งบประมาณ 2569: ส่องกระทรวงไหนได้งบเยอะสุด กระทบเราไหม?
- ประเด็นสำคัญของงบประมาณ 2569
- ภาพรวมร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569
-
เจาะลึก 10 อันดับกระทรวงที่ได้รับงบประมาณสูงสุด
- อันดับ 1: งบกลาง – แหล่งเงินสำรองของรัฐบาล
- อันดับ 2: กระทรวงการคลัง – ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
- อันดับ 3: กระทรวงศึกษาธิการ – ลงทุนเพื่ออนาคตของชาติ
- อันดับ 4: กระทรวงมหาดไทย – ดูแลทุกข์สุขประชาชนทั่วประเทศ
- อันดับ 5: กระทรวงกลาโหม – เสริมสร้างความมั่นคง
- อันดับ 6: กระทรวงคมนาคม – พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
- อันดับ 7: กระทรวงสาธารณสุข – หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
- อันดับ 8: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม – ต่อยอดนวัตกรรม
- อันดับ 9: กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ – รากฐานเศรษฐกิจไทย
- อันดับ 10: กระทรวงแรงงาน – ดูแลคุณภาพชีวิตคนทำงาน
- การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงงบประมาณ: ใครได้เพิ่ม ใครโดนหั่น?
- ผลกระทบของงบประมาณ 2569 ต่อชีวิตประชาชน
- สรุปทิศทางประเทศไทยผ่านงบประมาณแผ่นดิน
การจัดทำร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี ถือเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศ ซึ่งสะท้อนถึงทิศทางและลำดับความสำคัญของนโยบายรัฐบาล การจัดสรรงบประมาณในแต่ละปีย่อมส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ว่าจะเป็นด้านเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิต การศึกษา หรือความมั่นคง สำหรับปีงบประมาณ 2569 ได้มีการอนุมัติกรอบวงเงินรวมกว่า 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแผนการใช้จ่ายภาครัฐที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้
ประเด็นสำคัญของงบประมาณ 2569
- วงเงินรวม 3.78 ล้านล้านบาท: กรอบงบประมาณแผ่นดินสำหรับปี 2569 มีการกำหนดวงเงินเพื่อใช้จ่ายในภารกิจต่างๆ ของรัฐบาลทั่วประเทศ
- กระทรวงศึกษาธิการได้รับการจัดสรรงบเพิ่มสูงสุด: สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยมีงบประมาณเพิ่มขึ้นกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท
- งบกลางยังคงสูงสุดแต่ปรับลดลง: แม้จะยังเป็นส่วนที่ได้รับงบประมาณมากที่สุด แต่มีการปรับลดลงจากปีก่อนหน้า ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงการจัดสรรงบประมาณไปยังกระทรวงต่างๆ โดยตรงมากขึ้น
- เน้นยุทธศาสตร์ชาติและการพัฒนาที่ยั่งยืน: การจัดสรรงบประมาณมุ่งตอบสนองต่อแผนระยะยาวของประเทศ ทั้งในมิติเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคง
- กระทบชีวิตประชาชนโดยตรง: งบประมาณที่เพิ่มขึ้นในด้านการศึกษา สาธารณสุข และโครงสร้างพื้นฐาน จะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ภาพรวมร่าง พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569
ร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ได้ผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี และกำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นขั้นตอนตามกฎหมายเพื่อกำหนดกรอบการใช้จ่ายเงินของประเทศ การทำความเข้าใจโครงสร้างและเป้าหมายของงบประมาณฉบับนี้ จะช่วยให้เห็นภาพรวมทิศทางการพัฒนาของประเทศในปีถัดไปได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น
วงเงินและโครงสร้างงบประมาณ
สำหรับปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลได้กำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายรวมทั้งสิ้นประมาณ 3.78 ล้านล้านบาท โดยสามารถจำแนกโครงสร้างรายจ่ายออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ดังนี้
- รายจ่ายประจำ (ร้อยละ 70.2): คิดเป็นมูลค่าประมาณ 2.65 ล้านล้านบาท ถือเป็นสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดของงบประมาณทั้งหมด รายจ่ายส่วนนี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่จำเป็นต่อการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐ เช่น เงินเดือนข้าราชการและลูกจ้าง ค่าสาธารณูปโภค และเงินอุดหนุนต่างๆ ซึ่งเป็นรายจ่ายที่มีความจำเป็นและเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี
- รายจ่ายลงทุน (ร้อยละ 22.9): มีวงเงินประมาณ 864,077 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่ใช้สำหรับการลงทุนในโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ เช่น การก่อสร้างถนน เขื่อน ระบบขนส่งมวลชน รวมถึงการจัดหาครุภัณฑ์และสินทรัพย์ถาวรที่มีมูลค่าสูง ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยะยาว
- รายจ่ายชดใช้เงินคงคลัง (ร้อยละ 3.3): เป็นการตั้งงบประมาณเพื่อชดใช้เงินคงคลังที่รัฐบาลได้นำไปใช้จ่ายก่อนหน้านี้ตามที่กฎหมายกำหนด
- รายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้ (ร้อยละ 4.0): งบประมาณส่วนนี้ถูกจัดสรรไว้เพื่อชำระคืนหนี้เงินกู้ที่รัฐบาลได้กู้ยืมมาเพื่อใช้ในโครงการต่างๆ ในอดีต ซึ่งเป็นการสร้างวินัยทางการคลังของประเทศ
เป้าหมายหลักของการจัดสรรงบประมาณ
การจัดสรรงบประมาณปี 2569 ไม่ใช่เพียงการแบ่งเค้กให้แต่ละหน่วยงาน แต่เป็นการวางแผนการใช้จ่ายที่สอดคล้องกับเป้าหมายระดับชาติ โดยมีทิศทางหลักเพื่อขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 13 รวมถึงนโยบายด้านความมั่นคงของประเทศ นอกจากนี้ ยังมีการคำนึงถึงเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ของสหประชาชาติ เพื่อให้การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างสมดุลและครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
เจาะลึก 10 อันดับกระทรวงที่ได้รับงบประมาณสูงสุด
เพื่อให้เห็นภาพการจัดสรรงบประมาณที่ชัดเจนยิ่งขึ้น การพิจารณางบประมาณที่แต่ละกระทรวงได้รับจะช่วยให้เข้าใจลำดับความสำคัญของนโยบายรัฐบาลได้เป็นอย่างดี โดย 10 อันดับหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณสูงสุดประจำปี 2569 มีรายละเอียดดังตารางต่อไปนี้
| ลำดับ | กระทรวง/หน่วยงาน | งบประมาณ (ล้านบาท) | การเพิ่ม/ลดจากปี 2568 (ล้านบาท) |
|---|---|---|---|
| 1 | งบกลาง | 632,968 | ลดลง 209,032 |
| 2 | กระทรวงการคลัง | 397,856 | เพิ่ม 8,197 |
| 3 | กระทรวงศึกษาธิการ | 355,108 | เพิ่ม 14,333 |
| 4 | กระทรวงมหาดไทย | 301,265 | เพิ่ม 6,852 |
| 5 | กระทรวงกลาโหม | 204,434 | เพิ่ม 4,713 |
| 6 | กระทรวงคมนาคม | 200,756 | เพิ่ม 7,403 |
| 7 | กระทรวงสาธารณสุข | 177,639 | เพิ่ม 5,673 |
| 8 | กระทรวงการอุดมศึกษาฯ | 140,300 | เพิ่ม 8,058 |
| 9 | กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ | 130,111 | เพิ่ม 7,483 |
| 10 | กระทรวงแรงงาน | 68,069 | เพิ่ม 21.5 |
อันดับ 1: งบกลาง – แหล่งเงินสำรองของรัฐบาล
งบกลางยังคงเป็นรายการที่ได้รับงบประมาณสูงสุดเช่นเคย ด้วยวงเงินกว่า 6.3 แสนล้านบาท งบประมาณส่วนนี้ไม่ได้เป็นของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่งโดยตรง แต่เป็นเงินสำรองที่นายกรัฐมนตรีมีอำนาจอนุมัติเพื่อใช้จ่ายในกรณีฉุกเฉินจำเป็น หรือสำหรับโครงการที่ไม่ได้ถูกบรรจุไว้ในแผนงบประมาณปกติ เช่น การรับมือภัยพิบัติ การชดเชยค่าใช้จ่ายของข้าราชการ และเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉิน อย่างไรก็ตาม สิ่งที่น่าสังเกตคือ งบกลางในปี 2569 มีการปรับลดลงอย่างมากถึงกว่า 2 แสนล้านบาท ซึ่งอาจเป็นการสะท้อนถึงการปรับยุทธศาสตร์การคลัง โดยกระจายงบประมาณไปยังหน่วยงานปฏิบัติโดยตรงมากขึ้น
อันดับ 2: กระทรวงการคลัง – ขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ
กระทรวงการคลังได้รับงบประมาณเป็นอันดับสอง ด้วยวงเงินเกือบ 4 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้ากว่า 8 พันล้านบาท งบประมาณส่วนนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยจะถูกนำไปใช้ในการบริหารหนี้สาธารณะ การอุดหนุนสถาบันการเงินของรัฐ การดำเนินนโยบายการคลังต่างๆ รวมถึงการจัดเก็บรายได้แผ่นดินให้เป็นไปตามเป้าหมาย
อันดับ 3: กระทรวงศึกษาธิการ – ลงทุนเพื่ออนาคตของชาติ
ด้วยงบประมาณกว่า 3.5 แสนล้านบาท และเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงที่สุดในกลุ่มกระทรวงถึงกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้เห็นชัดเจนว่าการลงทุนด้านการศึกษาเป็นนโยบายสำคัญลำดับต้นๆ ของรัฐบาล งบประมาณมหาศาลนี้จะถูกนำไปใช้ในการพัฒนาคุณภาพการศึกษา ตั้งแต่ระดับปฐมวัยไปจนถึงการศึกษาขั้นพื้นฐาน ครอบคลุมถึงเงินเดือนครู การพัฒนาหลักสูตร สื่อการเรียนการสอน และการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาทั่วประเทศ
อันดับ 4: กระทรวงมหาดไทย – ดูแลทุกข์สุขประชาชนทั่วประเทศ
กระทรวงมหาดไทยได้รับงบประมาณกว่า 3 แสนล้านบาท มีภารกิจหลักในการ “บำบัดทุกข์ บำรุงสุข” ให้กับประชาชนทั่วประเทศ งบประมาณส่วนใหญ่จะถูกกระจายไปยังหน่วยงานในสังกัด เช่น กรมการปกครอง กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น เพื่อใช้ในการบริหารจัดการระดับจังหวัดและอำเภอ การดูแลความสงบเรียบร้อย และการสนับสนุนการดำเนินงานขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น
อันดับ 5: กระทรวงกลาโหม – เสริมสร้างความมั่นคง
งบประมาณด้านความมั่นคงยังคงมีความสำคัญ โดยกระทรวงกลาโหมได้รับงบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นราว 4.7 พันล้านบาท งบประมาณส่วนนี้จะถูกใช้ในการพัฒนากองทัพ การจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ การฝึกกำลังพล และการปฏิบัติภารกิจป้องกันประเทศ รวมถึงการช่วยเหลือประชาชนในยามเกิดภัยพิบัติ
อันดับ 6: กระทรวงคมนาคม – พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
กระทรวงคมนาคมได้รับงบประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในการลงทุนและบำรุงรักษาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมของประเทศ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเศรษฐกิจ งบประมาณเหล่านี้จะถูกใช้ในโครงการก่อสร้างและขยายถนน ทางหลวง ทางรถไฟ และการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชน
อันดับ 7: กระทรวงสาธารณสุข – หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า
กระทรวงสาธารณสุขได้รับงบประมาณกว่า 1.7 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 5.6 พันล้านบาท เพื่อดูแลสุขภาพของคนไทยทั้งประเทศ โดยงบประมาณส่วนใหญ่จะถูกจัดสรรให้กับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เพื่อดำเนินโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือ “บัตรทอง” รวมถึงใช้ในการพัฒนาโรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และการป้องกันควบคุมโรค
อันดับ 8: กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม – ต่อยอดนวัตกรรม
กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.) ได้รับงบประมาณกว่า 1.4 แสนล้านบาท ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญกว่า 8 พันล้านบาท สะท้อนถึงการให้ความสำคัญกับการสร้างองค์ความรู้และนวัตกรรมเพื่อขับเคลื่อนประเทศไปสู่เศรษฐกิจฐานความรู้ งบประมาณจะถูกใช้ในการสนับสนุนมหาวิทยาลัย สถาบันวิจัย และการให้ทุนวิจัยในสาขาต่างๆ ที่เป็นเป้าหมายของประเทศ
อันดับ 9: กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ – รากฐานเศรษฐกิจไทย
ด้วยงบประมาณกว่า 1.3 แสนล้านบาท กระทรวงเกษตรฯ มีภารกิจในการดูแลเกษตรกรซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ งบประมาณจะถูกนำไปใช้ในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำ การส่งเสริมการเกษตรอัจฉริยะ การช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติ และการรักษาเสถียรภาพราคาสินค้าเกษตร
อันดับ 10: กระทรวงแรงงาน – ดูแลคุณภาพชีวิตคนทำงาน
กระทรวงแรงงานได้รับงบประมาณกว่า 6.8 หมื่นล้านบาท โดยงบประมาณส่วนใหญ่จะถูกส่งต่อไปยังกองทุนประกันสังคม เพื่อใช้เป็นสวัสดิการสำหรับผู้ประกันตนในระบบ นอกจากนี้ยังใช้งบประมาณในการพัฒนาฝีมือแรงงาน การคุ้มครองแรงงาน และการจัดหางาน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของกำลังแรงงานในประเทศ
การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงงบประมาณ: ใครได้เพิ่ม ใครโดนหั่น?
การเปลี่ยนแปลงของงบประมาณเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า เป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญว่ารัฐบาลกำลังมุ่งเน้นนโยบายไปในทิศทางใดเป็นพิเศษ
กลุ่มที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
จากข้อมูลจะเห็นได้ว่ากลุ่มที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนคือกระทรวงที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาคนและเศรษฐกิจโดยตรง
กระทรวงศึกษาธิการโดดเด่นที่สุดด้วยงบประมาณที่เพิ่มขึ้นถึง 14,333 ล้านบาท ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่าการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์เป็นวาระแห่งชาติ
ตามมาด้วยกระทรวงการคลัง (+8,197 ล้านบาท) และกระทรวงการอุดมศึกษาฯ (+8,058 ล้านบาท) ซึ่งชี้ให้เห็นถึงความพยายามในการสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการส่งเสริมงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อการเติบโตในระยะยาว นอกจากนี้ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (+7,483 ล้านบาท) และกระทรวงคมนาคม (+7,403 ล้านบาท) ก็ได้รับการจัดสรรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ สะท้อนความสำคัญของภาคเกษตรกรรมและโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน
กลุ่มที่งบประมาณลดลงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ในทางกลับกัน หน่วยงานที่มีการปรับลดงบประมาณมากที่สุดคือ “งบกลาง” ซึ่งลดลงถึง 209,032 ล้านบาท การปรับลดครั้งใหญ่นี้อาจเป็นผลมาจากการวางแผนงบประมาณที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยพยายามจัดสรรงบประมาณให้ตรงกับภารกิจของแต่ละกระทรวงตั้งแต่ต้น เพื่อลดความจำเป็นในการใช้งบกลางสำหรับกรณีฉุกเฉิน ขณะที่บางกระทรวง เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงยุติธรรม มีการเพิ่มขึ้นของงบประมาณในระดับที่ไม่สูงมากนัก (น้อยกว่า 1 พันล้านบาท) ซึ่งอาจบ่งชี้ว่าภารกิจหลักของกระทรวงเหล่านี้มีกรอบการดำเนินงานที่ค่อนข้างคงที่จากปีก่อนหน้า
ผลกระทบของงบประมาณ 2569 ต่อชีวิตประชาชน

งบประมาณแผ่นดินที่มาจากภาษีของประชาชน จะถูกนำกลับมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศและยกระดับคุณภาพชีวิตในมิติต่างๆ ซึ่งประชาชนจะได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
ผลกระทบโดยตรง: การศึกษาและสาธารณสุข
การเพิ่มงบประมาณจำนวนมากให้กับกระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขย่อมส่งผลโดยตรงต่อประชาชนในวงกว้าง งบประมาณด้านการศึกษาที่เพิ่มขึ้นอาจนำไปสู่โครงการพัฒนาโรงเรียนในพื้นที่ห่างไกล การจัดหาอุปกรณ์การเรียนที่ทันสมัย การจ้างครูเพิ่มขึ้น หรือโครงการอาหารกลางวันที่มีคุณภาพดีขึ้นสำหรับนักเรียน ส่วนงบประมาณด้านสาธารณสุขที่เพิ่มขึ้น จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า ทำให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลที่มีคุณภาพได้อย่างเท่าเทียม ลดระยะเวลารอคอย และเพิ่มศักยภาพของโรงพยาบาลในการรับมือกับโรคอุบัติใหม่
ผลกระทบทางอ้อม: เศรษฐกิจและความเป็นอยู่
งบลงทุนของกระทรวงคมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จะส่งผลกระทบทางอ้อมต่อเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ การลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนนและรถไฟ จะช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์ กระตุ้นการจ้างงานในภาคการก่อสร้าง และส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วนงบประมาณที่ลงไปสู่ภาคเกษตรจะช่วยพยุงรายได้ของเกษตรกร สร้างความมั่นคงทางอาหาร และอาจช่วยควบคุมราคาสินค้าอุปโภคบริโภคให้มีเสถียรภาพ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจในภาพรวมและค่าครองชีพของประชาชน
สิ่งที่ต้องจับตามอง: การใช้จ่ายงบกลางและงบลงทุน
แม้การจัดสรรงบประมาณจะเป็นขั้นตอนที่สำคัญ แต่สิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันคือการติดตามตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณให้เกิดความคุ้มค่า โปร่งใส และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ โดยเฉพาะงบกลางที่มีวงเงินสูงและมีความยืดหยุ่นในการใช้งาน รวมถึงงบลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ที่อาจมีความเสี่ยงด้านการทุจริตคอร์รัปชัน การมีส่วนร่วมของภาคประชาชนในการติดตามตรวจสอบจึงเป็นกลไกที่จำเป็นเพื่อให้มั่นใจว่าเงินภาษีทุกบาททุกสตางค์ถูกใช้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สรุปทิศทางประเทศไทยผ่านงบประมาณแผ่นดิน
งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท สะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของรัฐบาลในการสร้างสมดุลระหว่างการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ

