จะถูกนำกลับมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตในมิติต่างๆ ซึ่งประชาชนจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม

ผลกระทบโดยตรง: การศึกษาและสาธารณสุข

การเพิ่มงบประมาณจำนวนมากให้กับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขย่อมส่งผลโดยตรงต่อประชาชนในวงกว้าง งบประมาณด้านการศึกษาที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่โครงการพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล การจัดหาอุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย การจ้างครูเพิ่มขึ้น หรือโครงการอาหารกลางวันที่มีคุณภาพดีขึ้นสำหรับนักเรียน ส่วนงบประมาณด้านสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้น จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม ลดระยะเวลารอคอย และเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่

ผลกระทบทางอ้อม: เศรษฐกิจและความเป็นอยู่

งบลงทุนของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและรถไฟ จะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ กระตุ้นการจ้างงานในภาคการก่อสร้าง และส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วนงบประมาณที่ลงไปสู่ภาคเกษตรจะช่วยพยุงรายได้ของเกษตรกร สร้างความมั่นคงทางอาหาร และอาจช่วยควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้มีเสถียรภาพ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและค่าครองชีพของประชาชน

สิ่งที่ต้องจับตามอง: การใช้จ่ายงบกลางและงบลงทุน

แม้การจัดสรรงบประมาณจะเป็นขั้นตอนที่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดความคุ้มค่า โปร่งใส และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะงบกลางที่มีวงเงินสูงและมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน รวมถึงงบลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่อาจมีความเสี่ยงด้านการทุจริตคอร์รัปชัน การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการติดตามตรวจสอบจึงเป็นกลไกที่จำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่าเงินภาษีทุกบาททุกสตางค์ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

สรุปทิศทางประเทศไทยผ่านงบประมาณแผ่นดิน

งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการสร้างสมดุลระหว่างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

สั่งเสื้อ

พฤศจิกายน 2025
จ. อ. พ. พฤ. ศ. ส. อา.
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930